...บ้าน...
....บ้าน...คำเดียวคำที่รวมเอาความหมายทั้งหมด ของคำว่า"รัก"เอาไว้เสียงกระดิ่งลม ดังกรุ๊งกริ๊ง ยามที่แรงลมพัดผ่าน เหมือนเป็นเสียงดนตรีที่คอยกล่อมให้...บ้าน...รื่นรมย์ แม่ร้องถามจากครัวเล็กเล็กของบ้าน...วันนี้ลูกอยากทานอะไร...ฉันบอกชื่ออาหารเหนือ หลายเมนู จนแม่ส่ายหัว แล้วส่งเสียงแบบแอบหยอกลูกสาวกลับมาว่า...อยากทานทุกเมนู ต้องอยู่กับแม่ซักเดือน...ฉันหันไปยิ้มกับแม่ที่ตอนนี้เดินมาหา พร้อมจานขนม และน้ำในขันเงินใบใหญ่...น้ำลอยดอกมะลิ...ฉันยิ้มแก้มปริ แม่ไม่เคยลืมแม้กระทั่ง น้ำที่ลูกสาวคนนี้ชอบดื่มในหน้าร้อน แค่น้ำเปล่าลอยดอกมะลิที่ปลูกเองหลังบ้าน ใส่ขันเงินหรือสะหลุง แช่เย็นไว้ให้เย็นเฉียบยิ่งถ้าเป็นสมัยเด็กเด็ก ที่บ้านเรามีโอ่งเก็บน้ำฝนใบโต เก็บไว้ดื่มในหน้าร้อน...น้ำฝนลอยดอกมะลิ...หอมกลิ่นมะลิ และตอนน้ำเย็นเย็นถูกกลืนผ่านลำคอ นอกจากสดชื่นแล้ว จะรู้สึกถึงกลิ่นน้ำฝน รับรสและกลิ่น คล้ายดินหอมหอมอีกด้วย แต่น่าเสียดาย...แม่บอกว่าเดี๋ยวนี้ไม่กล้ารองน้ำฝนไว้ดื่มอีกแล้ว โลกมันเปลี่ยนฉันดื่มน้ำเย็นเย็น ชื่นใจไม่ใช่แค่เพราะน้ำ หากแต่เพราะน้ำขันนี้แม่ใส่ "ความรัก" มาเต็มขัน ฉันบอกกับทุกคนเสมอว่า ฉันเป็นลูกสาวชาวนาชาวสวน ที่พ่อแม่จบแค่ป.๔ พ่อและแม่พยายามอย่างเหลือเกิน ที่จะส่งเสียลูกสาวคนนี้ ให้เติบใหญ่ ให้มีการศึกษาพ่อแม่ไม่รู้เลยว่าจะสอนการบ้านลูกอย่างไร แต่สิ่งที่พ่อกับแม่ทำ คือการลูบหัวและบอกเสมอว่า...แค่ลูกของพ่อและแม่ขยัน พ่อกับแม่ก็ดีใจที่สุดแล้ว ฉันว่ามันแก้ได้ทุกโจทย์จริงจริง...ความรัก...ฉันยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนที่จะวางหนังสือเล่มที่หยิบติดมือจากชั้นหนังสือ ที่ตอนนี้แทบจะไม่มีที่ว่าง ให้วางหนังสือเล่มใหม่ใหม่ลงไป แม่เก็บหนังสือเหล่านี้ไว้อย่างดี รอลูกกลับมาอ่านเสมอบ้านของเฮา...เจียงใหม่...แม้จะเป็นหน้าร้อน แต่ด้วยหลังบ้านติดกับทุ่งนาผืนกว้าง ภูเขาใหญ่ ทำให้ลมเย็นเย็นพัดผ่านมาให้ได้รู้สึกสบายสบาย ตลอดวัน โดยไม่ต้องอาศัยพัดลม หากมีบ้านหรือตึกบัง อากาศที่เมืองเหนือในยามหน้าร้อนแบบนี้ ไม่อยากบรรยายเลยทีเดียวฉันจึงเดินออกไปหลังบ้าน ทรุดตัวนั่งลงบนม้านั่งยาว ที่พ่อเอาไปตั้งไว้ติดร่องน้ำเล็กเล็ก ที่ใช้ในการหล่อเลี้ยงผืนนากว้างสุดลูกหูลูกตา มองฟ้ากว้าง ภูเขาลูกโต ผืนนาปรังสีเขียว ใบไผ่ส่งเสียงเมื่อมีสายลม พัดผ่านมาทักทาย เหมือนจะบอกให้รู้ถึงการมาเยือนอย่างอบอุ่นฉันนั่งสบายจนไม่อยากลุกไปไหน พร้อมมองหา นกกระยางขายาว ตัวสีขาว ที่มันมักจะบินโฉบแวะลงมาหาอาหารตามร่องน้ำ ท้องทุ่งนา ให้มองเพลินเป็นประจำ แต่ดูเหมือนเจ้าขายาวไม่แวะมาทักทาย อวดโฉมตอนเย็นเย็นเลยฉันจึงได้แต่ยิ้มให้สิ่งรอบตัวที่ตอนนี้ ได้ยินแม้แต่เสียงใบไม้ เสียงน้ำไหล และใบข้าวเสียงเรียกกินข้าวของแม่ ที่ดังมาจากครัวเล็กเล็กที่เป็นเหมือนอาณาจักรของแม่...ฉันตอบรับด้วยคำและสำเนียงของแม่ญิงลานนา...เจ้า...หากแต่ลากเสียงยาวกว่าปกติ ให้อ่อนหวานสมกับที่แม่เรียกด้วยสำเนียงเมืองเหนือ ที่เจือด้วยความห่วงใยและเมตตา รักลูก ไม่เปลี่ยนแปลง อยากให้แม่..ชื่นใจ...แม้ด้วยคำคำเดียวที่ลูกตอบออกไป...เจ้า...ขอบคุณ...บ้าน...ที่เป็นทุกสิ่งของชีวิตหลังนี้...บ้านเฮา...