Bloggang.com : หลังจอ : วันที่ 3 ภาคสอง - Odawara --> Shinjuku -->Asakusa Temple ยามค่ำคืน

วันที่ 3 ภาคสอง - Odawara --> Shinjuku -->Asakusa Temple ยามค่ำคืน

25 / 10 / 2550

หลังจากวิ่งหน้าตั้งออกจาก Open Air Musuem ก็รีบจ้ำๆ นั่งรถย้อนกลับมาตั้งหลักกันที่ Hakone-Yumoto แล้วก็ไปเอากระเป๋าที่ locker จากนั้นก็โกยป่าแนบเลยหละ แต่ไม่วายแอบซื้อเบนโตะมากล่องนึง เพราะอยากลองทานดูแล้วก็หิวมากๆ เลยเที่ยงมานานแล้วหละ

"Bento หน้าตาน่าทาน ไม่รู้หรอกข้างในมีอะไร"

พอมาถึง Hakone-Yumoto เริ่มมึนๆ เพราะว่าต้องไปต่อรถไป Odawara แต่ไม่เห็นรถไฟเขียนป้ายบอกเลย เห็นมีรถไฟบอกว่าไป "Sagami-Ono" ชื่อไม่ค่อยคุ้นแฮะ แต่เพื่อนทรายบอกว่าผ่าน Odawara เราก็เลยลุย

ขึ้นรถมาปุ๊บ กะจะแกะเบนโตะทาน แต่ไม่กล้ากันหรอก เพราะมันแลดูอลังการ เลยต้องงัดขนมของโรงแรมที่เค้าให้มาทานรองท้องกัน หน้าตาน่าทานมากๆ เป็นประเภทแป้งห่อถั่วนะแหละ

"แป้งห่อถั่วแบบที่ 1"

"แป้งห่อถั่วแบบที่ 2"

พอรถถึง Odawara พวกเราก็เดินออกมากันหารถไฟไป Shinjuku กันต่อ แต่มองหาไม่ยักกะเจอแฮะ (รอบนี้เราไม่ได้หาข้อมูลเรื่องตารางรถไฟกลับเลย) เลยต้องมั่วๆ คลำทางกันต่อไป เค้าบอกว่าให้ไปสถานี Shin-Matsuda แต่ให้ขึ้นรถไฟคันที่ไปสถานี Sagami-Ono นั่นแหละ ….อืม….แล้วพวกเราจะออกจากรถไฟกันทำไมหละเนี่ย.............

"จำไว้ๆ Shin-matsuda"

ไม่เป็นไร ขึ้นรถไฟไปกันต่อ มั่วกันเมามันมาก เจอเด็กญี่ปุ่นน่ารักมากๆ เลยหละ กว่าจะแอบแชะได้ ลุ้นเพื่อนทรายตั้งนาน เหอๆ

"เด็กน่ารักๆ บนรถไฟ"

ถึง Shin-Matsuda ซักที ออกมาจากรถกันใหม่ ถามนายท่าต่อว่ามีรถไป Shinjuku ไหม คุยกันไปมาไม่รู้เรื่อง ปรากฏว่าเค้าบอกว่าให้ไป Sagami-Ono สรุปแล้ว พวกเราไม่ควรออกมาจากรถไฟคันแรกเลย โฮๆ

ลุยต่อ นั่งรถไป Sagami-Ono และในที่สุดพวกเราก็เจอรถไฟที่ไป Shinjuku กันจนได้ เย้ๆ เหนื่อยมากๆ รถแน่นพอสมควร ยืนได้สักระยะก็ได้นั่ง แล้วเราก็สมารถหลับได้ เพื่อนทรายบอกว่าเราจะพิงคนข้างๆ แล้ว แต่เราบอกว่าไม่เป็นไร เพราะชายหนุ่มข้างๆ เราน่ารัก เหอๆ

ช่วงนี้ของดถ่ายรูป เพราะต้องรอลุ้นระทึกจาก Shinjuku --> Asakusa Tobu และต้องวิ่งไปหา Tobu Information Center ที่ Asakusa Tobu ให้ทัน เพื่อไปเอา Nikko 1 Day Pass ในมือก็มีแต่แผนที่ที่พิมพ์มาจากเว็บเท่านั้น
.
.
.
.
.
.
.

ตึ่กๆๆๆ ในที่สุดก็ทัน พวกเราสามารถไปถึง Tobu Information Center ทันเวลา 16.50 แฮ่กๆ พอได้รับตั๋วแล้วก็ดีใจมากๆ แต่ว่าแผนของพวกเราวันนี้ต้องเปลี่ยนหมด เพราะตอนแรกกะว่าจะมาถึง Shinjuku ประมาณบ่ายสองแล้วเดิน Shinjuku นิดหน่อย จากนั้นก็มาเอา Nikko 1 Day Pass ที่ Asakusa Tobu แล้วก็ไป Odaiba ต่อตอนประมาณบ่าย 4 แต่ว่าขณะนี้เวลาโดยประมาณ 17.00 ท้องฟ้ากำลังมืด ก็เลยต้องยกเลิก Odaiba ไปโดยปริยาย (แอบเศร้าลึกๆ เพราะอยากดูสะพาน rainbow) เพราะถ้าไป ก็ไปดูพระอาทิตย์ตกไม่ทัน แล้วก็เร่งมากเกินไปด้วย

แล้วจะไปไหนต่อดีหละเนี่ย…….

ขอกินก่อนนะ เพราะว่าเบ็นโตะก็ยังไม่ได้ทาน ข้าวกลางวันก็มีแต่แป้งห่อถั่วเท่านั้น ทันใดนั้นสายตาก็สอดส่องเห็น Mos Burger แถวๆ Asakusa นะแหละ ที่เมืองไทยมีเปิดขายสาขาเดียวที่ Central World แต่เราก็ไม่เคยไปลองทานหรอก เพราะคิวยาวมากๆ แต่ที่นี่ Japan ร้าน Mos Burger มีกระจายไปทั่ว และสาขา Asakusa นี่ไม่มีคนเลย เย้ๆๆ เลยบุกไปซื้อทานกันก่อนจะเป็นลมซะก่อน

" Mos Burger เนื้อของเพื่อนทราย"

" Mos Burger หมูของเราเอง"

หลังจากหนังท้องตึงได้ที่ก็สรุปกันว่าเราจะไป Asakusa Temple ก่อนดีกว่าเพราะว่าไม่ไกลจากสถานี Asakusa Tobu เท่าไร แล้วก็อยากเห็นวิววัดยามค่ำคืนด้วย คงได้บรรยากาศอีกแบบนึง กองทัพเดินด้วยท้องเริ่มลุยต่อ พวกเราก็เดินๆ ไปเรื่อยๆ แอบถามเจ้าหน้าที่ตรง Tourist Center มาแล้ว เค้าบอกว่าเดินจากตรง Tobu ไปประมาณสองสี่แยกหรือสอง block เท่านั้น ไม่ไกลมาก แต่เราต้องฝากกระเป๋ากันอีกแล้ว เพราะว่ามันหนักจริงๆ

" วิววัดยามค่ำคืน"

" วิววัดยามค่ำคืนอีกมุม"

" มุมสวยๆ อีกมุม "

จากนั้นก็ดูวิวยามค่ำคืน ร้านรวงยังแลดูคึกคักแต่บางร้านก็เริ่มปิดแล้วหละ ก็เดินดูของฝากจำพวกเครื่องราง เพราะ order จากพี่ๆ น้องๆ เยอะมาก แต่ก็ได้ของไม่ครบหรอก เพราะต้องทำเวลากัน

" ขอแอบแชะบ้าง"

" มุมเดิม (แต่เปลี่ยนคน)"

ร้านค้าก็มีร้านขายของเล่นแปลกด้วยหละ ลองดูดีๆ สิ มีขายอะไรด้วย

"เห็นไรอ่ะเปล่า"

เดินไปเจอร้านแป้งทอด คนมุงเยอะเหมือนกัน เลยลองกันคนละชิ้น รสชาเขียว และ รสมัน แล้วก็มีคนที่ขายหน้าร้านหยิบแว่นของเล่นตลกๆ มาเต๊ะท่าถ่ายรูปกะพวกเราด้วยหละ

"หน้าร้านขนมทอด"

เดินๆ กันถึงประมาณทุ่มกว่าๆ เลยต้องเปลี่ยนแผนกันว่าจะไปไหนกันต่อ สรุปได้มาก็คือ ไป Namja Town ที่ย่าน Ikebukuro ซึ่งไม่ได้อยู่ในแผนของเราเลย แล้วจะเป็นไง ไปแล้วจะสนุกสนานไหม มาติดตามกันต่อนะ