Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
13 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
Vietnam # 2 --> เว้ , ดานัง

31 ธ .ค. 2006

ตั้งนาฬิกาปลุกจากมือถือตอนหกโมงเช้าก่อนที่ morning call จากโรงแรมจะโทรมาแป้บนึง เมื่อคืนนอนสบายดี ขนาดว่าแอร์เสียนะเนี่ย เปิดหน้าต่างนิดๆ ลมเข้ามาหน่อยๆ สบายกันเลยเรา แอบเปิดหน้าต่าง มองไปรอบๆ เมืองเว้ เห็นสายฝนโปรยปราย โฮๆๆ จะเที่ยวกันสนุกไหมหละเนี่ย ลงมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมจัดไว้ เป็นบุฟเฟต์สไตล์เวียดนาม เดินๆ วนไปวนมารอบๆ แล้ว หาของทานยากมาก เลือกไม่ถูก เพราะไม่รู้จะทานอะไรดี มันแปลกแบบไม่น่าทานไปหมด ก็เลยหยิบเอาไส้กรอก ไข่ดาว มาทาน ขนมปังก็มีแต่ขนมปังฝรั่งเศสยาวๆ จืดๆ แข็งๆ เนยก็หยิบเองออกจากกระปุก แยมก็เหมือนกัน ต้องหยิบเองออกจากกระปุก เห็นมีเฝอด้วย ท่าทางหน้าทาน แต่กินอย่างอื่นไปจนอิ่มแล้ว ก็เลยแบ่งกะพี่คนละครึ่งชาม รสชาติก็ไม่เลว แต่ก็ไม่ได้ดี เหอๆ

วันนี้เป็นวันแรกที่ได้จะเที่ยวแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยนะ โดยเราจะเริ่มกันที่เมืองเว้ หลังจากเมื่อคืนได้นอนที่นี่เป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว เมืองเว้ หรือ ชื่อภาษาอังกฤษ Hue เป็นเมืองหลวงเก่าของเวียดนามที่ได้ขึ้นทะเบียนจากองค์การ Unesco ให้เป็นเมืองมรดกโลก มีพระราชวัง วัด สุสาน ต่างๆ มากมายให้เยี่ยมชม เราจะเริ่มจากการล่องเรือมังกรเป็นอันดับแรก โดยลงกันตรงข้างๆ โรงแรมเลยหละ เพราะโรงแรมติดริมแม่น้ำหอม ฝนก็ยังตกปรอยๆ เรื่อยๆ เค้าบอกว่าสมัยก่อนมีแต่จักรพรรดิเท่านั้นที่จะได้ล่องเรือมังกรชมวิวแม่น้ำหอม ปัจจุบันมีแต่นักท่องเที่ยวแทน พวกเราล่องเรือชมวิวริมแม่น้ำหอมกัน







จากนั้นก็ไปขึ้นฝั่งที่ “วัดเทียนมู่ ” วัดเก่าแก่โบราณ หน้าตาเหมือนวัดจีน มีเจดีย์ศิลปะร่วมสมัยระหว่างจีนและเวียดนาม ชมเจดีย์ 8 เหลี่ยม 7 ชั้น ชมระฆังทองแดงยักษ์ เต่ายักษ์ที่มีแต่คนไปลูบเพราะหวังจะได้โชคลาภกัน น้องไกด์โอปอลก็พยายามบรรยายเรื่องราวของ“วัดเทียนมู่ ” ให้พวกเราฟัง แต่พวกเราขาบ้าถ่ายรูป ก็เลยเดินเตร็ดเตร่ชมวิววัด ถ่ายรูปกันเอง ดื่มด่ำบรรยากาศแบบจีนผสมเวียดนามไปท่ามกลางฝนพรำ ช่างได้บรรยากาศแฉะๆ ซะจริง ขาลงมาจากวัดเทียนมู่ แม่ค้าก็มามะรุมมะตุ้มเพียบ ขายของกันใหญ่ แม่ค้าที่นี่พอจะพูดไทยได้บ้าง ขายของก็เก่งมากๆ แล้วแต่ว่าใครจะมีความสามารถในการต่อรอง ยกตัวอย่างโปสการ์ดที่พวกเราซื้อ ตอนแรกก็ 4 ชุด 100 บาท (ชุดนึงมี 10 ใบนะ) ต่อราคาไปได้ 6 ชุด 100 บาท แต่พอลงไปร้านด้านล่าง 8 ชุด 100 บาท โห ดัมพ์ราคาลงกันสุดๆ หรือก็มีพี่คนนึงซื้อได้ 1 ชุด 100 บาท ของเหมือนกัน แต่ราคาต่างกันลิบลับเลยแฮะ เพราะฉะนั้นซื้อของที่เวียดนาม เวลาแม่ค้าบอกราคา เราต้องกดลงไปครึ่งต่อครึ่งเลยหละ จำไว้ๆๆ







จากนั้นไปต่อที่ “พระราชวังจักรพรรดิไดนอย” ที่มีพื้นที่กว่า 6 ตารางกิโลเมตร มีกำแพงล้อมรอมสามชั้น ฝนยังตกอยู่หนัก ก็เลยแปลงร่างกันเป็นมนุษย์ถุงพลาสติกกัน เพราะต้องใส่เสื้อกันฝนที่หน้าตาเหมือนถุงพลาสติกกัน ถ่ายรูปออกมากัน ไม่อยากจะบอกเลยว่า ดูไม่ได้กันทั้งนั้น เหอๆ ระหว่างทางเดินไปพระราชวัง ก็ต้องคอยหลบรถมอเตอร์ไซค์ จักรยาน สามล้อดีๆ เพราะมันมาเยอะมาก ขนาดฝนตก คนเวียดนามก็ยังขยันปั่นๆ กันจัง เอ้า ฮุย เล ฮุย เสียงแตรปิ้นๆ ประสานเสียงฝนจ๊อกๆ ช่างได้อารมณ์จริงๆ ในใจเราคิดนะว่าคนเวียดนามจะซื้อมอเตอร์ไซค์ไหมถ้ามันไม่มีแตร ข้างในพระราชวังก็กว้างขวางเหมือนกัน มีทั้งจุดที่อดีตจักรพรรดิเคยประทับแต่งตั้งจอหงวน หรือจุดที่อดีตจักรพรรดิเคยออกว่าราชการ อาคารที่โดดเด่นเหลืออยู่ไม่กี่อาคาร เพราะส่วนมากจะโดนระเบิดทำลายสมัยเมื่อเกิดสงครามต่างๆ ที่เวียดนามต้องเผชิญมา รวมทั้งไม่ได้มีการบูรณะมานานหลังยุคจักรพรรดิของเวียดนามได้ล่มสลายไป มีอาคารนึงเค้าจำลองพระที่นั่งของจักรพรรดิเก่าและให้คนเช่าชุดจักรพรรดิสีเหลือง และฮองเฮาสีเหลืองมาถ่ายรูปกัน เค้าบอกว่าเช่าถ่ายรูปชุดละแค่ 50 บาทเอง ก็มีคนมาถ่ายรูปบ้าง เหมือนกับที่ชาวต่างชาติมาวัดพระแก้ว แล้วเช่าชุดไทยมาถ่ายรูปนะ อาจจะเป็นการช่วยสร้างสีสันท่ามกลางพระราชวังที่ขึงขังนะ สำหรับสถาปัตยกรรมของพระราชวังมองผิวเผินเหมือนแบบจีนปนเกาหลี โดยเน้นแบบเรียบง่าย แนวธรรมชาติ อาคารไม้ทาสีแดงและเขียว แต่ก็ดูขลังดี มีพลังอยู่ในตัว เค้าบอกว่าสร้างมาหลายร้อยปีแล้วเหมือนกันไม่เหมือนของประเทศไทยเราที่เน้นความวิจิตรอลังการ ประมาณว่าฝรั่งมังค่ามาเห็นวัดพระแก้วต้องร้องโอโฮกันทั้งนั้น เพราะของเราสวยจริงๆ







เริ่มหิวกันแล้วหละ ก็เลยไปทานอาหารกลางวันกันที่ร้าน Temple Restaurant ในตัวเมืองเว้นะแหละ เป็นร้านอาหารแบบเวียดนามปนจีน มีแกงจืดสาหร่ายอีกแล้ว เหมือนเป็นอาหารหลักประจำโต๊ะเลยหละ แต่เราก็ชอบนะ เพราะเราชอบสาหร่าย อาหารร้านนี้รสชาติก็โอเค ทานกันได้ พอท้องอิ่มก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อ ตรงหน้าร้านมีเด็กหญิงชาวเวียดนามหน้าตามอมแมมเดินมาขอเงิน แล้วก็พูดเป็นประโยค Madam Hungry Money วนไปวนมาเป็น Hungry Money Madam วนไปวนมา Money Hungry Madam เห็นท่าไม่ดี เผ่นขึ้นรถดีกว่า







ไปดู “สุสานจักรพรรดิไคดิงห์” กันต่อ เค้าบอกว่าเป็นจักรพรรดิที่เรียนสูงที่สุดจากฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมของที่นี่ดูขลังดี เพราะว่ามันเก่ามากๆ เป็นสไตล์แบบจีนผสมเวียดนามอีกแล้วหละ โทนสีจะออกเป็นสีเทาดำ มีบันไดสูงๆ ให้เดินขึ้นไปบนสุสาน มีรูปปั้นทหารแบบสุสานในเมืองจีนมาตั้งโชว์หน้าสุสานด้วย ที่สุสานจักรพรรดิไคดิงห์ ถึงแม้ฝนจะตก พวกเราก็ไม่ยอมเอาชุดกันฝนมาใส่ ประมาณว่ามาเที่ยวทั้งทีขอถ่ายรูปแบบสวยๆ หน่อย อดทนๆ จะเป็นหวัดกันไหมเนี่ย







สำหรับเมืองเว้ เราก็เที่ยวกันสามที่ ก็ต้องลาจากเมืองเว้ไปเมืองดานังต่อ เป็นเมืองท่าของเวียดนาม ระหว่างทางได้ลอดอุโมงค์ไฮเวิน ที่มีความยาวประมาณ 6 กิโลเมตร โดยได้สร้างลอดเขาไฮเวิน เป็นการช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทาง ภายในอุโมงค์มีการติดไฟ ทำระบบต่างๆ ไว้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุต่างๆ พอรถเข้าไป รู้สึกหวิวๆ ชอบกล อ้อ…..เค้าบอกกันว่าใครอยากอธิษฐานอะไรแล้วอยากให้ประสบผลสำเร็จให้กลั้นใจขณะรอดอุโมงค์นี้ ใครกลั้นได้ตั้งแต่รถเข้าจนรถออก คำอธิษฐานจะเป็นความจริง ใครอยากลอง เชิญเลย แต่เราขอบาย เพราะจะตายก่อนสำเร็จนะ เสียดายจังที่ฝนตก พอรถผ่านริมทะเลหรือคาบสมุทรรังโก คลื่นลมแรง ทำให้เราไม่เห็นเรือกระด้งของชาวประมงออกไปหาปลา เห็นก็แต่เรือกระด้งคว่ำอยู่ริมหาด สังเกตริมๆ หาดจะไม่มีเพิง ร้านค้าต่างๆ มาตั้งให้เสียสายตาเลย เพราะที่นี่กฏเค้าเข้มงวดไม่ให้มีของขายริมทะเลเลย บ้านเรือนส่วนใหญ่ก็ตั้งหันหลังออกให้ทะเล เพราะเวลามีมรสุมจะได้ไม่โดนลมปะทะแรง บ้านเรือนหลายหลังมีการเอากระสอบทรายไปไว้บนหลังคา เพราะกันไม่ให้มันปลิวตอนมรสุมเข้า แล้วก็ขนาดความกว้างของบ้านส่วนใหญ่ ไม่น่าเกินสองเมตร มีขนาดเท่าๆ กัน เพราะเหมือนเป็นรูปแบบของบ้านแบบคอมมิวนิสท์ด้วย แล้วก็ถ้าบ้านใครขนาดความกว้างของบ้านกว้างมากๆ ก็จะเสียภาษีมากๆ เช่นกัน ทำให้เราเห็นบ้านที่ขนาดเท่าๆ กัน แทบจะเหมือนกันหมดทุกๆ หลังเลย

เข้าเขตดานัง ก็แวะ “พิพิธภัณฑ์จาม” กัน เป็นสถานที่จัดแสดงสิ่งของต่างๆ รูปสลักหินต่างๆ ที่นำมาจากไมเชิน อาณาจักรโบราณของชนเผ่าจาม มีรูปปั้นต่างๆ ตั้งอยู่มากมาย มองดูเหมือนเอาของจากพวกปราสาทหินมาตั้งโชว์ในอาคารแทน เรามาถึงพิพิธภัณฑ์จามก็เย็นแล้ว แถมฝนก็ยังตกอีก ทำให้เหมือนเข้าไปดูแบบพอผ่านว่าฉันมาที่นี่แล้วนะ ไม่มีคนมาบรรยายให้ฟังถึงรายละเอียด เราก็เลยไม่ค่อยดื่มด่ำกับศิลปะแบบสมัยจามสักเท่าไร น่าเสียดายจัง ออกจากพิพิธภัณฑ์จามก็ไปแวะที่โรงแรมเก็บข้าวของกันก่อน คืนนี้นอนที่ Danang Hotel ตรงข้ามโรงแรมมีผับด้วย วางแผนว่าคืนนี้ขอมาเที่ยวส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ที่นี่ดีกว่า จากนั้นก็ไปทานข้าวเย็นกันที่ Phi Lu Chinese Restaurant เป็นร้านอาหารจีน มีหนุ่มสาวเวียดนามมาจัดงานแต่งงานที่นี่พอดี แต่พวกเราไม่เกี่ยวกัน เพราะเราแค่มาทานข้าวเย็น ก็เลยแอบดูบรรยากาศงานแต่งงานแบบเวียดนามนิดนึง ดูผ่านๆ ก็เหมือนงานแต่งงานบ้านเรานี่แหละ มีเวที พิธีกร โต๊ะจีน แต่รอตั้งนานยังไม่เห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวสักที ขอบายดีกว่า แต่พี่ๆ ในกลุ่มบอกว่าพิธีกรหล่อมาก ผมนี่เนี๊ยบกริบเชียว เสียดายไม่เห็น

จากนั้นเหมือนฟ้าจะเป็นใจ ฝนหยุดตกคะ ยังไม่ดึกมาก พวกเราอยากไป shopping อ่ะ เหมือนยังไม่ค่อยได้เที่ยวเท่าไร ก็เลยบอกน้องไกด์ขอไป shopping คลายเครียด ก็เลยได้ไปชมห้างในเมืองดานังสมใจอยาก เค้าเอาเราไปปล่อยกันที่ห้าง Sieu Thi Da Nang ท่าทางห้างจะเหมือนประตูน้ำติดแอร์บ้านเราเลย เข้าไปขอบอกว่าร้อนมากๆ เหมือนเค้าจะไม่เปิดแอร์หรือไงเนี่ย พวกเราไม่ค่อยมีเป้าหมายอะไรนอกเสียจากมุ่งตรงไปที่แผนก supermarket เพราะอยากไปดูขนมของเวียดนามเค้า ที่นี่เค้าให้ฝากของตลอด ไม่ว่าชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ก็ไม่เว้น ก็เลยต้องฝากของกันตามระเบียบ เดินๆ ไปก็เหมือน supermarket บ้านเรานะแหละ พยายามหาขนมแปลกๆ ดันไปเจอหนูแทน งงจัง ทำไมหนูมาเดินห้าง ถ้าเราไปเดินตลาดสด แล้วเจอหนูก็ว่าไปอย่าง เดินสมควรแก่เวลานัดตอนสามทุ่มก็กลับมาขึ้นรถดีกว่า เพราะ supermarket เค้าไม่ค่อยตื่นตาตื่นใจ ได้แค่ขนมมานิดหน่อยเอง จากนั้นก็กลับโรงแรมกัน คืนนี้มีนัดปล่อยแก่ เอ้ย นัด countdown กันในกลุ่มแล้วก็น้องไกด์ของเราอีกสองคน คือ น้องนะโม น้องเอก พวกเรานัดกัน 4 ทุ่มที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง เพื่อที่จะไปปล่อยแก่ เอ้ย ไปเฮฮาตามประสาคนไทยในเวียดนาม รวมสมาชิกทั้งหมด 12 คน ทั้งลูกทัวร์ ไกด์ไทย ก์เวียดนาม เอ้า ลุย

ฝนก็ยังตกปรอยๆ อยู่ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการท่องราตรีของพวกเรา ผับที่อยู่ตรงข้ามโรงแรมเป็นเป้าหมายแรกของพวกเรา ไปถึงด้านหน้าผับมีเหมือนเจ้าหน้าที่ประจำผับคอยเฝ้าอยู่หน้าผับ มองไม่เห็นอะไรข้างในหรอก เพราะมันมีประตูใหญ่ๆ ปิดกันอยู่ ให้ไกด์เวียดนามเข้าไปสอบถาม ผลปรากฏว่าเต็ม พวกเราไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ โฮๆ อดเลยเรา ทำไงต่อดีหละ ยังไงคืนนี้ก็ต้องเที่ยว ก็เลยให้ไกด์ไปหาแท็กซี่เพื่อไปวนรอบเมืองดานังหาที่เที่ยวกันให้ได้ พวกเราทั้งหมด 12 คนสามารถอัดเข้าไปในแท๊กซี่ได้ ไม่น่าเชื่อจริงๆ แต่มันก็เป็นไปแล้ว วนไปวนมาจนเราจะจำทางเมืองดานังได้แล้ว วนไปวนมาอีกรอบกลับมาที่เดิมหน้าผับที่ตรงข้ามโรงแรม เหอๆ ไกด์เวียดนามลงไปหาเจ้าหน้าที่ประจำผับคนเดิม เหมือนสวรรค์จะเป็นใจ เจ้าหน้าที่คนนั้นบอกสถานที่แห่งใหม่ให้พวกเราไป เป็นผับเล็กๆ แห่งหนึ่งในโรงแรม จ่ายค่าแท๊กซี่ไป 100,000 ดอง คิดออกมาเป็นเงินไทย 250 บาท ก็โอเคหละนะ เพราะวนไปวนมานานเหลือเกิน ผับนี้ดูจากด้านหน้าก็พอโอเค แต่พอเข้าไปเห็นคนลีลาศอยู่ พวกเราเกือบจะถอยกลับไปตั้งหลัก แต่ตอนนั้นมันก็จะห้าทุ่มอยู่แล้ว ก็เลยลองเข้าไปลุยดู

คุยๆ กับพนักงานในผับไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็เลยให้ไกด์เวียดนามไปคุย ผลสุดท้ายได้โต๊ะมา 1 โต๊ะ ก็เลยโอเคกันยอมนั่งดูบรรยากาศผับในเวียดนาม ที่นี่เค้าไม่ได้มีการออกกฏให้คนอายุมากกว่า 18 ปีเข้าผับนะ เพราะเท่าที่เราเห็นเด็กๆ เล็กๆ ก็สามารถเข้ามาในผับได้เหมือนกัน แถมออกมาดิ้นกันด้วยหละ สไตล์การเต้นของคนเวียดนามก็มีเอกลักษณ์แปลกๆ ดี ส่วนเพลงที่เปิดส่วนมากมีทั้งแนวลีลาศ แนวแปลกๆ ที่พวกเราเต้นไม่ได้ ก็เลยขอจอดมากินเบียร์บ้าง น้ำอัดลมบ้าง ดูคนเต้นบ้าง จนกระทั่งถึงเวลา 0.00 น. ก็เริ่มมีการ countdown กัน มีเสียงตะโกนออกมาน่าจะเป็นภาษาเวียดนามนับเป็นตัวเลข ไม่รู้นับจาก 1-10 ไล่ไปข้างหน้าหรือ ถอยหลังมา จาก 10 จนถึง 1 เอาเป็นว่าโต๊เราก็นับเหมือนกัน แต่ขอนับ 5 4 3 2 1 Happy New Year 2550 จ้า


Create Date : 13 มกราคม 2550
Last Update : 14 มกราคม 2550 0:01:53 น. 9 comments
Counter : 529 Pageviews.

 
มิน่าไม่พาแม่ไป พกหนุ่มไปด้วยนั่นเอง..

เที่ยวเพลินบอกให้ซื้อน้ำพริกหนุ่มมาด้วยก็ไม่ซื้อ..เชอะ


โดย: immyjang วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:0:42:29 น.  

 
โดน TAG จนได้จากเพื่อนเรา Deliver ก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร กว่าจะรู้ ก็อ่าน TAG ของหลายคนไปเหมือนกัน เอาเป็นว่าเรา update เรื่องของเราเลยละกัน

สำหรับ Tag 5 ข้อที่ทำให้รู้จักเราขึ้นมาก็ตามนี้แหละ



1. ตลกหน้าตาย มีหลายๆ คนเหมือนกันบอกว่าเรา เป็นคนที่ชอบพูดเรื่องตลก แล้วก็ทำหน้าตาย ก็เราไม่รู้นี่นา ว่าเวลาเราพูดแล้วคนจะขำ เราก็เลยทำหน้าเฉยๆ ไปไง คนเลยว่าเราเป็น ตลกหน้าตาย

2. กลัวสัตว์ เห็นมีแต่คนกลัวสัตว์กันจัง เราไม่กล้าบอกใครเลยเวลาคนมาถาม ว่ากลัวสัตว์ประเภทไหน เพราะเราไม่กลัวอะไรเลย เหมือนจะไม่ in trend ที่ต้องกลัวสัตว์อย่างน้อย 1 ประเภท ไม่ว่าจะ หนอน ไส้เดือน แมลงสาบ จิ้งจก ไส้เดือน แหะๆ จะมีคนเชื่อไหมน้อ

3.ผัก เรื่องผัก เราสามารถกินผักได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะแปลกขนาดไหน ประเทสไทย เพราะเราชอบกินผัก แต่ผลไม้ขอบายนะ เพราะเรากินเป็นไม่กี่อย่างเอง

4. ธรรมะ ขอบอกๆๆ ว่าเราไม่ใช่คนธรรมะ ธรรโมอะไรหรอก แต่สมัยเรียน มัธยมปลาย เคยเป็นตัวแทนโรงเรียนระดับ ม.5 (จากทั้งหมด 8 ห้อง ) ไปแข่งตอบปัญหาธรรมะระดับกรุงเทพมาแล้ว แต่ไม่ขอบอกผลนะ เหอๆ

5. นอน เราเป็นคนนอนง่ายมากๆ ไม่ว่าจะที่ไหน ขอให้พี่ที่พิงหัว สามารถนอนได้หมด จนเพื่อนๆ เคารพในความสามาถส่วนตัวของเรา ขนาดว่าไปเที่ยวโดยรถตู้ รถจะเข้าโค้งๆ หลายร้อยโค้ง เราก็ชิงหลับก่อนเมารถได้


ขอ tag ต่อไปที่ แต้น แตน แต้น
- Immy
- Nessa
- ชีริว
- karinas


โดย: หลังจอ วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:0:54:41 น.  

 
แฮปี้นิวเยียร์คะ ตอนที่ไปไม่ได้เคาท์ดาวน์เลย
สลบไสลกับการเดินทางระยะยาว
ก่อนทานอาหารเย็นไกด์พาไปลงหลุมหลบภัย
เหนื่อยสุดๆ พอขึ้นห้องอาบน้ำนอนหลับปุ๋ยเลย
ที่ดานังเค้าเงียบๆ ไม่มีการฉลองอะไรคะ


โดย: นู๋ส้มจุก วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:9:03:06 น.  

 
ตามมาเที่ยวต่อคับ


โดย: ตี๋น้อยคับ วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:14:29:10 น.  

 
เข้ามาแอบดู tag แหะๆ
รู้สึกคุณหลังจอจะไปเที่ยวไกลขึ้นเรื่อยๆนะครับเนี่ย อิจฉาๆ
ยังไม่เคยไปเวียดนามเลย

วัดพระแก้วสวยที่สุดในโลก !!! (ปลอบใจตัวเองครับ หุหุ)


โดย: ชีริว วันที่: 16 มกราคม 2550 เวลา:22:38:41 น.  

 
เข้ามาเที่ยวค่ะ อยากไปเวียดนามมั่งจัง


โดย: Firesky วันที่: 16 มกราคม 2550 เวลา:22:44:01 น.  

 
รูปสวยอีกแล้ว
รูปใส่ชุดกระฝนเนี้ยให้บรรยากาศดีเนอะ
ถึงฝนตกก้อไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเพื่อนเราเลยจริงๆ ฮ่า นับถือๆ



โดย: เหมือนจะไม่คิดถึง IP: 124.121.71.48 วันที่: 22 มกราคม 2550 เวลา:21:23:07 น.  

 
รูปสวยอีกแล้ว
รูปใส่ชุดกระฝนเนี้ยให้บรรยากาศดีเนอะ
ถึงฝนตกก้อไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเพื่อนเราเลยจริงๆ ฮ่า นับถือๆ



โดย: เหมือนจะไม่คิดถึง IP: 124.121.71.48 วันที่: 22 มกราคม 2550 เวลา:21:23:22 น.  

 
รูปสวยอีกแล้ว
รูปใส่ชุดกระฝนเนี้ยให้บรรยากาศดีเนอะ
ถึงฝนตกก้อไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเพื่อนเราเลยจริงๆ ฮ่า นับถือๆ

ขอช่วยยืนยันเรื่อง TAG นะ
1. ตลกหน้าตาย ....จริงคะ บางครั้งเพื่อนเล่าจบแล้ว เราก้อยังไม่กล้าขำ เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนจะเล่าให้ขำหรือเล่าให้ฟังเป็นข้อคิดเตือนใจ

2. กลัวสัตว์... จริงๆด้วยเนอะ ไม่เคยเห็นกลัวอะไรเลย แข็งแกร่งจริงๆเพื่อนเรา ว่าแต่ไม่กลัวสัตว์ แต่สัตว์กลัวป่าว? ประมาณว่า เดินไปไหนจิ้งจกหายเกลี้ยง อิอิ

3.ผัก ... อันนี้ก้อจริง กินผลไม้ได้กี่ชนิดเนี้ยเพื่อน? ยังชอบกินมะขามอยู่อีกป่าวจ๊ะ?

4. ธรรมะ .... ที่ไม่ขอบอกผลเนี้ย จำผลไม่ได้แล้วดิ? อายุปูนนี้แล้วอ่ะเนอะ ฮาๆ

5. นอน ... ข้อจริงสุดๆเลยค่า อย่าว่าแต่รถตู้เลย รถเมล์ยังนั่งหลับหัวชนกันมาแล้ว .... ฮ่า ๆ

รักหรอกจึงหลอกกัด อิอิ


โดย: เหมือนจะไม่คิดถึง IP: 124.121.71.48 วันที่: 22 มกราคม 2550 เวลา:21:31:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หลังจอ
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผ่านมาเพื่อผ่านไป โลกยังกว้างทางยังไกล ครั้งหนึ่งใช่ไหมที่เรารู้จักกัน
Friends' blogs
[Add หลังจอ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.