<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
12 มิถุนายน 2552
 

ลำปาง : วันสุดท้าย : นอน-เที่ยว ในศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย


ดังที่ได้เล่าไว้แล้วแต่แรกเดินทาง
ทริปเกิดขึ้นได้้ด้วยทางออป.เชิญให้ไปพักและเยี่ยมชม "ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย"
คำว่า "เชิญ" หมายถึง เรามีที่นอนแบบไม่เสียตังส์
ดังนั้นเมื่อคำนวณค่าใช่จ่ายในการเดินทาง ค่ากิน และเผื่อซื้อของ ...
ก็ OK เจียดเงินเดือนอันน้อยนิด...มาทริปนี้กันได้

ช่วงระหว่างเที่ยววัด...มีเหตุให้หวั่นใจว่า "จะไม่มีที่นอน"
เพราะเผอิญว่า ในช่วงเวลาเดี่ยวกับที่พวกเราไปนั้น...
มีคณะ "ศิลปินเพื่อช้าง" 50 ชีวิตเข้าพื้นที่ก่อนแล้ว...
และกิจกรรมของคณะใหญ่นี้ เป็นกิจกรรมที่ทำกันมาต่อเนื่องหลายปีคือ
พาศิลปินมาพัก เที่ยว ชม และใช้ชิวิตกับช้างระยะนึง
กลับมาสร้างสรรค์ผลงาน และนำจัดแสดง ขาย...เอาเงินไปช่วยช้าง...
ทางออป. ก็เลยวุ่ยวายกับการรับรองคนหมู่มากคณะนี้

ดีแล้วล่ะ ที่พวกเราตัดสินใจเหมารถตู้มากันเอง ...
ถ้าเดินทางด้วยรถโดยสารตามแผนเดิม ...ก็ต้องรบกวนเรื่องรถทางออป.อีก
เค้าจะว่างมาดูแลพวกเราเหรอ...

ในเรื่องที่พัก ก็เกือบไป...บ้านหลายหลัง จัดไว้ให้กับคณะศิลปินวาดรูปไปแล้ว
เลือกบ้านเดี่ยว 2 หลังไว้ให้พวกเรา ซึ่งมีหลังล่ะ 2 เตียงเท่านั้น
ก็ OK นะ...ไม่ต้องหงุดหงิด กังวลกันไป ....แค่จัดที่นอนเสริมเข้าไป...ก็นอนได้แล้ว...
เราว่า..คนโทรจองตั้งใจจอง บ้านเดี่ยว 2 เตียง 1 หลัง และบ้านคู่ 2 เตียงอีก 1 หลัง
แต่คนรับจองเข้าใจผิดไปเท่านั้นเอง

ดังนั้น เมื่ออิ่มกันจาก กาดกองต้า ซื้อเสบียงนิดหน่อยจาก 7/11 ในเมืองแล้ว
ก็มุ่งหน้าเข้าที่พักกันเลย...
จากหัวค่ำ...ตอนนี้ฟ้ามึดแล้ว ...ฟ้าเมืองลำปาง มึดมิดสนิทใจกว่าฟ้ากรุงเทพ
เรามองไม่ออกเลยว่า 2 ข้างทางเป็นยังไง ทางเข้าเป็นยังไง
ทั้งๆ ที่เคยมาเที่ยวแล้วนะ ...แต่มันนานจนลืมอ่ะ

เสียงพี่ำไกด์อธิบายมาว่า ...ที่มันมึดมิดสนิทใจอย่างนี้ ก็เพราะไฟดับ..
ฝนแรงในคืนวันศุกร์ ทำให้ศูนย์อนุรักษ์ช้างปั่นป่วนไปหมด เพราะไม่มีไฟฟ้าใช้นั่นแหละ
และคืนวันเสาร์..ก็ได้รับการแก้ไขบ้างแล้ว...รับรองว่าที่บ้านพักมีไฟฟ้าแน่นอน

เจ้าเชียงราย...(คนขับรถตู้ของพวกเราเป็นคนเชียงราย เพื่อนที่วินเรียกกันแบบนี้
จนจะกลับแล้วเรายังไม่รู้เลยว่า เค้าชื่ออะไร) ค่อยๆ ประคองรถ
เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาไปตามทาง...ถนนขึ้นเขาด้วยล่ะ...มึดมาก มองข้างทางไม่เห็นอะไรเลย

นอกจาก แสงวิบวิบ...แสงไรว่ะ...เรานึกในใจ..มีใครเห็นเหมือนเรารึป่าว
ผ่านไปอีกสักพัก...ก็เห็นแสงวิบวิบ อีกแล้ว
...เพื่อนที่ันั่งข้างๆ บอกให้จ้อง..มองให้ดีๆ ...อืมม์ มีคนอื่นเห็นด้วย...
เราก็จ้องกันต่อ ...ใจก็นึกไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาไปด้วย ....
ผ่านมาได้สักพัก ...คราวนี้แสงวิบวิบที่เห็นกระจายวงกว้างขึ้น จนเริ่มแน่ใจ

หิ่งห้อย จ๊ะ....มีหิ่งห้อยด้วยอ่ะ
แสงวิบวิบ วับวับ กับความมืดในป่าเขา...สวยมากกกกกกก
ชื่นชมความแสงงามในความมืด เราก็มาจอดที่ลานจอดรถ
แว่วเสียงดนตรีดังมา...คงเป็นคณะศิลปินวาดรูปแน่ๆ จะสามทุ่มแล้ว ยังไม่หลับไม่นอนกันอีก
คนนำทริปลงไปติดต่อเรื่องห้องพัก ...จากนั้นพวกเราก็จะได้เข้าห้องพักกันซะที

ช้างไทยรีสอร์ท ....ที่พักดีเกินความคาดหมายเลยล่ะ
เรือนไม้สักสวนป่า..2 เตียง สะอาดสะอ้าน น่านอนเป็นที่สุด
มีผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัวพร้อม... ห้องน้ำชักโครก
อาบน้ำฝักบัว มีน้ำุอุ่น น้ำเย็นในเลือกใช้ พร้อมครีมอาบน้ำและแชมพู (ได้รับการสนับสนุนจากกิฟฟารีน)
มีทีวี..ให้สาวๆ ไม่พลาดแจ๋วใจร้าย...
อ้อ มีกระติกน้ำร้อน พร้อมกาแฟสำเร็จรูปให้ด้วย

แยกย้ายกันเข้าที่พัก จัดแจงจัดการตัวเอง..เตรียมตัวนอน
2 สาวที่นอนกับเราคนนึง ป่วย กินยาล่ะ จะดูทีวี
อีกคนบอก..จะดูทีวีก่อน แล้วจะปิดทีวี ปิดไฟเอง

เราก็เลยนอนก่อน ...เอาแรงไว้ไปเก็บภาพตอนเช้า
มารู้สึกตัวอีกทีราวห้าทุ่ม...คุณน้อง 2 คนหลับคาเตียงไปเรียบร้อย
ทีวีและไฟก็ยังเปิดอยู่....คุณพี่เลยต้องลุกไปปิดแล้วมานอนต่อ
ใจก็ภาวนาอีกครั้ง...ขอให้พรุ่งนี้ฟ้าแจ้ง ไม่มีฝนนะ

ก็ตามโปรแกรมวันอาทิตย์ เราจะนั่งช้างกันด้วยล่ะ ...ตื่นเต้น..เคยแต่ดูการแสดงความสามารถ
ไม่เคยขึ้นนั่งกูบบนหลังช้างซะที

แต่ถ้าฝนตก...เราก็ขอนอนต่อให้สบายๆ ละกัน ...
และจะดีกว่า ถ้าไม่ตกอ่ะนะ

ตึห้าครึ่ง วันอาทิตย์....เสียงที่ได้ยินได้ยามเช้า...คือ nobody nobody .....
ใครตั้งมือถือให้ปลุกเวลานี้ฟะ ....

เจ้าของมือถือ...ยังหลับสนิท...มีเพลงดังอยู่ข้างๆ หู...คุณน้องไม่ได้ยินค่ะ...
คุณพี่ก็เลยปิดให้...นั่นแหละ ถึงได้ตื่นกัน...
แสงนอกบ้าน สว่างยังกะกรุงเทพตอนหกโมงที่เราตื่นประจำ...

ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว...อาบน้ำแปรงฟัน เตรียมพร้อมกันเลยละกัน
เสร็จแล้วก็ออกมาเดินท่อมๆ ถ่ายรูป เก็บบรรยากาศยามเช้าก่อน

บ้านพักของพวกเรา...


บรรยากาศยามเช้า


หลังนี้เป็นบ้านแบบคู่ค่ะ


มีสวนสมุนไพรด้วยค่ะ...แต่ไม่เดินเข้าไปชม



ดอกไม้..ข้างทาง




ดอกไม้ข้างบ้าน...


สมาชิกทุกคนจัดการกับตัวเองพร้อมแล้ว เก็บกระเป๋ากันเรียบร้อยแล้ว
ก็ถ่ายรูปกันอีก...มุมสวย บรรยากาศดี ..อากาศสะอาด ชอบจริงๆ
ึึ


7 โมงได้เวลาอาหารเช้า...มื้อนี้มีเจ้าภาพ จัดข้าวปลาอาหารให้
แม่ครัวทำอาหารอร่อยมาก...จนหมดแล้ว...ยังไม่อิ่ม..
ก็เลยได้เบียดบังอาหารบุฟเฟต์ (ข้าวต้ม ขนมปั่ง กาแฟ) ที่เตรียมไว้สำหรับคณะศิลปินเพื่อนช้าง

ท่านหัวหน้าฝ่าย 2 ท่านก็มานั่งคุยด้วย...
เล่าเรื่องเกี่ยวกับช้าง ช้าง ช้าง ให้พวกเราฟังจนเพลิน
เราจำติดใจเรื่องเดียวคือ อาหารของช้าง
ช้าง 1 ตัวกินวันละ 3 ตัน = 3 พันกิโลกรัม
หญ้า 1 กิโล รับซื้อจากชาวบ้านกิโลละ 1 บาท
แสดงว่า ช้าง 1 กินวันละ 3,000 บาท
เงินบริจาคเท่าไหร่ถึงจะพอเลี้ยงช้างบ้าน ช้างป่า ที่รวมตัวกันอยู่ในสถานที่แห่งนี้กันละเนี่ย


กินอิ่ม ก็ได้เวลาไปนั่งช้างกันได้
เตรียมตัวเตรียมใจแล้ว...ก็ไปรอบนเพนียด..ช้าง 1 ตัวบรรทุก 2 คน
กูบไม้..เบาะนิ่มๆ แต่ลื่นอ่ะ เจ้าหน้าที่ผูกเชือกกั้นไว้...เท่านั้นเอง
ช่วงแรก เราก็นั่งตัวเกร็ง จับราวเหล็กด้านข้างไว้ ...
เพราะช้างขยับก้าวเดิน ตัวเราก็เลื่อนมาข้างหน้า นิดนึง ...กลัวจะลื่นตกด้วยซ้ำ
แต่ก็ไม่ตก ...เพราะมีมือคนนั่งด้วย...บีบขาเราไว้ข้างนึง

คุณพี่ขา...คุณน้องเจ็บนะคะ ....

พอควาญบังคับช้างลงจากถนน..ไปเดินในเส้นทางชมป่า..บนพื้นดิน..
เราว่า...ช้างเดินสบายๆ ขึ้น คนนั่่งก็พร้อมสบายไปด้วย ถึงจะโขยกเยกไปบ้าง แต่ค่อนข้างมั่นคงนะ
คราวนี้ ก็เลยพอจะยกกล้อง มาเก็บภาพได้บ้าง ...


มองดู 2 คนบนหลังช้างพลายข้างหน้าเรา...เหมือนคู่รักชะมัด ...



ส่วนคนข้างๆ เรา เลิกกลัว แล้วหันมาชี้ชวนชมนก ชมไม้ รายทางแล้วล่ะ
แต่ว่า...คุณพี่ขา คุณน้องถ่ายภาพให้ไม่ถนัดนะคะ ...
มือนึงยังเกาะราวไว้ อีกมือก็จับกล้องไว้ให้แน่นๆ ...กลัวกล้องหลุดมือ
แม้จะกลัว มือจะสั่น และเราก็เก็บจากบนหลังช้างได้มาสมควรละนะ
คุณพี่สาว ...ตอนแรกกลัวนะ ...ท่าท่างกลัวมากด้วย
เวลาผ่านไป เลิกกลัว และกลายเป็นคนที่เล่าเรื่องขี่ช้างที่สนุกที่สุดให้คนในที่ทำงานอิจฉาเลยด้วย

ควาญช้างของเรา ไม่ค่อยเจรจาเอาซะเลย
ถามคำ..ไม่ตอบซักคำ ...ไม่เข้าใจภาษากลางรึไงก็ไม่รู้
พวกเราก็เลยเลิกถาม ....

นั่งโขยงเยกไปราว 20 นาที ก็มาถึงโรงพยาบาลช้าง...มาเยี่ยมช้างป่วย ช้างเจ็บค่ะ


ได้พบคุณหมอช้าง ..เล่าที่มาที่ไปของช้างที่ป่วย และการดำเนินกิจการของโรงพยาบาลช้างที่นี่
รับดูแลช้างทั่วราชอาณาจักร (ว่าไปนั่น)
ช้างบางเชือก...เจ้าของช้างเอามาส่งเพื่อรักษา แต่ก็รู้ว่าจะใช้งานไม่ได้แล้ว ก็ไม่มารับซะงั้น

ลูกช้างบางตัว...เป็นลูกช้างที่ได้จากการจับไม้...ไม่มีแม่ช้าง
ก็เลยต้องรับตัวมาดูแล...ให้แม่ช้างตัวอื่นมาเป็นแม่บุญธรรม
อย่างเจ้าตัวนี้


ทำตาน่าสงสาร...พวกเราก็ขี้สงสารกันด้วย...บริจาคเงินที่รพ.กันรอบนึง
แล้วก็มาซื้อกล้วยเลี้ยงช้างที่จุดนี้กันอีก มีแม่-ลูกบุญธรรม 2 คู่
หันมาเห็นสาวๆ ถือกล้วยรออยู่ ก็รี่เข้ามาทั้งแม่ทั้งลูก ...แต่ลูกคว้าไม่ทันแม่
ก็เลยต้องหลอกล่อ...ให้แม่ไปทาง ลูกมาอีกทาง
มองดูท่าทางช้าง...คว้ากล้วยเข้าปากแล้ว ยิ่งจ่ายเงินกันสนุก
มันกินเหมือนไม่พอเอาซะเลย....
อ่ะ....ได้เวลาไปดูช้างอาบน้ำกันแล้ว ....
ก็เลยถือโอกาสชิ่งหนีช้างจุดนี้ ขึ้นรถตู้ไปจุดต่อไป



เกือบลืมเล่าประวัติความเป็นมาของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
สถานที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ป่ากว้าง อยู่ในสังกัดขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ กรมป่าไม้
เนื่องจากจังหวัดลำปางเป็นศูนย์กลางการทำอุตสาหกรรมป่าไม้ที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคเหนือ สำหรับฝึกช้าง แต่เมื่อมีการปิดสัมปทานป่าไม้ ช้างเพิ่มจำนวน
จึงได้ย้ายศูนย์จากปางหละมาห้างฉัตร
ศูนย์แห่งนี้มีชื่อเสียงในการฝึกช้าง และมีการแสดงช้างให้นักท่องเที่ยวได้ชมทุกวัน
รวมทั้งตั้งโรงเรียนฝึกอบรมเป็นควาญช้าง

การอาบน้ำช้าง...ก็เป็นการแสดงอย่างนึง
ที่จุดนี้ ...เราถึงได้เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ (ต่างชาติเยอะด้วย) นั่งรอชม นั่งรอถ่ายรูปอย่างตื่นเต้น
พอเห็นควาญพาช้างลงน้ำ ก็ลุกตาม....มาถ่ายรูปกันใกล้ๆ

ควาญจะสั่งช้างลงน้ำ ...ให้ล้างเนื้อล้างตัว ทั้งตัว...คือ เปียกทั้งช้างทั้งควาญนั่นแหละ
จากนั้นก็พากันกลับขึ้นฝั่ง



แล้วเตรียมทั้งแถวไปโรงเรียนกัน (ลานแสดงช้าง)
นักท่องเที่ยวก็เดินตาม ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน

ท่าสวัสดี-ขอบคุณ น่ารักดี




คณะเราก็ทำตัวแบบนักท่องเที่ยวอื่นๆ เช่นกัน คือ
เดินตามขบวนช้าง ดักหน้าดักหลัง ถ่ายรูป
แล้วก็มาจับจองที่นั่ง...ชมการแสดง
เราปักหลักถ่ายรูปเกือบจะทุกประเภทการแสดง...แต่เลือกมา post ไม่มากหรอก

การแสดงบรรยายเป็นภาษาไทยและอังกฤษ
เริ่มจากเชิญธงชาติขึ้นเสา..แนะนำตัวนักเรียนช้าง....
โฆษกสาวเสียงใสพลิกลิ้นไทย-อังกฤษอย่างคล่องแคล่ว
และจำชื่อช้างแต่ละเชือกได้อย่างแม่นยำ ทั้งที่เราดูแล้ว เห็นต่างกันแต่ขนาดเนี่ยนะ
รึว่า...จำควาญประจำตัวช้างกันแน่....

แนะนำตัวเสร็จ ก็บรรยายลักษณะช้างไทย ต่างจากช้างอินเดีย ช้างแอฟริกา ยังไง
ช้างนอนยังไง ...ท่าทางหรือวิธีการขึ้นนั่งหลังช้าง ...พลังกำลังของงวงช้าง เป็นต้น

จากกันก็เริ่มบอกเล่าถึงการฝึกหัดช้างให้ทำงานในป่าไม้
การยกไม้...ลากไม้...เรียงไม้


แล้วก็มาถึงการแสดงความสามารถพิเศษ คือ การวาดภาพและแสดงดนตรี


ผลงานของช้างมีมากขนาดเปิดเป็นแกลลอรี่ขนาดย่อมๆ อยู่ใกล้กับลานแสดงเลยล่ะ
และภาพจากการแสดงรอบแรกนี้ ก็ขายไปได้ 2 ภาพ ผู้ซื้อเป็นชาวต่างชาติ


จบการแสดง...ก็เป็นการให้อาหารช้างกันอีกรอบ...
แล้วพวกเราก็มาถ่ายรูปที่ระลึกกันหน้าป้ายซะหน่อย...
ก่อนจะเดินทางต่อไป ชมการทำกระดาษจากมูลช้าง
ขั้นตอนการทำ ก็คล้ายกับการทำกระดาษสาทั่วไปนั่นเอง....


จากที่เคยใช้งานมา...เราว่ายังไงก็สู้กระดาษจากเยื่อสาไม่ได้...เ
เนื้อกระดาษจากมูลช้างนี้...ไม่เนียน แต่ก็นำมาทำสินค้าหลากหลายประเภท
เราก็อุดหนุนการ์ดพิมพ์ลายมาด้วย เป็นที่ระลึกเก็บไว้

เที่ยงแล้ว...พวกเราคงต้องอำลา "ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย" กันซะที
หลังจากรถตู้ขับวนไปดูที่โรงช้างต้นแล้ว ไม่มีวาสนาได้เห็นเลย
เพราะเป็นช่วงเวลาที่เจ้าพนักงานต้องพาช้างต้นและช้างสำคัญเข้าป่า ....
ถ้ารอถึงบ่าย 2 โมง...ก็คงกลับเข้าถึงกทม.ดึกเกินไป
เลยตัดใจอำลากันซะตรงนี้ โอกาสนี้ ถ้ามีวาสนาคงได้เห็นช้างต้นและช้างสำคัญ..


ได้รู้ ได้เห็น ได้ฟัง เรื่องต่างๆ จากเจ้าหน้าที่ออป. เกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายของศูนย์ฯ มามาก
พวกเราก็เลยรวมเงินกันอีกครั้ง จ่ายช่วยค่าที่พักกับค่าอาหารของพวกเรากันไปด้วย
และในฐานะที่แผนกเราต้องจัดงาน ต้องร่วมมือกับหน่วยงานนี้อีก
ก็คิดว่า งานเกี่ยวกับช้าง ...คงต้องจัดกันต่อไปเรื่อยๆ ...เพราะเป็นเรื่องดีที่ควรจัด
และมีเรื่องช้างอีกมากมายที่ยังไม่ได้รับการนำเสนอ..อ่ะนะ
พยายามทำกันต่อไป เท่าที่มีกำลังทำได้

คณะเดินทางแวะกินมื้อเที่ยงตอนเกือบบ่ายที่ตลาดของฝากแถวทุ่งเกวียน
ซื้อไส้อั่ว ข้าวแตน และลิ้นจี่ กลับบ้านกันอีกมากมายเต็มรถ

อำลาแล้วเมืองลำปาง ...



อำลาชามตราไก่ด้วย


สองข้างทางยังคงมีธรรมาชาติให้ยล จนกว่าแสงสุดท้ายของวันจะลาลับฟ้า


และแล้วรถตู้ก็พาพวกเราข้ามสะพานที่ปากน้ำโพ จุดรวม ปิง วัง ยม น่าน
กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา

ก่อนมุ่งหน้า...สู่กรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพต่อไป


ปล. ออกจะยาวไปหน่อย ...แต่เป็นเรื่องในสถานที่เดียวก็เลยขอจบใน blog นี้แหละ


Create Date : 12 มิถุนายน 2552
Last Update : 12 มิถุนายน 2552 21:40:06 น. 12 comments
Counter : 3507 Pageviews.  
 
 
 
 
จบทริปแล้วหรอเนี่ย ยังสนุกกับช้างอยู่เลยค่ะ เดี๋ยวนี้มีแต่ข่าวช้างได้รับบาดเจ็บหรือไม่ก็ล้มตาย เศร้าจังค่ะแต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเค้ายังไงให้อยู่อย่างมีความสุข

ก็อย่างที่คุณนัทธ์ว่าไว้ ช้างตัวนึงก็ใช้เงินไม่น้อยเลย บริจาคเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอนะคะ

ปล.วันนี้เราอัพบล็อกห่างกันไม่กี่นาทีเองนะคะ
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:16:53:54 น.  

 
 
 
หวัดดีคะ เพิ่งจะเข้ามาชม น่าสนใจ สวยมากทุกสถานที่เลยนะคะ ช่วยแนะนำทริปอื่น ๆ ที่พอจะไปได้ด้วยไหมนะคะ
 
 

โดย: นก..ลดา IP: 58.8.25.221 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:17:20:39 น.  

 
 
 
ไปแล้วรักช้างมากขึ้น

สิ่งสำคัญที่พี่ๆ คุณหมอสัตวแพทย์ที่ศูนย์ช้างบอกคือ

"เราไม่ควรอุดหนุน หรือสนับสนุนควาญช้างที่พาน้องช้างมาเดินเร่ร่องที่กทม. จ้า"
 
 

โดย: http://twitter.com/wiina IP: 58.8.25.221 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:18:29:52 น.  

 
 
 
เห็นภาพชีวิตการท่องเที่ยวแบบนี้แล้ว อยากออกเดินทางอีกจังเลย

อ้อ.. ชอบประโยคนี้ด้วยครับ

รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้

ดีจัง
 
 

โดย: HyPeR MonKeY วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:18:36:26 น.  

 
 
 
อยากไปเที่ยวบ้างจัง
แค่เห็นบ้านพักที่พี่ไปพักแล้วก็น้ำลายหยดเลยอ่ะ

เห็นข่าววันก่อนที่ช้างโดนรถชนแล้วสงสารมากๆๆ
 
 

โดย: ชรันจ์ วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:19:16:05 น.  

 
 
 
ว้าย...คุณนัทธ์อย่าพูดว่าเรา "อู้งาน" สิ เดี๋ยวโดนเพ่งเล็งนะ
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:21:23:59 น.  

 
 
 
คุณส้ม >> ยอมรับความจริงเถอะว่า เราอู้งานเวลาเดียวกันอ่ะ

คุณนก..ลดา >> ติดตามไปเรื่อยๆ ค่ะ เชื่อว่ามีอีกหลายทริปให้ชม...

คุณ wiina >> จริงด้วย ลืมบันทึกเรื่องนี้นะเนี่ย..มัวแต่คำนวณเงินค่าอาหารช้างรายวัน

คุณ HyPer MonKey >> ขอบคุณค่ะ...ที่พิมพ์แปะไว้แบบนี้ เพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ

น้องชาย >> ไว้คราวหน้าพี่ไปอีก จะชวนไปด้วยกัน นะ

 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:21:45:45 น.  

 
 
 
เคยไปพักเมื่อ.......อ่า.....เมื่อนานมากกกกกแล้ว
ดูเหมือนจะเป็นตอนที่ยังต้องไปค่ายลูกเสือ TwT แว้ก ฟังดูแก่
 
 

โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:22:48:42 น.  

 
 
 
เขียนได้สนุกนะเหนี่ย น่าจะไปเขียนหนังสือขาย เรื่อง ทริปเที่ยวของฉัน
 
 

โดย: sabunnga IP: 119.31.48.106 วันที่: 13 มิถุนายน 2552 เวลา:0:03:56 น.  

 
 
 
คุณหมี >> เคยพัก แสดงว่าเค้ามีบ้านพักแบบนี้มาแล้วอ่ะดิ..

คุณ sabunnga >> ขอบคุณที่ชมค่ะ...อ่านกันเล่นก็สนุกหรอก...แต่เอาทำขาย จะขายไม่ออกเอาอะดิ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 13 มิถุนายน 2552 เวลา:7:01:51 น.  

 
 
 
สวยและร่มรื่นมากค่ะคุณนัทธ์...
สบายตา..สบายใจ...
 
 

โดย: Devonshire วันที่: 13 มิถุนายน 2552 เวลา:9:41:35 น.  

 
 
 
อืมม..ละเอียดทุกซอกทุกมุมเลยค่ะ
 
 

โดย: mutcha_nu วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:23:01:21 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com