|
..กระถินกลิ่นขี้ควาย.. บทที่ 1
..กระถินกลิ่นขี้ควาย..
ดาเรน
บทที่ 1
ขวับ..ขวับ เสียงกิ่งไม้กระทบใบหญ้า
เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปปลายสวน..สองข้างทางรกด้วยหญ้าและวัชพืช มีเถาไม้ที่ตั้งใจปลูกไว้แต่ถูกปล่อยทิ้งเลื้อยพันอยู่ตามคาคบไม้และซ่อนอยู่ในพงหญ้า
เฮ้ย!..แตงโม.. เด็กหนุ่มลุยเข้าข้างทาง แหวกต้นสาบเสือลูบแตงผลเขื่อง ยังไม่แก่นิ..ไว้ก่อน ลุกขึ้นเดินต่อ
ตลอดทางเดินและรอบที่ดินยี่สิบไร่นี้ล้อมด้วยคูน้ำที่ตาของหนุ่มถิ่นขุดไว้ คูกว้างประมาณสองวาเชื่อมต่อกับคลองที่แล่นขนาบถนนใหญ่น้ำจึงใสสะอาดและขึ้นลงตามธรรมชาติ
อู๊ดๆ..อี๊ดๆ.. เสียงหมูดังจากคอก..ถิ่นเลี้ยวขวาไม่ตรงไปทางคอกเดินจ้ำจนเกือบถึงคูน้ำอีกฟากหนึ่งของที่
ถึงซะที..ถ้าเต็มแก่คงต้องปล่อยข้างทาง ถิ่นก้าวขึ้นบันไดไม้คล้ายบันไดลิงที่พาดเอียงขึ้นเล็กน้อย ดึงประตูสังกะสีเตี้ยออก ก้าวขึ้นไปนั่งยองบนแผ่นไม้ที่วางพาดบนท่อนไม้ขวางรองรับ เว้นช่องว่างไว้พอประมาณ รอบๆ ล้อมด้วยแผ่นสังกะสีสูงระดับประตู มีไม้สี่ต้นค้ำหลังคาสังกะสีพอกันแดดกันฝน
อึ๊..อึ๊บ.. หน้ายู่ยี่ของถิ่นค่อยคลายออกหลังจากปล่อยทุกข์ลงในหลุมด้านใต้ที่มีอดีตและปัจจุบันกองสุมอยู่..เป็นกิจวัตรและความเคยชิน ถิ่นหักกิ่งไม้ที่ถือติดตัวเป็นก้านเล็ก เลือกที่ตรงเรียบ ปาดเช็ดทำความสะอาดแล้วนั่งทอดหุ่ยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สิ่งที่ถิ่นชอบมองทุกเช้าคือดวงอาทิตย์ริมขอบฟ้า..ที่ๆ นั่งอยู่หันหน้าไปทิศตะวันออกพอดี ลูกกลมสีแดงค่อยแทรกขึ้นบนฟ้าพร้อมสีที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ท้องฟ้าก็เช่นกัน..ถิ่นจ้องมองดูจนกระทั่งแสบตาดูไม่ได้จึงลุกจากแผ่นไม้เดินกลับบ้าน
เถลไถลอีกตามเคยนะ! ..เสียงทักแกมตำหนิดังมาจากเล้าหมู
ก็อึ๊อย่างทุกวัน..ฮะ..ฮะ.. ถิ่นหัวเราะอารมณ์ดี รู้ว่าเสียงจากเล้าหมูไม่ได้ต่อว่าจริงจัง ต๋องอย่าลืมเก็บขี้หมูให้เราด้วยนะ
ต๋อง คือลูกชายของตา อายุแก่กว่าถิ่นปีเดียว..มีศักดิ์เป็นน้า แต่เพราะอายุไล่เลี่ยกันถิ่นจึงไม่นึกอย่างนั้น
ตามีลูกหกคนเป็นผู้ชายทั้งหมด แต่ไม่เข็ด ไปขอเด็กผู้ชายมาเลี้ยงอีกคน..คือถิ่นไง..ถัดจากต๋องคือทุยอายุเท่ากับถิ่นและจ้อยอ่อนกว่าถิ่นหนึ่งปี..ทั้งบ้านมีแต่ผู้ชาย ยายเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว
เมื่อถิ่นมาอยู่ใหม่ บ้านเป็นเพียงกล่องสี่เหลี่ยมบนเสาสี่ต้น มีบันไดขึ้นด้านข้างและหน้าต่างสี่บาน ยายหุงข้าวใต้ถุนบ้าน เด็กๆ กิน เล่นกันบนลานดินใต้ถุนนั่นเอง
น่าแปลกที่ไม่มียุง ตาว่าเป็นเพราะลมทุ่ง..เวลากลางคืนไม่ต้องกางมุ้ง ทุกคนนอนเรียงกัน ตาอยู่ในสุดต่อมาเป็นยาย ทุย ต๋อง จ้อย พี่ริด ถิ่น พี่ตั้ม และพี่เบิ้มพี่ใหญ่อยู่ริมสุดติดประตูบ้าน ตาบอกเผื่อมีอะไรเกิดขึ้นพี่เบิ้มจะได้รับมือก่อน..แถวบ้านมีพวกโจรเหมือนกัน
ก่อนนอนยายจะป้อนวิตามินซีให้ทุกคน มีพี่เบิ้มคนเดียวไม่ยอมกิน พอยายเผลอบังคับให้ถิ่นอ้าปากแล้วโยนเม็ดยาข้ามพี่ตั้มมาให้ถิ่นกินทุกคืน..ก้อต้องยอม อีกอย่างวิตามินซีก็หวานๆ เปรี้ยวๆ อร่อยดี
ตาทำงานที่กรุงเทพฯ เป็นทนายความ ไปทำงานแต่เช้า หอบเสื้อนอกสีเทาเก่าๆ แฟ้มและกระเป๋าเอกสารยืนรอรถใต้ต้นมะขามเทศหน้าบ้าน..ถ้ายายนึกอะไรได้หรือมีอะไรด่วนยายจะตะโกนบอกตา..ถัดจากต้นมะขามเทศริมถนนเป็นคลอง แนวต้นแค พุ่มกระถิน ที่ว่าง บ่อน้ำสองบ่อแล้วจึงถึงตัวบ้าน..ยายตะโกนจนคอแห้งกว่าตาจะได้ยิน บางทีไม่ต๋องก็ทุยหรือจ้อยเป็นคนช่วยตะโกน..นานๆ รถจะมาสักคันตาจึงต้องจดรายการใส่สมุดเล็กๆ เพราะยายนึกอะไรออกบ่อยมาก
ครอบครัวของตาผิวดำทุกคน โดยเฉพาะต๋องดำที่สุดแต่มีหน้าตาดีที่สุดชดเชย..คนที่ดำน้อยสุดเกือบขาวคือถิ่น เวลาแก้ผ้าอาบน้ำจะถูกพี่ๆ ตีก้นเล่นเป็นประจำ..ที่ว่าขาว ไม่ได้ขาวอะไรนักออกน้ำตาลแดงๆ มากกว่าเพราะอยู่กับลมกับแดดทั้งวัน
อาชีพของตาคือทนายความอย่างที่บอกแต่ทำไมมีชีวิตเหมือนชาวไร่ชาวนาถิ่นไม่เข้าใจ ยายก็ไม่เหมือนชาวนานัก ยิ่งกว่านั้นพี่เบิ้ม พี่ริด พี่ตั้มต่างก็เรียนที่กรุงเทพฯ..ไปพร้อมกับตาทุกเช้า
สายหน่อยถึงคิวต๋อง ทุยและจ้อยไปโรงเรียน..ยายอัดข้าวใส่กระป๋องหนึ่ง กับข้าวอีกกระป๋องหนึ่งให้สามคนไปกินกลางวัน..โรงเรียนวัดสำราญศีลอยู่ห่างจากบ้านสามกิโลแต่เดินทุกวันก็ไม่ไกลอะไร ถิ่นเคยเดินไปเที่ยวเหมือนกัน
จึงเหลือถิ่นและยายสองคนอยู่บ้านพร้อมงานต้องทำมากมายในที่ดินยี่สิบไร่นี้..ยายและถิ่นจะเก่งอะไรขนาดนั้น..อิ..อิ..ความจริงมีครอบครัวนายเล็กตาเขเป็นลูกจ้างช่วยทำงาน..ตาเล็กมีเมียชื่อยายมาและไอ้ป๋องลูกชายอีกคน
ไม่เคยได้ยินชื่อตาเล็ก ยายมาและไอ้ป๋องจากปากครอบครัวนี้..ยายมามักเรียกผัวตัวเองว่า พี่เหล็กและลูกชายว่าไอ้ป่อง..นายเล็กก็ใช่ย่อยเรียกเมียตัวเองว่านังหมาเฉยเลย ไม่ใช่อะไร พวกเขาเป็นชาวสุพรรณสำเนียงจึงเหน่ออย่างนั้น..ถิ่นแปลกใจว่าตาและยายรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาชื่อเล็ก มา และป๋อง
นอกจากหมู ตาเลี้ยงไก่ เป็ดและปลาด้วย เล้าเป็ดนั้นนายเล็กรับหน้าที่โดยตรง ยายมาทำหน้าที่จิปาถะกับยาย ไอ้ป๋องเป็นคนเก็บกิ่งกระถินมาตากแดด พอแห้งฟาดเอาแต่ใบกองไว้ในโรงอาหารไก่บดผสมกับหัวอาหารไก่ บางทีถิ่นแอบเอาไปให้หมูกินเหมือนกัน..เจ้านั่นกินดะไม่ว่าอะไร
หน้าที่หลักนอกจากอีกหลายอย่างที่ถิ่นต้องทำคือ..พี่ๆ และคนบู้ๆ ชอบคิดว่าน่อมแน้มและไม่เป็นประโยชน์อะไรกับไร่นี้..ที่จริงยายเป็นคนสั่งให้ถิ่นทำ ส่วนที่งอกเงยกว่านั้นคือความตั้งใจของถิ่นในการทุ่มเทให้กับงานที่ได้รับมอบหมาย
ปลูกดอกไม้ในไร่ มันไม่ใช่งานเบานะ ลองคิดถึงการขุดดิน แบกถุงปุ๋ย รดน้ำพรวนดิน โดยเฉพาะการรดน้ำ ต้องใช้กระป๋องจ้วงน้ำขึ้นมาจากบ่อใส่ในถังผักบัวแล้วส่ายโรยให้พืชที่อ่อนแอ ตักสาดให้ที่แข็งแรงหน่อย ส่วนรอบๆ ไร่ถิ่นโรยเม็ดดอกบานเย็นบนที่ๆ พอมีน้ำซึมถึงไม่ต้องคอยรดน้ำ อีกดอกที่ไม่ได้ปลูกแต่ไม่รู้ขึ้นมาได้อย่างไรคือต้อยติ่ง ถิ่นเหมาความดีความชอบให้ตัวเองว่าเป็นคนปลูก ยายเชื่อหรือไม่ถิ่นยังสงสัยอยู่
ที่เป็นหน้าเป็นตาคือต้นกุหลาบ เวลายายตามตาเข้ากรุงเทพฯ ยายมักซื้อกิ่งชำมาให้ถิ่นลองปลูก..
เอ้า!..ขี้หมูที่ถิ่นสั่งไว้ ต๋องโผล่มาจากไหนไม่รู้วางกระป๋องขี้หมูโครม
Create Date : 16 พฤษภาคม 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 16 พฤษภาคม 2557 10:40:01 น. |
Counter : 732 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|