Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
สงขลา ไป ปีนัง

20 มีนาคม 2553 (Songkla – Penang Malaysia by van) 11.00 am-4.00pm.

ตื่นมาแต่เช้าเตรียมจัดของที่สามารถหอบหิ้วไปได้ ที่เอาไปไม่ได้ก็ฝากที่โรงแรมไว้ เมื่อลงมาเพื่อทานอาหารเช้า อาหารก็เหลืออยู่ไม่มาก เพราะมีคนเข้ามาพักเยอะมาก เขาตื่นกันตั้งแต่ตี 5 คงลงมาทานตั้งแต่ 6โมงเช้า เออ ถ้าเป็นเวลานั้นท้องของเราคงทานอะไรไม่ได้ เลยไม่สามารถกินอาหารเช้าได้เหมือนคนปกติ ก็จะต้องสายๆ หน่อย


คนเยอะมากที่เข้ามาพักตอนไปก็เป็นจังหวะที่มีสัมมนาของทางชาวใต้ที่จัดขึ้นในเกี่ยวกับการพูดคุยกับเพื่อนสามชายแดนว่ามีอะไรกันบ้าง มีปัญหาอย่างไร และ ช่วยเหลือกันในการแก้ปัญหา กันอย่างไร เหมือนการรับฟังและปรับทุกข์ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันและกัน น่าสนใจมาก
คนเยอะมาก มีเด็กๆ ที่ปิดเทอมมากับพ่อกับแม่ ครูด้วย เสียดายที่ไม่ได้เข้าไปฟังเพราะต้องรีบออกไปให้ทันรถไปมาเลเซีย เพราะเอกสารที่จะนำรถมอเตอร์ไซค์ไปมาไม่ทันทำให้ไม่สามารถขับรถออกไปได้ เพราะต้องมีเอกสารกำกับมากมาย ตรงด่านตรวจคนเข้าเมือง กฏหมายของเขาเข้มงวด เลขทะเบียนก็ต้องไปเปลี่ยนเป็น อักษรลาตินที่อ่านได้ เป็นทะเบียนสวมทับสีดำ ค่อนข้างกินเวลานานพอสมควรก็เลย ตัดสินใจใช้พาหนะอื่น คือ รถตู้ ก็เลยนั่งรถตู้ไปเพื่อให้ทันงานเปิดตัวของ GIVI บางคนอาจจะเอ GIVI คือ อะไรก็ต้องบอกกันหน่อย คือหลักๆ ของ Givi คือ แบรนด์ จากอิตาลี หลักคือ กล่อง ที่ใส่กับรถมอเตอร์ไซค์ ที่ยกหิ้วไปไหนได้ หลักๆ ของกล่องจริงๆ คือ ใส่หมวกกันน็อค เวลาไปไหนมาไหน หรือใส่ของเวลาไปซื้อ ส่วนใหญ่ที่อิตาลี จะติดกับสกู๊ตเตอร์เป็นจำนวนมาก เพราะการเดินทางไปไหนมาไหนประจำวัน ไม่ว่าจะไปทำงาน หรือ ไปอาบแดดที่ทะเล จะเห็น สกู๊ตเตอร์คันใหญ่น้อยจอดเรียงรายกันเป็นแถว ไว้จะเก็บภาพมาฝาก คราวหน้า และที่มาเลเซีย เขาเปิดศูนย์ที่จำหน่ายแบรนด์นี้ เขาเปิดศูนย์ใหม่ที่ปีนัง เราก็ได้รับบัตรเชิญไป ก็กะว่าจะขี่รถเครื่องไทยตลุยไปโชว์เขาเสียหน่อยแต่ ดันเอกสารเอารถข้ามไปมาไม่ทันแท้ เลยเอาตัวไปโชว์ก่อนก็แล้วกันนะ จะได้เห็นบ้านเมืองเขาเสียหน่อย ถือโอกาสอันดี


เมื่อเสร็จสรรพอาหารเช้าก็ออกเดินทาง อยากจะเอ่ยชมอีกครั้งกับ ไอ้กล่องเก็บของเพราะแบกขนมากสารพัดที่จำเป็นเรื่องเสื้อผ้ามีไม่กี่ชิ้น แต่มีคอมพิวเตอร์สำหรับทำงาน 2 ตัว และกล้องถ่ายรูปและบันทึกภาพ เราก็คว้ากล่องออกจากรถ แบกไปแบกมา รุ่น ที่ติดข้างค่อนข้างน้ำหนักเบาแต่ รุ่นที่เป็นกล่องหลังเออ หนักพอควร เอาละ ว่าแล้วก็หิ้วกันคนละใบ ข้ามไปฝั่งตรงข้ามของโรงแรม มีรถตู้ที่จะวิ่งไปหาดใหญ่ เพื่อจะไปนั่งรถตู้ที่วิ่งไปปีนัง แต่ต้องรอจนคนเต็ม เรารอไม่ได้ ก็เลยเหมารถไป ราคาก็ประมาณ 400 นะ ถ้าจำไม่ผิด แหมถ้ารอ คนละ 50 บาทเอง ทำไงได้ แต่ไม่รู้คนจะเต็มเมื่อไหร่


กล่าวถึง เมืองสงขลาก็นึกๆอยู่ว่าทำไมถึงชื่อว่าสงขลา ก็ได้คุยถึงชื่อที่มาที่ไป นายตำรวจท่านนึง บอกว่าเมื่อก่อนเป็นท่าส่งปลา แต่เรียกไปเรียกมาก็เพี้ยนเป็น ส่งปลา สงขลา น่าสนใจดี ก็ได้ความรู้รอบตัวไปอีกหนึ่ง จริงๆ ก็นึกๆ ถึงชื่อไปทุกจังหวัดนะแต่บางคนพอเราถามเขาก็มองหน้าแบบ งง เอ คงจะคิดว่าจะรู้ไปทำไมเนี่ยๆ แต่ความจริงๆ ชื่อทุกชื่อน่าจะมีที่มาที่ไป และถ้าเราเป็นคนที่เกิดในสถานที่นั้นๆ รู้ไว้สักหน่อย คิดว่าเป็นเสน่ห์ อย่างนึง ตามความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ





ในที่สุดรถตู้ก็วิ่งมาที่หาดใหญ่ เพื่อให้ทันรถรอบ 12.00pm. เสียดายจริงๆ เพราะเคยได้ยินมาตั้งแต่เป็นเด็กๆ ว่าเมื่อก่อน การซื้อของใช้ อุปโภค โดยเฉพาะของบริโภค นั้นให้มาที่หาดใหญ่เป็นตลาดใหญ่มากๆ มีของมาจากยุโรป มาเลย์ อื่นๆ มากมาย ยังจำได้ว่าเมื่อก่อน เนสกาแฟ ไม่ค่อยมีขายมากนักที่กรุงเทพ ถ้าอยากได้แปลกๆ รสชาดดี ก็ต้องมาที่หาดใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ไป ทั้งๆ ที่อยู่ที่หาดใหญ่ ทั้งที เสียดายจัง บักกุ๋ดเต๋ ก็ไม่ได้กิน ข้าวยำทางใต้ก็ไม่ได้แอ้ม เอออีกละ เรื่องกินเรื่องเล็กซะทีไหนกันนะค่ะ ว่าไหม…





ระหว่างรอรถตู้ก็ต้องกรอกเอกสารสำหรับชาวต่างชาติ ซึ่ง บางคนข้ามไปเพื่อต่อ visa เรื่อง Visa เดี๋ยวนี้จะไม่เหมือนเมื่อก่อน ของชาวต่างชาติ การเข้ามายังประเทศไทยของชาวต่างชาติไม่จำเป็นต้องมีวีซ่า ถ้าอยู่พำนักไม่เกิน 30 วัน ถ้า 60 วันคือ Visa ท่องเที่ยว 90 วันคือ Business Visa ส่วนมากเข้าจะเข้ามาโดยไม่ต้องไปขอ visa ณ.กงศุลไทยประจำประเทศนั้นๆ ก็เข้ามาเมืองไทยอยู่ได้ 30 วันและเมื่อครบ ก็เดินทางออกนอกอาณาเขตประเทศไทยและเข้ามาใหม่ได้อีก 30 วัน แต่ในปัจจุบันได้เพียง 15 วันเท่านั้น



ถ้าเป็นทางพื้นดิน นอกจาก ข้ามออกไปทางอากาศและกลับมาใหม่ก็จะได้ 30 วัน ดังจะเห็นได้ว่า จังหวัดที่ใกล้เคียงชายแดนไทยก็จะมีการทำ visa run คือต้องวิ่งเพื่อต่อวีซ่า แต่ในกรณีเราไม่ได้ไปต่อ ซึ่งทางบริษัททัวร์ไม่ทราบก็เลยไม่ได้บอกอะไรทั้งๆ บอกไปแล้วว่าเราไปเที่ยวแค่เพียง 1 วันที่ปีนัง ข้อสำคัญถ้าผู้ใดมีวีซ่าที่ไม่จำเป็นต้องต่อ เมื่อออกนอกประเทศกรุณาไปทำเรื่องให้เรียบร้อยก่อนว่าเราไม่ได้ไปต่อวีซ่า เขาจะทำ remark ให้ว่าเราใช้ระยะเวลาของวีซ่าเดิมที่เรามี เพราะถ้าไม่ทำ เจ้าหน้าที่ทางด่านจะไม่ได้แจ้งอะไรให้ทราบเลย เมื่อคุณออกไปจากราชอาณาจักรไทยคุณก็ถูกแสตมป์ออก เขาใช้คำศัพท์ว่า จ๊อบออก พอเข้ามาใหม่กลายเป็นได้แค่ 15 วัน จะทำให้ต้องวิ่งวุ่นไปตามๆ กันอีกมาก ถ้าเราได้วีซ่าท่องเที่ยวมา 60 วัน อันนี้ต้องระวังเป็นอย่างดี
รถตู้ที่นี้เขาจะวิ่งเป็นคิว ไม่ได้จากบริษัทโดยตรงจะคล้ายๆ กับถ้ามีคนไป ทางบริษัทก็จะโทรติดต่อ สำหรับคนที่จะไปปีนัง ขอแนะนำขอเบอร์โทรจากคนขับและนัดวันเวลาให้เรียบร้อยไม่ต้องผ่านทางบริษัททัวร์ เพราะเมื่อไปถึงเขตปีนังสัญญาณโทรศัพท์จะติดต่อลำบาก เพราะฉะนั้นกรุณาทำโรมมิ่งโทรศัพท์ไว้ เพื่อการติดต่ออย่างสะดวกไม่งั้นก็ต้องวิ่งหา sim card กันให้วุ่นวาย

และก็ใช้เวลา รอรถตู้จากบริษัททัวร์ พาเราข้ามไปปีนัง ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมงกว่า มาถึงที่ด่าน คิวยาวมากคนเยอะมากๆ แต่ไม่ต้องเสียค่าเหยียบแผ่นดินหรือวีซ่าใดๆ สามารถอยู่ได้ 90 วันเลย ไปกับทางทัวร์ ถ้าไปตอนวันหยุดหรือนอกเวลาราชการทางด่านจะเก็บค่าล่วงเวลาจากเราคนละ 10 บาท ซึ่งถ้าเราไปกับรถตู้เขาจะเก็บกับเราในรถเลย และเขาจะแนบรายชื่อทั้งหมดไปให้เราไม่ต้องจ่ายเพิ่มใดๆ คนไทยต้องมีพาสปอร์ตด้วยหรือ ถ้าไม่มีต้องไปกรอกเอกสาร ขอไปชั่วคราวที่ด่าน
ตอนที่ถึงด่านเห็นป้ายห้ามนำน้ำตาลออก ก็ยังแปลกใจว่าทำไม ถึงห้ามนำน้ำตาลออกนอกประเทศ หรือเกรงว่าราคาน้ำตาลที่มาเลย์จะราคาตก หรือด้วยเหตุผลอะไรจึงเก็บไว้เป็นคำถามในใจอยู่ พอรถตู้ข้ามสะพานมาถึงปีนัง George Town ก็ต้องแวะไปที่มาถึงจุดที่ต้องไปงานเปิดตัว Givi อยู่ตรงข้ามกับวัดไทยที่เขียนภาษาไทยได้อย่างชัดเจน ซึ่งวัดก็เป็นสไตล์ไทยๆ มีรั้วแบบเมืองไทย อย่างเห็นเด่นชัด ทำให้คิดว่าเราอยู่ที่เมืองไทยมากกว่าที่มาเลเซียเสียอีก บ้านเรือนก็ไม่ต่างจากเมืองไทยแต่คนส่วนใหญ่ที่เห็นก็จะเป็นชาวจีนและ แขกผิวดำ แขกทมิฬ ที่เป็นที่สังเกตได้ชัดคือราคาน้ำมันของที่นี้ จะถูกกว่าเมืองไทยเราตั้งครึ่ง ปั้มที่ต่างประเทศส่วนใหญ่จะเป็นการบริการตนเอง self service อย่างที่อิตาลีถ้าให้พนักงานเติมให้จะแพงกว่าประมาณ .50- .60 Cent โดยประมาณ 20-30 บาท ทั้งที่อยู่ใกล้ๆ กัน ราคาน้ำมันไทยขึ้นเอาขึ้นเอาขอกระซิบ
แต่ปั้มน้ำมันไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่เหมือนบ้านเราไม่เหมือนปั้มปตท.ที่มีทั่วเมืองไทยไปหมดแถมในปั้มยังมีร้านสะดวกซื้อ และกาแฟอร่อยอีกตั้งหาก มาถึงก็เข้าไปชมในงาน จะเห็นได้ว่าคนที่นี้เขาให้ความสนใจในการแต่งรถมอเตอร์ไซค์ค่อนข้างมาก ของแต่งของ GIVI ซึ่งเป็น แบรนด์มาจากอิตาลี แต่ในอิตาลีไม่มีของหลากหลายแบบที่มาเลย์เลย ไม่ว่าจะเป็นถุงมือ เสื้อ หมวก กันลม เสื้อแจ็คเก็ต กล่องหลากสี ล๊อคล้อ แม้กระทั้งนาฬิกา เยอะแยะไปหมด ราคาก็ถือว่าไม่แพงนัก เห็นแล้วอยากให้เมืองไทยมีแบบนี้บ้าง คือ ราคาไม่แพงแล้วของเพียบ และคนนิยมใช้เพราะจริงๆ แล้วมันป้องกันได้เยอะในเวลาขับขี่ทางไกล ในงานมีเครื่องดื่มที่เห็นแล้ว ว้าว คิกคาปู้ ซึ่งจำได้ว่าเมื่อเด็กๆ เป็นเครื่องดื่มที่ชอบทานมากที่สุด แต่น่าเสียดายได้คิกคาปู้ที่เห็นเหลือแต่ขวดเสียแล้วเลยไม่ได้ชิมเลย แต่ความทรงจำก็ยังคงอยู่ ก็ทำให้รู้สึกดีเมื่อคิดไปถึงตอนเด็กๆ



และเมื่อเสร็จงานแล้วก็ตรงไปยังโรงแรมที่ห่างออกไปไม่มากนัก ตอนเย็นมีงานเลี้ยงที่โรงแรมด้วย แหมทำให้ท้องร้องกันไปเลย เออคิดไปแล้วก็นึกอยู่ว่าผู้หญิงเราๆ จะกินเก่งและเลือกมากเรื่องอาหารหรือเปล่าเนี่ย และนึกสงสัยว่าอาหารมาเลย์จะเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่รู้ ของกินขึ้นชื่อที่ขายในไทยก็คือสเตะนั่นเอง แต่ไม่ใช่หมูสเตะแน่นอนเพราะชาวมาเลย์ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ก็จะเป็นเนื้อสเตะ และไก่สเตะ อาหารเป็นอาหารบุฟเฟ่ มี บาร์บีคิว สเตะเนื้อ สเตะไก่ และ ทะเลเผา กุ้งปลา ปลาหมึก ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะคนเยอะมากและ และปลาหน้าตาคล้ายปลาทู แต่ตัวโตกว่า หน้าแปลกๆ หมักซอสด้วยเครื่องเทศหลากหลายที่เขามี แต่ไม่ได้นำมาประกอบอาหารเหมือนบ้านเรา มียำเนื้อแบบไทย ซึ่งเขียนไว้ว่า ยำเนื้อไทยสไตล์ แต่รสชาดหวานมาก อาหารหลากหลายของเขาจะหวานเป็นหลัก มะนาวเขาเอาไปทำเครื่องดื่มแทนที่จะมาประกอบอาหาร ถึงได้ทราบว่าห้ามนำน้ำตาลออกเพราะผู้บริโภคจะไม่มีน้ำตาลใช้นั้นเอง แต่สนนราคาก็ไม่ต่างจากเมืองไทยเท่าไหร่ แต่ เบียร์ที่นี้ก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเพราะชาวมุสลิมไม่ดื่มแอลกอฮอล์นั่นเอง พอนั่งได้สักพักก็ฝนตกจึงย้ายโต๊ะและมานั่งสนทนากันต่อกับผู้สื่อข่าวของมาเลเซียกับสิงค์โปร์ที่รักการขับขี่เช่นกันกว่าจาแยกย้ายกันกลับห้องก็ปาเข้าไปเกือบสองยามฝนหยุดพอดี นอนหลับอย่างเหนื่อยอ่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่คืนเดียววันเดียวที่เร่งรีบแต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีค่ะ กับมาเลยเซีย ดินแดนทีคล้ายคลึงเมืองไทย พรุ่งนี้ลุยกันต่อค่ะ


Create Date : 11 พฤษภาคม 2554
Last Update : 11 พฤษภาคม 2554 22:15:53 น. 2 comments
Counter : 3071 Pageviews.

 
แวะมาชม ครับ


โดย: Kavanich96 วันที่: 12 พฤษภาคม 2554 เวลา:8:46:33 น.  

 
แวะมาชมค่ะ


โดย: นู๋ที วันที่: 15 พฤษภาคม 2554 เวลา:22:43:30 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

PinePh
Location :
Rome Italy, Bangkok Thailand, AMS Netherlands

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




I dont have anything to say much about myself...if you want to know more please check it out!!!
Friends' blogs
[Add PinePh's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.