|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ป่วยด้วยโรค
ป่วยด้วยโรค บรรเทาด้วยหมอ ฆ่าด้วยเงิน รักษาด้วยประกัน
เสียงตึงตังโวยวายไปทั้งบ้าน แม้ครอบครัวนี้จะอยู่กันเพียงแค่ 2 คนแม่ลูกเท่านั้น แต่เสียงที่ดังมาออกมาจากปากของแม่ กลับตื่นเต้น และตระหนักกลัว
นอกจากลูกชายจะท้องเสียแล้ว ดูเหมือนจะอาเจียนด้วย เพราะหลังจากท้องร่วงมาก็ทานน้ำส้มคั้นไป แต่กลับอาเจียนในเวลา 2 ชั่วโมงต่อมา แม่ตัดสินใจพาลูกไปโรงพยาบาลทันที แม้จะเป็นเวลาตี 4 ก็ตาม
ลูกชายวัย 8 ขวบ เป็นสิ่งเดียวที่แม่มีอยู่ หลังจากพ่อของลูกเสียชีวิตไปเนื่องจากอุบัตเหตุเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ยังดีที่ทางพ่อไม่ได้ก่อหนี้สินอะไรไว้ให้ แต่ก็ไม่มีทรัพย์สินไว้ให้เหมือนกัน
"ดูเหมือนอาหารจะเป็นพิษครับ ช่วงนี้เด็กท้องร่วงเยอะมาก ควรจะนอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการของโรคก่อน " หมอกล่าวเช่นนั้น
โชคดีที่เป็นคืนวันศุกร์พอดี ซึ่งเป็นวันหยุดของแม่ และเป็นวันหยุดเรียนของลูก จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการขาดงานและขาดเรียน
ลูกชายวัย 8 ขวบโดนเจาะน้ำเกลือที่มือซ้าย ดูเหมือนเขาจะไม่มีความสุขนัก นอกจากหมดแรงแล้ว ยังมีอาการตัวร้อนเป็นของแถม
เย็นวันเสาร์ แม่กำลังป้อนข้าวให้กับลูก ตอนนี้ลูกอาการดีขึ้นหลังจากนอนอยู่โรงพยาบาลมาเกิน 12 ชม . พรุ่งนี้ ลูกคงออกจากที่นี่ได้ เมื่อลูกทานยาคล้อยหลับไป แม่ก็ออกมาติดต่อกับฝ่ายการเงินของโรงพยาบาล
" ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ค่ะ ? " ผู้เป็นแม่ถาม ใจก็นึกกังวลกับเงินในกระเป๋า เพราะอีก 3 วันต้องจ่ายค่าไฟแล้ว เมื่ออาทิตยย์ที่แล้วก็เพิ่งจะจ่ายค่าเทอมลูกไปหยกๆ ตอนนี้เงินไม่น่าจะพอแหงๆ สำหรับค่ารักษาที่โรงพบายาลเอกชนที่ไม่ต่างกับโรงแรม
" มีประกันหรือเปล่าค่ะ " สาวการเงินถามด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง แต่ความหมายกับเสียดแทงผู้เป็นแม่ ก่อนที่พ่อจะเสียชีวิต แม่ไม่ชอบการทำประกันชีวิตเลย เธอคิดว่าเป็นการจมเงินไว้เฉยๆ ไม่ค่าตอบแทน ถึงจะมีค่าตอบแทนในตอนหลัง แต่ก็คงโดนเงินเฟ้อกินหมด ดีไม่ดี ถ้าไม่ป่วย หรือเสียชีวิตขึ้น ก็ไม่เห็นจะมีประโยนช์
แต่ ณ ตอนนี้แล้ว ถ้าเธอมีประกันก็คงจะดีไม่น้อย
" ไม่มีค่ะ " แม่ตอบสาวการเงินเสียงเรียบๆ สาวการเงินเริ่มชี้แชงค่าใช้จ่ายทั้งหมด พร้อมปริ้นท์เอกสารนำให้คุณแม่ได้ไปจ่ายเงินที่ช่องชำระเงิน ก่อนพรุ่งนี้เที่ยง ..
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 6,320 บาท ประกอบไปด้วยค่าต่างๆมากมายที่เธอนึกไม่ถึง ค่าพยาบาล 1,200 ที่เธอแปลกใจ เพราะเห็นพยาบาลแค่เข้ามาตรวจไข้แล้วก็ไปทุก 2 ชม. เท่านั้นเอง การเปลี่ยนเสื้อผ้า และเช็ดตัวเป็นหน้าที่ของแม่ ไม่น่าเชื่อว่าทำแค่นั้นมีมูลค่าถึง 1,200 บาท
หยิบโทรศัพท์ เริ่มโทรหาเพื่อนที่ทำงาน ไม่ค่อยมีใครอยากจะให้ยืมเงินนัก จริงสินะนี่มันวันที่ 22 แล้วนิ ใครๆก็ไม่มีเงิน และกำลังรอเงินเดือนที่จะออกในสิ้นเดือน ไม่อยากจะติดหนี้ทางโรงพยาบาลเท่าไหร่นัก ถึงจะแบ่งจ่ายเป็นงวดๆก็เถอะแต่พอรวมกับดอกเบี้ยแล้ว จ่ายเกือบหมื่นแนะ
เปลี่ยนใจ โทรหาญาติที่ไม่อยากจะคุยเท่าไหร่นัก ถ้าไม่ใช่จำเป็น แม่ก็จะไม่รบกวนพวกเขาหรอก
" มีเงินให้ยืม 6,000 ไหม หลานป่วยน่ะ เสียงแม่กลั้นใจพูด " ไม่มี " เสียงปลายสายตอบทันที ไม่ใช่เพราะไม่มีหรอก มีแต่ไม่อยากให้มากกว่า
....
เสียงปลายสายพูดต่อว่า " ถ้าป่วย ? ถ้าจำไม่ผิด ฉันเคยขายประกันกลุ่มให้ไว้กับครอบครัวของเธอนะ เพียงมีแต่ประกันสุขภาพ ไม่ได้ทำประกันชีวิต สามีเธอไม่ได้บอกหรอ ? ของบริษัทนี้ไง ? "
แม่ฟังแล้วแปลกใจ สามีของเธอทำประกันเมื่อไหร่ เธอไม่เคยรู้เรื่อง สามีของเธอเคยปรึกษาเรื่องการทำประกันกับเธอและเธอไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม เธอลองติดต่อไปที่บริษัทประกันนั้นทันที โชคดีที่สามีของเธอทำไว้ด้วยจริงๆ แม้จะเป็นประกันกลุ่ม และมีวงเงินค่ารักษาแค่ 5,000 เท่านั้น
เช้าวันต่อมา ทางบริษัทติดต่อกับทางโรงพบาบาล เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ไม่เกินเที่ยง ทั้งแม่และลูกก็ออกจากโรงพยาบาล
แม่จูงมือลูกเข้าบ้านคิดในใจ บางที เราน่าจะกันเงินส่วนหนึ่งไว้ทำประกันบ้างก็ดีนะ
Create Date : 21 มกราคม 2551 |
Last Update : 6 กันยายน 2551 16:55:24 น. |
|
2 comments
|
Counter : 918 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ม้าห้อ........ขอร่วมแจม (cm-2500 ) วันที่: 21 มกราคม 2551 เวลา:17:09:42 น. |
|
|
|
โดย: eggies วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:14:44:51 น. |
|
|
|
|
|
|
|
น่าสนใจครับ
เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันอย่างหนึ่ง