Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
13 ธันวาคม 2548
 
All Blogs
 
Yoohoo .....น้ำตกทีลอซู

9 ธ.ค. 2548
วันหยุดยาวอีกแล้วหละ คราวนี้ไปกับพี่ๆ ที่ทำงาน วางแผนกันมาประมาณ 2 อาทิตย์ว่าจะไปน้ำตกทีลอซูกัน เป็นน้ำตกที่เราอยากไปมานานแล้วหละ แต่เพื่อนๆ เราส่วนมากไปกันมาหมดแล้ว แถมแต่ละคนที่ไปกันมาก็บอกว่าสวย เราเคยไปแต่ที่น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นที่เมืองกาญจน์มา เราก็ว่าสวยแล้วหละ เพราะมีหลายชั้น และแลดูอลังการดี คราวนี้ขอลองไปทีลอซูสักหน่อย

ออกเดินทางกันคืนวันที่ 9 โดยนัดรถตู้ให้มารับที่ที่ทำงานกันตอน 2 ทุ่ม สมาชิกรอบนี้มี 11 คน เป็นเด็ก 2 คน ที่เหลือเป็นผู้ใหญ่ 9 คน แบ่งเป็นคนไทย 6 และต่างชาติ 3 คน คราวนี้ฟุด ฟิด ฟอ ไฟ กันไฟแลบอีกแล้วหละ เหอๆ ได้ออกเดินทางกันจริงๆ ก็ประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง รถตู้ก็คันใหญ่ดี แต่พี่คนขับนิสัยแปลกๆ ไม่พูดไม่จาเลย สงสัยยังไม่ชินกับพวกเรา พี่เค้าเปิดเพลงไปตลอดทางจนถึงที่พักเลยหละ สงสัยเป็นเคล็ดกันง่วงนอนมั้ง

เท่าที่รู้ว่ากว่าจะไปถึงอุ้มผางเราต้องผ่านกันประมาณ 1,219 โค้ง พวกเราก็เตรียมการกันอย่างดีว่าต้องทานยาแก้เมารถ แต่เท่าที่รู้ คือ กินยากันไม่ทัน เพราะเริ่มเข้าเขตแม่สอด-อุ้มผาง start โค้งแรกก็ประมาณตี 2 กว่าๆ ไม่มีใครสามารถตื่นมาทานยาทันได้ รับรู้ตามสัญชาตญาณว่าเริ่มมีโค้งกันก็ตอนตัวโยนไปตัวโยนมานั่นแหละ แต่ว่าโชคดีที่เราไม่ได้เมา ไม่อย่างนั้นมันแน่ๆ เอ้าโยกซ้าย โยกขวา เฮฮา แหวะ

10 ธ.ค. 2548
8 โมงกว่าๆ หลังจากผ่านมา 1,219 โค้งได้เรียบร้อยโรงเรียนจีน พวกเราชาวคณะก็มาถึงที่พักที่อิงดอยรีสอร์ต ทำการอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าตามอัธยาศัย จากนั้นก็ทานข้าวเช้า มื้อแรกเป็นข้าวกับต้มเลือดหมู ก็ทานกันท่าทางอิ่มหมีพีมันกันดี เพราะถ้าไม่ทานก็ไม่รู้จะไปทานกันที่ไหน เหอๆ จากนั้นก็เตรียมล่องแพยางกันไปทีลอซูเลยหละ ขึ้นรถสองแถวไปแปบนึง ก็ถึงที่ลงแพยาง สามารถนั่งกันไปได้ทั้ง 11 คน โดยมีคนพายเรือยางแค่ 2 คนเท่านั้น คือ หัวเรือกะท้ายเรือ โดยคนท้ายเรือจะเป็นไกด์ประจำคณะของเราตลอด 2 วันนี้ ล่องแพยางไปเรื่อยๆ ชมธรรมชาติของ 2 ข้างทาง ผ่านหน้าผาต่างๆ เท่าที่เราจำได้ ก็มีผาเลือด (Lued Cliff) ผาผึ้ง (Bee Cliff) ทำไมถึงชื่อผาผึ้ง มองไม่เห็นมีผึ้งเลย เค้าบอกกันว่าเพราะสมัยก่อนมีผึ้งมาทำรัง แต่มีคนมาจุดไฟกัน ทำให้ควันไปไล่ผึ้ง ผึ้งเลยหายไปหมด เอ้า.....ฝึกภาษาอังกฤษกันหน่อย เพราะเรามีชาวต่างชาติมา 3 คน วันนี้เราขอเป็น Transalator แบบงูๆ ปลาๆ นะ เพราะจริงๆ แล้วได้แต่ This is Lued Cliff , This is Phueng Cliff อ่ะ แล้วก็มี White Cliff เพราะหน้าผาเป็นสีขาว แต่ White Cliff เนี่ย เราตั้งชื่อเองนะ เพราะจริงๆ แล้วไม่มีผานี้หรอก เรามั่วเอาเอง จากนั้นก็ผ่านพวกน้ำตกสายรุ้ง และอีกหลายจุด แต่จำชื่อไม่ได้แล้วหละ....ช่วงที่นั่งแพยางมีตื่นเต้นกันนิดหน่อย เพราะแพยางเราไปกระแทกกับโขดหิน ทำให้คนหัวเรือหล่นน้ำไปเลย ส่วนเราก็เกือบไป ตัวก็เลยเปียกนิดหน่อย

นั่งแพยางประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาขึ้นจุดที่จะต่อรถไปน้ำตกทีลอซู ที่จุดนี้หรือ "หน่วยพิทักษ์ป่า ผาเลือด" เราทานข้าวกลางวันกัน เป็นข้าวกล่อง ผัดกระเพรากับไข่ต้ม ใส่กล่องข้าวใสๆ ก็นั่งทานกัน จากนั้นก็เตรียมตัวเป็นหน่วยกักกันเชื้อโรค เพราะต้องผูกปากด้วยผ้าปิดปาก และสวมชุดกันฝน เพื่อป้องกันฝุ่น แต่เราไม่ต้อง เพราะได้นั่งข้างหน้าก็เลยสบายหน่อย ระยะทางไม่ไกลมาก เพราะเรานั่งแพยางมาช่วงนึงแล้ว นั่งไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า น้ำตกทีลอซูกัน เป็นจุดกางเต็นท์ ก็จัดการเอาของเข้าที่เข้าทาง นั่งพักกันซักแปบ (แปบนึง ก็สามารถล้อมวง ป๊าบ ป๊าบ ป๊าบ playing card กันได้ ไม่แปลนะ รู้อยู่ว่าน่าจะแปลว่าอะไร เหอๆ ) เพื่อเตรียมตัวไปน้ำตกทีลอซูกัน ที่อยู่ห่างจากจุดกางเต็นท์ประมาณ 1 กิโลกว่าๆ เดินไปเรื่อยๆ ชมวิวตามธรรมชาติสองข้างทางไป สูดบรรยากาศบริสุทธิ์ ในที่สุดเราก็ถึงน้ำตกกันแล้วหละ แต่ละคนหน้าขาวซีด เพราะเดินมาพอประมาณ น้ำตกน้ำเยอะพอสมควร เป็นน้ำตกที่น้ำไหลตกออกมาจากหน้าผาสูง ได้ความรู้สึกคนละแบบกับน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น คนเยอะมากๆ เลยหละ เพราะเป็นวันหยุดยาว ก็ต้องทำใจกันหน่อย เดินๆ ไปรอบน้ำตก เพื่อไปที่จุดสูงสุดกัน ขึ้นไปลำบากพอประมาณ น้ำเย็นมากๆ แต่พอเอาขาไปแช่น้ำก็แลดูสดชื่นเหมือนกัน แยกย้ายกันเล่นน้ำกันเฮอา เย็นๆๆ ส่วนเราขอเป็นหน่วยถ่ายรูปแทน เพราะมันหนาวจริงๆ กลับมาที่พักก็ทานข้าวเย็นกัน มีน้ำพริกอ่อง-แตงกวา รสชาติเผ็ดไปนิด แล้วก็ไข่เจียวอาหารหลักของทุกๆ ครั้งที่ไปเที่ยว จากนั้นก็ไปอาบน้ำ เหมือนราดน้ำเย็นๆ บนตัว แต่อาบแล้วทำให้เราสดชื่นดี

คืนนี้ไม่ได้นอนดูดาวเพราะฟ้าปิด หรือว่าเรามัวแต่นั่งป๊าบๆ กันก็ไม่รู้ ไม่ได้มองฟ้า มัวแต่มองพื้น เหอๆ







11 ธ.ค. 2548
วันนี้ไม่มีแพลนอะไรเท่าไร เพราะทางไกด์บอกว่าจะออกจากน้ำตกประมาณเที่ยงเพื่อกลับที่พัก เนื่องจากรถจะมารับตอนประมาณเที่ยง เราก็เลยตื่นเกือบ 7 โมงแนะ น้ำที่ห้องน้ำไม่มีให้แปรงฟันตั้งแต่เมื่อคืน ก็เลยต้องเอาน้ำดื่มมาแปรงและล้างหน้าแทน เอ.....แล้วเมื่อคืนเราได้แปรงฟันไหมเนี่ย.....จากนั้นพวกเราไปทานข้าวเช้ากัน เช้านี้เป็นข้าวต้มกุ๊ยหมูสับเห็ดหอมกัน ก็เดินรอบๆ ที่กางเต็นท์หาที่ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ แล้วก็กลับมาทานข้าวกลางวันตอน 10 โมงเอง เหมือนเพิ่งทานข้าวเช้าไปหยกๆ ก็มาทานข้าวกลางวันกันต่อแล้วหละ แต่ไม่ต้องห่วง เพราะยังทานกันได้อีก มีน้ำพริกปลาทูที่คนไม่กินเผ็ดทานไปหูชาไปเลย ผัดวุ้นเส้น แกงที่หน้าตาเหมือนต้มข่าไก่แต่ไม่ใส่กะทิ แล้วก็ไข่เจียวอีกแล้ว เหอๆ







ประมาณบ่ายโมง รถก็มารับ หน่วยกักกันเชื้อโรคเริ่มปฏิบัติการอีกครั้ง คราวนี้นั่งรถกลับไปถึงที่พักเลย เพราะไม่ได้ต่อแพยางเหมือนขามา นั่งออกไปประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ฝุ่นเยอะมากๆ ใครไม่ได้เอาเสื้อกันฝนหรือสวมหมวก ออกไปผมแดง ตัวแดงเลยหละ ตามแพลนต้องไปถ้ำตะโค๊ะบิ๊ แต่ทำไปทำมาไม่ได้ไป เนื่องจากอาจจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่องระหว่างคนขับรถกับไกด์ วันนี้พวกเราก็เลยเหมือนว่าไม่ได้ไปไหนกันเลย ก็เลยต้องหาเรื่องออกไปเดินที่ตลาดกัน ไปกัน 3 สาว กับ 2 เด็กน้อย เป็นตลาดเล็กๆ มีแต่นักท่องเที่ยว แล้วก็ร้านขายของที่ระลึก เดินไปเรื่อยๆ ดูวิวข้างทาง แล้วก็กลับที่พักกัน ขากลับกะจะแวะซื้อส้มหน่อย ตอนแรกกะจะซื้อเลย เพราะกิโลละ 10 บาทเอง แต่คนขายคะยั้นคะยอให้ชิม ไม่อยากให้เสียน้ำใจ ก็เลยชิม คนขายบอกว่าไม่อร่อยก็ไม่ต้องซื้อคะ พวกเราก็คิดว่าไม่มีทางไม่อร่อยหรอก พอกินกันปุ๊บ ก็สลายตัวกันปั๊บ เพราะมันไม่อร่อย
เย็นแล้วทานข้าวๆๆๆ เป็นมื้อที่มีอาหารเยอะมากๆมีปลาทับทิมราดขิง แกงเลียง แกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ ยำวุ้นเส้น น้ำพริกหนุ่ม และก็อะไรอีกไม่รู้ประมาณ 1-2 อย่าง เพราะเราจำไม่ได้หละ กินกันพุงกางเลยหละ แล้วก็มานั่งป๊าบๆ กันต่อ คราวนี้เล่นกะเด็ก 2 คน อย่าดูถูกน้องเค้าหละ เพราะเราแพ้น้องเค้าตลอด เป็น slave เกือบทุกรอบ

12 ธ.ค. 2548
วันนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพราะว่าต้องไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่ดอยหัวหมด หรือ ดอยหัวเต็มไปหมด Full of Head hill ที่นี่เค้าบอกว่ามีดอกเสี้ยว ที่เป็นสัญลักษณ์ของดอยหัวหมด แต่ตอนไปดอกเสี้ยวยังไม่บาน ก็เลยไม่เห็นกัน ตื่นกันตั้งแต่ตี 5 นั่งสองแถวไป รถออกตี 5 ครึ่ง นั่งรถไปไม่ไกลมาก ดอยก็ไม่สูงมากเท่าไร แล้วก็ตามที่คาดเดาไว้ มีแต่หัวเต็มไปหมดจริงๆ พื้นที่ข้างบนมีไม่ค่อยเยอะเท่าไร ถ้าเปรียบเทียบกับภูชี้ฟ้า ที่นี่พื้นที่น้อยกว่าเยอะมาก เราก็พยายามหาจุดที่เหมาะที่สุดที่จะดูวิวแต่ก็ได้ไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะมองไม่ค่อยเห็นอะไร ก็ได้ถ่ายรูปกันบ้าง แล้วก็รีบๆ ออกมากัน เพราะกลัวตอนคนลงว่าคนจะแออัดกัน ถึงที่พักก็ทานข้าวกัน มื้อนี้เป็นข้าวต้มธรรมดา และพวกกับข้าว ไข่เค็ม ยำผักดอง กุ้นเชียง หมูเค็ม ไม่อยากจะบอกว่าเราไม่ชอบสักเท่าไร จากนั้นก็เตรียมตัวกลับกรุงเทพกัน ล้อหมุนตอน 9.15 เตรียมพร้อม ตามแพลนพวกเรากะแวะที่น้ำตกพาเจริญ ตลาดริมเมย แล้วก็ดอยมูเซอ แต่คนขับรถตู้บอกว่า อาจไม่ทัน ไม่น่าแวะน้ำตกพาเจริญนะ เพราะไม่สวยมาก แต่พวกเราบอกว่าอยากแวะ เพราะเหมือนเมื่อวานไม่ได้ไปไหนเลย คนขับเค้าก็เลยต้องยอมเออๆ ออๆ กัน

ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เนื่องจากต้องผ่านโค้งประมาณ 1,219 เหมือนกับขามา ดูวิวมาเรื่อยๆ มาหลับตอนใกล้ถึงจุดแรกที่เราแวะคือ น้ำตกพาเจริญ เป็นอุทยานแห่งชาติอีกแห่งที่เปิดตัวเมื่อปี 2537 เป็นอุทยานที่มีน้ำตกสูง 97 ชั้น แต่เราไม่ได้นับว่ามีถึง 97 ชั้นไหม แล้วก็มีดอกกระเจียวตาก แต่เราไปดอกเหี่ยวหมดพอดี เลยไม่เห็น โชคดีที่ได้มาแวะนะ เพราะน้ำตกก็ดูเหมือนจะสวยได้อารมณ์ไปอีกแบบ นัดกับคนขับว่าเราจะใช้เวลาประมาณ 40 นาทีที่นี่ แต่พวกเราก็ทำเวลากัน แบบว่า 20 นาทีก็เรียบร้อยกัน เร็วมากๆ เหมือนวิ่งแข่ง 100 เมตรกันเลย







จากนั้นก็แวะตลาดริมเมย ทานข้าวกัน เป็นตลาดที่ไม่ใหญ่มาก อยู่ริมแม่น้ำเมย ที่ด่านแม่สอด เราว่าตลาดแม่สาย ที่เชียงรายของยังขายเยอะกว่ามากๆ ของที่ตลาดริมเมยนี้ทุกๆ ร้านจะขายเหมือนกันหมด เช่น พวกหยก เครื่องประดับ หรือขนมขบเคี้ยวต่างๆ ที่กรุงเทพเราก็มีขาย พวกเราไม่ได้ซื้อของอะไรซักเท่าไร เพราะไม่มีอะไรน่าสนใจเลย แล้วเราก็บอกคนขับว่าไม่ไปดอยมูเซอกันแล้ว ขอกลับกรุงเทพเลยหละ แวะร้านเอ็ม เอ็ม ที่นครสวรรค์ ที่เป็นร้านที่ขนมโมจิไม่อร่อย ขอต่อรองกะคนขับว่าอยากไปร้านจันทร์สุวรณหรือวัฒนพร แต่เค้าบอกว่าเราจะไม่วิ่งเข้าเมืองนครสวรรค์ เนื่องจากต้องการหลบรถติด พวกเราก็เลยหมดมู้ดกันนิดหน่อย แต่ก็เหมือนจะเข้าใจคนขับเค้านะ แต่ลองคิดอีกมุมนึง รถตู้ รถทัวร์ทุกคันมาที่ร้านเอ็ม เอ็ม แล้วรถมันจะติดแถวตัวเมืองเหรอ แถมที่ร้านเอ็ม เอ็ม ห้องน้ำก็ต้องรอคิวยาว ข้าวก็ต้องรอคิวอีก เฮ้อ ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าในที่สุดทริปนี้เราก็กลับถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพแบบสบายๆ ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ แล้วก็ได้ลาพักร้อนอีก 1 วันพักผ่อนด้วยหละ เหะๆ


Create Date : 13 ธันวาคม 2548
Last Update : 13 ธันวาคม 2548 20:12:00 น. 12 comments
Counter : 916 Pageviews.

 
อยากไปมั่งง่ะ ไว้ส่งรูปมาให้นัทมั่งเลยน้า


โดย: Karitburg IP: 61.90.119.186 วันที่: 13 ธันวาคม 2548 เวลา:20:17:25 น.  

 
เอ...ทริปเดียวกะน้องชายเราหรือเปล่านะ
ชื่อโอเล่ย์ อ่ะ มีติด ๆ ไปกะเค้าด้วยอ่ะเปล่า เห็นว่าไปวันเดียวกันเลยนี่


โดย: เปียร์รุส วันที่: 13 ธันวาคม 2548 เวลา:21:01:02 น.  

 
ตามมาเที่ยวค่ะ


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 13 ธันวาคม 2548 เวลา:22:26:15 น.  

 
น่าอิจฉาจัง...เที่ยวทุกวันหยุดเลยนะ.... ตาร้อนแล้วเนี่ย


โดย: หมวยหลง IP: 202.183.197.9 วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:8:47:45 น.  

 
Wow, amazing scenery!!! You guys are still having so much fun together! I feel a bit lonely here back in Shanghai as we don't have many activities...


โดย: Lily IP: 63.172.27.2 วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:8:50:02 น.  

 
อยากไปเที่ยวมั่งจัง น้ำตกเหมือนสวยดีเนอะ
รำพัดกันมันส์เลยนะจ๊ะ แถมยังชิมส้มฟรีอีก (นึกหน้าแม่ค้าขายส้มไม่ออก 555 ตาหลก)
เอารูปมาอวดอีกเยอะๆ นะ รอดู


โดย: Tazz IP: 202.183.197.15 วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:8:53:16 น.  

 
เหอ ๆ ๆ ๆ ในที่สุดก็ได้ไป แต่รู้สึกว่าท่านพี่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไรนิ

แต่ของกระผมน่าประทับใจครับ คนขับเป็นคนดีมาก ๆ แนะนำทุกอย่างเลย ขนาดว่าซื้อแคปหมูที่ตลาดมูเซอ ยังบอกเลยน่ะว่า ร้านไหนอร่อยที่สุด และควรแวะซื้ออะไรที่ไหน ไปแวะไหว้พระด้วย (แต่จำไม่ได้ว่าชื่อท้าวอะไรอ่ะ)

ท่านพี่ไปน้ำตกเหมือนไม่ค่อยสนุกเลย ผมว่าหนุกดีนะเล่นอยู่ตั้งนาน ไปกระโดดน้ำตกมาด้วย ท่านพี่กระโดดหรือเปล่า


โดย: Nunobi... 8-D IP: 202.183.197.15 วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:9:30:35 น.  

 
ปีนี้ ฉอฉิ่งไปเที่ยวบ่อยจัง ช.เช็ง อิจฉาจังเลย
แต่อย่าลืม trip บินไปหาพี่ปุ้มที่ญี่ปุ่นละ

ย้ำว่าห้ามลืมเด็ดขาด


โดย: ChoCheng IP: 202.183.142.245 วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:16:48:54 น.  

 
อยากไปจัง สุดๆ เลย


โดย: แขก IP: 58.10.170.169 วันที่: 15 ธันวาคม 2548 เวลา:17:17:23 น.  

 
น่าไปเที่ยวด้วยจัง แต่ดูการเดินทางจะลุยๆมากเลยนะถ้าอายุน้อยกว่านี้สัก 5 ปีก็อยากไปด้วยนะฉอ แล้วเมนูอาหารที่เล่ามาก็ทำให้คิคถึงอาหารไทยมากขึ้นอีก อยากกินผัดกระเพราอ่ะ แล้วกุนเชียงก็อยากกินด้วย ที่นี่ไม่มีขาย ฮือ... ไปเที่ยวแล้วมาเล่าให้ฟังอีกนะ

อ้อ.. แล้วเขาลูกนั้นภาษาอักกฤษเค้าชื่อ Full of head hill จริงๆเหรอ


โดย: Thanyaporn IP: 210.229.25.151 วันที่: 19 ธันวาคม 2548 เวลา:23:11:39 น.  

 
ได้รับโปสการ์ดแล้วนะจ๊ะ ...ที่รัก
ดีใจมากๆเลย ชอบที่ซู๊ดดดด
คิดถึงจังเลย ว่างๆเลี้ยงพิซซ่าหน่อยดิ
ฮาๆ


โดย: เหมือนจะไม่คิดถึง IP: 202.57.183.245 วันที่: 21 ธันวาคม 2548 เวลา:23:46:38 น.  

 
อืมม.. สวยครับ

อยากไปบ้างจัง

อายุขึ้นเลข 3 แล้ว ยังไม่เคยไป ทีลอซูเลย



โดย: K'mint วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:11:56:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หลังจอ
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผ่านมาเพื่อผ่านไป โลกยังกว้างทางยังไกล ครั้งหนึ่งใช่ไหมที่เรารู้จักกัน
Friends' blogs
[Add หลังจอ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.