|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
สีลมในปีพ.ศ.2551 กับ สยามทัศน์สัญจร - Part 1
หลังจากอ่านหนังสือพิมพ์เจอข่าวชมรมสยามทัศน์จะพาเดินเที่ยว "สีลม" เราก็ตัดสินใจลาพักร้อนทันที....เที่ยวใกล้ๆ แบบนี้น่าสนุกออก ค่าใช้จ่ายก็ไม่เยอะ ...และได้เรียนรู้เรื่องราวของกรุงเทพมหานครซะบ้าง ....
"สีลม" สำหรับเราก็เป็นแหล่งช้อปปิ้งอีกแห่ง...ที่อาจแวะมาได้บ้างยามกลางวัน เพราะไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก .... หรือยามเย็นที่เพื่อนๆ ใช้เป็นจุดนัดหมายพบปะประจำเดือนบ้าง เพราะมีรถไฟฟ้าผ่าน...ทำให้แต่ละคนเดินทางสะดวก ไม่ว่าจะเป็นขามา..หรือขากลับ มีร้านอาหารให้เลือกลองลิ้มชิมรสชาติหลากหลาย ....
นอกจากนี้ สีลมยังเป็นฉากและบรรยากาศของนวนิยายรุ่นเก่าหลายเรื่อง ชวนให้เราอยากรู้จักสีลมให้มากขึ้น หนังสือเป็นแหล่งข้อมูลแรกที่ทำให้เรารู้จักสีลมในอดีต พระอาทิตย์ขึ้นที่ถนนสีลม ที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว
มีความรู้เกี่ยวกับสีลมติดตัวไปอีกนิด ก่อนจะไปเที่ยว ตามกำหนดการสยามทัศน์สัญจร ครั้งที่1/2551 "สีลม 2" ตอน การศึกษา ศาสนาและการแพทย์แบบตะวันตกบนถนนสีลม
เริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า
เราได้น้องชายใน Bloggang เป็นเพื่อนร่วมเดินทางอีก 1 คนก็เลยนัดกันที่ป้ายรถเมล์ หน้าวัดสุวรรณฯ ฝั่งธนบุรี เราตั้งใจว่าจะข้ามเรือแล้วขึ้นรถไฟฟ้าไปลงสถานีศาลาแดง ตามที่ทางชมรมกำหนดเป็นจุดนัดหมาย แต่เวลายังเช้าอยู่ ...น้องชายเลยพาเดินข้ามสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินไปนั่งรถเมล์แทน
พระอาทิตย์ขึ้นที่สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน
พวกเรามาถึงจุดนัดหมายเร็วไปนิด...มองหาใครไม่เห็นก็เลยไปนั่งเล่นในโรงแรมดุสิตธานีพลางๆ ก่อน .. ได้เวลาพอสมควร ก็เดินกลับออกมา...ที่จุดนัดหมาย คนเยอะพอควรเลยล่ะ ...และมีผู้สูงด้วยวัย สูงด้วยคุณวุฒิ หลายท่านด้วยกัน ช่างเดินกันเก่งเหลือเกิน เพราะได้คุยด้วยแล้ว ทราบว่าท่านเดินกับชมรมนี้มาหลายทริปแล้ว วิทยากรในโปรแกรมนี้ ..ก็คือพรรคพวกเพื่อนพ้องของชาวชมรมนั่นแหละ.. (เนื่องจากจดนามท่านวิทยากรมาได้ไม่ครบทุกท่าน เลยตัดปัญหาด้วยการไม่เอ่ยชื่อใครซักคนเลย) ผลัดกันบรรยายในพื้นที่แต่ละท่านคุ้นเคยหรือมีข้อมูล...อย่างได้อรรถรส และให้เราได้เก็บเกี่ยวความรู้เพิ่มเติมมากมาย .. เรานิสัยไม่ดีเอง ...เอาแต่ฟัง กับถ่ายรูป ..ไม่ได้จดอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ก็เลยขอเอาข้อมูลประกอบการทัศนศึกษาจรของชมรม ที่ทางแจกให้เป็นเอกสารประกอบมาบอกต่อละกันนะ ขอตัดต่อให้สั้นลงหน่อยนึงเถอะ ....
จุดแรกคือ ศาลาแดง เดิมเป็นทุ่งนากว้างใหญ่ จนราวพ.ศ 2436 ชาวเดนมาร์กกลุ่มหนึ่งได้ขอพระราชทานสัมปทานสร้างรถไฟ สายสมุทรปราการหรือสายปากน้ำ แล่นผ่านบริเวณทุ่งแห่งนี้ จึงได้สร้างสถานีรถไฟ ซึ่งเป็นศาลาสำหรับให้ผู้โดยสารนั่งรอรถไฟ หลังคาศาลาเป็นสีแดง เห็นเด่นสะดุดตา จึงเรียกกันว่า สถานีศาลาแดง นอกจากเป็นทุ่งนาขนาดใหญ่แล้ว ทุ่งศาลาแดง ยังเคยเป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมสำคัญหลายอย่าง เช่น พิธีพืชมงคล แรกนาขวัญ เป็นสถานที่แข่งว่าปักเป้า และจุฬา เป็นที่พักวัว ของแขกปาทาน ชื่อศาลาแดงเคยเป็นชื่อบ้านของเจ้าพระยายมราช -ปั้น สุขุม ซึ่งเป็นเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ และเป็นที่โปรดปราน ของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ บ้านนี้เคยเป็นที่รับเสด็จ ล้นเกล้า รัชกาลที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 และยังเป็นที่รับรองพระราชอาคุนตุกะระดับประเทศหลายครั้ง ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรมดุสิตธานี
จากจุดเริ่มต้น ก็พากันเดินเข้าถนนคอนแวนต์ แวะชมจุดต่อไป ... โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ ซึ่งเป็นโรงเรียนหนึ่งในเครือของคณะภคินี เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร (SOEURS DE SAINT PAUL DE CHARTRES) กลุ่มคณะนักบวชสตรีในคริสตศาสนา ที่เดินทางมาจากฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ. 2441 เข้ามาเผยแพร่ธรรมและช่วยส่งเสริมงานพัฒนาสังคมไทยด้านการศึกษา การรักษาพยาบาลและการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ยากไร้
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2450 คณะภคินีโดยคุณแม่อธิการิณีแซงต์ ซาเวียร์ (MERE SAINT - XAVIER) ได้ก่อตั้งโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ขึ้นบนเนื้อที่ 16 ไร่ 1 งานของคณะมิสซังกรุงเทพ โดยสถาปนิกผู้ออกแบบคือ นายอัลเฟรโด รีกาซซี (Alfredo Rigazzi) สถาปนิกชาวอิตาเลียน อาคารโรงเรียนในยุคแรกเป็นอาคาร 2 ชั้น ก่ออิฐถือปูน หลังคาปั้นหยามุงกระเบื้องว่าว ต่อมาปี พ.ศ. 2512 ได้มีการก่อสร้างอาคาร 72 ปี และในปี พ.ศ. 2530 ได้ก่อสร้างหอประชุมทรินิตี้ เป็นหอประชุมอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ภายในกลุ่มอาคารใหม่ โบสถ์น้อย (Chapel) ซึ่งเป็นอาคารอนุรักษ์ ยังคงดำรงอยู่และเป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา อาทิ การรับศีลกำลัง การรับศีลมหาสนิท เป็นต้น แต่ที่พวกเราได้เห็น ก็คือ ....ประตูรั้วและกำแพง
ตรงข้ามโรงเรียนคอนแวนต์นี้ เป็นอารามของนักบวชคณะคาเมลไรท์ นักบวชหญิงในคณะนี้ปวราณาตัวที่จะรับใช้พระเจ้าโดยการภาวนา อย่างลึกซึ้งและอุทิศทั้งชีวิตให้การภาวนา โดยไม่มีกิจกรรมกับโลกภายนอก นี่อาจเป็นเหตุหนึ่งที่เรียกแม่ชีคณะนี้ เหมือนชี่อเล่นว่า ชีมืด หรือ ชีลับ ในอารามนี้ปัจจุบันมีแม่ชีพำนักปฏิบัติอยู่ 15 ท่าน โดยมีส่วนหนึ่งที่ช่วยทำงานติดต่อโลกภายนอก ให้แม่ชีอีกจำนวนได้มีเวลาภาวนาอย่างเคร่งครัด คำภาวนาของท่านก็เป็นการภาวนาของท่าน ประกอบกับการภาวนาตามคำขอของสัตบุรุษ
ติดๆ กับโรงเรียนคอนแวนต์ ก็เป็นที่ตั้งของโรงพยาบาล BNH (ปัจจุบันบริหารโดยเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ)
สถานรักษาพยาบาลบางกอกเนอสซิ่งโฮมแห่งนี้ กำเนิดจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชประสงค์ในการก่อตั้งสถานรักษาพยาบาล เพื่อเป็นสถานที่รักษาพยาบาลชาวต่างชาติ ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารโดยมิได้มุ่งหวังผลกำไรแต่อย่างใด ดังนั้นในปี พ.ศ. 2441 เอกอัครราชฑูต George Greville CMG. และกลุ่มชนชาวอังกฤษจึงได้เช่าสถานที่ชั่วคราวบริเวณถนนพระยาเดโช เปิดสถานพยาบาลให้บริการชาวต่างประเทศที่มาพำนักในประเทศไทย และในเวลา 3 ปีต่อมา สถานพยาบาลเล็ก ๆ แห่งนี้ได้เปลี่ยนรูปการบริหารเป็นสมาคมบางกอกเนอสซิ่งโฮม ทั้งนี้เพื่อให้มีเงินทุนในการพัฒนาการบริการมากขึ้น ...ปัจจุบันโรงพยาบาลมีอายุ 108 ปีแล้ว อาคารไม้หลังเดิมคงเหลือให้เห็นเพียง 1 หลัง แต่เปลี่ยนไปอยู่ในเขตพื้นที่ของโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูส์ซะแล้ว เราจึงได้เห็นแต่หลังคา ที่มองลงมาจากชั้น 4 ของโรงพยาบาล
แม้ว่าโรงพยาบาลจะทำตึกใหม่โอ่อ่าเต็มพื้นที่ก็ตาม ก็ยังจัดส่วนหนึ่งในบริเวณชั้น 4 เป็นพื้นที่สวนไว้ด้วย
ติดๆ กับโรงพยาบาลก็เป็นที่ตั้งของ คริสตจักรไคร้สตเชิร์ช เริ่มก่อตั้งขึ้นเป็นสถานนมัสการภาคภาษาอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1864 โดยมี สถานที่ตั้งติดกับริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแผ่นดินพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ให้มีสถานนมัสการสำหรับชาวคริสเตียนฝ่ายโปรเตสแตนท์ในประเทศไทย ต่อมาในปี ค.ศ. 1904 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระราชทานผืนดิน ที่มีบริเวณกว้างใหญ่กว่าเดิม และเป็นสถานที่ที่เหมาะสมกับการจัดสร้างโบสถ์ให้แก่ คริสตจักรไคร้สตเชิร์ช ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 11 ถนนคอนแวนต์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของคริสตจักร จนถึงปัจจุบัน
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของคริสตจักรไคร้สตเชิร์ช ตั้งแต่สมัยแรกนั้นมีผู้ทำการของพระเจ้า เป็นมิชชันนารีจากคณะเพรสไบทีเรียน ต่อมาศาสนาจารย์จากคณะแองลิกันมาเป็นผู้ทำการของพระเจ้า แทนจนกระทั่งปัจจุบัน เป็นคริสตจักรแองลิกันที่ขึ้นตรงต่อไดโอซิส แห่งประเทศสิงคโปร์ [Diocese of Singapore] อยู่ในเขตปกครองของคณะแองลิกันภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ [Province of Southeast Asia] ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือแองลิกันทั่วโลก
ดุมพัดลมในโบสถ์มีตรา "จปร." ด้วยนะ ...แต่เราหาไม่เจอว่าอยู่ที่ตัวไหน
กระจกสีประดับที่เก่าแก่ที่สุด เพราะเป็นของดั้งเดิมก่อนย้ายโบสถ์มาสีลม
ต่อจากนั้น ก็พาการเร่งเดินย้อนไปต้นถนนสีลมอีกครั้ง เพื่อไปยังสถานเสาวภา สภากาชาดไทย บนถนนอังรีดูนังต์ ระหว่างทางผ่านบ้านเก่าและตึกสวยก็เลยกดภาพเก็บเอาไว้ซะหน่อย
เดินมาเรื่อยๆ ก็มาถึงสถานเสาวภา สภากาชาดไทยกันได้.. วันนี้ แดดไม่แรงเท่าไหร่...แต่ระยะทางก็ทำให้เหงื่อตกได้พอสมควรเลยล่ะ
สถานเสาวภา หรือกองวิทยาศาสตร์ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ.2463 พระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงคำนึงถึงพระคุณูปการสมเด็จพระบรมราชชนนีสมเด็จ พระศรีพัชรินทราบรมราชินีนารถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ทรงพระราชปรารภใคร่จะสร้างสิ่งซึ่งเป็นสาธารณประโยชน์ให้ยั่งยืนอยู่ในประเทศไทย เพื่อเป็นที่เชิดชูพระเกียรติยศ สมเด็จพระบรมราชชนนี คู่กันกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อันเป็นสถานที่เฉลิมพระเกียรติยศ สมเด็จพระบรมราชชนก จึงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 258,000 บาท มอบให้สภากาชาดไทย เพื่ออำนวยการสร้างตึกใหญ่หลังหนึ่งที่มุมถนนสนามม้าติดต่อกับถนนพระรามสี่ เพื่อใช้เป็นที่ทำการแห่งใหม่ของสถานปาสเตอร์ พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาท ทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายในต่าง ได้ทรงบริจาค และบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศล ได้เงินอีกจำนวนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องตกแต่งอาคาร และอุปกรณ์เครื่องใช้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสถานที่ แห่งใหม่นี้ว่า "สถานเสาวภา" และเสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพิธีเปิด วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2465 มีหน้าที่สำคัญคือ ทำการวิจัยคิดค้น และตรวจ ทางวิทยาศาสตร์ ผลิตวัคซีนเซรุ่มป้องกัน และรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า เซรุ่มแก้พิษงู และให้ความรู้เกี่ยวกับงูชนิดต่างๆ ของประเทศไทย
พวกเรามาถึงตอนใกล้เวลาโชว์งูเลยล่ะ ..ก็เลยทำการ ดูก่อน จ่ายที่หลัง สังเกตดูในกลุ่มผู้ชม ...ถ้าตัดชาวคณะสยามทัศน์ออกไป ก็ไม่มีคนไทยอีกเลย .... พวกฝรั่งสนใจทำความรู้จักงูจริงๆ นะ กล้าเล่น และกล้าจับ
เราแค่นั่งดู เฉยๆ และถอยออกมาห่างๆ เวลาเจ้าหน้าที่ยื่นงูที่นำมาแนะนำที่ละชนิดเข้ามาใกล้ๆ นั่งแถวหน้า เพราะอยากถ่ายรูป ....แต่พอถ่ายมาแล้ว...ไม่กล้าเอามาลองอ่ะ เอาเป็นว่า ใครอยากรู้จักงูแต่ละชนิดอย่างใกล้ชิด ...ก็เชิญที่สวนงู สถานเสาวภาเลย
กิจกรรมหลักของสวนงู ก็คือ การเลี้ยงงูพิษชนิดต่างๆ ไว้ใช้ในการรีดพิษเพื่อผลิตเซรุ่ม นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องของงูพิษ และการป้องกัน อันตรายจากงูพิษ
สวนงูเปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน
วันธรรมดา ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น. และแสดงการจับงู รีด พิษงูและป้อนอาหารวันละ 2 รอบ คือ รอบเช้า 11.00 - 12.00 น. รอบบ่าย 14.30 - 15.30 น. วันเสาร์ - อาทิตย์และวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 12.00 น. และมีการแสงรอบเช้ารอบเดียว
จบการแสดงแล้วก็เข้าชมพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้เรื่องงู (เราเรียกเอง) ในอาคาร 4 มะเส็ง
อาคารเกิดขึ้นด้วย พระเจ้าลูกเธอและพระเจ้าลูกยาเธอ 4 พระองค์ที่ประสูติในปีมะเส็ง ร่วมกันสร้างขึ้นในโอกาสครบ 4 รอบ (48 ชันษา) คือ
(จากบนซ้าย) จอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศศิพงศ์ประไพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสมัยพิมลสัตย์
ภาพวาดอาคารเดิม โดย สัมพันธ์ สารารักษ์
ภายในอาคารจัดแสดงและให้ความรู้เกี่ยวกับงู โดยชั้นแรก จัดเป็นห้องแสดงงูแต่ละชนิดในได้รู้จักกัน ชั้น 2 เป็นการแสดงวงจรชีวิตงู ลักษณะอวัยวะภายในของงู การสืบพันธุ์ การปฐมพยาบาลหากถูกงูกัด เป็นต้น วิธีการนำเสนอนั้น น่าสนใจและง่ายต่องานเรียนรู้และทำความเข้าใจมากทีเดียว ...เรากะว่าจะกล้บไปค่อยๆ เดินอ่านอีกรอบ
โครงกระดูกงูเห่าไทย
โครงกระดูกงูหลาม
ถ่ายภายในอาคารตึกหน้า
เที่ยงครึ่งแล้ว ...ได้เวลากินซะที จากสถานเสาวภาก็พากันเดินเข้าถนนสุรวงศ์ ...ไปกินบะหมี่-เกี๊ยวกุ้งเฮียชัย ตั้งแต่ยังไปจากปากตรอกโรงน้ำแข็ง ริเวอร์ซิตี้ เรายังไม่เคยไปเดินตามหาเลยว่า เค้าย้ายร้านมาอยู่ตรงไหนกัน ได้คนเดินนำ...ก็ง่ายหน่อย อยู่แถวหลังรพ.กรุงเทพคริสต์เตียนนี่เอง
เฮีย ยังขายแบบเดิม ...คือ ตามคิว ..เพราะฉะนั้นเพื่อความไม่ประมาท เราก็เลยต้องสั่ง 2 ชามรวดไว้ก่อน ..บะหมี่แห้ง - เกี๊ยวกุ้งน้ำ ...อร่อยเหมือนเดิม และแน่นอน คือ แพงว่าเดิม 5 บาทอ่ะ ถ้าสั่งแห้ง แล้วขอน้ำซุปเพิ่ม ..เฮียก็คิดตังส์ ...ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเราว่า น้ำซุปก็ธรรมดามากกกกกกกก
ระหว่างเดินหาร้านเฮียชัย...บนถนนสุรวงศ์ ก็มีตึกเก่าหลังเหลือให้เห็นบ้างเหมือนกันนะ
ร้านจิม ทอมป์สัน
ร้านอะไรไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว
กินอิ่มก็เดินต่อ ...พบกันที่ห้องสมุดเนล์สัน เฮย์
ก่อนจบ Part - 1 มีดอกไม้ที่โบสถ์ที่เราไม่รู้จักชื่ออยู่ด้วย ขอแปะไว้เผื่อเพื่อนๆ พอจะทราบบ้าง
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2551 |
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2551 21:56:43 น. |
|
6 comments
|
Counter : 6978 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: wildbirds วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:22:46 น. |
|
โดย: บก.สยามทัศน์สาร IP: 203.156.70.171 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:3:24:05 น. |
|
โดย: อรพิน จันทร์ประเสริฐ IP: 124.121.48.159 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:16:27 น. |
|
โดย: คนชอบเดิน IP: 202.90.6.36 วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:9:46:03 น. |
|
โดย: มารเหา IP: 202.44.8.100 วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:10:46:39 น. |
|
| |
|
นัทธ์ |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]
|
รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้ และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
|
|
|
|
|
|