"หนุกหนานตลอดวันแอบสร้างสรรค์สาระ(แน)"
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
9 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

๐...ชอนไช...ไปในลาว...๐ [ 08 ]

สวัสดีค่ะ
เชิญร่วมเดินทาง กับป้า & พี่อ้อ สู่สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว...
วังเจ้าเพชรราช รัตนวงศา - บ้านโพนไซย - วัดธาตุหลวง -วัดมโนรมย์


วันพุธ ที่ 23 พฤศจิกายน 2548

วันนี้เราสองคนฉลาดดดดด~ ทำการยืมจานของเฮือนพักพอนทะวี
เอามารับรองการ “จก” ข้าวใส่บาตร แถมจะจกกันเปล่าๆ ก็ร้อนอยู่ดี
(ละวะ) เราสองคนระหว่างปูผ้า รอพระจึง “ปั้น” ข้าวเป็นก้อนกลมเล็กๆ
จะได้ไม่ร้อนมาก และจกง่ายดีด้วย

ที่นั่งของเราคงเป็นที่เดิม คือข้างพี่สาวป้าสุมน พอพระองค์แรก ซึ่ง
เป็นพระผู้ใหญ่ท่านเห็นข้าวที่เราจกเอาไว้ ท่านก็หัวเราะ แล้วพูดว่า

“โอ้โฮ่ จ๊กเหมือนกว๊าด” (โอโห ปั้นเหมือนลูกกวาด)

พวกที่นั่งรอใส่บาตรพากันมาชะโงกดูหมด ได้หัวเราะกันครื้นเครง
พระในแถวอมยิ้มเมื่อป้าและพี่อ้อ “จกกวาด” ใส่บาตร...


วันนี้เราตั้งใจจะไปกินบาแกตต์ที่ร้านนางแอ แต่เจอเผือกทอดเข้า...
เปลี่ยนใจ อิอิ สั่งข้าวซอยมากินด้วยกันดีกว่า กับกาแฟตามเดิม



ชะรอยร้านนางแอคงได้ยินเสียงนินทาเรื่องสู้เฝอจันทะหนอมไม่ได้
เลยทำซะ...สุดเดช แถมชาร้อนด้วย อิอิ





ดูน้ำข้าวซอยเสียก่อน เป็นเนื้อยุ่ยร่อนจากกระดูกที่ทำซุป อร่อยอ่ะ




เผือกทอด 1000 นึง !!! กินไป 3000 !!! ไส้ก็ปกติ มันฝรั่ง หัวหอม
เห็ดหอม แฮม ผัดผงกะหรี่ แต่ร้อนๆ กินกับกาแฟเข้ากันจัง คิดถึงติ่มซำ
ของเช้าที่ตรังจังเลย
มีร้านนึงทอดร้อนๆ กินกับหมูย่างโกหลั่น จิ้มน้ำจิ้มหวาน
ซดชาร้อนล้างคอตามไป ล้างไขมัน จะได้กินอีกตัว อิอิ


กลับที่พัก เช่าจักรยานค่ะ วันนี้เราจะท่องเมืองด้วยมอเตอร์ขา ค่าเช่า
10000 กีบ ก่อนเช่าอย่าลืมขอกุญแจ+สายยูเด็ดขาด จอดเปล่าๆ
อาจหายได้ และอย่าวางอะไรทิ้งในตะกร้า เขาบอกมา...
เลือกได้คันถูกใจ ก้มลงดูยางแบนแต๋ ป้าเป็นโรคจิตชอบจักรยาน
ยางแข็งๆ ซิ่งกระเด้งๆ เลยชี้ให้เจ้าของร้านดู ป้าเจ้าของร้านที่สนิทกัน
เพราะเราซื้อน้ำ ซักผ้า ทุกวัน บอกยิ้มๆว่า

“สูบให้ด้วย 500 กีบเอง”

เอาก็เอา เราขี่ไปเรื่อยๆ จุดมุ่งหมายคือ วังเจ้าเพ็ชราชไปประมาณ
3 หลัก (3 กิโล) ขี้ๆ จะไปดูอนุสาวรีย์ไกรสอน พรหมวิหารที่หัวถนน
พูว่าวด้วย และแวะเที่ยววัดพระบาทใต้อีกนิด

วัดพระบาทใต้ เนื่องจากอยู่ทางใต้ของหลวงพระบาง (เล่นง่าย)วัดนี้
เป็นศิลปะ ลาว + ญวน + มอญ ผสมกัน



จำได้ว่าเจดีย์ทรงมอญ จะฐานกว้าง (แบบตรงหัวเกาะเกร็ดไง)
อันนี้ก็...เอิ่ม คงผสมกันแหละ มีระเบียงเสียเยี่ยงนี้ แถมพระพุทธรูป
ที่อยู่ข้างบนน่าผสมโรมันเข้าไปด้วย จีวร และสังฆาฏิสั้นเชียว ชูมือ
ข้างหนึ่งในท่าของเทวรูปกรีกอีกต่างหาก
จะว่าปางห้ามญาติ ห้ามสมุทร ก็ไม่ชูบ๊ายบายซะปานนั้น...


ที่หน้าวัด มีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ติดกับบันไดลงแม่น้ำ
มีการก่อปูนเป็นโพรงครอบไว้ ในช่วงหน้าน้ำ น้ำในแม่น้ำโขงเอ่อท่วม
รอยพระพุทธบาทนี้
ตำนานเกี่ยวกับรอยพระพุทธบาทบอกว่า พระพุทธเจ้าเสด็จเหยียบที่
ริมฝั่งโขงนี้ในฤดูแล้ง จึงเกิดเป็นรอยขึ้นให้ผู้คนสักการบูชาจนทุกวันนี้



วิญญาณยายแก่ปากหมาเริ่มสิง...(จริงๆไม่เคยออก) ทำไมไม่ทำบ่อปูน
กั้นไว้เลยหว่า แบบนี้ดูเป็นโพรงอะไรมากๆ มีตัวอะไรเข้าไปแอบอยู่จะทำไง
การถูกน้ำเซาะก็กร่อนอ่ะ เสียดายจัง


จากนั้นเราก็ไปต่อ...ถนนราบเรียบพอใช้ ราบเรียบในที่นี้คือ....
ยางมะตอยค่ะ คอนกรีตเสริมเหล็กสี่เลน เห็นเส้นเดียวคือพูว่าว
นอกนั้นลาดยางหมด ไม่นานก็ถึงโรงแรมแกรนด์หลวงพระบาง
หรือโรงแรมเวียงแก้ว พอขี่เข้าไป หน้าตาเราก็ดูรวยขึ้นกะทันหัน
เพราะคุณพนักงานทักเราว่า

“ขี่จักรยานมาจาก สันติวิลล่าเหรอครับ”

(สันติวิลล่า นอกเมืองอยู่ห่างไปอีกหน่อย คืนละ 150 US เค้าช่าง
ไม่มองหน้ามันแผลบ หัวฟู ของป้ากะพี่อ้อเล๊ย หรือราศีเรามันดู
รวยจริงๆ อิอิ)


โรงแรมแกรนด์หลวงพระบาง เป็นวังเดิมของอุปราชลาวผู้เป็นที่จดจำ
มากที่สุดองค์หนึ่งในลาว และคนลาวเคารพพอๆกับคนไทยเคารพ ร. 5




ตัววัง ในส่วนประทับของเจ้าเพ็ชราช


เคยดูรายการท่องเที่ยวรายการหนึ่ง คุณพิธีกรสาวบอกว่า อยากให้
บ้านเรามีโรงแรมที่ทำจากวังเก่าบ้างจัง ไม่รู้แม่นั่นเอาอะไรคิด ???
วังเก่าส่วนใหญ่ ถ้าเจ้าของไม่ตกยาก ก็สิ้นสุด...
ฟังแล้วปวดตับ อยากเคาะกะโหลกคุณเธอสักที...แรงๆ

วังเจ้าเพ็ชราช รัตนวงศานี้ ท่านเจ้าของวังมิได้จากไปอย่างงดงาม
เลยค่ะ ทั้งที่เป็นผู้มีคุณูปการมากแกเมืองลาวแท้ๆ มาอ่านเรื่องของ
เจ้าเพ็ชราชกัน สลับกับชมภาพวังนะคะ




ก้าวเข้าประตูวังด้านหน้า ก็จะพบแท่นบูชาองค์เจ้าของ


เจ้าเพ็ชราช หรือ เจ้าเพ็ดชะลาด (สะกดตามตัวเขียนลาว) เป็นโอรส
ของเจ้าบุนคง มหาอุปราชฝ่ายหน้า ประสูติที่วังสีสุวันนะหอคำ (นี่ก็
กลายเป็นโรงแรมอีกเหมือนกัน ขอบอก) ใต้วัดมหาธาตุ เมือง
หลวงพระบาง เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2433
เรียนหนังสือครั้งแรกเมื่ออายุ 7 ขวบ และเข้า ร.ร.ประถมศึกษา
หลวงพระบาง Ecole Franco Laotaine ในปี 2440

ในปี 2447 ได้เดินทางไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยชาชเสอลูบโลบา
College Chasseloup Laubat ที่ไซง่อน จากนั้นจึงไปศึกษาต่อที่
ปารีส ที่โรงเรียนอาณานิคม Ecole Coloniale (กระทรวงอาณานิคม
ของรัฐบาลฝรั่งเศสที่ตั้งขึ้นมาเพื่อฝึกอบรมบุคคลากรที่จะไปเป็น
ข้าราชการฝ่ายปกครองในอาณานิคมของฝรั่งเศสเป็นการเฉพาะ)
ศึกษาต่อที่วิทยาลัยมงเตย์ Lycee Montaigneศึกษาภาษาอังกฤษ
ที่เมืองไบร์จตัน




ท้องพระโรงข้างล่างโล่งหมด กำลังทำความสะอาดอยู่ มีแต่นี่...
ปินประจุดินปาก เอามาตั้งให้ฮาใช่มั้ยเนี่ย


เพราะเจ้าเพ็ชราช เป็นนักนิยมไพรตัวยง ท่านมีพระแสงปืนดีๆ งามๆ
หลายกระบอก พระแสงประจำพระองค์คือเมาเซอร์ 9 มม. และ 10.7
ของเมาเซอร์ทั้งคู่
ไม่โปรดแซงค์เอเตียน ปืนยี่ห้อดีของฝรั่งเศส เพราะอะไรคงรู้กัน



หลังสำเร็จการศึกษาในปี 2455 ได้เสด็จกลับมาบวชที่วัดหนองช้างแก้ว
เมืองเชียงแมน หลังจากลาสิกขาแล้ว จึงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงคำแว่น
พระราชธิดาในเจ้ามหาชีวิตสักกะรินทร์

ปี 2457 เริ่มต้นรับราชการ เป็นผู้แต่งหนังสือที่พระคลังมหาสมบัติของ
เจ้าชีวิตสีสว่างวง และทำหน้าที่เดียวกัน ที่สำนักงานผู้สำเร็จราชการ
หัวเมืองลาว แห่งเวียงจันทน์ ขึ้นเป็นผู้ช่วยเลขานุการของผู้สำเร็จราชการ
หัวเมืองลาวในปี 2460 ทำให้มีโอกาสได้เดินทางไปยังเมืองต่างๆ ในลาว
จนทั่ว มีโอกาสได้รู้ถึงนโยบายในการปกครองลาวของเจ้าอาณานิคม
อย่างลึกซึ้ง
ทรงนำพลเมืองลาวไปช่วยฝรั่งเศสรบ ในสงครามโลกครั้งที่ 1
หลังสงครามสงบ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นเจ้าราชภาคิไนย



วังชั้นล่าง มีเตาผิงด้วย บอกว่าหน้าหนาวที่นี่คงเย็นจนก่อไฟได้

ในปี 2462 ขึ้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง
ผลงานเด่น คือ การปฏิรูประบบราชการของลาว มีการปรับเปลี่ยน
กระทรวง ทบวง กรม ทั้งเพิ่มเงินเดือนให้ และพัฒนาการศึกษาให้กับ
คนลาว เช่นตั้งโรงเรียนรัฐประศาสน์ลาว

เข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะที่ปรึกษารัฐบาลอินโดจีน และสำรวจเส้นทาง
เดินเรือในแม่น้ำโขง เพื่อทำทางเดินเรือ แล้วจึงชักชวนให้บริษัทเรือเมล์
ฝรั่งเศสเข้ามา ทำให้ยกเลิกการใช้กุลีชาวลาวถ่อเรือ (ซึ่งพระองค์เห็นว่า
กดขี่) ต่อมาพยายามทำให้ทางลาวเข้ามาดำเนินการร่วมโดยเปิด
เส้นทางเดินเรือหลวงพระบาง - ห้วยทราย และหลวงพระบาง –
เวียงจันทน์ขึ้นแทน ซึ่งไอ้เศสชาติขี้เรียกร้องก็เล่นค่าชดเชยโอเวอร์ตามเคย



ห้องตั้งพระแท่นบรรทม

ปรับปรุงองค์กรสงฆ์ที่ได้เสื่อมโทรมลงไปให้รุ่งเรืองดังเดิม ตลอดจน
เปิดสถาบันการศึกษาด้านศิลปะเพิ่มขึ้นอีก เป็นที่ปรึกษาผู้สำเร็จราชการ
หัวเมืองลาว

ต่อมาเกิดกรณีพิพาทอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ทำให้พระองค์
ได้ช่องเริ่มรวบรวมผู้คน เพื่อทำการต่อต้านชาติเจ้าอาณานิคม
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสอ่อนแอลง เจ้าเพชรราชจึงเดินเรื่อง
ขอให้ฝรั่งเศสยกแขวงเวียงจันทน์ เชียงขวาง หัวพัน หัวของ และพงสาลี
ไปขึ้นกับล้านช้าง เมื่อได้รับการยินยอมเจ้าเพชรราชได้รับการสถาปนา
เป็นสมเด็จเจ้ามหาอุปราช




ดูที่พนัก เป็นตราช้างสามเศียร

ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อตั้ง “รัฐบาลลาวเอกราช” ขึ้น โดยไม่ขึ้น
กับฝรั่งเศส เมื่อถูกปราบปรามก็ตั้ง “คณะลาวกู้ชาติ” ขึ้น และได้เริ่ม
รณรงค์เผยแพร่แนวคิดชาตินิยมและการกู้เอกราชทั้งในหลวงพระบาง
และเวียงจันทน์ โดยพระองค์ลี้ภัยมาอยู่ที่ประเทศไทยระยะหนึ่ง...



มองจากพระแกลมุขหน้า จะเห็นพูสี และหมู่เรือนข้าราชบริพาร(ปัจจุบัน เป็นตัวโรงแรม ส่วนวังนี้ จะเป็นพิพิธภัณฑ์)

สุดท้ายกลับมาจากไป ณ วังของพระองค์ที่หลวงพระบาง...

เหตุในการสิ้นพระชนม์เป็นปริศนา เพราะมิได้เจ็บป่วย หรือว่าถูกผีขบ
แบบ อังรี ??? ก็ไม่ใช่
จบแค่นี้ดีกว่า นี่ก็การเมื๊อง การเมืองพออยู่แล้ว
ข้อมูลคัดย่อจากหลายที่ปนกัน จำไม่ได้แล้วค่า




ทางเดินเป็นตัวหนอนฉลุ ให้หญ้าขึ้นแซม ไปยังห้องข้างหน้า
จะมีโรงยาว ไปจรดตัววัง ผู้เคยมาเยือนบอกว่าเป็นโรงเก็บรถ เก็บม้า



ตัวทางเดินไปเรือนหมู่ ปัจจุบันเป็นทางเดินไปล็อบบี้โรงแรม



ล็อบบี้ส่วนนอกของโรงแรม


มื้อเที่ยงนี้เราสองคนเลยไปไม่ไกลนัก กินข้าวที่นี่แหละ เป็นส่วนของวัง
ริมน้ำ ซึ่งเป็นห้องอาหารของที่นี่ ได้กินวิวแม่น้ำโขง เห็นพูสีไกลๆด้วย

มื้อเที่ยงเราจึงเลือก “ลาวเซ็ท” ของที่นี่ค่ะ ประกอบด้วย ออเดิฟเป็น
ไคแผ่น (สาหร่ายตากบางๆทอด) จิ้มแจ่วหลวงพระบาง (มีหนังหมูแข็ง
ใส่กรึบๆหย่อยดี)
- หลวงพระบางสลัด (เป็นวอเตอร์เครสสด กับผักต่างๆและไข่ต้ม)
- ต้มยำปลา ปลาหนังอะไรบางอย่าง แต่ไม่คาว
- อั่วสีไข่ไก่ (เหมือนไส้อั่ว แต่มีวุ้นเส้น ชุบไข่ทอดกรอบ)
- ลาบหมู (ไม่มี เอาปอเปี๊ยะมาให้แทน)
- ผัดผัก (คะน้าหมูกรอบ อิอิ)
ล้างปากด้วยผลไม้สด และชา หรือกาแฟตามจะเลือก
ราคาก็...แสนนิดๆ สองคนก็...สองแสนหน่อยๆ



สาวงาม (จำใจเขียน) กับอั่วสีไข่ไก่

คุณน้องพนักงานอธิบายดีมาก ในที่สุดเราก็รู้ว่า ไม่ต้องสั่งคนละเซ็ท
กันดอกเอื้อย ชุดเดียวก็เกินพอสำหรับคนไทยสองคน แถมพอเสิร์ฟเสร็จ
ก็วนๆ คุยกับพวกเรา
เพราะเราคืออิป้าช่างพูด อยู่กันสองคนคุยกันจนเบื่อ อิอิ เลยลากน้อง
มาคุยด้วย ฮากันตลอด อาทิเช่น...

พี่อ้อบอกว่า เมื่อวานเธอถูกทากกัด น้องคนลาวก็ตอบอย่างเอาใจว่า

“ดีแล้วเอื้อย สิได้เอาเลือดชั่วออก”

ขอบอกว่าฮาก๊ากจริงๆ เพราะหน้าตาเธอยินดีด้วยอย่างจริงใจมาก
พอเราอธิบาย ให้รู้ว่า “เลือดชั่ว” ภาษาไทยนี่มันร้ายแรงมาก เธอก็
หน้าเสีย จนพวกเราต้องปลอบ




น้องลาวน่ารัก สาวตัวเล็กนั่นละ ยินดีกับการเสีย "เลือดชั่ว" ของพี่อ้อ

ยัง...ยังไม่พอ น้องคนเสิร์ฟ ยังมาบอกว่า ป้า & เอื้อยอ้อนั้น ไม่เหมาะ
แก่การไป “ดาวฟ้าบันเทิง” น่าไป “ราตรีเมืองซัว” มากกว่า เพราะที่นั่น
มีลีลาศ !!! แม่จ้าว มาว่าชั้นแก่ เคือง !!!
พออธิบายอีกว่าหมายความว่า ว่าเราแก่ น้องก็ทำหน้าเสียใจมาก พวก
เราเลยฮากันซะ ว่าไม่โกรธหรอก แต่แก่ๆ อยากเต้น “บาสสะหลบ” นี่
มีอะไรมั้ย
ข่าวว่ามีท่าฮิตคือ “ท่าฮักแพง” อันเป็นสโลว์ซบด้วยนา...
น้องคงเกรงใจจำพยักเพยิดตาม แต่สีหน้าน่ะค้านเต็มเหนี่ยว




ดูหน้าตา “ไคแผ่น” กันหน่อย
สาหร่ายเขียวๆที่เราเห็นเมื่อวันก่อนแหละ เอามากระจายในน้ำเกลือ
จากนั้นจึงจับแพ แบบแพฝอยทอง ตากให้ได้รูปตามต้องการ
จะกินก็ทอดโรยงา จิ้มแจ่วหลวงพระบางอันน่าจะประกอบด้วย ถั่วเน่า
หรือเต้าหูยี้ (เพราะกลิ่นออก) พริกเผา หอม กระเทียมเป็นหลัก
มีหนังหมูหั่นบางๆมาด้วย หนุบๆฟัน

ป้ากับพี่อ้อหัวเราะกันจนท้องแข็ง น้องคนเสิร์ฟสามคน มาหัวเราะด้วย
เป็นตลกคาเฟ่มาก น้องๆดูแลดีจริงๆ ผลไม้ให้มาเต็มจาน กาแฟ ชา
จะเอาทั้งสองอย่างก็...จัดให้
จะเอาข้าวเหนียวก็จัดให้ฟรีๆ แม้ไม่มีในรายการก็ตาม ถามว่าจะดีเหรอ
เธอก็เว้ากันซื่อๆ

“เอื้อยอยากได้ ก็เอาข้าวน้องให้”

ได้ใจมากค่ะน้อง ป้ารู้สึกดีกับพนักงานที่นี่มาก เซอร์วิสของน้องไม่ได้
ขึ้นกับ เสื้อผ้า หน้าตา ความเป็นฝรั่ง ละมุด ชมพู่ ซากุระ พนักงานใน
โรงแรมไทย ควรเอาอย่างนะจ๊ะ



ลาก่อน วังแห่งอุปราชลาว


ออกจากแกรนด์หลวงพระบาง พวกเราไปบ้านโพนไซ เพราะน้อง
คนเสิร์ฟบอกว่าไปไม่ไกล จะมีหมู่บ้านทอผ้า
หวังผ้าทอสวยๆก็ปั่นไปกัน ตอนนี้แดดยังแจ๋ ถ้าขี่เข้าเมือง 3 หลัก
ตัวสุกแน่ บ้านโพนไซไปทางแยกจากโรงแรมราว 1 หลัก (1 กิโล)
แต่เป็นลูกรัง เราขี่จักรยานกันไปเรื่อยๆ เผื่อเจอผ้าสวย

มาแล้วค่ะ



สาวงาม (จำใจเขียน) & จักรยาน & สะพานไม้


หมู่บ้านเงียบกริบ...



หมู่บ้านเงียบ กับเด็กบักหำน้อยชาวลาว แก้มป่องมอมแมมน่ารัก
ท่อนล่างเซ็นเซอร์ อิอิ



กำลังขี่กลับก็มีผู้หญิงอายุราวๆป้า ชะโงกมาถามว่า มาทำไม พอบอกว่า
มาดูผ้า แกก็กวักมือเรียกให้เราเข้าบ้าน เค้าทอกันเงียบๆ ไม่มีเสียงเลย
ที่ใต้ถุนบ้านนี่เอง...

พอเข้าไปก็อดชมไม่ได้ น้องคนทอผ้าผู้ชายค่ะ แต่ผ้าที่เค้าทอหนาดี
เพราะควบไหมและเป็นไหมแท้ย้อมธรรมชาติ สีเลยดูนุ่มและผ้ามี
ความมันวาวในตัว น้องคนนี้เค้าควบไหมหลายเส้นหลายสี ผืนผ้าเลย
เหลื่อมกันอย่างมีลีลา
ป้าตกลงซื้อผ้าพันคอไหมผืนนึงราคา 200 สีเขียวขี้ม้าเหลือบแดงมุก
มาฝากคุณป้าที่ กทม. เพราะท่านชอบสีเขียว

น้องตำหูก (ทอผ้า) เธอก็ปลดจากหูกอย่างว่องไว ปั่นชายผ้าให้ด้วย
น้ำลายไถปรืดๆ กับเข่า ม้วนพันชายให้ไม่รุ่ย
เอาเนาะ เดี๋ยวเราก็ซัก แหะ แหะ
ระหว่างนั่งรอน้องปั่นชาย ก็เอาผ้ามาให้ดู สรุปได้ซื้อไปอีก 1 ผืน
สีม่วงเหลือบขาวอมชมพูมุก ผ้าพันคอเหมือนกัน

น้องคนนี้รับทอผ้าผืนใหญ่ ทั้งชอว์คลุมไหล่ ผ้าปูโต๊ะ ผ้าลายมีกรอบ
ในตัวที่เอาไปแขวนผนังด้วย ฝีมือเธอดีมาก ทำส่งเมืองนอกเมืองนา
เพราะเธอนั้นประกวดผ้าทอชนะ และไม่ได้ชนะขี้ๆ
พอเราถามว่าชนะในหมู่บ้านนี้หรือ (ลืมนึกไปว่า หมู่บ้านมันจี๊ดเดียว)
เธอก็ตอบสะบัดๆปนงอนว่า

“เป็นที่หนึ่งแขวงหลวงพระบาง”

คำว่าแขวงน้องเน้นย้ำมาก โอ้...ไม่ได้ตั้งใจอ่ะ

เอื้อยขอโทษ...



น้องแชมป์แขวงหลวงพระบาง & สาวงาม ดูดีๆ จะเห็นไหมแดงขาว
กับสีอ่อนๆ นี่แหละ เธอแทรกไงไม่รู้ พอทอมามันออกโทนเขียวค่ะ
อเมซซิ่งมากๆ ชีทำได้ไง ???

อีกไม่กี่วันจะมีงานมรดกโลกในหลวงพระบาง น้องตำหูกจะเอาผ้าทอ
ของเธอไปโชว์ด้วย เชิญเอื้อยทั้งสองไปยืนเบิ่งข้างหน้าเด้อ เพราะเค้า
เชิญแต่แขกเมือง อิอิ

เราไม่ได้แวะดูอนุสาวรีย์ไกรสอน พรหมวิหารที่หัวถนนหรอกค่ะ ดันเลาะ
โฉบเข้าวัดธาตุหลวงกันแทน (อนุสาวรีย์ก็งั้นๆแหละ ทำเหมือนกันทุกที่
ยังกะท่านผู้นำคนนี้ทำอยู่ท่าเดียว ไม่ครีเอทเลยให้ตายดิ้น)

แต่วัดธาตุหลวงไม่ทำให้เราผิดหวังค่ะ คุณลุงคนดูแลอธิบายเราดีมาก
ว่าที่นี่เป็นที่ตั้งเจดีย์ของนางแก้วลอดฟ้ามเหสีของเจ้าฟ้างุ้ม ที่มาตั้งตรงนี้
ไม่ตั้งวัดมหาธาตุก็เพราะนางแก้วลอดฟ้ามิได้เป็นเทวีเอก...ประมาณนั้น
อีกเจดีย์ว่าบรรจุอัฐของพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ที่สิ้นพระชนม์ชีพในปี 2512
แต่ไม่มีป้ายบอก
มาที่นี่มืดบอดด้านหลักฐานทางประวัติศาสตร์มาก เพราะไม่มีให้ยืนยัน
แถมบางที่เราไปเมื่อก่อนเจ้าของชื่อนึง พอเก่าโทรม ใครมาบูรณะก็ชื่อ
คนนั้นซะงั้น ประวัติเจ้าของเก่าจะไม่ใส่ก็ได้ !!! มึนตึ้บ !!!



เจดีย์ไผ ก็ บ่ ฮู้ พี่อ้อ จำได้บ่

ที่เด็ดคือ พอตกสี่โมงเศษ ก็จะมีการตีกลองขึ้น เณรรุ่นๆที่ขึ้นไปบรรเลง
เพลงกลอง ราวกับกลองสะบัดชัย นานด้วยร่วมสิบนาทีได้
แต่ป้าจำไม่ได้แล้วว่าจะตีวันพระหรือยังไงนี่แหละ ให้รอถามพี่อ้อ



นี่ก็เจดีย์ ไผ หว่า...
ดูตามสถาปัตย์กรรม เจดีย์องค์หลัง น่าเป็นของพระนางแก้วลอดฟ้า
เพราะทรงปรางค์เก่า ส่วนองค์ที่ 1 เป็นองค์ใหม่ เจดีย์รายอาจเป็นของ
พระบรมวงศานุวงศ์... แต่ไม่มีหลักฐานอ่ะ (อาจลืมถ่ายมา)



นี่หอกลอง
เมืองนี้มีหอกลองที่ตีแบบนี้หลายวัดนะคะ


ออกจากนั้นเราไปต่อยังวัดมโนรมย์ กำลังขี่ลัลล๊า บ้าพลัง คนที่เคย
ขี่จักรยานกับป้าจะรู้ดีว่า ป้าชอบปั่นเร็วจี๋ ไปข้างหน้า ไม่ต้องพยายาม
ตาม เพราะกะเดี๋ยว ป้าก็จะปั่นไป –ปั่นกลับ อยู่นั่นแหละ
แบบ 10000 กีบ ขี่คุ้ม หรือไม่ก็จอดรอ ขี่เลยไปไม่นานก็หันมาดู...

อ้าว !!! เฮ๊ย !!! สาวงามหาย ??? กี๊ซซซซ~ นั่นใครนอนกองอยู่...

ขอบอกว่าป้าไม่รู้จริงๆ ว่าพี่อ้อล้มท่าไหน (สนใจมาก กร๊ากกก) เจออีกที
ยืนหัวเราะจนคนแถวนั้นตกใจ ชนกระถางเค้าแตกไปด้วย แข้งขาถลอก
ปอกเปิกหมด...

แม๊ะ !!! เสียดายไม่ได้ถ่ายสาวงามกลิ้งโค่โล่

พอมาคิดตอนนี้ (ผ่านมา 3 ปี) ป้าทรมานพี่อ้อมากไปหรือเปล่า ตัวป้าน่ะ
บ้าพลัง ชอบขี่จักรยาน หรือเดินจนขาหลุด พี่อ้อเธอออกจะบอบบาง
ขี่จักรยานวันนึง 10 กิโลแบบนี้คงแย่...

เอื้อยขอโทษ...

กลับเข้าที่พัก พาพี่อ้อไปล้างเลือดชั่วรอบ 2 ...จบวันที่ 8





 

Create Date : 09 ตุลาคม 2551
10 comments
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 5:40:30 น.
Counter : 8249 Pageviews.

 

วันนี้วันเกิดพี่ร่างทรง ป้ามีไรให้? 5555

ป้าจะลงไปถึงวันไหนเนี่ย โซอาจจะอ่านได้แค่ วันพรุ่งนี้แค่นั้น และลากิจ 4 วัน ไม่มาทำงานอ่ะคับ

ป้าอย่าเพิ่งลบนะ กลับมาจากลากิจแล้วจะรีบจรลีกลับมานั่งอ่านเหมือนเคย เด๋วไปอ่านก่อน ยังไม่ได้อ่านเลย แต่เห็นแล้วหิวอีกแล้ว 5555

 

โดย: soda IP: 125.24.94.134 9 ตุลาคม 2551 8:15:10 น.  

 

สวัสดีค่ะ เข้ามาทักทายค่ะ Have a nice day Comments hi5

 

โดย: autumn girl 9 ตุลาคม 2551 9:18:31 น.  

 

ได้ความรู้กับความสนุกเต็มที่เลยค่ะป้า

 

โดย: ryoma19 IP: 202.12.73.18 9 ตุลาคม 2551 12:27:21 น.  

 

55555555 ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวกับป้าและพี่อ้อ คงฮาขี้แตกขี้แตนเลยเชียว เพราะขนาดนั่งอ่านอย่างเดียวยังฮาเหมือนคนบ้าเลยอ่ะ

อยากรู้ว่าพี่อ้อล้มยังไง ป้าอธิบายให้อ่านบ้างจิ อยากรู้ 5555 อุ๊บ! ขำมากไม่ได้เด๋วเจอพี่อ้อตีเอาอ่ะ 55555

 

โดย: soda IP: 125.24.94.134 9 ตุลาคม 2551 13:39:53 น.  

 


... เรื่องเจดีย์ ที่วัดพระธาตุหลวง นั้น พอดีหนังสือเรื่องวัดในหลวงพระบางมีน้องมายืมไปแล้วอ่ะค่ะ ไม่อาจตอบได้ แล้วจะฝากเพ่ย่นไปหาข้อมูลมานะคะ


... ทุกวันพระเวลา 16.00 น. วัดในหลวงพระบางตีกลองเป็นพุทธบูชาพร้อมกัน ซึ่งวิธีการนับวันพระนั้นเขานับยังไงก็ไม่แน่ใจ เพราะพอมาเช็คกับวันพระในไทยนั้นเร็วกว่าหนึ่งวัน


... โซดา อยากรู้เหรอว่าล้มยังไง ถามป้า ป้าไม่รู้หรอก ป้าไม่ทันเห็น บอกให้ก็ได้ว่า เพราะถนนในหลวงพระบางมันโล่งมากกกกกกกกกกก เวลาปั่นเลยไม่ค่อยใส่ใจอะไร แล้วจู่ๆ ก็มีรถกะบะโผล่ออกมาจากซอยหนึ่ง แล้วไม่ได้โผล่แบบชะลอ เธอพรวดออกมา อิฉันก็ตกใจสิ แข้งขาอ่อน ปล่อยให้รถกระแทกขอบฟุตบาท กระดอนไปชนกระถางต้นไม้ข้างทาง โชคดีที่หัวไม่ได้โขกกับอะไร ไม่งั้นสมองคงต๊องยิ่งกว่านี้ มีแค่เลือดชั่วออกซิบๆ นิดๆ หน่อยๆ

 

โดย: O-HO 9 ตุลาคม 2551 14:31:13 น.  

 

* * * soda
ให้เป็น "ร่างทรง" ตลอดกาลลลลลล~

กะว่าจะลงจนหมดอ่ะ ไปตั้งเดือน !!!
อันนี้ไม่ลบหรอกม๊าง คงไม่มีใครคิดจะซื้ออีกนะ
เขียนเอาฮา หลวงพระบางคนไปเยอะแล้ว ข้อมูลเก่าด้วย

ตอนพี่อ้อล้มไม่เห็นจริงๆอ่ะ หันมาอีกทีก็กลิ้งโค่โล่ไปแล้ว
แถมลุกมาหัวเราะอีก นึกว่าปอบสิงไปแล้วนะนั่น !!!


* * * autumn girl
ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ


* * * ryoma19
สาระ ความรู้ คู่คุณธรรม คือสโลแกนของป้า ฮี่ ฮี่


* * * O-HO
น่าจะตามป้าคิดอ่ะ ดูจากรูปทรงนะ เพราะยุคมันต่างกัน
อย่าฝากฝังพี่ย่นมันเลย จะหาวัดเจอหรือเปล่าหรอก

ตอนนั้นชั้นว่าพี่อ้อหัวโขกนะ ลุกขึ้นมายังหัวเราะอ่ะ
สารภาพมา หัวโขกใช่มั้ย

 

โดย: ป้าหนอน 10 ตุลาคม 2551 7:18:27 น.  

 

55555 พี่อ้อล้มแล้วยังลุกขึ้นมาหัวเราะเองด้วยเนี่ยนะ แทนที่จะยืนโอดโอยร้องให้ป้าหนอนวิ่งเข้ามาดูซะอีก

 

โดย: soda IP: 125.24.88.53 10 ตุลาคม 2551 9:19:12 น.  

 

แถวนั้นมีหนุ่มๆ เตะตะกร้ออยู่ เธอกลัวหนุ่มๆจะมาช่วยอ่ะดิ

 

โดย: ป้าหนอน 13 พฤศจิกายน 2551 17:36:41 น.  

 

เจดีย์ที่มีเจดีย์องค์เล็กล้อมรอบนั้นคือ พระธาตุบรรจุพระบรมอัฐิ ของพระมหากษัตริย์องค์แรกแห่งพระราชอาณาจักรลาว คือพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ หรือ "พระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาศรีวิธา ล้านซ้างฮ่มขาวพระราชอาอาณาจักรลาว บรมเสฏถาขัติยสุริยวรมัน พระมหาศรีสว่างวรมัน" แลเป็นพระราชบิดาในพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนาด้วย

 

โดย: เจ้า IP: 119.42.79.205 23 ตุลาคม 2552 21:12:21 น.  

 

^
^
^
ขอบคุณมากค่ะ

 

โดย: ป้าหนอน 19 ตุลาคม 2553 3:50:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ป้าหนอน
Location :
อยู่ใต้เบื้องพระยุคลบาทในหลวง Svalbard and Jan Mayen

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




๐ คนข้างโลก อยู่เงียบๆ อย่างเรียบร้อย
พูดไม่น้อย จึงเขียนมาก แก้ปากหมา
สนใจสิ่ง รอบตัว ทั่วโลกา
จักสรรหา มาสัมผัส วัดด้วยตน
ขอเก็บความ-คิดไว้ ในบันทึก
สนุกนึก ย้อนมาอ่าน กันอีกหน
ได้รำลึก ความคิด ในจิตตน
คงได้ยล ยิ้มบ้าง ในบางวัน...
Friends' blogs
[Add ป้าหนอน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.