http://www.karntarad.com --> การตลาด
Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
24 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
เทียบเคียง .. เครื่องดื่มชูกำลัง ตอนที่ 1

เทียบเคียง .. เครื่องดื่มชูกำลัง ตอนที่ 1

คงจะได้เห็นกันไปแล้วนะครับ สำหรับโฆษณาตัวใหม่ของเครื่องดื่มชูกำลังทั้ง 3 แบรนด์ แต่ล่ะแบรนด์ต่างหาจุดโดดเด่นที่แตกต่างกับแบรนด์คู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด ทั้งแบรนด์เอ็ม 150 แบรนด์ลิโพและแบรนด์กระทิงแดง

เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยม ในอดีตอาจจะเคยเป็นเครื่องดื่มสำหรับผู้ใช้แรงงานเท่านั้น แต่ปัจจุบันตลาดขยายไปในวงที่กว้างขึ้น และเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นมากขึ้น วัยรุ่นจึงกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเครื่องดื่มชูกำลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้แต่ล่ะแบรนด์ลงไปเล่นในตลาดนี้ โดยใช้โฆษณาตัวสื่อกลางในการสื่อสาร

เริ่มจากแบรนด์เอ็ม 150 …


เอ็ม-150-ฉีกกรอบ


แบรนด์เอ็ม 150 ยังนิยมใช้เสียงเพลงเป็นแกนนำในการสื่อสาร ถ้ายังไม่ลืมกัน โฆษณาตัวเก่าจะใช้นักร้องยอดนิยมจากค่ายแกรมมี่ อาทิ ตูน จากวงบอดี้สแลม ปั้ป จากวงโปเตโต้ หรือจะเป็นแด็ก จากวงบิ๊กแอส โดยโฆษณาแต่ละชุด จะใช้นักร้องคนนั้นเป็นผู้ร้องเพลงประกอบด้วย

ครั้งนี้แบรนด์ เอ็ม 150 ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้ โดยการใช้ตูน บอดี้สแลมร้องเพลงประกอบโฆษณาเหมือนเดิม แต่เนื้อหาในตัวโฆษณามีความแตกต่างออกไปจากของเดิม

โฆษณาเอ็ม 150 ตัวใหม่นี้ พยายามจะเข้าไปถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น เนื้อหาในโฆษณามุ่งเน้นไปที่การใช้พลังงานในทางที่ควร โดยไม่จำเป็นต้องยึดติดกับแบบอย่างเดิมๆที่เคยทำอยู่

เนื้อเพลงเริ่มต้นโฆษณานั้น เป็นเนื้อหาที่ตั้งคำถามว่า “คำถามยังคาในใจ ชีวิตจะเป็นยังไง หากเราไม่เคยทำอย่างที่เคยทำ” เป็นการเริ่มต้นโฆษณา เพื่อให้ผู้ชมนั้นฉุกคิดถึงบางสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำ (และอาจจะอยากทำ) โดยมีไอ้เส้นสีดำหนาๆเปรียบเสมือนกรอบที่ควบคุมพฤติกรรมไว้

กรอบสีดำที่ครอบตัวมนุษย์ไว้นั้น เปรียบเสมือนกรงขังที่ปิดบังพลังงานของมนุษย์อยู่ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น วัยเริ่มทำงาน ที่มีพลังงานไร้ขีดจำกัด แต่ต้องดำเนินชีวิตแบบไม่เต็มที่ เนื่องจากสาเหตุอะไรบางอย่าง (ที่เป็นกรอบเส้นดำหนาๆนั้นแหละ)

การดำเนินเรื่องของโฆษณาบ่งบอกว่า มนุษย์ทุกคนสามารถทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำได้ โดยแค่ขอให้สะบัดกรอบทิ้งเสีย ฉากหนึ่งที่ผู้หญิงดึงกรอบสีดำจากตัวเองทิ้ง แล้วหันไปช่วยคนตาบอดเดินลงสะพาน เป็นฉากที่เน้นทำความดี หรือจะเป็นฉากที่วัยรุ่นกำลังยกพวกตีกัน เมื่อกรอบสีดำหลุดไป ทั้ง 2 กลุ่มจับมือกันสมานฉันอย่างไม่น่าเชื่อ

เข้าใจว่าทางเอ็ม 150 อาจจะเห็นสถานการณ์ที่แตกแยกทางการเมือง จึงเพิ่มฉากที่ทุกคนในรถพร้อมใจกันเปิดประตูออกมา รวมพลังกันเข็นรถบรรทุกสีขาวให้พ้นทาง อาจจะเปรียบเปรยไปถึงชาวดินแดงที่รวมพลังต่อต้านกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อนำรถบรรทุกแก็สมาจอดไว้ในสถานที่ชุมชน

และสิ่งที่เอ็ม 150 นำมาเป็นลูกเล่นในโฆษณาตัวนี้ คือ ความเป็นเครือข่ายทางสังคม (Network Social) เมื่อคนๆหนึ่งตัดสินใจ เลิกทำในสิ่งที่เคยทำมา พวกเขายังชักชวนคนอื่นทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วย เมื่อคนแรกสะบัดกรอบทิ้งออกไปได้ เขาไปดึงกรอบของคนอื่นๆให้ออกจากกรอบด้วย เปรียบเสมือนการหาการยอมรับทางสังคม จะได้มีความรู้สึกว่า “เป็นพวกเดียวกัน” -- กินเอ็ม 150 – พวกเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกว่าโฆษณาเอ็ม 150 ตัวนี้ ไม่สมบูรณ์เท่าที่มันจะเป็น ข้อสงสัยคือ สุดท้ายแล้ว “กรอบ” มันคืออะไรกันแน่ ? ฉากที่ผู้หญิงช่วยคนตาบอดลงจากสะพาน เป็นกรอบที่ “ไม่กล้าทำความดี”หรือ”ไม่มีน้ำใจ” ? จึงต้องสะบัดกรอบทิ้งเสียก่อนจึงจะช่วยเหลือได้ ยิ่งไปกว่านั้นในฉากแรกที่เป็นผู้ชายทำลาย”กรอบ” ตั้งแต่เริ่มแรกนั้น แล้วเดินตะลุยแอ่งน้ำเลยนั้น คงจะไม่พ้นขากางเกงเปียก มันเป็นกรอบ”ความกล้า” หรือเปล่า ?

หรือจะเป็นฉากที่วัยรุ่นยกพวกตีกัน แล้วจู่ๆก็ทำลายกรอบแล้วหันหน้ามาจับมือกัน ? กรอบนั้นเป็นกรอบของการหาเรื่องงั้นหรือ ? แล้วอะไรล่ะที่ทำให้พวกเขาจับมือกัน

นอกจากนั้นแล้วเสียงเพลงที่ดังอยู่ในระดับเดียวกันทั้งหมด ทำให้ผู้ชมไม่สามารถประสานความรู้สึกของเสียงเพลงกับภาพโฆษณาได้ ภาพโฆษณามีความซ้ำซ้อน คนดูจะจ้องจดกับภาพจนไม่ได้สนใจฟังเนื้อหาของเพลง จนกระทั่งถึงประโยคสุดท้าย “ไม่มีลิมิต ชีวิตเกินร้อย” ซึ่งหากจะเป็นสโลแกนนี้แล้ว เนื้อเพลงตั้งแต่ต้นไม่จำเป็นต้องมีด้วยซ้ำ เพื่อให้คนดูมีสมาธิอยู่กับความหมายของภาพ

โฆษณาเอ็ม 150 ชุดล่าสุดนี้ ยังให้ความหมายที่กัมกวมอยู่พอสมควร สำหรับไอ้กรอบสีดำที่ครอบมนุษย์ คนที่ดูโฆษณาตัวนี้ อาจจะประทับใจในช่วงแรก จดจำโฆษณาจากเสียงเพลงได้ แต่สุดท้ายแล้วคงจะเกาหัวแล้วบอกว่า “มันกำลังจะบอกอะไรกูวะ”

ซึ่งแตกต่างไปจากโฆษณาของเครื่องดื่มชูกำลังอีกแบรดน์หนึ่ง แบรนด์กระทิงแดง (อ่านต่อ …)



Create Date : 24 เมษายน 2552
Last Update : 24 เมษายน 2552 13:34:21 น. 6 comments
Counter : 1206 Pageviews.

 
สำหรับผมนะ ผมว่ากรอบก็คือสิ่งที่มันครอบหรือกักเราอยู่นั่นเอง

ซึ่งความจริงแล้ว กรอบมันไม่มีอยู่แต่แรกแล้ว
ตัวเราหรือสังคมรอบตัวเรานั่นแล ที่ไปตีกรอบมันโดยไม่รู้ตัว

กรอบเหล่านี้มีอะไรบ้าง.....
ความเคยชิน อันนี้มีมากเป็นอันดับหนึ่งเลย
ความไม่รู้หรือขาดประสบการณ์
ความกลัวอย่างไม่มีเหตุผล
ศักดิ์ศรีแบบบ้าๆบอๆ
ความเชื่อแบบไม่มีเหตุผล

ถ้าเราปล่อยให้กรอบพวกนี้มันเกาะตัวเราไปมากๆ นับวันกรอบมันก็ยิ่งจะหนาขึ้นๆ
จากกรอบลวงตา ก็จะกลายเป็นกรอบถาวรไป

ดังนั้นควรหมั่นดูตัวเองบ่อยๆครับ
ว่ามีกรอบมาล้อมรอบตัวเราหรือเปล่า

ปล. จากโฆษณานี้ ผมมีความเห็นว่า รายละเอียดส่วนของภาพมันมีเยอะ
ในส่วนของเพลงไม่ควรจะไปใส่เนื้อให้มันมากมายครับ


โดย: Duke-ดุ๊ก วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:2:32:51 น.  

 
ขอกลับมายกตัวอย่างประกอบอีกนิดครับ
เผื่อคนอื่นๆ ที่เข้ามาอ่านจะได้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

กรอบ(อันไม่ควรจะมี) อันดับหนึ่งอย่างที่ผมบอกไป นั่นก็คือความเคยชิน

เคยชินที่ว่า "ไม่มีใครเขาลงจากรถกลางถนนไปเข็นรถที่มันเสียกันหรอก"

เคยชินที่ว่า "ไม่มีใครเขาไปช่วยเหลือคนแปลกหน้ากันหรอก"

เคยชินที่ว่า "ไม่มีใครในบริษัทเขาขยันทำงานเกินตัวเกินเวลากันหรอก"


และเคยชินที่ว่า...
"ประเทศเรามันก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว จะไปเปลี่ยนมันได้ยังไง"


โดย: Duke-ดุ๊ก วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:2:41:36 น.  

 
อ้อ...ลืมกลับมาขอบคุณเข้าของบล็อกครับ
สำหรับโฆษณาดีๆ
ผมก็เพิ่งเคยดูวันนี้เอง


โดย: Duke-ดุ๊ก วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:2:44:25 น.  

 
โฆษณานี้ดูมาหลายครั้งเเล้วละค่ะ
ตอนเเรกก็เข้าใจว่าอยากให้คนเราออกนอกกรอบบ้าง
เเต่พอมาอ่านบล็อกนี้ก็เริ่มสงสัยตามเหมือนกัน
ว่าเค้าต้องการจะบอกอะไรเราเนี่ย อิอิ


โดย: fordear วันที่: 19 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:14:38 น.  

 
เห็นด้วยกับโฆษณานี้มากครับ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังขาดตรงนี้จริงๆ หลักๆมาจากความกลัว ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกที่ควรแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะทำ
เนื่องจากว่าคนไทยถูกปลูกฝังมาให้คิดแต่ในกรอบตั้งแต่สมัยเรียน(ระบบการศึกษาของไทยนี่แหละที่ทำให้เป็นแบบนี้เน้นให้ท่องจำเพื่อเอาไปสอบแต่ไม่ยอมบอกว่าที่ท่องๆจำๆกันอยู่นี้จะเอาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันยังไง จุดนี้จะต่างกับชาติตะวันตกมาก)


โดย: tong IP: 202.90.124.50 วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:9:06:06 น.  

 
เอาใจช่วยเสื้อแดงล้มรัฐบาลอำมาตย์อุ้มลงให้ได้ สาธุ


โดย: คนรักชาติ IP: 117.47.12.106 วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:14:51:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

benzmkt
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]










Google

Friends' blogs
[Add benzmkt's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.