รู้จักกันก่อนและสมุดเยี่ยม Guestbook เฟซบุ๊ค ชะเอมหวาน รวมเวปหาทุนและแหล่งทุน Scholarship เรียนโทสองประเทศในปีเดียว
หาตัวเองให้เจอ
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
11 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 

รวมเรื่อง..สะเดาะเคราะห์

เนื่องจาก จขบ.ไปดูดวงมา
ตามปกติของคนไทย เวลามีเรื่อง หรือไม่มีเรื่อง หมอดูก็ดูจะเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน

พูดถึงดูดวง ก็พาลทำให้นึกถึงอะไรที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ
มากกว่าชาติไหนๆในเอเชียซะอีก จริงๆนะ

เพราะเราบูชากันตั้งแต่พระพรหม พระพิฆเนศวร์ของอินเดีย
บูชาตี่ จู เอี๊ย(เจ้าที่)และไหว้เจ้าแบบจีน
แมวกวัก ของญี่ปุ่น แถมนางกวักอีก อะไรอีกละ
เสด็จเตี่ย เสด็จพ่อ เสด็จปู่ มากมายจริงๆ

เราว่า เหตุผลหนึ่ง เพราะคนไทยมองเรื่องจิตแพทย์
เป็นหมอโรคจิต และก็มีแต่คนบ้าที่เข้ารพ....
หมอดู..เลยดูเหมือนจะเป็นทั้งจิตแพทย์ ครู เพื่อน และที่ปรึกษาในหลายคราว

จะว่าไป..เรื่องความเชื่อและการสะเดาะเคราะห์เนี่ย
ก็ถือว่าเป็นเสน่ห์ของคนไทยนะ...เพราะทำให้เรา..มีกิจกรรมเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง
และเป็นการสร้างรายได้อย่างเยอะแยะ...

ว่าไปโน่น มาเข้าเรื่องดีกว่าเนอะ

สะเดาะเคราะห์ คืออะไร เพื่ออะไร
ที่มา//www.horasaadrevision.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=199451&Ntype=4

การ สะเดาะเคราะห์ ทำให้เกิดมงคลจริงหรือไม่ เมื่อความเสียหายหรือเรื่องเลวร้ายเหล่านี้เกิดขึ้น ต่างก็พากันคิดว่าเป็นเคราะห์ร้าย ที่ต้องหาทางสะเดาะ เป็นการเร่งด่วน เพื่อให้ชีวิตรอดพ้นจากภัยพิบัติต่างๆ และมักพูดรวมกับการต่ออายุ เป็นการสะเดาะเคราะห์ต่ออายุ หรือแก้ไขสิ่งเลวร้ายให้กลายเป็นดี ที่เรียกว่าแก้กรรม โดยส่วนใหญ่นิยมทำในโอกาสสำคัญๆ เช่น

๑. สะเดาะเคราะห์วันเกิด เป็นการแก้เคราะห์ร้ายให้กลายเป็นดี เสริมดวงชะตาชีวิตให้กับ ตัวเองด้วยดวงชะตาของตัวเอง ทำให้ดวงเกิดพลังเพื่อเสริมดวงให้ดีเด่นเป็นสง่าราศีแก่ตัวเอง

๒. สะเดาะเคราะห์วันสำคัญของชาติหรือศาสนา เป็นการเอ่ยอ้างอัญเชิญอานุภาพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตลอดจนพระบารมีของพระมหากษัตริย์และเทพาอารักษ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ให้มาช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายหรือเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นให้อันตรธาน ไปสิ้น พร้อมทั้งช่วยปกปักรักษาอภิบาลและคุ้มครองให้มีแต่ความสุขสมร่มเย็นตลอดไป

๓. สะเดาะ เคราะห์วันสงกรานต์ นิยมทำพร้อมกับการทำบุญอุทิศให้บรรพบุรุษ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายายที่เสียชีวิตแล้ว ให้ท่านเหล่านั้นอำนวยอวยพรขับไล่เสนียดจัญไรไม่ให้เข้ามาย่ำยีลูกหลาน

๔. สะเดาะเคราะห์วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เชื่อว่าเป็นการแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีในหนึ่งปีที่ผ่านมาให้ดีขึ้น เพิ่มความดีให้กับดวงและเสริมสง่าราศีสร้างเคล็ดส่งชีวิตสู่สูตรแห่งความ สำเร็จ พร้อมกับการเริ่มต้นวันขึ้นปีใหม่ของทุกปี โดยเชื่อกันว่า เมื่อคนเราเริ่มต้นได้ดี ก็จะทำให้ชีวิตมีความสุข และประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้านตลอดทั้งปีต่อไปอย่างแน่นอน

วิธี การสะเดาะเคราะห์ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับคำแนะนำจากผู้รู้ ให้ทำการสะเดาะเคราะห์ ด้วยวิธีการจัดหา เครื่องสักการะและอุปกรณ์ต่างๆ มาใช้ในพิธี ไม่ว่าจะเป็นการค้ำโพธิ์ค้ำไทรของภาคกลาง ค้ำโพธิ์ค้ำไฮ อันเป็นประเพณีนิยมทางภาคเหนือ หรือภาคอีสานก็ตาม หรือการจัดเครื่องสักการะดอกไม้หรือพวงมาลัย ธูป เทียนตั้งบูชาพระเคราะห์ประจำทิศและเพื่อบูชาพระประจำวันเกิด พร้อมทั้งมีการสวดพระคาถาสะเดาะเคราะห์มีกำหนดตามอายุหรือตามกำลังวัน

บางคนก็ถือโอกาสทำบุญใส่บาตร บริจาคเป็นทาน ปล่อยสัตว์ให้ชีวิตเป็นทาน สวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิ

แต่ ปัจจุบันก็ยังมีผู้ให้ความสนใจนิยมปฏิบัติอยู่เป็นประจำ บางคนเห็นว่าเป็นช่วงที่ดวงตกมากๆ เช่น งานมีอุปสรรค ธุรกิจมีปัญหา รักร้าว การเงินขัดข้อง เจ็บป่วยบ่อยๆ เพื่อให้ชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้นถึงกับนิมนต ์พระมาเจริญพระพุทธมนต์เป็นการสะเดาะเคราะห์ ต่ออายุให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย ก็มี โดยถือแบบอย่างมาแต่โบราณคือ

ใน สมัยพุทธกาล มีเรื่องกล่าวไว้ว่า พราหมณ์หนุ่มชาวเมืองทีฆลัมพิกา ๒ คน พากันออกบวชในลัทธิหนึ่งนอกพระพุทธศาสนา เที่ยวบำเพ็ญตบะตามลัทธิของตนอยู่นานถึง ๔๘ ปี

ต่อมาพราหมณ์คนหนึ่งคิดว่า "ถ้าเรายังคงบวชอยู่อย่างนี้ คงไม่มีใครสืบสกุลแน่ ทางที่ดีเราควรสึกไปมีครอบครัวน่าจะดีกว่า"

จากนั้นก็ได้สึกออกมามีครอบครัว สร้างเนื้อสร้างตัวจนมั่นคงดี ต่อมาภรรยาก็ท้องและคลอดบุตรเป็นทารกชาย

ส่วน สหายที่บวชไม่สึก เที่ยวไปในที่ต่างๆ พอสมควรแล้วก็เดินทางกลับมาสู่เมืองนั้น พอเขารู้ว่าเพื่อนเดินทางมาถึงก็พาภรรยาพร้อมด้วยบุตรชายไปเยี่ยม

ใน ระหว่างที่เขากับภรรยาไหว้ เพื่อนก็พูดให้พรว่า "ขอให้ท่านจงมีอายุยืน" แต่พอเขาอุ้มลูกเข้าไปให้ไหว้เพื่อนกลับนิ่งเงียบไม่พูดจาอะไรเลย เขาเห็นผิดสังเกตจึงถามเพื่อนว่า "ท่าน เพราะเหตุใด เวลาเรากับภรรยาไหว้ ท่านพูดให้พรขอให้อายุยืน แต่พอลูกชายของเราไหว้บ้างท่านกลับนิ่งเฉย" พรามณ์บอกว่า "เด็กคนนี้จะเกิดอันตรายถึงกับต้องเสียชีวิต"

เพื่อน จึงถามพราหมณ์ว่า "เขาจะมีชีวิต อยู่ได้นานเพียงใด" พราหมณ์ตอบว่า "เพียง ๗ วันเท่านั้นเอง" "มีทางแก้ไขหรือไม่" เขาถามต่อ พราหมณ์ตอบว่า "เราไม่รู้ ท่านลองเข้าไปถามพระสมณโคดมดูสิ ท่านอาจได้คำตอบที่น่าพอใจก็ได้"

เพราะ ความรักที่มีต่อลูก เขาจึงเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าและ ทูลถามข้อข้องใจ พระพุทธเจ้าตรัสเหมือนที่พราหมณ์พูดไว้ไม่มีผิด เขาจึงทูลถามถึงวิธีแก้ไขกับพระองค์

พระพุทธเจ้า มีพระดำรัสว่า "ยังพอแก้ไขได้ ให้ท่านสร้างมณฑปบริเวณใกล้ๆ ประตูบ้าน แล้วตั้งโต๊ะไว้ตรงกลางปูอาสนะไว้รอบๆ โต๊ะ จำนวน ๘ หรือ ๑๖ ที่ ก็ได้ จากนั้นให้พระสาวกของเราหมุนเวียนมานั่งที่อาสนะ และสวดพระปริตรตลอดระยะเวลา ๗ วันไม่หยุด เมื่อทำได้อย่างนี้ บุตรชายของท่านก็จะไม่มีอันตรายใดๆ"

พราหมณ์ ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำทุกประการ ตลอดระยะเวลา ๗ วันที่พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้ามานั่งสวดพระปริตร วันสุดท้ายพระพุทธองค์เสด็จมาที่มณฑลพิธี ทำให้เทวดาในจักรวาลทั้งหมด มาร่วมประชุมพร้อมกัน เพื่อรับเสด็จพระพุทธองค์

ใน สัปดาห์นั้นเอง อวรุทธกยักษ์ ซึ่งมีหน้าที่ปรนนิบัติท้าวเวสสุวรรณ มานานถึง ๑๒ ปี ได้รับพรจากท้าเวสสุวรรณว่า "จากวันนี้ไปอีก ๗ วัน ให้ท่านจับเด็กคนนี้กินได้" (ลูกของพราหมณ์) ในระหว่างที่พระนั่งสวดพระปริตรถึง ๗ วัน อวรุทธกยักษ์ก็มายืนรออยู่ แต่พอพระพุทธองค์เสด็จมาถึงเขตมณฑลนั้น พวกเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่มาเข้าเฝ้า เทวดาผู้มีศักดิ์น้อยต่างก็ต้องร่นถอยออกไปไกล ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะเข้าเฝ้า ส่วนอวรุทธกยักษ์ยิ่งต้องถอยห่างออกไปไกล จนไม่สามารถเข้าใกล้เขตมณฑลพิธีได้เลย จนเวลาผ่านไปครบ ๗ วัน เห็นว่าไม่มีหวังและพ้นกำหนดพรของท้าวเวสสุวรรณแล้วจึงหนีกลับไป

ใน คืนวันสุดท้าย แม้พระพุทธองค์ก็ทรงร่วมทำพระปริตรจนสว่าง เมื่อเห็นว่าผ่านเลย ๗ วันแล้ว พราหมณ์จึงได้อุ้มบุตรชายเข้ามาไหว้พระพุทธองค์อีกครั้ง เขาตื่นเต้นและดีใจมากที่พระพุทธเจ้ามีพระดำรัสว่า "ขอให้เจ้าจงมีอายุยืนเถิด"

" ทารกจะมีอายุยืนเพียงใดพระเจ้าข้า" พราหมณ์ทูลถามพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงตอบว่า "เขาจะมีอายุยืนถึง ๑๒๐ ปี" พราหมณ์สองสามีภรรยาได้ตั้งชื่อบุตรว่า "อายุวัฒนกุมาร" และต่อมาพวกเขาก็หันเข้ามานับถือพระพุทธศาสนา

ครั้นอายุวัฒนกุมารเจริญเติบโตแล้ว ก็เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาและบรรลุเป็นพระอรหันต์ในที่สุด

จาก เรื่องราวนี้ ทำให้ชาวพุทธถือเป็นแบบการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาที่ถูกต้องตามหลัก และได้รับการสืบทอดถือปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน แต่การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาในสมัยพุทธกาล เน้นเป็นพิเศษเกี่ยวกับพลังพุทธมนต์และพลังของพระปริตรที่สวดตลอดระยะเวลา ที่กำหนดไว้

อีก อย่างหนึ่งก็คือ การที่อวรุทธกยักษ์ไม่สามารถ เข้าจับทารกกินได้ นอกจากอำนาจของพระปริตร ที่พระสงฆ์กำลังสวดอยู่แล้ว ก็เป็นเพราะอานุภาพของพระพุทธเจ้าด้วย คือในวันที่ ๗ ระหว่างที่พระพุทธองค์เสด็จมาถึง ก็มีเทวดาหลายๆ ระดับชั้นพากันเข้าเฝ้า ทำให้อวรุทธกยักษ์ไม่สามารถหาโอกาสเข้ามาจับทารกไปกินได้เลย

ปัจจุบัน กาลเวลาผ่านเลยไปถึง ๒,๕๔๗ ปี พระพุทธองค์พร้อมด้วยพระอริยสาวกก็ปรินิพพานแล้ว คงเหลือสมมติสงฆ์และพุทธศาสนิกชนที่ช่วนกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ดำรงคง อยู่ต่อไป

ดัง นั้น หากต้องการทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อ ชะตาให้ได้ผลจริงๆ นอกจากมีการจัด เตรียมเครื่องสักการะดอกไม้ ธูปเทียน และอื่นๆ ตลอดจนนิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์และ สวดพระปริตรตามประเพณีนิยม อย่างถูกต้องแล้ว สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยนั่นก็คือ ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องว่า

เคราะห์ คือ กรรมชั่วหรือบาปที่เคยทำไว้และตามมาให้ผลในปัจจุบัน ทำให้ประสบกับชะตากรรม อันเลวร้ายเป็นทุกข์

ส่วนโชค คือบุญหรือความดีที่ทำมาแต่อดีตตามมาให้ผลทันในปัจจุบัน ทำให้ชีวิตนี้มีแต่ความสุข ประสบแต่ความสำเร็จ และจำให้ขึ้นใจว่า

ที่มา//www.horasaadrevision.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=199451&Ntype=4
......................................................


ที่มา
//www.mahamodo.com/tamnai/makegood.asp
วิธีการสะเดาะเคราะห์หรือการแก้ดวง
การแก้ดวงหรือการสะเดาะเคราะห์ให้ถูกวิธี เพื่อให้เคราะห์ร้ายได้เบาบางบรรเทาลงหรือหายไป ด้วยวิธีการเหล่านี้ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมด

๑. ปล่อยสัตว์ที่กำลังตกอยู่ในความลำบากถึงชีวิต (ชะตาขาด) เช่น ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ปล่อยกบ ฯลฯ (ควรซื้อที่ตลาดหรือที่กำลังจะโดนฆ่า)
๒. ทำบุญให้ทานให้ชีวิต ให้ทรัพย์ ให้เครื่องอุปโภคบริโภค ให้สิ่งที่เขาขาดแคลน
๓. ทำบุญตามหลักและพิธีทางศาสนาให้ทำบุญอย่างรู้หลักการรู้ถึงความพอดี ไม่ทำบุญเพื่อเอาหน้าหรือทำจนตัวเองเดือดร้อน
๔. รักษาศีล (๕) ไม่เบียดเบียนใคร เพราะจะเป็นเกราะช่วยคุ้มครองคุณเอง

คำแนะนำเพิ่มเติม:
หลังจากทำบุญทุกครั้ง ควรแผ่เมตตาหรือกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญให้เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ด้วย

วิธีสะเดาะเคราะห์ให้ได้ผล
มนุษย์ทุกรูปทุกนาม ยากที่จะหลีกเลี่ยงจาก เกิด แก่ เจ็บ ตาย และความทุกข์ต่าง ๆ บางคนเที่ยวไปบนเจ้า หรือให้ทำนายทายทัก หวังจะได้สะเดาะเคราะห์ภัย แต่ก็มักจะไม่ได้ดังใจหวัง อันนี้เป็นสาเหตุอะไรเล่า ? เป็นเพราะมูลเหตุแห่งเคราะห์ภัย (อกุศลกรรมยังมีอยู่) ยังไม่ได้ถูกกำจัดนั่นเอง
บางคนแม้จะได้บำเพ็ญธรรม แต่ก็บำเพ็ญไม่จริงจังบางคนก็สร้างกรรมใหม่บาปใหม่ขึ้นอีก ก็เสมือนถังที่มีรูรั่วน้ำก็ย่อมจะไหลออกหมด แม้จะได้สร้างบุญกุศลไว้มาก ก็ยังคงไม่อาจสะเดาะเคราะห์ภัยอยู่นั่นเอง
ดังนั้นจึงขอให้ชาวโลก เมื่อเกิดความทุกข์เกี่ยวกับความเจ็บป่วย ก็จงสำรวจตรวจตราการพูดและการกระทำของตน ว่ามีข้อบกพร่องหรือไม่ (โดยเฉพาะศีล ๕ ข้อว่าตัวเองรักษาได้ทั้งหมดหรือไม่) หากมีบกพร่อง ก็จงรีบสารภาพบาปอย่างจริงใจ ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยเร็ว อธิษฐานในใจหรือเปล่งวาจาว่า "นะปุเนวัง กะริสสามิ ข้าพเจ้าจะไม่กระทำอย่างนี้อีก" (ต้องทำด้วยใจจริงๆ) คิดว่าเราจะไม่ทำสิ่งไม่ดีอย่างนี้อีก ตั้งแต่นี้ต่อไปจะทำแต่กรรมดี..... แล้วทำตาม

คำแนะนำ ๔ ข้อข้างบน หากทำได้ ทุกอย่างก็จะค่อย ๆ สมความปรารถนาความโชคร้ายจักกลับกลายเป็นโชคดี มิเช่นนั้นแม้จะมีเทพยดาเสด็จลงมาก็ยากที่จะช่วยคนที่ดวงชะตากำลังตก ชีวิตใคร ๆ ก็รัก อย่าได้คิดทำลายเด็ดขาด
แต่ผู้คนส่วนใหญ่ มักจะหลงระเริง ประมาทอยู่ บาปกรรมจึงยากที่จะสลายง่าย กรรมเก่ายังไม่ทันสลาย ก็สร้างกรรมใหม่เพิ่ม จึงต้องเวียนเกิดเวียนตายอยู่ในวังวนแห่งวัฏฏะไม่รู้จบ


การ สะเดาะเคราะห์ คือการแก้กรรม โดยวิธีการละชั่ว คือแก้กรรมใหม่ หันมาทำแต่กรรมดีพร้อมกับ รักษากรรมดีความดีเอาไว้ให้ได้ และหมั่นชำระล้างจิตใจให้ใสสะอาด ไม่มีสิ่งที่จะมาทำให้เศร้าหมองอีกต่อไป เพียงเท่านี้ก็ถือว่า ได้สะเดาะเคราะห์ต่อชะตาที่ถูกต้องแล้ว
..................................
สรุปว่า...จริงๆจขบ.ไม่ได้มีโชคร้ายนะ ตามที่หมอดูทักทาย
แต่ก็ได้รับคำแนะนำว่าให้ไปปล่อยสัตว์ และทำบุญสังฆทาน
อันนี้ส่วนตัวก็ว่า
เป็นโอกาสอันดีจะได้หาเรื่องไปทำบุญเนอะ..

..
บุญรักษาค่า




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2552
3 comments
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2552 16:29:43 น.
Counter : 922 Pageviews.

 

ทำใว้ก็ดีคะเพื่อความสบายใจ

 

โดย: แอน IP: 125.26.23.131 27 พฤศจิกายน 2552 14:32:42 น.  

 

สบายใจขึ้นค่ะ แก้กรรม จริงๆแล้วทำไม่ยาก หมั่นทำกุศลให้ทาน รักษาศีลและเจริญภาวนาใช่ไหมคะ

 

โดย: rati IP: 110.164.40.150 27 ธันวาคม 2552 18:49:58 น.  

 

ใช่แล้วค่า

 

โดย: ชะเอมหวาน 28 ธันวาคม 2552 8:29:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ชะเอมหวาน
Location :
Dalian(China),Guildford(UK),กทม.,สกลนคร United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Edutainment
International Business
Bossa Nova& Easy Listening

ถ้าถามอะไรในนี้ไม่ได้ตอบ
กรุณาส่งไปทางเฟซบุ๊คเลยนะคะ
ไม่ค่อยได้เช็คบล็อกค่ะ
ขอบคุณค่ะ


 ยินดีต้อนรับ
ณ บ้านชะเอมหวานค่ะ
ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนกันเสมอนะคะ
จขบ.เป็นอาจารย์เล็กๆค่ะ
ฟรีแลนซ์ พิธีกรงานแต่งงาน
สะสมโปสการ์ดค่ะ
ฟังเพลงสบายๆ
ชอบแต่งหน้าแต่งตัว
แต่งกลอน ขีดๆเขียนๆ
ท่องเที่ยว
ก็เป็นกำลังใจให้กันด้วยค่ะ จุ๊บๆ 





บ้านนี้จขบ.ต้องการสร้างสรรค์ให้เบา สบายๆค่ะ
เอนทรี่เก่าๆเกี่ยวกับอาหารและการท่องเที่ยวจะย้ายบ้านไปที่

Amiley lala(ท่องเที่ยวและอาหาร)



POSTCARD & International Business


ถ้าจะโหวตขอหมวดการศึกษา

และหมวดดนตรีค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ
credit::::
photo by พี่เป็ดสวรรค์)
Head blog กับของตกแต่งจาก

pk12th
และ

คุณกุ้ง Kungguenter


Follow amiley on Twitter



New Comments
Friends' blogs
[Add ชะเอมหวาน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.