|
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
เที่ยวเมืองพระนครแห่งอาณาจักรขอม : ใต้ร่มสะปงใหญ่
ออกจากปราสาทหินบันทายสรี ก็ย้อนเส้นทางกลับเข้าเมือง เพื่อแวะไปปราสาทตาพรม ระหว่างทางผ่านปราสาทแปรรูป ตอนขามาไม่ได้สังเกต พอไกด์ชี้แล้วเล่าประวัติสั้นๆ พวกเราก็ขอให้จอดรถให้พวกเราลงถ่ายรูปด้านนอกแบบห่างๆ ...เพราะรายการนี้ไม่มีบรรจุไว้ในโปรแกรม
ปราสาทแปรรูป สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 1505 เมื่อพระเจ้าราเชนวรมันย้ายเมืองหลวงกลับมาจากเกาะแกร์ ได้เลือกพื้นที่บริเวณริมฝั่งด้านใต้ของบารายตะวันออกเป็นศูนย์กลางอาณาจักร แล้วสร้างปราสาทแปรรูปเพื่อถวายพระเกียรติแก่พระราชมารดาของพระองค์ เชื่อกันว่า กวินทรามัณฑนา เป็นผู้ควบคุมการสร้างปราสาทนี้ด้วย
ปราสาทแปรรูปมีทรวดทรงงดงามลงตัว สร้างด้วยวัสดุหลายชนิด เช่น ศิลาแลงเป็นฐานปราสาท หินทรายเป็นส่วนตกแต่ง และอิฐเป็นองค์ปรางค์ เป็นตัวอย่างที่ดีของสถาปัตยกรรมเขมรที่สร้างปราสาทด้วยอิฐ เชื่อกันว่าที่นี่เป็นที่เผาศพขุนนางผู้มียศศักดิ์ จึงเรียกว่า แปรรูป หมายถึงการแปรสภาพจากศพกลายเป็นเถ้าถ่าน
จากที่มองเห็นระยะไกล ...ปราสาทนี้มีคนเข้าชมไม่มากนัก ...น่าจะแวะไปชมใกล้ๆ แต่ไกด์บอกว่า โปรแกรมเราชมปราสาทใหญ่ๆ ....ก็เลยต้องใช้แต่ละจุดนาน
ว่าไงก็ว่าตามกัน....ถ่ายรูปกันพอหอมปากหอมคอ ก็กระโดดขึ้นรถตู้ไปต่อ ผ่าน สระสรง เป็นอ่างเก็บน้ำขนาด 700 x 350 เมตร สร้างด้วยศิลาแลงและหินทราย เป็นผลงานก่อสร้างของ กวินทรามัณฑนา สถาปนิกประจำราชสำนักของพระเจ้าราเชนวรมัน ในราวพุทธศตวรรษที่ 15
ใช้เวลาไม่นานรถตู้ก็พสพวกเรามาถึงปราสาทใหญ่ที่เคยเป็นฉากถ่ายภาพยนต์ดัง ... ดูเหมือนว่าชาวเขมรจะภาคภูมิใจกับการเป็นสถานที่ถ่ายทำนี้มาก ไกด์ของเราก็บอกว่า ได้มีโอกาสไปร่วมงานกับกองถ่ายด้วย และก็มีป้ายประกาศความร่วมมือในการบูรณะอีกเช่นกัน
รูปสลักอสูรและเทวดายุดนาคจากการกวนเกษียรสมุทรนี้ เป็นสะพานทอดนำเข้าสู่ปราสาทตาพรม
ปราสาทตาพรม มีชื่อตามจารึกว่า ราชวรวิหาร หรือเรียชวิเฮียร (แต่ชื่อ "ตาพรม" สันนิษฐานว่าเป็นชื่อคนเฝ้าปราสาทตอนที่พวกฝรั่งเศสมาพบ) พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างอุทิศถวายแด่พระราชมารดา พระนางเจ้าชัยราชจุฑามณี เมื่อปีพ.ศ.1729 และสร้างขยายในสมัยพระเจ้าอินทรวรมันที่ 2
ปราสาทตาพรม เป็นวัดในพุทธศาสนาที่มีขนาดใหญ่ คือมีปราสาทถึง 24 หลัง สันนิษฐานว่า ปราสาทแห่งนี้เป็นทั้งอารามหลวงในศาสนาพุทธ อโรคยาศาลา และมหาวิทยาลัยสำหรับสอนภาษาสันสกฤต (เหมือนวัดพระเชตุพนฯ - วัดโพธิ์ - ของเราเลยเนอะ)
สำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพาทิศ ซ่อมแซมปราสาทตาพรมแบบคงสภาพธรรมชาติดั้งเดิมไว้ให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้มาชมเกิดจินตนาการถึงสภาพและบรรยากาศเมื่อครั้งที่ฝรั่งเศสเข้าเมืองพระนครในศตวรรษที่ 19 หมู่ไม้ขนาดใหญ่ที่แผ่รากปกคลุมโคปุระและปรางค์ ส่วนมากเป็นสะปง นักพฤกษศาสตร์พบว่าต้นสะปงแก่ที่สุดในปราสาทตาพรมมีอายุราว 300 ปี
พอเดินเข้าถึงด้านในบริเวณปราสาท พวกเราก็เดินลิ่วๆ นำหน้าไกด์ไปด้วยความตื่นเต้น รากไม้ที่ชอนไชไปตามก้อนหิน...ทำให้บรรยากาศดูขรึมขลัง วังเวง .... แต่วังเวงได้ไม่นาน ก็มีคณะทัวร์กลุ่มใหญ่เข้ามา เสียงจอกแจกก็บังเกิด ...เราอ่านคู่มือมาแล้ว ก็เลยไม่ค่อยได้สนใจที่ไกด์เล่านัก เอาแต่ถ่ายรูปและเดินหาภาพสลักที่ไม่น่าจะมีในสมัยนั้นอยู่ ก็หากันจนพบ
ภาพสลักลายไดโนเสาร์พันธุ์สเตโกซอรัส อยู่ที่มุมเสากรอบประตูทิศใต้ของโคปุระตะวันตก
อัปสราที่ปราสาทตาพรม สวยไม่แพ้อัปสราแห่งบันทายสรีเลยล่ะ
ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง....ก็ต้องอำลาปราสาทตาพรม เดินทางไปยังปราสาทใหญ่แห่งต่อไป
ขากลับกรุงเทพฯ เพื่อนเราเกิดนึกครึ้มอกครึ้มใจ...แต่งกลอนให้ปราสาทหลังนี้ว่า ลึกลับลี้เร้นเป็นรากไม้ เลื้อยรากโยงใยปกปิด สะปงใหญ่แผ่ขยายลายฤทธิ์ ชวนพิศ ณ ปราสาทตาพรม
Create Date : 02 มีนาคม 2552 |
Last Update : 3 มีนาคม 2552 22:21:45 น. |
|
9 comments
|
Counter : 3012 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 2 มีนาคม 2552 เวลา:23:10:50 น. |
|
โดย: ดา ดา วันที่: 3 มีนาคม 2552 เวลา:3:08:23 น. |
|
โดย: BeCoffee วันที่: 3 มีนาคม 2552 เวลา:6:23:41 น. |
|
โดย: nikanda วันที่: 3 มีนาคม 2552 เวลา:7:05:57 น. |
|
โดย: Kitsunegari วันที่: 3 มีนาคม 2552 เวลา:13:59:18 น. |
|
โดย: หมูย้อมสี วันที่: 3 มีนาคม 2552 เวลา:15:37:03 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 3 มีนาคม 2552 เวลา:18:00:15 น. |
|
โดย: lalabel วันที่: 4 มีนาคม 2552 เวลา:15:53:49 น. |
|
| |
|
นัทธ์ |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]
|
รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้ และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
|
|
|
|
|
|