<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
17 กุมภาพันธ์ 2551
 

สีลมในปีพ.ศ.2551 กับ สยามทัศน์สัญจร - Part 1



หลังจากอ่านหนังสือพิมพ์เจอข่าวชมรมสยามทัศน์จะพาเดินเที่ยว "สีลม"
เราก็ตัดสินใจลาพักร้อนทันที....เที่ยวใกล้ๆ แบบนี้น่าสนุกออก
ค่าใช้จ่ายก็ไม่เยอะ ...และได้เรียนรู้เรื่องราวของกรุงเทพมหานครซะบ้าง ....

"สีลม" สำหรับเราก็เป็นแหล่งช้อปปิ้งอีกแห่ง...ที่อาจแวะมาได้บ้างยามกลางวัน เพราะไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก ....
หรือยามเย็นที่เพื่อนๆ ใช้เป็นจุดนัดหมายพบปะประจำเดือนบ้าง
เพราะมีรถไฟฟ้าผ่าน...ทำให้แต่ละคนเดินทางสะดวก ไม่ว่าจะเป็นขามา..หรือขากลับ
มีร้านอาหารให้เลือกลองลิ้มชิมรสชาติหลากหลาย ....

นอกจากนี้ สีลมยังเป็นฉากและบรรยากาศของนวนิยายรุ่นเก่าหลายเรื่อง
ชวนให้เราอยากรู้จักสีลมให้มากขึ้น
หนังสือเป็นแหล่งข้อมูลแรกที่ทำให้เรารู้จักสีลมในอดีต
พระอาทิตย์ขึ้นที่ถนนสีลม ที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว

มีความรู้เกี่ยวกับสีลมติดตัวไปอีกนิด ก่อนจะไปเที่ยว
ตามกำหนดการสยามทัศน์สัญจร ครั้งที่1/2551 "สีลม 2" ตอน การศึกษา ศาสนาและการแพทย์แบบตะวันตกบนถนนสีลม


เริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า

เราได้น้องชายใน Bloggang เป็นเพื่อนร่วมเดินทางอีก 1 คนก็เลยนัดกันที่ป้ายรถเมล์ หน้าวัดสุวรรณฯ ฝั่งธนบุรี
เราตั้งใจว่าจะข้ามเรือแล้วขึ้นรถไฟฟ้าไปลงสถานีศาลาแดง ตามที่ทางชมรมกำหนดเป็นจุดนัดหมาย
แต่เวลายังเช้าอยู่ ...น้องชายเลยพาเดินข้ามสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินไปนั่งรถเมล์แทน

พระอาทิตย์ขึ้นที่สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน


พวกเรามาถึงจุดนัดหมายเร็วไปนิด...มองหาใครไม่เห็นก็เลยไปนั่งเล่นในโรงแรมดุสิตธานีพลางๆ ก่อน ..
ได้เวลาพอสมควร ก็เดินกลับออกมา...ที่จุดนัดหมาย
คนเยอะพอควรเลยล่ะ ...และมีผู้สูงด้วยวัย สูงด้วยคุณวุฒิ หลายท่านด้วยกัน
ช่างเดินกันเก่งเหลือเกิน เพราะได้คุยด้วยแล้ว ทราบว่าท่านเดินกับชมรมนี้มาหลายทริปแล้ว
วิทยากรในโปรแกรมนี้ ..ก็คือพรรคพวกเพื่อนพ้องของชาวชมรมนั่นแหละ..
(เนื่องจากจดนามท่านวิทยากรมาได้ไม่ครบทุกท่าน เลยตัดปัญหาด้วยการไม่เอ่ยชื่อใครซักคนเลย)
ผลัดกันบรรยายในพื้นที่แต่ละท่านคุ้นเคยหรือมีข้อมูล...อย่างได้อรรถรส
และให้เราได้เก็บเกี่ยวความรู้เพิ่มเติมมากมาย ..
เรานิสัยไม่ดีเอง ...เอาแต่ฟัง กับถ่ายรูป ..ไม่ได้จดอะไรเป็นเรื่องเป็นราว
ก็เลยขอเอาข้อมูลประกอบการทัศนศึกษาจรของชมรม ที่ทางแจกให้เป็นเอกสารประกอบมาบอกต่อละกันนะ ขอตัดต่อให้สั้นลงหน่อยนึงเถอะ ....

จุดแรกคือ ศาลาแดง
เดิมเป็นทุ่งนากว้างใหญ่ จนราวพ.ศ 2436 ชาวเดนมาร์กกลุ่มหนึ่งได้ขอพระราชทานสัมปทานสร้างรถไฟ สายสมุทรปราการหรือสายปากน้ำ
แล่นผ่านบริเวณทุ่งแห่งนี้ จึงได้สร้างสถานีรถไฟ ซึ่งเป็นศาลาสำหรับให้ผู้โดยสารนั่งรอรถไฟ
หลังคาศาลาเป็นสีแดง เห็นเด่นสะดุดตา จึงเรียกกันว่า สถานีศาลาแดง
นอกจากเป็นทุ่งนาขนาดใหญ่แล้ว ทุ่งศาลาแดง ยังเคยเป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมสำคัญหลายอย่าง
เช่น พิธีพืชมงคล แรกนาขวัญ เป็นสถานที่แข่งว่าปักเป้า และจุฬา เป็นที่พักวัว ของแขกปาทาน
ชื่อศาลาแดงเคยเป็นชื่อบ้านของเจ้าพระยายมราช -ปั้น สุขุม ซึ่งเป็นเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ และเป็นที่โปรดปราน ของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ บ้านนี้เคยเป็นที่รับเสด็จ ล้นเกล้า รัชกาลที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 และยังเป็นที่รับรองพระราชอาคุนตุกะระดับประเทศหลายครั้ง
ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรมดุสิตธานี



จากจุดเริ่มต้น ก็พากันเดินเข้าถนนคอนแวนต์ แวะชมจุดต่อไป ...
โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ ซึ่งเป็นโรงเรียนหนึ่งในเครือของคณะภคินี เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร
(SOEURS DE SAINT PAUL DE CHARTRES) กลุ่มคณะนักบวชสตรีในคริสตศาสนา
ที่เดินทางมาจากฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ. 2441 เข้ามาเผยแพร่ธรรมและช่วยส่งเสริมงานพัฒนาสังคมไทยด้านการศึกษา การรักษาพยาบาลและการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ยากไร้

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2450 คณะภคินีโดยคุณแม่อธิการิณีแซงต์ ซาเวียร์ (MERE SAINT - XAVIER)
ได้ก่อตั้งโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ขึ้นบนเนื้อที่ 16 ไร่ 1 งานของคณะมิสซังกรุงเทพ
โดยสถาปนิกผู้ออกแบบคือ นายอัลเฟรโด รีกาซซี (Alfredo Rigazzi) สถาปนิกชาวอิตาเลียน
อาคารโรงเรียนในยุคแรกเป็นอาคาร 2 ชั้น ก่ออิฐถือปูน หลังคาปั้นหยามุงกระเบื้องว่าว
ต่อมาปี พ.ศ. 2512 ได้มีการก่อสร้างอาคาร 72 ปี และในปี พ.ศ. 2530 ได้ก่อสร้างหอประชุมทรินิตี้ เป็นหอประชุมอเนกประสงค์ขนาดใหญ่
ภายในกลุ่มอาคารใหม่ โบสถ์น้อย (Chapel) ซึ่งเป็นอาคารอนุรักษ์ ยังคงดำรงอยู่และเป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
อาทิ การรับศีลกำลัง การรับศีลมหาสนิท เป็นต้น แต่ที่พวกเราได้เห็น ก็คือ ....ประตูรั้วและกำแพง



ตรงข้ามโรงเรียนคอนแวนต์นี้ เป็นอารามของนักบวชคณะคาเมลไรท์ นักบวชหญิงในคณะนี้ปวราณาตัวที่จะรับใช้พระเจ้าโดยการภาวนา
อย่างลึกซึ้งและอุทิศทั้งชีวิตให้การภาวนา โดยไม่มีกิจกรรมกับโลกภายนอก
นี่อาจเป็นเหตุหนึ่งที่เรียกแม่ชีคณะนี้ เหมือนชี่อเล่นว่า ชีมืด หรือ ชีลับ
ในอารามนี้ปัจจุบันมีแม่ชีพำนักปฏิบัติอยู่ 15 ท่าน โดยมีส่วนหนึ่งที่ช่วยทำงานติดต่อโลกภายนอก
ให้แม่ชีอีกจำนวนได้มีเวลาภาวนาอย่างเคร่งครัด คำภาวนาของท่านก็เป็นการภาวนาของท่าน ประกอบกับการภาวนาตามคำขอของสัตบุรุษ



ติดๆ กับโรงเรียนคอนแวนต์ ก็เป็นที่ตั้งของโรงพยาบาล BNH (ปัจจุบันบริหารโดยเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ)



สถานรักษาพยาบาลบางกอกเนอสซิ่งโฮมแห่งนี้ กำเนิดจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ที่ทรงมีพระราชประสงค์ในการก่อตั้งสถานรักษาพยาบาล เพื่อเป็นสถานที่รักษาพยาบาลชาวต่างชาติ
ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารโดยมิได้มุ่งหวังผลกำไรแต่อย่างใด
ดังนั้นในปี พ.ศ. 2441 เอกอัครราชฑูต George Greville CMG. และกลุ่มชนชาวอังกฤษจึงได้เช่าสถานที่ชั่วคราวบริเวณถนนพระยาเดโช
เปิดสถานพยาบาลให้บริการชาวต่างประเทศที่มาพำนักในประเทศไทย
และในเวลา 3 ปีต่อมา สถานพยาบาลเล็ก ๆ แห่งนี้ได้เปลี่ยนรูปการบริหารเป็นสมาคมบางกอกเนอสซิ่งโฮม
ทั้งนี้เพื่อให้มีเงินทุนในการพัฒนาการบริการมากขึ้น
...ปัจจุบันโรงพยาบาลมีอายุ 108 ปีแล้ว อาคารไม้หลังเดิมคงเหลือให้เห็นเพียง 1 หลัง
แต่เปลี่ยนไปอยู่ในเขตพื้นที่ของโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์ซะแล้ว
เราจึงได้เห็นแต่หลังคา ที่มองลงมาจากชั้น 4 ของโรงพยาบาล



แม้ว่าโรงพยาบาลจะทำตึกใหม่โอ่อ่าเต็มพื้นที่ก็ตาม ก็ยังจัดส่วนหนึ่งในบริเวณชั้น 4 เป็นพื้นที่สวนไว้ด้วย





ติดๆ กับโรงพยาบาลก็เป็นที่ตั้งของ คริสตจักรไคร้สตเชิร์ช
เริ่มก่อตั้งขึ้นเป็นสถานนมัสการภาคภาษาอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1864 โดยมี สถานที่ตั้งติดกับริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ซึ่งเป็นแผ่นดินพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ให้มีสถานนมัสการสำหรับชาวคริสเตียนฝ่ายโปรเตสแตนท์ในประเทศไทย
ต่อมาในปี ค.ศ. 1904 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระราชทานผืนดิน
ที่มีบริเวณกว้างใหญ่กว่าเดิม และเป็นสถานที่ที่เหมาะสมกับการจัดสร้างโบสถ์ให้แก่ คริสตจักรไคร้สตเชิร์ช
ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 11 ถนนคอนแวนต์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของคริสตจักร จนถึงปัจจุบัน



ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของคริสตจักรไคร้สตเชิร์ช ตั้งแต่สมัยแรกนั้นมีผู้ทำการของพระเจ้า เป็นมิชชันนารีจากคณะเพรสไบทีเรียน
ต่อมาศาสนาจารย์จากคณะแองลิกันมาเป็นผู้ทำการของพระเจ้า แทนจนกระทั่งปัจจุบัน
เป็นคริสตจักรแองลิกันที่ขึ้นตรงต่อไดโอซิส แห่งประเทศสิงคโปร์ [Diocese of Singapore]
อยู่ในเขตปกครองของคณะแองลิกันภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ [Province of Southeast Asia] ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือแองลิกันทั่วโลก







ดุมพัดลมในโบสถ์มีตรา "จปร." ด้วยนะ ...แต่เราหาไม่เจอว่าอยู่ที่ตัวไหน


กระจกสีประดับที่เก่าแก่ที่สุด เพราะเป็นของดั้งเดิมก่อนย้ายโบสถ์มาสีลม





ต่อจากนั้น ก็พาการเร่งเดินย้อนไปต้นถนนสีลมอีกครั้ง เพื่อไปยังสถานเสาวภา สภากาชาดไทย บนถนนอังรีดูนังต์
ระหว่างทางผ่านบ้านเก่าและตึกสวยก็เลยกดภาพเก็บเอาไว้ซะหน่อย






เดินมาเรื่อยๆ ก็มาถึงสถานเสาวภา สภากาชาดไทยกันได้..
วันนี้ แดดไม่แรงเท่าไหร่...แต่ระยะทางก็ทำให้เหงื่อตกได้พอสมควรเลยล่ะ

สถานเสาวภา หรือกองวิทยาศาสตร์ สภากาชาดไทย
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ.2463 พระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงคำนึงถึงพระคุณูปการสมเด็จพระบรมราชชนนีสมเด็จ พระศรีพัชรินทราบรมราชินีนารถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง
ทรงพระราชปรารภใคร่จะสร้างสิ่งซึ่งเป็นสาธารณประโยชน์ให้ยั่งยืนอยู่ในประเทศไทย เพื่อเป็นที่เชิดชูพระเกียรติยศ
สมเด็จพระบรมราชชนนี คู่กันกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อันเป็นสถานที่เฉลิมพระเกียรติยศ สมเด็จพระบรมราชชนก
จึงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 258,000 บาท มอบให้สภากาชาดไทย
เพื่ออำนวยการสร้างตึกใหญ่หลังหนึ่งที่มุมถนนสนามม้าติดต่อกับถนนพระรามสี่
เพื่อใช้เป็นที่ทำการแห่งใหม่ของสถานปาสเตอร์
พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาท ทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายในต่าง
ได้ทรงบริจาค และบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศล
ได้เงินอีกจำนวนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องตกแต่งอาคาร และอุปกรณ์เครื่องใช้
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสถานที่ แห่งใหม่นี้ว่า "สถานเสาวภา"
และเสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพิธีเปิด วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2465
มีหน้าที่สำคัญคือ ทำการวิจัยคิดค้น และตรวจ ทางวิทยาศาสตร์ ผลิตวัคซีนเซรุ่มป้องกัน และรักษาโรคต่างๆ
เช่น โรคพิษสุนัขบ้า เซรุ่มแก้พิษงู และให้ความรู้เกี่ยวกับงูชนิดต่างๆ ของประเทศไทย








พวกเรามาถึงตอนใกล้เวลาโชว์งูเลยล่ะ ..ก็เลยทำการ ดูก่อน จ่ายที่หลัง
สังเกตดูในกลุ่มผู้ชม ...ถ้าตัดชาวคณะสยามทัศน์ออกไป ก็ไม่มีคนไทยอีกเลย ....
พวกฝรั่งสนใจทำความรู้จักงูจริงๆ นะ กล้าเล่น และกล้าจับ



เราแค่นั่งดู เฉยๆ และถอยออกมาห่างๆ เวลาเจ้าหน้าที่ยื่นงูที่นำมาแนะนำที่ละชนิดเข้ามาใกล้ๆ
นั่งแถวหน้า เพราะอยากถ่ายรูป ....แต่พอถ่ายมาแล้ว...ไม่กล้าเอามาลองอ่ะ
เอาเป็นว่า ใครอยากรู้จักงูแต่ละชนิดอย่างใกล้ชิด ...ก็เชิญที่สวนงู สถานเสาวภาเลย



กิจกรรมหลักของสวนงู ก็คือ การเลี้ยงงูพิษชนิดต่างๆ ไว้ใช้ในการรีดพิษเพื่อผลิตเซรุ่ม
นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องของงูพิษ และการป้องกัน อันตรายจากงูพิษ

สวนงูเปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน
วันธรรมดา
ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น. และแสดงการจับงู รีด พิษงูและป้อนอาหารวันละ 2 รอบ
คือ รอบเช้า 11.00 - 12.00 น. รอบบ่าย 14.30 - 15.30 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์และวันหยุดราชการ
ตั้งแต่เวลา 09.00 - 12.00 น. และมีการแสงรอบเช้ารอบเดียว


จบการแสดงแล้วก็เข้าชมพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้เรื่องงู (เราเรียกเอง) ในอาคาร 4 มะเส็ง



อาคารเกิดขึ้นด้วย พระเจ้าลูกเธอและพระเจ้าลูกยาเธอ 4 พระองค์ที่ประสูติในปีมะเส็ง ร่วมกันสร้างขึ้นในโอกาสครบ 4 รอบ (48 ชันษา) คือ

(จากบนซ้าย)
จอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศศิพงศ์ประไพ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสมัยพิมลสัตย์

ภาพวาดอาคารเดิม โดย สัมพันธ์ สารารักษ์


ภายในอาคารจัดแสดงและให้ความรู้เกี่ยวกับงู โดยชั้นแรก จัดเป็นห้องแสดงงูแต่ละชนิดในได้รู้จักกัน ชั้น 2 เป็นการแสดงวงจรชีวิตงู
ลักษณะอวัยวะภายในของงู การสืบพันธุ์ การปฐมพยาบาลหากถูกงูกัด เป็นต้น
วิธีการนำเสนอนั้น น่าสนใจและง่ายต่องานเรียนรู้และทำความเข้าใจมากทีเดียว
...เรากะว่าจะกล้บไปค่อยๆ เดินอ่านอีกรอบ

โครงกระดูกงูเห่าไทย


โครงกระดูกงูหลาม


ถ่ายภายในอาคารตึกหน้า


เที่ยงครึ่งแล้ว ...ได้เวลากินซะที จากสถานเสาวภาก็พากันเดินเข้าถนนสุรวงศ์ ...ไปกินบะหมี่-เกี๊ยวกุ้งเฮียชัย
ตั้งแต่ยังไปจากปากตรอกโรงน้ำแข็ง ริเวอร์ซิตี้ เรายังไม่เคยไปเดินตามหาเลยว่า เค้าย้ายร้านมาอยู่ตรงไหนกัน
ได้คนเดินนำ...ก็ง่ายหน่อย อยู่แถวหลังรพ.กรุงเทพคริสต์เตียนนี่เอง

เฮีย ยังขายแบบเดิม ...คือ ตามคิว ..เพราะฉะนั้นเพื่อความไม่ประมาท
เราก็เลยต้องสั่ง 2 ชามรวดไว้ก่อน ..บะหมี่แห้ง - เกี๊ยวกุ้งน้ำ ...อร่อยเหมือนเดิม
และแน่นอน คือ แพงว่าเดิม 5 บาทอ่ะ
ถ้าสั่งแห้ง แล้วขอน้ำซุปเพิ่ม ..เฮียก็คิดตังส์
...ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเราว่า น้ำซุปก็ธรรมดามากกกกกกกก

ระหว่างเดินหาร้านเฮียชัย...บนถนนสุรวงศ์ ก็มีตึกเก่าหลังเหลือให้เห็นบ้างเหมือนกันนะ

ร้านจิม ทอมป์สัน


ร้านอะไรไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว




กินอิ่มก็เดินต่อ ...พบกันที่ห้องสมุดเนล์สัน เฮย์


ก่อนจบ Part - 1 มีดอกไม้ที่โบสถ์ที่เราไม่รู้จักชื่ออยู่ด้วย
ขอแปะไว้เผื่อเพื่อนๆ พอจะทราบบ้าง




Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2551 21:56:43 น. 6 comments
Counter : 6978 Pageviews.  
 
 
 
 
สวย ครับ
 
 

โดย: wildbirds วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:22:46 น.  

 
 
 
ขอชมเชยว่าเก็บภาพได้ดี สวยงาม และให้รายละเอียดได้ดีมากครับ คราวหน้ามาอีกนะ จะแจ้งให้ทราบทางอีเมล์ ที่ให้ไว้ครับ
 
 

โดย: บก.สยามทัศน์สาร IP: 203.156.70.171 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:3:24:05 น.  

 
 
 
เยี่ยมมากค่ะ

ขอบคุณสำหรับภาพและคำบรรยายที่ชัดเจน
เป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่า
ชอบมาก

ขอบคุณสยามทัศน์มากมาก
 
 

โดย: อรพิน จันทร์ประเสริฐ IP: 124.121.48.159 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:16:27 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะ
วันก่อนได้อ่านหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
เลยได้รู้ว่ามีชมรมนี้อยู่ด้วย

ขอบคุณที่ลงภาพและประวัติให้อ่านนะคะ
ชอบอ่านมากๆเลย
หวังว่าถ้ามีทริปคราวหน้าจะได้ไปร่วมด้วยนะคะ

 
 

โดย: ฝัน (tripper_stripes ) วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:12:15:18 น.  

 
 
 
เยี่ยมมาก!! ชอบจังเลยทั้งภาพและคำอธิบาย หวังว่าจะได้พบกัน ทริปหน้าอีกนะคะ
ขอบคุณมาก ๆๆๆๆๆๆค่ะ

 
 

โดย: คนชอบเดิน IP: 202.90.6.36 วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:9:46:03 น.  

 
 
 
ดอกชมพู่ค่ะ
แต่ละที่น่าไปชมจังค่ะ
 
 

โดย: มารเหา IP: 202.44.8.100 วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:10:46:39 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com