<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
19 มกราคม 2553
 

ทอดน่องท่อง "มะละกา" Part VI : พระราชวังสุลต่านมะละกา



ความเดิมตอนที่แล้ว

หลังจากเดินเรื่อยเปือยชมเมืองและผู้คนจนเดินผ่านรั้วที่เจ้าของพื้นที่ "ห้ามเข้า"
พวกเราก็ได้เห็นเรือนไม้สีน้ำตาลเข้ม ขนาดใหญ่ ทรงแปลกตา
เราก็พลิกหนังสือคู่มือนำเที่ยว มาไล่เส้นทางดูว่า เราเดินกันมาถึงไหนกันแล้ว

พระราชวังสุลต่านมะละกา


พระราชวังสุลต่านแห่งมะละกาหลังนี้ เป็นหลังที่สร้างจำลองขึ้นใหม่ในพื้นที่เดิม
ซึ่่งเคยเป็นที่ตั้งของพระราชวังสุลต่าน หรือ Istana ผู้ปกครองมะละกาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15
เป็นสถาปัตยกรรมแบบมลายูพื้นเมือง เรียกว่า Bambung panjang คือ หลังคายาว
ตัวพระราชวังสร้างด้วยไม้เข้าเดือยทั้งหลัง มีความยาว 74 เมตร กว้าง 18 เมตร และสูง 20 เมตร
สร้างขึ้นในปีค.ศ.1984 และเปิดให้เข้าชมเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1984

ภายนอกนั้นตกแต่งภูมิทัศน์ด้วยต้นไม้ จัดสวนสวยงาม
ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
จำลองภาพเหตุการณ์เล่าเรื่องประกอบหุ่นและภาพเขียนสีน้ำมัน

ในพงศาวดารมลายู บันทึกถึงความงดงามโอ่อ่าของพระราชวังแห่งนี้ไว้ว่า

"เป็นพระราชวังที่สวยที่สุดในโลก มี 19 ช่องหน้าต่าง มีหลังคาเจ็ดชั้นที่มุงด้วยทองแดงและสังกะสี เสาไม้ทำด้วยท่อนซุงขนาดใหญ่ บนยอดประดับหุ้มด้วยแผ่นทอง กระจกสี และอัญมณี เป็นประกายวาววามยามเมื่อต้องแสงอาทิตย์"

ในปีค.ศ.1460 พระราชวังหลังนี้ถูกไฟไหม้จนหมดสิ้นในสมัยสุลต่านมานสุรสุร์ชาห์ สันนิษฐานว่ามีสาเหตุจากฟ้าผ่าเครื่องไม้บนหลังคาของพระราชวัง หลังจากนั้นพระองค์ได้สร้างพระราชวังหลังใหม่บนพื้นที่เดิมอย่างสง่างามอีกครั้ง โดยมี ตน เปรัค ข้าราชบริพารระดับเสนาบดีเป็นนายกองควบคุมการก่อสร้างให้อย่างสวยงามสมใจ แต่ก็ถูกเพลิงเผาทำลายอีกครั้งเมื่อคราวโปรตุเกสบุกขึ้นโจมตียึดเมืองในปีค.ศ. 1511


ท้องพระโรง แสดงลำดับตำแหน่งในการเข้าเฝ้าสุลต่าน



จำลองห้องเสวย ห้องบรรทม ชุดฉลองพระองค์ และเครื่องประดับ


หุ่นจำลองพ่อค้าวานิชชาติต่างๆ ที่เข้ามาทำการค้าในดินแดนมะลากา
เช่น จีน สยาม อาเจย์ อาหรับ เป็นต้น และสินค้าที่นำเข้ามาค้าขายแลกเปลี่ยน


มีตู้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้มากมาย ทั้งถ้วยโถโอชาม และอาวุธยุทธภัณฑ์


รวมทั้ง ตู้แสดงเครืืองประดับศีรษะและตราสัญลักษณ์ประจำเมืองของสุลต่านรัฐต่างๆ


จ่ายค่าเข้าชมคนละ 10 ริงกิต แล้วก็เดินตามกันชมไปที่ละห้อง ทีละส่วน
ทุกจุด มีป้ายบรรยายรายละเอียด ภาษามาเลย์และภาษาอังกฤษ
คนที่สนใจมาก ก็ค่อยเดินไป อ่านไป
แต่สำหรับเราก็ เดินไป ถ่ายรูปไป ถ่ายละเอียด ประมาณว่า
เอามาเปิดอ่านจากภาพได้ เฉพาะเรื่องที่เราสนใจอ่ะนะ
ถึงตอนนี้ ก็กลายเป็น "ต่างคนต่างเดินชม"



สิ่งจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์นี้ เรียนรู้ได้ง่ายมาก
เพราะภาพชัดเจน ด้วยภาพสีน้ำมัน หรือหุ่นจำลองเหตุการณ์เป็นบางตอน
ดังนั้น ผู้เที่ยวชมที่เราได้เห็น นอกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต่างภาษาแล้ว
ก็ยังมีชาวบ้านต่างเมือง ต่างรัฐ มาเข้าชมด้วย
ห้องจัดแสดงและตู้ที่จัดแสดง ก็สะอาดเอี่ยม ไม่มีฝุ่นเกาะเลย
ทั้งๆ ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่นั่งจับผิด เป็นจุดๆ เป็นในพิพิธภัณฑ์บ้านเรา

พวกเราเดินชมด้วยความสบายใจ ...จนกินเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง
ก็สนใจประวัติศาสตร์ด้วยกันทั้งก๊วนนี่นะ
ที่อ่านจบก่อน ก็มานั่งเขียนโปสการ์ดรอเพื่อน ...ไม่มีการเร่งเวลากันเลย
ไปแบบสบายๆ

ก่อนออกจากพระราชวัง เราติดใจของที่ระลึกเป็น "กริช" ใส่กล่องกระดาษสวยงามดี
อยากซื้อให้พ่อ ...ตอนสมัยพ่อเดินทาง เก็บสะสม "ช้อนชา"
แต่เราอยากหาอะไรให้พ่อเป็นที่ระลึกจากการเดินทางของลูกบ้าง
ถามไถ่ราคา แล้วหยิบวาง คำนวณเงินในใจ ...
เจ้าหน้าที่คงเห็นเราคิดนาน ก็เลยบอกว่า เขาลดราคาหน่อยนึง
เราก็เลยตัดสินใจได้ เลือกซื้อมา 2 อัน ควักเงินส่งไป 100 ริงกิต
เก็บของใส่กระเป๋า ...พนักงานก็ยื่นเงินทอนให้

อ้าว...อันล่ะ fifty (50)2 อัน ลดแล้ว น่าจะทอน 10 ริงกิต แต่ไหงทอนมามากว่านั้น
กลายเป็นว่า หูเพี้ยน ฟัง fifteen (15) เป็น fifty (50) ไปซะได้
เกือบจ่ายแพงเกินไปซะแล้ว ....กลายเป็นว่า จ่ายน้อยกว่าที่คิดซะอีก

ลงตัวเรือนพระราชวัง ก็มาเดินชมสวน เก็บภาพภูมิทัศน์ที่สวยงามร่มรื่น ตอนเที่ยงๆ
เที่ยงกว่าๆ ...แดดเริ่มร้อนแล้วล่ะ ได้เวลามองหาที่พักกินข้าวกลางวันกัน
แต่พื้นที่เมืองมรดกโลก ไม่มีร้านจำหน่ายอาหารเลย
จุดที่ใกล้ที่สุดก็คือ ฟู้ดคอร์ทของห้างสรรพสินค้ามหึมา นั่นเอง



มีร้านอาหารที่จำหน่ายอาหารพื้นเมือง อาหารนานาชาติ หลายร้าน ทั้งคาวและหวาน
ติดรูปอาหารและราคาชัดเจน ...ง่ายต่อการจิ้มสั่ง
เราเดินวนไปรอบนึง แล้วก็ไปจิ้มเอา "ข้าวอบหม้อดิน"
รสชาติ "เค็ม" อีกตามเคย ...สั่งอาหารผิดไปแล้วเรา ...
แต่ก็พยายามกินเอาแรงไว้ก่อนล่ะ

นั่งพักตากแอร์ให้เย็นกาย เย็นใจ
แล้วก็พากัน ออกเดินกันต่อ มีพิพิธภัณฑ์ในรายการให้ตะลุยอีกเยอะเลย


โปรดติดตามตอนต่อไป


ปล.
คิดว่าซื้อ "กริช" ได้ราคาถูกแล้วนะ
ปรากฎว่า ตอนมาเดินย่านถนนคนเดิน ร้านขายของที่ระลึกในย่านนั้นขายแค่ 10 ริงกิต
อยากร้องไห้ ...แต่หักใจคิดซะว่า เป็นค่าบำรุงพิพิธภัณฑ์เพิ่มเติมละกัน



Create Date : 19 มกราคม 2553
Last Update : 19 มกราคม 2553 23:06:39 น. 7 comments
Counter : 1701 Pageviews.  
 
 
 
 
ตามมาเที่ยวต่อเป็นคนแรกเลย
พิพิธภัณฑ์เค้าดีกว่าบ้านเรารึเปล่าคะ
แต่เท่าที่ดูส้มว่าน่าจะดีกว่านะ
มีข้อมูล มีข้าวของเครื่องใช้ เยอะดีด้วย
ที่สำคัญไม่ต้องเกร็งเวลาเที่ยวชมด้วย
ของบ้านเราเดินไปนิดนึงก็เจอเจ้าหน้าที่มองตาม
ซะจนบางทีรำคาญเลยล่ะ
บางทีก็เจอเจ้าหน้าที่นั่งหลับซะงั้น
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:22:53:24 น.  

 
 
 
คุณส้ม >> ดีในแง่ของการให้ข้อมูลค่ะ ...ละเอียดละออ ชนิดที่เรียนประวัติศาสตร์มะละกาจบในทีเดียวได้เลย

เอาไว้ตามไปเที่ยวที่ละพิพิธภัณฑ์นะคะ แล้วค่อยสรุปว่า "ดีกว่า" รึป่าว
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:23:05:17 น.  

 
 
 
อาหารเค็มหรือคะคุณนัทธ์
(มาอ่านช้าแล้วถามซะด้วยเรา)

ก็น่าทานดีนี่นา

ส่วนพระราชวังเค้า็ก็สวยจัง ดูไปดูมาก็คล้ายของไทยเหมือนกันนะคะ
 
 

โดย: BeCoffee วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:23:39:13 น.  

 
 
 
คุณอ้อน >> ข้าวอบนี้ เราก็ผิดอีกแหละ คนขายว่าอะไรมา ก็พนักหน้า งึก งึก รับไป ..
เลยได้ "เห็ดหอม" เพิ่มมาด้วย
ทีนี่ เห็ดมันก็อมน้ำซีอิ๊ว เข้าไปมาก
ตักคำแรก ก็ตักเอาเห็ดก่อน ...มันก็ "เค็ม" อ่ะดิ

เราไม่ชอบอาหารรสเค็มค่ะ ...
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:7:14:22 น.  

 
 
 
น่าเสียดายวังเนอะ ถูกไฟไหม้ไปตั้งสองครั้ง
สงสัยฟ้าจะผ่าหลังคาที่เป็นทองแดง
แต่หน้าตาคล้ายเรือนไทยโบราณมากเลยค่ะคุณนัทธ์

แน่ะมองโลกในแง่ดี คิดซะว่าเป็นค่าบำรุงพิพิธภัณฑ์
ไว้ว่างจะย้อนไปอ่านตอนที่แล้ว
เห็นบอกว่านี่เป็นตอนที่สอง
คุณนัทธ์จะคิดค่าพาเที่ยวมั๊ยละเนี่ย

แอมอร
 
 

โดย: peeamp วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:8:51:24 น.  

 
 
 
เจ๊ย..ไม่ใช่ตอนสองนี่นา555


 
 

โดย: เข้าไปดูมาแระ (peeamp ) วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:8:55:20 น.  

 
 
 
คุณแอมอร >> ตอนที่ 6 แล้วจ๊ะ ...คิดค่าชมเป็น comment ละักัน ทริปนี้ยังอีกยาวไกลนัก
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:11:22:20 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com