|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เทียบเคียง .. เครื่องดื่มชูกำลัง ตอนที่ 1
เทียบเคียง .. เครื่องดื่มชูกำลัง ตอนที่ 1
คงจะได้เห็นกันไปแล้วนะครับ สำหรับโฆษณาตัวใหม่ของเครื่องดื่มชูกำลังทั้ง 3 แบรนด์ แต่ล่ะแบรนด์ต่างหาจุดโดดเด่นที่แตกต่างกับแบรนด์คู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด ทั้งแบรนด์เอ็ม 150 แบรนด์ลิโพและแบรนด์กระทิงแดง
เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยม ในอดีตอาจจะเคยเป็นเครื่องดื่มสำหรับผู้ใช้แรงงานเท่านั้น แต่ปัจจุบันตลาดขยายไปในวงที่กว้างขึ้น และเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นมากขึ้น วัยรุ่นจึงกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเครื่องดื่มชูกำลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้แต่ล่ะแบรนด์ลงไปเล่นในตลาดนี้ โดยใช้โฆษณาตัวสื่อกลางในการสื่อสาร
เริ่มจากแบรนด์เอ็ม 150 …
เอ็ม-150-ฉีกกรอบ
แบรนด์เอ็ม 150 ยังนิยมใช้เสียงเพลงเป็นแกนนำในการสื่อสาร ถ้ายังไม่ลืมกัน โฆษณาตัวเก่าจะใช้นักร้องยอดนิยมจากค่ายแกรมมี่ อาทิ ตูน จากวงบอดี้สแลม ปั้ป จากวงโปเตโต้ หรือจะเป็นแด็ก จากวงบิ๊กแอส โดยโฆษณาแต่ละชุด จะใช้นักร้องคนนั้นเป็นผู้ร้องเพลงประกอบด้วย
ครั้งนี้แบรนด์ เอ็ม 150 ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้ โดยการใช้ตูน บอดี้สแลมร้องเพลงประกอบโฆษณาเหมือนเดิม แต่เนื้อหาในตัวโฆษณามีความแตกต่างออกไปจากของเดิม
โฆษณาเอ็ม 150 ตัวใหม่นี้ พยายามจะเข้าไปถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น เนื้อหาในโฆษณามุ่งเน้นไปที่การใช้พลังงานในทางที่ควร โดยไม่จำเป็นต้องยึดติดกับแบบอย่างเดิมๆที่เคยทำอยู่
เนื้อเพลงเริ่มต้นโฆษณานั้น เป็นเนื้อหาที่ตั้งคำถามว่า “คำถามยังคาในใจ ชีวิตจะเป็นยังไง หากเราไม่เคยทำอย่างที่เคยทำ” เป็นการเริ่มต้นโฆษณา เพื่อให้ผู้ชมนั้นฉุกคิดถึงบางสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำ (และอาจจะอยากทำ) โดยมีไอ้เส้นสีดำหนาๆเปรียบเสมือนกรอบที่ควบคุมพฤติกรรมไว้
กรอบสีดำที่ครอบตัวมนุษย์ไว้นั้น เปรียบเสมือนกรงขังที่ปิดบังพลังงานของมนุษย์อยู่ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น วัยเริ่มทำงาน ที่มีพลังงานไร้ขีดจำกัด แต่ต้องดำเนินชีวิตแบบไม่เต็มที่ เนื่องจากสาเหตุอะไรบางอย่าง (ที่เป็นกรอบเส้นดำหนาๆนั้นแหละ)
การดำเนินเรื่องของโฆษณาบ่งบอกว่า มนุษย์ทุกคนสามารถทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำได้ โดยแค่ขอให้สะบัดกรอบทิ้งเสีย ฉากหนึ่งที่ผู้หญิงดึงกรอบสีดำจากตัวเองทิ้ง แล้วหันไปช่วยคนตาบอดเดินลงสะพาน เป็นฉากที่เน้นทำความดี หรือจะเป็นฉากที่วัยรุ่นกำลังยกพวกตีกัน เมื่อกรอบสีดำหลุดไป ทั้ง 2 กลุ่มจับมือกันสมานฉันอย่างไม่น่าเชื่อ
เข้าใจว่าทางเอ็ม 150 อาจจะเห็นสถานการณ์ที่แตกแยกทางการเมือง จึงเพิ่มฉากที่ทุกคนในรถพร้อมใจกันเปิดประตูออกมา รวมพลังกันเข็นรถบรรทุกสีขาวให้พ้นทาง อาจจะเปรียบเปรยไปถึงชาวดินแดงที่รวมพลังต่อต้านกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อนำรถบรรทุกแก็สมาจอดไว้ในสถานที่ชุมชน
และสิ่งที่เอ็ม 150 นำมาเป็นลูกเล่นในโฆษณาตัวนี้ คือ ความเป็นเครือข่ายทางสังคม (Network Social) เมื่อคนๆหนึ่งตัดสินใจ เลิกทำในสิ่งที่เคยทำมา พวกเขายังชักชวนคนอื่นทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วย เมื่อคนแรกสะบัดกรอบทิ้งออกไปได้ เขาไปดึงกรอบของคนอื่นๆให้ออกจากกรอบด้วย เปรียบเสมือนการหาการยอมรับทางสังคม จะได้มีความรู้สึกว่า “เป็นพวกเดียวกัน” -- กินเอ็ม 150 – พวกเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกว่าโฆษณาเอ็ม 150 ตัวนี้ ไม่สมบูรณ์เท่าที่มันจะเป็น ข้อสงสัยคือ สุดท้ายแล้ว “กรอบ” มันคืออะไรกันแน่ ? ฉากที่ผู้หญิงช่วยคนตาบอดลงจากสะพาน เป็นกรอบที่ “ไม่กล้าทำความดี”หรือ”ไม่มีน้ำใจ” ? จึงต้องสะบัดกรอบทิ้งเสียก่อนจึงจะช่วยเหลือได้ ยิ่งไปกว่านั้นในฉากแรกที่เป็นผู้ชายทำลาย”กรอบ” ตั้งแต่เริ่มแรกนั้น แล้วเดินตะลุยแอ่งน้ำเลยนั้น คงจะไม่พ้นขากางเกงเปียก มันเป็นกรอบ”ความกล้า” หรือเปล่า ?
หรือจะเป็นฉากที่วัยรุ่นยกพวกตีกัน แล้วจู่ๆก็ทำลายกรอบแล้วหันหน้ามาจับมือกัน ? กรอบนั้นเป็นกรอบของการหาเรื่องงั้นหรือ ? แล้วอะไรล่ะที่ทำให้พวกเขาจับมือกัน
นอกจากนั้นแล้วเสียงเพลงที่ดังอยู่ในระดับเดียวกันทั้งหมด ทำให้ผู้ชมไม่สามารถประสานความรู้สึกของเสียงเพลงกับภาพโฆษณาได้ ภาพโฆษณามีความซ้ำซ้อน คนดูจะจ้องจดกับภาพจนไม่ได้สนใจฟังเนื้อหาของเพลง จนกระทั่งถึงประโยคสุดท้าย “ไม่มีลิมิต ชีวิตเกินร้อย” ซึ่งหากจะเป็นสโลแกนนี้แล้ว เนื้อเพลงตั้งแต่ต้นไม่จำเป็นต้องมีด้วยซ้ำ เพื่อให้คนดูมีสมาธิอยู่กับความหมายของภาพ
โฆษณาเอ็ม 150 ชุดล่าสุดนี้ ยังให้ความหมายที่กัมกวมอยู่พอสมควร สำหรับไอ้กรอบสีดำที่ครอบมนุษย์ คนที่ดูโฆษณาตัวนี้ อาจจะประทับใจในช่วงแรก จดจำโฆษณาจากเสียงเพลงได้ แต่สุดท้ายแล้วคงจะเกาหัวแล้วบอกว่า “มันกำลังจะบอกอะไรกูวะ”
ซึ่งแตกต่างไปจากโฆษณาของเครื่องดื่มชูกำลังอีกแบรดน์หนึ่ง แบรนด์กระทิงแดง (อ่านต่อ …)
Create Date : 24 เมษายน 2552 |
|
6 comments |
Last Update : 24 เมษายน 2552 13:34:21 น. |
Counter : 1298 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: fordear 19 พฤษภาคม 2552 13:14:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: tong IP: 202.90.124.50 19 มิถุนายน 2552 9:06:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนรักชาติ IP: 117.47.12.106 22 มีนาคม 2553 14:51:05 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ซึ่งความจริงแล้ว กรอบมันไม่มีอยู่แต่แรกแล้ว
ตัวเราหรือสังคมรอบตัวเรานั่นแล ที่ไปตีกรอบมันโดยไม่รู้ตัว
กรอบเหล่านี้มีอะไรบ้าง.....
ความเคยชิน อันนี้มีมากเป็นอันดับหนึ่งเลย
ความไม่รู้หรือขาดประสบการณ์
ความกลัวอย่างไม่มีเหตุผล
ศักดิ์ศรีแบบบ้าๆบอๆ
ความเชื่อแบบไม่มีเหตุผล
ถ้าเราปล่อยให้กรอบพวกนี้มันเกาะตัวเราไปมากๆ นับวันกรอบมันก็ยิ่งจะหนาขึ้นๆ
จากกรอบลวงตา ก็จะกลายเป็นกรอบถาวรไป
ดังนั้นควรหมั่นดูตัวเองบ่อยๆครับ
ว่ามีกรอบมาล้อมรอบตัวเราหรือเปล่า
ปล. จากโฆษณานี้ ผมมีความเห็นว่า รายละเอียดส่วนของภาพมันมีเยอะ
ในส่วนของเพลงไม่ควรจะไปใส่เนื้อให้มันมากมายครับ