<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
24 เมษายน 2552
 

เดินเดี่ยว เที่ยววัด : ถนนเทอดไท ธนบุรี


เมื่อเดือนที่แล้ว ไปงานสวดพระอภิธรรมศพแม่ของเพื่อนร่วมก๊วน
เพิ่งรู้ว่า ย่านฝั่งธนบ้านเรานั้น ก็มีวัดสำคัญหลายวัดอยู่เหมือนกัน
เสาร์ถัดมา จะไปงานเลี้ยงเพลในงานเดิมอยู่แล้ว เพื่อช่วยเก็บภาพงานพิธีให้เพื่อน
เราก็เลยออกจากบ้านให้เช้าหน่อย ...ขอใช้เวลาก่อนเพลเดินเที่ยวสำรวจวัดก่อนล่ะ

รถโดยสารเลี้ยวเข้าถนนเทอดไท...เราก็ลงป้ายแรกเลย
วัดแรกที่เห็นคือ วัดเวฬุราชิณ
ครั้งแรกที่ได้เข้านี้ ก็ตอนล่องเรือกับเขตธนบุรี วัดนี้เป็นจุดตั้งต้นการเดินทาง
โดยวิทยากรไม่ได้นำชมก่อนเลย
วันนี้ มีโอกาสก็ขอเดินเมียงมองซะหน่อย...โบสถ์ไม่เปิดไว้ให้ชม...ก็ไหว้พระประธานด้านนอกละกัน


วัดเวฬุราชิณ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สร้างในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าพระยาพลเทพ (เอี่ยม – ต้นตระกูลชูโต) เป็นผู้สร้างในปลายสมัยรัชกาลที่ 3 เสร็จในสมัยราชกาลที่ 4 เดิมเรียกว่า วัดใหม่ท้องคุ้ง เพราะตั้งอยู่ในคุ้งน้ำ เมื่อได้ถวายเป็นพระอารามหลวงแล้ว ได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า วัดใหม่เวฬุราชิน การสร้างวัดด้วยค่าภาษีไม้ไผ่สีสุกที่เจ้าพระยาพลเทพเป็นเจ้าภาษีผูกขาดรับไปจากรัฐบาล




ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระยาพิศาลศุภผล และ ขุนตาลวโนชากร ร่วมกันปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งหมด พระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนกลาย มีสิงโตที่บันได ภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง พระประธานเป็นพระพุทธรูปปางสะดุ้งมาร มีพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลานะอยู่เบื้องซ้าย ในพระวิหารมี พระสีหไสยาสน์ ประดิษฐานอยู่






เดินเรื่อยมาถึงศาลาท่าน้ำ ก็เลยเก็บภาพบรรยากาศยามเช้าริมฝั่งคลองไว้ก่อน
มีเรือนักท่องเที่ยวล่องคลองผ่านมาแต่เช้าเลย



ชอบภาพนี้ที่สุดเลย หามุมได้เก่งจังนะตัวเอง ^^



ออกจากวัดเวฬุราชิณ เดินต่อมาอีกนิดนึง...ก็ถึงวัดดัง (ของย่านนี้)





วัดอินทารามวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เป็นวัดโบราณมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเรียกว่า วัดบางยี่เรือนอก และ วัดสวนพลู หรือ วัดบางยี่เรือไทย สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงสร้างและปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งหมด แล้วได้สถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ พระองค์ท่านทรงโปรดเสด็จมาทรงบำเพ็ญกรรมฐาน และประทับแรม ณ วัดนี้ ถือได้ว่า เป็นวัดใหญ่และมีความเจริญรุ่งเรืองมากในสมัยนั้น




ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสวรรคต เมื่อพ.ศ.2325 ได้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมศพถวายพระเพลิง และบรรจุพระบรมอัฐิ ในสมัยรัชกาลที่ 1 ยังเป็นพระอารามหลวงอยู่ เพราะว่ามีพระราชาคณะปกครองวัดถึง 3 รูป หลังจากนั้นแล้ววัดก็ขาดการปฏิสังขรณ์และชำรุดทรุดโทรมลงตามลำดับ เรื่อยมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 พระยาศรีสหเทพ (ทองเพ็ง) ได้บูรณะขึ้นใหม่ เสร็จแล้วน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวงอีกครั้ง แต่ได้รับการลดฐานะลงเป็น พระอารามหลวงชั้นตรี และได้รับพระราชทานนามว่า วัดอินทาราม



วัดดังเพราะเรียกได้ว่าเป็นวัดของ "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ก็ว่าได้
วิหารพระเจ้าตากยังคงมีพระแท่นบรรทม มีพระแสงดาบ มีพระมาลา จัดตั้งให้ชม
หลังคาพระวิหารนี้ ประดับประดาด้วยเครื่องกระเบื้อง สวยและแปลกตาดี



เจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิและพระอัฐิมเหสี ...จำไม่แม่นว่าองค์ไหนเป็นของใครนะ



นอกจากนี้ก็ยังมีงานศิลปะปูนปั้นประดับโบสถ์ วิหาร มีซุ้มประตูแบบจีน
มีลักษณะการผสมผสานระหว่างศิลปะไทยกับจีน ประดับอยู่ทั่วบริเวณวัด



และเช่นเคย...ไม่ได้เข้าโบสถ์ ไม่ได้เข้าวิหารข้างโบสถ์ที่เค้าว่าจิตรกรรมฝาฝนังสวยมาก



เราเดินตัดทางหลังวัดข้ามสะพานเล็กๆ ก็ถึงตลาดกลางและถึงวัดต่อไป
...เออ...วัดนี้อยู่ติดตลาดมากกกกกกกกกกกกกกก

วัดจันทารามวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดบางยี่เรือกลาง หรือวัดกลาง ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 พระยาสุรเสนา (ขุนเณร) ได้บูรณะขึ้นใหม่ และได้รับพระราชทานนามว่า วัดจันทาราม และต่อภายหลังได้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวง ชนิดวรวิหาร



พระอุโบสถ เดิมเป็นโครงสร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน ต่อมาทรุดโทรมมาก พระวิสุทธิวราภรณ์ เจ้าอาวาสได้เริ่มดำเนินการบูรณะในปีพ.ศ.2517 แล้วเสร็จในปีพ.ศ. 2520 โดยเปลี่ยนเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นศิลปกรรมแบบจีน





ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน หล่อด้วยทองเหลืองปางมารวิชัย และยังมีพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรแบบครึ่งซีกทำด้วยไม้สัก ทรงเทริดบุด้วยตะกั่วอยู่ภายนอก ประทับยืนติดกับผนังพระอุโบสถด้านใน ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นพระพุทธรูปโบราณองค์หนึ่ง

พระวิหาร ลักษณะศิลปะแบบจีน ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา โครงสร้างเดิมก่ออิฐถือปูนเช่นเดียวกับพระอุโบสถ และได้รับการบูรณะใหม่เป็นคอนกรีตเสริมเหล้กในคราวเดียวกันกับพระอุโบสถ ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่า




ขณะนี้อยู่ระหว่างบูรณะใหม่ทั้งโบสถ์ ทั้งวิหาร.....ก็เลยก็ภาพมาได้บางส่วนเท่านั้นเอง

จากนั้นก็เดินไปตามถนนลึกเข้าไปอีกหน่อย ก็ถึงวัดราชคฤห์
วัดนี้มองจากด้านถนนเห็นได้ชัดถึงความเก่าแก่ ต้นไม้รกครึ้มเพราะขาดการดูแล
และพอเราได้อ่านป้ายที่ติดไว้ ...วัดนี้เก่าแก่จริงจริงซะด้วย

วัดราชคฤห์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เดิมเป็นวัดโบราณ สร้างขึ้นก่อนสมัยกรุงธนบุรี ผู้สร้างเป็นนายกองชาวมอญ เรียกตามสถานที่ตั้งว่า วัดบางยี่เรือ แต่ชาวบ้านเรียกว่า วัดมอญ เพราะชาวมอญเป็นผู้สร้าง และมีพระมอญจำพรรษาอยู่ในวัดนี้ ต่อมาสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้ทรงสถาปนาใหม่ และนำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ในพระสถูป



พระอุโบสถเดิมของวัด ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นพระวิหาร สร้างโดย พระยาพิชัยดาบหัก เรียกกันว่า โบสถ์พิชัยดาบหัก ก่ออิฐถือปูนเป็นผนังโดยรอบ รับขื่อเครื่องบน ไม่มีเสา มุงกระเบื้อง มีช่อฟ้าใบระกา หน้าบันสลักไม้ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณของวัด ต่อมารัชกาลที่ 1 ทรงพระราชทานนามใหม่ว่า วัดราชคฤห์ และได้รับการปฏิสังขรณ์ และดัดแปลงในสมัยรัชกาลที่ 3





พระพุทธรูปนอนหงาย ...ว่ากันว่ามีเพียงองค์เดียวในเมืองไทย



สถูปบรรจุกระดูกพระยาพิชัยดาบหัก ทหารเสือพระเจ้าตาก



อีกด้านเป็นภูเขาปูน ลักษณะเดียวกับภูเขาปูนที่วัดอรุณฯ
มีการประดับตกแต่งด้วยเจดีย์ คล้ายๆ จะเป็นที่บรรจุกระดูกของบรรพบุรุษชาวบ้าน - - - ตามความเข้าใจของเราเอง

ยังพอมีเวลาเหลือ เราก็เลยข้ามถนน เดินย้อนกลับลงมา ตรงข้ามวัดอินทาราม เป็นวัดโพธินิมิตร



วัดโพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เดิมสถานที่สร้างวัดเป็นกรรมสิทธิ์ของนายโพ และนางมิ ซึ่งเป็นบิดาและมารดาของสมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดสุทัศนเทพวราราม เมื่อบิดามารดาถึงแก่กรรม สมเด็จพระวันรัตได้อุทิศสร้างเป็นพระอารามเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่บิดามารดา และแสดงถึงศรัทธาอันแน่วแน่ในพระพุทธศาสนา ที่จะไม่กลับไปครองชีวิตฆารวาสอีก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2417 พร้อมพระราชทานนามว่า วัดโพธินิมิตร และได้ประกอบพิธีผูกมหาสีมาเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2413 นับเป็นวัดแรกวัดเดียวในคณะสงฆ์ไทย (มหานิกาย) และได้กำหนดทำสังฆกรรมเป็นมหาสีมา




ปูชนียวัตถุลำดับสำคัญของวัด ได้แก่ พระอุโบสถ ลักษณะรูปทรงไทย ก่ออิฐฉาบปูน ภายในมีภาพเขียนประเพณีต่างๆ พระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปหล่อลงรักปิดทองปางมารวิชัย มีพระสาวก 4 องค์ คุกเข่าประนมหัตถ์อยู่ทั้ง 4 ด้านพระวิหาร ลักษณะเป็นตรีมุข เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป และรูปหล่อของสมเด็จพระวันรัต (แดง) พระมหาเจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงลังกา ภายในเจดีย์บรรจุอัฐิสมเด็จพระวันรัต (แดง)

เช่นเดียวกับวัดอื่นๆ ในละแวกนี้ ...ไม่เปิดโบสถ์ให้ชม
เก็บภาพพอประมาณ ก็ได้เวลาใกล้เพล...
เราก็เลยย้อนกลับมาร่วมงานเลี้ยงเพล ทันเวลาพอดี....


อันที่จริงแต่ละวัดมีประวัติ มีเรื่องราว มีสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้าง และสิ่งประดับตกแต่งที่น่าสนใจมากมาย
และเหนืออื่นใดคือ ...มีความสงบ เย็นใจ ให้สัมผัสได้ท่ามกลางแดดเปรี้ยง
ก็ด้วยเหตุนี้แหละ...ที่ทำให้เราชอบเที่ยวชมวัด และหัดถ่ายรูปในวัด


ปล. เนื้อหาเชิงประวัติ นำมาจากป้ายสีน้ำตาลแนะนำวัดของกทม.



Create Date : 24 เมษายน 2552
Last Update : 17 สิงหาคม 2557 15:14:18 น. 17 comments
Counter : 8503 Pageviews.  
 
 
 
 
มาเจิมค่ะ คุณนัทธ์

เดี๋ยวแวะมาใหม่อีกรอบ
 
 

โดย: ปณาลี วันที่: 24 เมษายน 2552 เวลา:16:48:54 น.  

 
 
 
รูปสวยค่ะ ชอบเที่ยววัดเหมือนกันเลย แวะมาเที่ยวด้วยคนคร้า
 
 

โดย: no filling วันที่: 24 เมษายน 2552 เวลา:17:29:22 น.  

 
 
 
สวยจัง
 
 

โดย: ไอ้ตัวใหญ่ (bunny_gain ) วันที่: 24 เมษายน 2552 เวลา:18:12:57 น.  

 
 
 
เอาตุ๊กตามาให๋ก้าบ


สู้ๆ
 
 

โดย: พลังชีวิต วันที่: 24 เมษายน 2552 เวลา:20:49:23 น.  

 
 
 
สู้ สู้

คำนี้...ในวันนี้ .....ต้องบอกตัวคุณเองแล้วล่ะ

เพราะเราหยุดวันเสาร์ล่ะ


เอ ...พรุ่งนี้จะไปเดินท่อมๆ ท่องเที่ยวตรงไหนดีน้า


.....
อ๊าก

ทะๆๆๆๆแทงใจดำ
 
 

โดย: พลังชีวิต วันที่: 24 เมษายน 2552 เวลา:21:31:14 น.  

 
 
 
สงบ ร่มเย็น และเป็นธรรม

จริงๆึครับ
 
 

โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 25 เมษายน 2552 เวลา:1:14:32 น.  

 
 
 
คุณปณาลี >> มาเร็วจัง

คุณ no filling >> ด้วยความยินดี ..ถ้าชอบวัด รื้อ blog เก่าของเราก็มีหลายวัด และในอนาคตก็คงมีเิพิ่มเติมล่ะ

คุณ bunny_gain >> ขอบคุณที่ชม..แวะมาดูรูปบ่อยๆ นะ

คุณโจ >> ขยันทำงานไปนะคะ...

คุณชาญ >> อืมม์ ใช่ เข้าวัดทีไร ได้บรรยากาศแบบที่คุณว่า ทุกครั้งแหละ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 25 เมษายน 2552 เวลา:7:09:43 น.  

 
 
 
ชอบไปัดเหมือนกันครับ สงบดี
 
 

โดย: คนขับช้า วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:2:57:42 น.  

 
 
 
ประตูวัดเวฬุราชิณ สวยค่ะ
 
 

โดย: andaman7 IP: 118.173.135.71 วันที่: 27 เมษายน 2552 เวลา:22:16:53 น.  

 
 
 
คุณ andaman7 >> ขอบคุณที่แวะมาชมภาพนะคะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 27 เมษายน 2552 เวลา:22:50:50 น.  

 
 
 
หวัดดีคร๊าบ

วัดที่ไปนี่อยู่แถวๆบ้านเลย

แต่ไปถึงวัดราชคฤห์ แล้วไม่ได้เดินไปตรงท่าน้ำใช่ป่ะ

เพราะมีปลาเยอะมาก

เรือฝรั่งชอบมาจอดให้อาหาร อยู่เนืองๆ
 
 

โดย: Kra_tai (stardift ) วันที่: 28 เมษายน 2552 เวลา:14:20:27 น.  

 
 
 
คุณ Kra_tai >> เวลาหมดค่ะ ...ก็เลยไม่ได้เดินไปถึงท่าน้ำ ....เอาไว้ไปใหม่ีอีกรอบค่ะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 28 เมษายน 2552 เวลา:16:21:16 น.  

 
 
 
ได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน
ขอบคุณครับ
 
 

โดย: เอก IP: 118.173.178.59 วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:24:26 น.  

 
 
 
พี่ฉายเข้ามาเยี่ยมเว็บครับ มาอ่านและหาข้อมูลเบื้องต้นเพื่อออกไปถ่ายภาพเช่นกัน เผื่อมีเรื่องราวมาเล่าลงเว็บwww.dekorlaku.comบ้าง ขอบคุณที่แวะไปเยือนเว็บพี่ฉายนะครับ
 
 

โดย: ดีฆอลาฆู IP: 115.67.56.168 วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:50:20 น.  

 
 
 
เพิ่งมาเยี่ยมชม ชอบมากเลย เป็นภาพบันทึกที่น่าจดจารไว้จริงๆ และขอบคุณที่เป็นแรงขับให้เราทัวร์วัฒนธรรมต่อไปค่ะ
 
 

โดย: jaya ten IP: 125.24.53.106 วันที่: 16 เมษายน 2554 เวลา:23:32:48 น.  

 
 
 
คุณเอก / พี่ฉาย / คุณ jaya ten >> ขอบคุณที่แวะมาค่ะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 17 เมษายน 2554 เวลา:9:16:49 น.  

 
 
 
วัดเก่าแก่แต่ก็ขลังศักดิ์สิทธิ์
 
 

โดย: พระรัชชพงษ์ รตนโชโต IP: 110.49.225.171 วันที่: 17 มิถุนายน 2556 เวลา:0:53:46 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com