|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เที่ยวตะลอนนอนดูดาว สามคืนสามภู
ภูเรือ อ.ภูเรือ จ.เลย ภูสวนทราย อ.นาแห้ว จ.เลย ภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์
เราอุปกรณ์ชีวิตสามชิ้น ส่วนประกอบของเมืองหลวง ตั้งเป้าแผนการเดินทางคร่าวๆไว้ว่า ทริปที่กำลังจะไปนี้ ไม่อาจกำหนดเวลาที่แน่นอน ก่อน-หลังได้ ให้ไปถึงที่นั่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน.....อีกที เมื่อกางแผนที่การท่องเที่ยวดู เป้าหมายของเรา(หรือของกรูคนเดียววะ) ที่มีอยู่ในใจคือ ภูสอยดาว ภูสวนทราย(นาแห้ว) และ ภูเรือ
พวกเราทั้งสาม ลางานไว้ในวันที่ 6-7 ธันวาคม ทำให้ทุกคนมีจำนวนวันหยุดเท่ากัน คือ 5-6-7-8-9-10 ธันวาคม ผมได้จองตั๋วรถทัวร์ ป.1 ของเพชรประเสริฐทัวร์ กรุงเทพฯ-หล่มสัก ในคืนวันที่ 4 ธันวา เที่ยวสุดท้ายห้าทุ่มครึ่ง
เมื่อถึงวันเดินทาง ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น ทุกคนมาพร้อมไม่มีใครบาดเจ็บหรือล้มตายก่อนการเดินทาง นั่ง-ตื่น-หลับ-ตื่น-ตื่น-นอน-หลับ-ตื่น ประมาณตีห้าครึ่ง ถึงปลายทางหล่มสัก เพื่อนที่ขับรถกระบะไม่มีแค๊ปมารับ มายืนหน้าสลอน คอยรอรับ
เราทั้งสามนั่งท้ายรถกระบะจากหล่มสัก เพื่อเดินทางต่อไปตั้งหลักที่อำเภอด่านซ้าย ณ อบต.กกสะทอน ที่นั่นเป็นที่ทำงานของเพื่อน
ต่อจากบรรทัดนี้ เล่าเรื่องราวด้วยภาพประกอบดีกว่า...
พื้นที่ระหว่างสัญจร....ท้ายกระบะรถ
เมื่อไปถึงพื้นที่ ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย เพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ก็พาตระเวน ไปทำความรู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่ของพื้นที่กันก่อน เริ่มต้นด้วย บ้านนายก อบต. ส.อบต. และ อีก หลายท่านๆ
"คนกินก็ท้อคนรอก็อยาก" เช้าแรกที่ร่ำสุรินกินสุรา(ขาว) หน้าบ้านนายกอบต.
กว่าจะได้ออกจากหมู่บ้าน หัวแทบหมุน คอแทบขาด จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปภูเรือ เราปรับแผนท่องเที่ยวเล็กน้อย คือจากเดิมที่จะไล่จากบนลงล่าง(ภูสอยดาว-ภูสวนทราย-ภูเรือ) เป็น จากล่างขึ้นบน(ภูเรือ-ภูสวนทราย-ภูสอยดาว) ประหนึ่งว่าไต่ระดับความสูงของยอดภู และ ไล่ระดับความยากลำบากยังไงยังงั้น
ปายก่อนนะ เดี๋ยวนั่งปักหลักมาวแล้วตูจะอดเที่ยว
บริเวณลานกางเต้นท์บนภูเรือ
คืนนี้ที่ภูเรือ วันที่ 5 ธันวาคม 2550 ที่ระดับความสูง 1365 เมตร
ที่ภูเรือ ผู้คนมากมายแต่ไม่ถึงกับจอแจนัก เอาเป็นว่ารับได้ ห้องน้ำ ห้องท่าก็ว่างมากมาย ร้านอาหารก็ยังบริการได้รวดเร็วเป็นปกติ
เมื่อไปถึงเราก็เดินสำรวจพื้นที่กลางเต้นท์ ขอพื้นที่ปลอดผู้คนสักหน่อย ได้ทำเลที่เหมาะ ไม่มีใครเดินผ่าน ทุกอย่างลงตัว จุดฟืน ก่อไฟ ปิ้งย่าง อิ่มเอม เปรมปรี
ตรงนี้ จุด ปิ้ง ผิงไฟ ดูดาว บนภูเรือ
ค่ำของคืนวันที่ 5 ธันวานี้ เจ้าหน้าที่อุทยานออกเสียงตามสายเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรร่วมกัน ที่บริเวณหน้าที่ทำการศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ใน เวลา 19.19 น.
เมื่อผู้คนมารวมตัวกันเพื่อในหลวงของเรา ผมคะเนด้วยสายตาเอาว่าผู้คนที่ออกมาจุดเทียนชัย น่าจะประมาณ 150-200 คน ซึ่งก็น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมด ที่ขึ้นมานอนบนภูเรือแห่งนี้....เสียดายไม่มีภาพถ่าย แบตกล้องหมดรอบแรกที่นี่
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ว่า คืนที่ผ่านมาอุณหภูมิที่ภูเรือต่ำสุดอยู่ที่ 8 องศาฯ แต่วันที่เราไป ผมว่าน่าจะประมาณ 10 หรือไม่น่าต่ำไปกว่านี้....
ค่ำคืนนี้ดาวสวยสุดๆ ไม่ได้เห็นดวงดาวเต็มแผ่นฟ้าอย่างนี้มานานนัก...สุขใจจริง
ยามเช้าเมื่อทุกคนจับจ้องรอพระอาทิตย์ขึ้นบนภูเรือ
สนไหม? เออ ต้นสน
นี่ก็ยามเช้าที่ภูเรือ
รุ่งเช้าตื่นตีห้า มุ่งหน้าดูดวงอาทิตย์ขึ้นที่ภูเรือ ผู้คนมากมายพากันเดินทางไปสู่จุดนัดพบเพื่อรอชมแรงแรก และก็สมหวังไปตามๆกัน หลังจากเลิกชื่นชมความงดงามยามเช้า เราก็กลับมาจัดแจงตัวเอง กินข้าว จิบกาแฟ เก็บเต้นท์ เก็บผ้าและบอกลา ภูเรือ
คืนสอง "ภูสวนทราย" 6 ธันวาคม 2550 ที่ระดับความสูง 1408 เมตร
จุดหมายต่อไป จะแวะที่อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย(นาแห้ว) ยังไม่แน่ใจนักว่า จะมีอะไรน่าสนใจสำหรับที่นี่ ถ้าหากไม่ดีหรือไม่น่าสนใจเพียงพอ เราจะเลยไปที่ภูสอยดาว
ไปถึงที่ทำการอุทยานภูสวนทรายบ่ายโมง สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวของอุทยาน.....ได้รับความสนใจพอดู
นอน? หรือ ไม่นอน? ขึ้น? ไม่ขึ้น? คือคำถามของกลุ่ม แต่คงต้องนอนที่นี้แล้วแหละคืนนี้ เพราะคงไปไม่ทันขึ้นภูสอยดาวก่อนบ่ายสองโมง
เราจะขึ้นไปกางเต้นท์ที่เนิน 1408 ซึ่งเป็นยอดภูที่สูงสุดของภาคอีสาน(เขาว่างั้น) ระยะทางเดินเท้าถึงที่นั่นประมาณ 6.5 กม.ใช้เวลา.......เดี๋ยวก็รู้
เมื่อเราไม่ได้เตรียมอาหารการกินสำหรับจะกางเต้นท์นอนที่นี่ตั้งแต่แรก จึงมีเพียงอาหารเหลือมาจากภูเรือที่เคยอยู่สุขอุดม มาประทังชีวี เช่น พวกลูกชิ้น ไส้กรอก แหนม ข้าวเหนียว กระหล่ำปลี และซื้อน้ำเพิ่มไปคนละขวดสองขวด เออ ยังมีรีเจนซี่ อีกสองขวดจากภูเรือยังปริมาณยังอยู่เต็ม สิ่งนี้จำเป็นมาก....กรูสะพายใส่เป้เอง
พวกเราจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง หากต้องการขึ้นไปพักแรมบนเนิน 1408 จึงจ้างเจ้าหน้าที่นำทาง 1 คน(คือพี่ปาน) และ ลูกหาบ อีก 1 คน(คือน้องแล็ค)
เมื่อเริ่มต้นที่จุดสตาร์ท แต่ละคนกระฉับกระเฉงจริงๆ
เหนื่อยหอบ พักกันยาวๆไปก่อน
นาแห้วผืนป่าอุดมสมบูรณ์พอดู ที่นี่เป็นฐานปฏิบัติการ(เก่า)สมัยสมรภูมิร่มเกล้า เมื่อปี 2531 กรณีพิพาทดินแดนระหว่าง ไทย ทะเลาะกับ ลาว และเราเกือบแพ้
เนิน 1408 เป็นจุดยุทธศาสตร์บนที่สูงสุดของพื้นที่ๆมีปัญหา(แต่อยู่ต่ำกว่าฐานที่มั่นของลาว....เวรจริงๆ) ที่นี่เป็นคล้ายศูนย์ลำเลียงขนส่ง และเฝ้าระวังฝั่งตรงข้าม
ถึงแล้วเฟ้ยยย
จุดกางเต้นท์ หลบเหลี่ยมเขาหน่อยเพราะลมแรง
อีกมุมของจุดกางเต้นท์
คืนนั้น ที่เนิน 1408 มีเพียงเราคณะเดียว 5 คน กับเจ้าหน้าที่ 2 ท่าน ตอนเดินขึ้นเราใช้เส้นทางที่สั้นกว่าเส้นทางหลักที่จะใช้เดินขึ้นตอนแรก เพราะเกรงว่าจะมืดก่อน ถึงข้างบนจึงเปลี่ยนเป็นเส้นทางนี้ที่สั้นกว่าและโหดน้อยกว่า ทางเดินป่าเป็นระยะทางสูงชัน ประมาณ 1 กิโลเมตร ส่วนที่เหลือเป็นเนินค่อนข้างราบ เราใช้เวลาเดินสองชั่วโมงกว่าๆ ก็ขึ้นถึงเนิน 1408 ในเวลาประมาณห้าโมงเย็น
หลุมหลบภัยบนเนิน1408 ข้ามสันเขาไปด้านโน้นคือฝั่งลาว
ด้านบนบริเวณลานกางเต้นท์ยังมีบังเกอร์หลบภัย(เก่า) ประมาณ 10 หลุม มีห้องน้ำซึ่งห่างออกไปประมาณ 100 เมตร(สภาพไม่ทราบ เพราะไม่ได้อาบน้ำ เพราะเดินไกลเกินมันวังเวง และไม่มีไฟฟ้าใช้)
มีอะไรเหลือ เพื่อนกรูจับย่างหมดแม้กระทั่งกระหล่ำปลี
สองทุ่ม อุปกรณ์ปรับสมดุลสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายก็หมดลง...เซ็งเลย จะหาซื้อก็ไม่สามารถทำได้ นอกเสียจากจะมีเฮลิคอปเตอร์บินลงไป คาดการณ์ผิดไปนิด นึกว่าเพื่อนๆคงเหนื่อย และคงจะไม่มีใครดื่มน้ำคำฝอย...สักเท่าไหร่ ที่ไหนได้ ดื่มเหล้าเพียวๆบนดอยมันอร่อยและเปลืองอย่างนี้นี่เอง เสียดาย....คิดถึงเหล้าขาวขึ้นมาเลยตู
กลางคืนลมแรงมาก เพราะเป็นเนินหน้าผาที่รับลม ดึกๆสะตุ้งตื่นบ่อยๆ เสียงใบไม้กระทบกันฟังคล้ายว่าฝนตก บางทีก็ฟังคล้ายเสียงน้ำตก เหมือนเรากำลังนอนฟังเสียงน้ำไหลแรงๆเลย...
ยามเช้า เหน็บหนาวและลมแรง
ยามเช้าตรู่ที่ภูสวนทราย
อีกหนึ่ง
เหมือนถ่ายปกเทปเลยเพื่อน
รูปนี้เท่หว่ะ ตั้งเองถ่ายเอง ซะเลย
หลังจากถ่ายรูป เก็บเต้นท์ เก็บของก็เตรียมเดินเท้า รีบทำเวลากันหน่อยเพราะหิวและไม่มีอะไรกินแล้ว... เจ้าหน้าที่พาเดินลงเส้นทางใหม่ซึ่งเราไม่ได้ใช้เป็นทางขาขึ้นของเมื่อวาน โอ้โห.... โชคดีเป็นไหนๆ ที่พี่ท่านไม่พาขึ้นทางนี้ ขนาดเมื่อวานระยะทางดิ่งขึ้น 1 กิโลเมตร ตูยังแย่ มีเพื่อนเหนื่อยอ๊วกแตกไปสามรอบ
ขาลงจะเดินเลาะไหล่เขา สูงชัน ขึ้น-ลง ไปเรื่อยๆ มองเห็นด้านล่างอยู่ริบหรี่ เมื่อไหร่จะถึงพื้น.... วันนี้เหนื่อยอีกแล้ว พอๆกับตอนขึ้นมาเลย เสียดายแบตกล้องหมดอดดูรูปกันไป
ลงถึงข้างล่าง ถอดรองเท้า ถุงเท้าตากแดด อาบน้ำ เปลี่ยนทรง กินข้าว อร่อยมากเพราะความอดอยากที่สืบเนื่องจากเมื่อคืน.....
และเราก็บอกลาภูสวนทราย ตอนเที่ยงกว่าๆ มุ่งหน้าสู่ภูสอยดาว
เส้นทางนาแห้ว ผ่านชาติตระการ สู่ภูสอยดาว อุตรดิตถ์
ถึงแล้ว ภูสอยดาว ตอนบ่ายของวัน
คืนนี้ที่ "ภูสอยดาว" 7 ธันวาคม 2550 ที่ระดับความสูง 1633 เมตร
ไปถึงภูสอยดาว เกิดกรณีพิพาทเล็กๆ ระหว่างเพื่อน กับ เพื่อน ใช้เวลาโต้ความรู้สึกและตัดสินความขัดแย้งกันสักพัก ต่อหน้าเจ้าหน้าที่อุทยานฯ
ขึ้น-หรือไม่ขึ้น?
เพราะนี่ใกล้หมดเวลาที่จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นสู่ลานสนภูสอยดาวแล้ว(ต้องขึ้นก่อน14.00น.)
ข้าพเจ้าลอยตัว ขึ้นก็ได้ ไม่ขึ้นไม่ได้... มรึงสองคนตกลงกันเอานะ แต่.... มาแล้วนี่ ขึ้นกันดีกว่า แต่ที่แน่ๆ คืนนี้จะไม่มีสมาชิกร่วมทริปของเรา 2 คนจากจังหวัดเลย ซึ่งจำเป็นต้องขอตัวกลับก่อน...
พวกเรา 3 คน ก็เข้าใจในสาเหตุ จึงแยกกันที่นี่ ณ วันนี้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ลงจากภูสอยดาวแล้ว จะหาทางกลับไปที่ด่านซ้ายกันเอง
เมื่อต้องขึ้น ทั้งๆที่ยังเหนื่อยมาจากภูสวนทราย เราจะไม่แบกเป้ด้วยตนเองแน่ๆ เอาแค่น้ำดื่มคนละขวดติดมือไป ส่วนอาหารที่พอจะประทังได้สำหรับสองมื้อ คือไก่ย่าง 6 ชิ้น ข้าวเหนียว 1 กิโล ไข่ปิ้ง 10 ฟอง น้ำเปล่า 6 ขวด........และ แสงโสม 1 กลม
เริ่มเดินเท้าขึ้นลานสน 14.00 น. เป็นคณะสุดท้ายของวันนั้น
ไปโลด...... แค่พบเธอ(ป้าย)....ก็เจอความท้อ
พักเหนื่อย
เหนื่อยกว่า...อีก
เห็นอย่างนี้ หายเหนื่อยขึ้นมั่ง
ชีวิตยังมีหวัง ใกล้ถึงแล้วอีกนิดเดียว
มันแอบปรึกษากัน จะลงก่อน หรือ จะเดินต่อ
สุดท้ายก็มาถึง...ว่ะ
ขึ้นถึงลานสนภูสอยดาวเวลา 17.30 น. ก็ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป ตอนก่อนถึงที่ลานสนภูสอยดาว ระยะสัก 50 เมตร เราพบสุภาพสตรีร่างท้วมนางหนึ่ง นั่งแท่นพักให้หายหอบอยู่บนโขดหิน...
ทักทาย เจรจา ได้ความว่า มากับคณะ 6 คน ขึ้นมาตอน 9.30 น. และเพิ่งถึงนี่นะ....!!!! ตกใจ ..... เธอบอกว่า มาเรื่อยๆ ...พวกเราสรุปกันว่า เธอคงถูกเพื่อนหลอกมาว่า เดินเขามันง่ายๆสบายๆ ผมเชื่ออีกว่า เธอคงไม่ไปเหยียบภูสอยดาวอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ...พนันกันไหม?
ตะวันชิงพลบ ที่ภูสอยดาว
เมื่อขึ้นไปถึงลานสนฯ ลูกหาบที่หาบของของพวกเราก็ยังไม่ขึ้นมาเลย หิวก็หิว ทำอะไรก็ทำไม่ได้ ลูกหาบประเมิณพวกเราต่ำไปหน่อย...นะ เขากะว่าเมื่อพวกเราขึ้นแล้ว อีกสักชั่วโมงจึงจะตามขึ้นมา และกะว่าพวกเราจะถึงลานสนภูสอยดาวประมาณ 1 ทุ่ม... เหอๆ คิดผิดถนัด
ช่วงนี้ที่รอของก็ไปเดินถ่ายรูป เก็บฟืน หลังจากนั้นลูกหาบก็ตามมาแล้ว... ขอกินข้าวก่อน...นะ ข้าวเหนียว+ไก่ สำหรับสองมื้อ ก็หมดไปภายในมื้อนี้มื้อเดียว พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่..... แต่ยังดีเพื่อนยังมี มาม่าอีก 3 ซองเก็บไว้กันตาย....ขอซื้อเจ้าหน้าที่มา 40 บาท
หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า อากาศเย็นยะเยือกเข้ากระดูกดีแท้ น้ำค้างแรงจนผ้าเปียกชื้น ทุ่มกว่าๆ เพื่อนเราก็นอนกันเข้านอนซะแล้ว....เออ มันเหนื่อย แต่..... แล้วกรูจะกินเหล้ากับใคร?
กินคนเดียวก็ได้วะ มีดาวเป็นเพื่อน แล้วกรูจะนอนหลังจากไฟมอด ฟืนหมด
พระเจ้าไม่ได้ใจร้าย ปล่อยให้ผมนั่งกินเหล้า ดูดาว คิดถึงใคร?บางคน อยู่คนเดียว
มีร่างตะคุ่มๆ เดินเข้ามาใกล้ข้างๆกองไฟ
"ขออาศัยไฟด้วยนะพี่ ผมนอนไม่หลับ......" ดีเลยไอ้น้องมากินเหล้าเป็นเพื่อนหน่อย(คือน้องต๋อง มาจากนครสวรรค์ กับแฟน)
ตอนเช้า ก็ได้รู้จักเต้นท์อื่นๆ และก็ได้มาซึ่งความอยู่รอด..(น้ำร้อนและขันใส่มาม่าต้ม)
เก็บเต้นท์บอกลาลานสนภูสอยดาว ต้องรีบกลับลงไปหารถเพื่อกลับด่านซ้ายกันต่อ มีหลายเต้นท์ ที่งและงงกับพวกเรา ทำไม มันมาไว ไปไววะ? เรามาคณะสุดท้าย แต่ทะลึ่ง กลับลงไป คณะแรก ซะงั้น
ได้แต่บอกพวกเขาไปว่า
"ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา".... แค่แวะขึ้นมากินข้าวเย็น และกินกาแฟตอนเช้า แล้วก็จะกลับแล้ว.... ดูมันทำ
ระหว่างทางตอนขาลง พวกเราสวนกับคนที่กำลังขึ้นไปเกือบทุกคณะ คนน่าจะสอง-สามหลายร้อยคนเห็นจะได้.... ดีนะที่เราขึ้นมาไม่ค่อยมีคน....ดีจริงๆที่มาก่อนคนอื่น... ที่นี่เหนื่อยมาก แต่ก็แรกกันกับอากาศหนาว และ ดาวสวยมากๆ
ไปก่อน ภูสอยดาวแล้วจะกลับมาในหน้าฝน...เมื่อไหร่หว่า?
ลงจากลานสนฯ 8.30 น. ถึงที่ทำการอุทยานด้านล่าง 11.00 น. อาบน้ำ กินข้าว และเตรียมหารถเหมาเดินทางไป อ.นครไทย เพื่อไปขึ้นรถทัวร์ นครไทย-ด่านซ้าย ที่นั่น......
คุยกับพี่ๆ ไม่มีรถให้เหมาเลย คณะที่กำลังจะกลับก็ไปไม่ถึง นครไทย หรือ พิษณุโลก วันนี้ เราคงต้องรอโบกรถไป....ให้ถึงด่านซ้าย
เมื่อเจรจากับรถเช่า ไม่มีใครไป แต่มีผู้ชายใจดีคนหนึ่งบอกว่า จะมีรถโดยสารขึ้นมาตอนบ่ายโมง งั้นเราจะรอ รถโดยสารไปอ.ชาติตระการ...แล้วจากนั้นค่อยว่ากันอีกที
ระหว่างเดินกลับไปที่ ที่ทำการฯเพื่อซื้อโพสการ์ด เพื่อนก็โบกรถกระบะคันหนึ่งที่วิ่งสวนผ่านเราพอดี
ไถ่ถามว่าจะไปไหนครับพี่? จะอาศัยไปด้วย...ว่างั้นเถอะ พี่ๆเขาก็มึนๆ งงๆ หรือกลัวเราจะขนยาบ้าขึ้นรถก็ไม่รู้ พี่เขาบอก จะไปหล่มสัก เพชรบูรณ์....โห อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนั้น เราก็ตั้งใจไปถ้าไม่ ด่านซ้าย หรือ หล่มสัก ก็ได้
เราสามคนจึงขออนุญาตกระโดดขึ้นท้ายรถทันทีทันใด.
รถแล่นมาไกลถึงทางสามแยกแถวหมู่บ้านร่มเกล้า พี่คนขับรถ จอดรถสนิท เราสามคนมองหน้ากัน พูดกันเล่นๆว่า
"เค้าจะไล่เราลงรถหรือเปล่าวะ?"
"น้องๆ ตรงแยกนี้เราต้องไปทางไหนต่อ"
อ๋อ!.... โล่งอกไป พี่เค้าไม่รู้ทาง แถมนี่เป็นครั้งแรกที่ใช้เส้นทางสายนี้อีกต่างหากอ้าว! ซะงั้น
"งั้นพี่เอาแผนที่ของผมไปดูนะ พี่ไปทางนี้ ........... ผ่านนาแห้ว ไปด่านซ้าย แล้วพวกผมขอลงที่ด่านซ้าย ตรงพระธาตุศรีสองรัก."
ตกลงพวกเราต้องบอกทางพี่เขาอีกทีนึง
สภาพหลังรถคุณอา(ศัย)
เมื่อถึงด่านซ้าย เราก็ขอบคุณพี่รถกระบะทะเบียนขอนแก่น รู้ว่าปลายทางพี่เขาจะไปชัยภูมิ... ก่อนลาเราก็ให้ค่าขนมกับเด็กน้อยวัยไม่กี่เดือน ที่มีคุณแม่อุ้มอยู่หน้ารถ เด็กน้อยกำตังค์ปั๊บ เพราะไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ถ้าเราให้เงินช่วยค่าน้ำมันคนขับหรือแม่เด็กคงจะไม่รับน้ำใจจากพวกเราแน่ๆ
นั่งจิบกาแฟสักพัก เพื่อนก็ขับรถมารับกลับไป ต.กกสะทอน ไม่ต้องพักผ่อนมันหล่ะ คืนนี้มีงานเลี้ยงขอบคุณคณะแจกผ้าห่มให้น้องคลายหนาว... และคืนนี้ก็จะมีคณะของพวกเราแจมกะพวกเขาด้วย แฮ่ๆ
งานเลี้ยงเล็กๆจัดขึ้นที่ สนง.เกษตรที่สูงจังหวัดเลย อ.ด่านซ้าย...และงานนี้พวกเราก็หนีไม่พ้นเหล้าขาว.... อีกแล้วสิกรู
งานเลี้ยงที่เกษตรที่สูงฯ
รุ่งเช้าอีกวัน นอนพักผ่อน ก่อนไปเที่ยวหมู่บ้านม้ง แถวตีนเขาภูหินล่องกล้า และกลับลงมาเก็บเสื้อผ้า เตรียมตัวกลับ มหานคร
ทริปนี้ เหนื่อย สนุก และประทับใจ....จะไม่รู้ลืม ------------------------------------------------ ------------------------------------------------
บทสรุปส่วนตัว "เดินทางสามภู - ดูดาวสามคืน"
จัดอันดับความรู้สึกส่วนตัวต่อสถานที่ไว้บางอย่าง ดังนี้....นะ
ไล่จากรู้สึกว่าดีที่สุด ประทับใจที่สุดละกัน
สุดหนาว ภูสอยดาว ภูสวนทราย ภูเรือ ดาวสวย ภูสอยดาว ภูเรือ ภูสวนทราย ต้นไม้งาม ภูสวนทราย ภูสอยดาว ภูเรือ เหนื่อยหนัก ภูสอยดาว (6.5 กม. เดินเท้า 3.5 ชม.) ภูสวนทราย (6.5 กม. เดินเท้า 2.5 ชม.) ภูเรือ(เดินแค่นิดเดียว)
บริการประทับใจ - ภูสวนทราย ภูเรือ ภูสอยดาว ------------------------------------------------------ ปล. ขอบคุณ เพื่อนๆที่ได้ร่วมวีรกรรมด้วยกัน ขอบคุณ พี่ประธานเอื้อเฟื้อ พาหนะ ขอบคุณ นายก อบต.กกสะทอน ที่เปิดใจต้อนรับและให้ยืมลูกน้อง ขอบคุณ ผอ.เกษตรที่สูงจังหวัดเลย เปิดพื้นที่ให้สังสรรค์อย่างกันเอง ขอบคุณ ส.อบต.ประดับ และผู้ใหญ่บ้าน ที่ดูแล ใส่ใจ และให้ที่นอน และขอบคุณ มากๆเป็นพิเศษเพื่อนสมบุญ... และ อบต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย
"We will be back"
Create Date : 17 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 20 ธันวาคม 2550 15:57:16 น. |
|
33 comments
|
Counter : 1940 Pageviews. |
|
|
|
โดย: นู๋ที วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:17:19:29 น. |
|
|
|
โดย: Kurt Narris วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:17:39:52 น. |
|
|
|
โดย: sak (psak28 ) วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:18:22:12 น. |
|
|
|
โดย: คนเขาค้อ IP: 202.91.19.206 วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:20:24:08 น. |
|
|
|
โดย: นางสาวอาร์ต วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:21:10:34 น. |
|
|
|
โดย: COCOSWEET วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:21:35:44 น. |
|
|
|
โดย: nattabe วันที่: 18 ธันวาคม 2550 เวลา:0:32:36 น. |
|
|
|
โดย: พี่แหม๋ว IP: 58.10.65.81 วันที่: 18 ธันวาคม 2550 เวลา:13:00:58 น. |
|
|
|
โดย: กูเอง.. เพื่อนร่วมทริป IP: 210.246.148.28 วันที่: 18 ธันวาคม 2550 เวลา:14:44:22 น. |
|
|
|
โดย: ตากล้อง...ใฝ่ต่ำ IP: 125.24.222.216 วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:3:28:11 น. |
|
|
|
โดย: JERRY99CB750FC IP: 124.157.129.62 วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:10:01:51 น. |
|
|
|
โดย: จขบ. IP: 58.8.193.28 วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:11:16:09 น. |
|
|
|
โดย: JERRY99CB750FC IP: 124.157.129.62 วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:12:05:21 น. |
|
|
|
โดย: คนในวิทยุ ^^ IP: 203.156.116.10 วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:18:40:34 น. |
|
|
|
โดย: u (umi_chan_2 ) วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:9:25:21 น. |
|
|
|
โดย: PANDIN วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:14:17:26 น. |
|
|
|
โดย: จขบ. (ชลสิทธิ์ ) วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:15:30:12 น. |
|
|
|
โดย: กากีซ่าส์ วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:16:37:41 น. |
|
|
|
โดย: friends trip IP: 210.246.148.28 วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:9:42:19 น. |
|
|
|
โดย: ม้าห้อ (cm-2500 ) วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:2:36:17 น. |
|
|
|
โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 27 ธันวาคม 2550 เวลา:18:09:50 น. |
|
|
|
โดย: nattabe วันที่: 28 ธันวาคม 2550 เวลา:23:30:29 น. |
|
|
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 30 ธันวาคม 2550 เวลา:22:11:12 น. |
|
|
|
โดย: tidds วันที่: 31 ธันวาคม 2550 เวลา:13:26:34 น. |
|
|
|
โดย: ไก่จ้ะ (Sweet evil ) วันที่: 31 ธันวาคม 2550 เวลา:19:41:09 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 3 มกราคม 2551 เวลา:11:02:00 น. |
|
|
|
โดย: largeface วันที่: 28 มกราคม 2551 เวลา:20:05:25 น. |
|
|
|
โดย: อ้อย (aoyjeab ) วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:02:34 น. |
|
|
|
โดย: ต่าย (1ในผู้ร่วมเดินทาง) IP: 202.41.187.247 วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:15:51:43 น. |
|
|
|
โดย: เพื่อนใหม่ IP: 61.90.176.130 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:25:16 น. |
|
|
|
โดย: กัสจัง IP: 125.27.88.9 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:05:14 น. |
|
|
|
โดย: โอปอล IP: 124.120.244.167 วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:4:20:00 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
"ชลสิทธิ์" และ "ชลสิทธิ์ วรสินธุ์" เป็นนามปากกาในการเขียนของ"อนิรุจน์ มั่งคั่ง" งานเขียนงานประพันธ์ที่สร้างสรรค์ขึ้นทุกประเภท ที่ปรากฏในเวบไซด์นี้ได้รับความคุ้มครองสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537(มาตรา15)
|
|
|
|
|
|
|
|