"หนุกหนานตลอดวันแอบสร้างสรรค์สาระ(แน)"
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
7 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

๐...ชอนไช...ไปในลาว...๐ [ 06 ]

สวัสดีค่ะ
ร่วมเดินทางด้วยกันสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว...
ชมตลาด - บัวกลางบึง -วัดวิชุน - วัดอาราม - สะพาน - เลาะริมคาน


วันนี้วันที่ 6 แล้ว...


ตื่นเช้ามากวันนี้ ตั้งใจว่าจะไปสังเกตการณ์เรื่องใส่บาตร เพราะเคย
ได้ยินว่ามีคนโดนแม่ค้าที่เอาข้าวเหนียวมาขายกระติ๊บละ 100 (บาท) !!!
ก็เลยขอดูลาดลาว เอ๊ย ลาดเลาก่อน
จะไปใส่บาตรแนะให้ตื่น 5.30 แล้วตรงไปตลาดท่าแพ ซึ่งอยู่
ริมน้ำโขง ร้านข้าวเหนียวที่มาเช้าๆ จะอยู่ฝั่งตรงข้ามร้านกาแฟ
ประชานิยม ซื้อ 20 บาท จะได้ถุงเบ้อเร่อ พอจก (หยิบ) ใส่บาตรได้
ส่วนพระท่านจะเดินหลายเส้น หน้าตลาดท่าแพก็ผ่านค่ะ

แต่ตอนเราใส่ เราไปใส่ฝั่งตรงข้ามร้านแซนวิชลาว ของคุณป้าสุมน
ซึ่งพรุ่งนี้จะเริ่ม...

เราสองคนจรลีชมตลาดเช้า เพราะป้าคือ “เพียหนอน” (พญาหนอน)
เป็นญาติ “เพียน้อย” (พญาน้อย) ไปเมืองไหน ต้องเบิ่ง (มอง)
ตลาดเค้าทุกที่

ตลาด ก็คือตลาด... มีทุกอย่าง สากกะเบือยันเรือรบ แต่ถ้าตลาดเช้า
จะเน้นที่ของกินเป็นของสด ให้แม่บ้านมาซื้อของไปทำกับข้าว มาเบิ่งโลด...

อย่ามองว่าเป็นเรื่องจิ๊บๆ ตลาดสด คือตัวบอกเศรษฐกิจระดับพื้นฐาน
ตามตำราเศรษฐศาสตร์ว่าไว้ คนเราเมื่ออยู่ดี มีรายได้ดี สิ่งต่อไปที่
จะคิดก็คือ...กินดี




ขนมครก แบบไทยเก่า ไม่มีผักแผก เผือก ข้าวโพด อะไรทั้งนั้น
มันๆเค็มๆอย่างเดียว ป้ากับเพื่อนกลุ่มโบกจะชอบของกินคนละอย่าง
คนนึงชอบกินกล้วยแขก จะรี่เข้าใส่กล้วยแขกชื่อดังทุกจังหวัด
ส่วนเพื่อนอีกคนชอบเจ้านี่...ขนมครก
เด๋วจะพามาชิมที่หลวงพระบางนะ




ปลาเล็กปลาน้อย หอยเล็กหอยน้อย ปลานี่รู้ว่าทำปลาร้าได้ หมกได้
หอยนี่จนปัญญาจริงๆ แค่นั้นทำอะไรกินได้ไม่รู้





ผักสารพัด หัวปลีเมืองนี้ อ้วนสั้น ไม่รู้ทำยำอร่อยมั้ย
บัวสายก็สวย ชักอยากกินยำไหลบัว




สมเป็นของพื้นบ้าน มีอะไรขายสิ่งนั้น แม่ค้าพริกเอาพริกมาห่อ
ใบตองขาย ขวามือคือผักกูด...ซึ่งไม่น่าปลูกกับพริกได้ คงหาเก็บ
จากแถวบ้าน จึงเอามาขายด้วย




ไค หรือสาหร่าย มีในที่ๆอุณหภูมิของน้ำเย็น เอามาล้าง เคล้าเกลือ
แล้วแผ่ตากเป็นแผ่น ได้กินวันหลัง บ้านเราจะมีมากทางเชียงใหม่
เชียงราย แม่ฮ่องสอน




มาแล้ว สัตว์ประหลาด ไม่เยอะเท่าไหร่ กระรอก กระแต นก ฯลฯ
ซ้ายสุดมาไกลกว่า ปลาทู !!! แสดงเศรษฐกิจโคตรๆ




มื้อเช้าเดินย้อนไปกินเฝอร้าน "ประชานิยม" กันค่ะวันนี้ อยู่ตรงแยก
ตรอกข้าวเหนียว ด้านติดกับน้ำโขง ของเช้าทุกร้านจะขายเหมือนกัน
หลายเจ้า คือเฝอ ข้าวซอย ข้าวเปียก ซึ่งก็ซุปเดียว เส้นเดียวกันนี่แหละ
อันนี้ป้ากับพี่อ้อ พยายามพิสูจน์ กันสุดฤทธิ์ ด้วยการสั่งคนละอย่าง
ทุกฟร้าน ก็...เหมือนกัน...ปวดตับ จนมาพบว่าเฝอจะเส้นหนากว่านิดนึง
ส่วนข้าวซอยจะเส้นเล็กกว่า แบบแยกไม่ค่อยออก ถ้ามาปนกันก็ไม่รู้ อิอิ

ซุปก็จะ...หม้อเดียวกันชัดๆ บางวันซุปก็เทพมาก มีน้ำจากกระดูกร่อน
อร่อยเด็ด บางวันก็ใสจ๋อง ชักไม่ค่อยแน่ใจ





เฝอประชานิยม เนื้อน้อยกว่านางแอเฟรํย ซุปขุ่นนิด แต่ไม่ถูกใจเท่า
เฝอนางแอ ผักก็มีแต่สะระแหน่ ถั่วงอก มะนาว โหระพา นางแอผัก
เยอะกว่า มีทั้งวอเตอร์เครส หูปลาช่อน บางวันมีผักแพวด้วย

ที่ประชาชน (ชาวไทย) นิยม เพราะกาแฟอร่อยมั้ง หอม มัน คนไทย
เยอะมาก (ที่นั่งอยู่นี่ก็สองคนแล้ว) มีใครไม่รู้ บอกว่ามีไทยรัฐมาให้
อ่านด้วย ตอนป้าไปไม่เห็นมี ร้านที่ขายเฝอเช้าจะขายบาแกตต์ด้วย
แทบทุกร้าน บาแกตต์ร้านนางแอก็โอกว่าร้านนี้... สะอาดกว่า...
แต่ไม่ได้บรรยากาศเท่าละมั้ง อิอิ

ท้องเต็มแล้ว กองทัพเดิน วันนี้จะไปเส้นปลายน้ำคาน ทางวัดวิชุนค่ะ


กลับไปอาบน้ำกันก่อน ปากซอยเฮือนพักพอนทะวี ฝั่งตรงข้ามเป็น
ห้องสมุดเมือง แต่ปากซอยเป็น... โรงเรียนมัธยมค่ะ




โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน เอิ๊ก...
บางวันป้ากับพี่อ้อก็เข้าไปเดินเล่นในโรงเรียน พบคำขวัญแปะไว้สอนใจ
บางอันก็ฮาซะ (ที่ฮาเพราะเราไปยืนอ่านกัน เป็นเด็กอนุบาลมาก)




หนุ่มน้อยลาว สีกางเกงแว้นต์ได้ใจอิป้ามากไอ้น้อง



ป้า & พี่อ้อ จะเตรียมตัวกันทุกวัน มีถ่าน กล้อง ทิชชู่ ขนม เงินลาว
และโปสการ์ด เขียนกันทุกลมหายใจเข้าออก ป้าส่งกลับมาเป็น
100 เลย ขอบอก หมดหลายแสน !!!

วันนี้เราจะไป ททท. ลาวค่ะ ตอนแรกคิดว่าอยู่แถวร้านนางแอ
แต่ย้ายแล้ว ไปอยู่แถววัดวิชุนนู่น เลยเอาวะ...เราจะไป...วัดวิชุน


เดินโต๋เต๋ไป ทางร้านนางแอ ผ่านบ้านเวียงแก้ว และพบนี่...เข้าค่ะ
เคยอ่านพบ เค้าเรียกว่า “บัวกลางบึง”





"บัวกลางบึง" เป็นสระน้ำโบราณ สมัยก่อนจะมีพื้นที่ลุ่มอยู่ริมน้ำโขง
และน้ำคาน เพื่อชะลอน้ำที่เอ่อท้นขึ้น (แนวแก้มลิงของในหลวง)
ใช้ได้ทั้งชะลอน้ำท่วมและกักเก็บไว้ใช้หน้าร้อน กว้างราวไร่เศษ
ที่เห็นจัดเป็นแก้มลิงขนาดเล็ก
ปัจจุบันเมืองขยายจน “บัวกลางบึง” หลายแห่งตื้นเขินและโดนถม
จนหมด...


เส้นไปวัดวิชุนนี้ ช่วงเลียบแคมคาน (ริมน้ำคาน) เราต้องเจอเข้า
กับซากอารยธรรมฝรั่งเศส นั่นคือสะพานเหล็ก ที่เหมือนสะพาน
รถไฟปัจจุบัน ในไทยเราจะเห็นที่ปายอีกแห่ง



สาวงามสะพานเหล็ก (จำใจเขียน)
มีอีกแอ็คชั่น เธอตะกายสะพานอยู่ มิอาจนำมาลงได้


แถวนี้จะมี GH ตรึม !!! ฝรั่ง ละมุด ชมพู่ ซากุระ เพียบ !!!
พี่อ้อ เตร็ดเตร่เข้าไป หวังจะเจอหนุ่มต่างชาติ แต่ได้หนุ่มน้อย
(น้อยไปมาก) มาคน น่ากินตับชะมัด (อารมณ์ปอบสิง)



เด็กลาวน่ารัก ลูก GH เลยคุ้นกับคน กล้าเล่นด้วย
โตขึ้นจงเป็นคนดีเน้อลูกหล่าเอ๊ย...



ไปวัดวิชุนกันเสียที

วัดวิชุนราช พระเจ้าวิชุนราชโปรดฯให้สร้างวัดนี้ขึ้น และเฉลิมพระนาม
เป็นชื่อวัด เมื่อปีพ.ศ.2046 แล้วจึงอัญเชิญพระบางจากวัดมโนรมย์
มาประดิษฐาน
(นอกเรื่อง พระพุทธรูปขนาดเล็กในลาว “บาง” ทั้งนั้น มีแต่บางมาก
บางน้อย สมชื่อหลวงพระบางจริงๆ)

วัดวิชุนมีความแปลกจากวัดอื่นๆในหลวงพระบาง ตรงพระเจดีย์มีรูป
โค้งองค์สั้นเหมือนชามคว่ำ คนลาวเรียกว่า “พระธาตุหมากโม”
เพราะคล้ายแตงโมผ่าครึ่ง ยอดพระธาตุมีรัศมีคล้ายเปลวไฟ มุมฐาน
ชั้นกลางและล่างมีเสา (บ้างว่าเจดีย์ทิศ) ปูนปั้นรูปบัวตูมทั้งสี่มุม
ส่วนนี้พระนางพันตีนเชียง พระอัครมเหสีโปรดฯให้สร้างขึ้นเมื่อปี
พ.ศ. 2057




ภาพแนวโปสการ์ดสุดๆ ส่งกลับบ้านมา 1 ภาพ

ช่วงปี พ.ศ. 2457 พระธาตุหมากโมได้พังทลายลงมาบางส่วน
เจ้ามหาชีวิตสว่างวงศ์และชาวหลวงพระบางจึงร่วมกันบูรณะพระธาตุนี้
จากการซ่อมแซมครั้งนั้นได้พบวัตถุมีค่าจำนวนมาก อาทิ พระพุทธรูป
ทองคำ เงิน และทองสำริด พระพุทธรูปแกะสลักจากแก้วและอัญมณี
นำไปรักษาที่พิพิธภัณฑ์วังหลวงพระบาง
(ไปดูแล้ว มีต๊อยนึง ชั้นเกลียดสงครามจริงๆ )




สถาปัตยกรรมวัดวิชุนแปลกตากว่าที่อื่น ตัวอุโบสถมีรูปทรงอาคาร
แบบไทลื้อสิบสองปันนา ส่วนคอชั้นสองจะยกระดับสูงขึ้นไปแตกต่าง
อย่างชัดเจน บนหลังคาประดับด้วยโหง่ (ช่อฟ้า) ตรงกลางหลังคามี
บราลี แบบเดียวกับที่วัดเชียงทอง
(จำไม่ได้ว่ามีปลาอานนท์หรือเปล่า แต่ถ้าไม่มีราย 7 ยอด ก็ไม่นับ
เป็นยอดทิวเขาทั้ง 7 + สีทันดรนที ที่ล้อมรอบพระสุเมรุนะ)




พระบางทั้งหลายในวัดวิชุน ทำด้วยไม้ และทองเหลือง มีมากมาย
ที่สะดุดตาคือองค์นี้ค่ะ สวมเครื่องทรงสวยงาม ออกแนวเทวดา
มากกว่าพระ ที่ปั้นเหน่ง (เข็มขัด) น่าจะฝังอัญมณี
และโดนแกะไปเรียบร้อย หุหุ...

อีกอย่างที่เสียดายคือ ที่นี่มีเสมาจารึกหินชนวน อยู่เยอะมาก ไม่ได้
รับการแปล ทั้งที่น่าจะบอกอะไรได้มากแท้ๆ ป้าเคยเรียนตัวอักษรเมือง
อยู่พักนึงก็เลิก รู้ว่าของพวกนี้หาคนสืบทอดยากขนาดไหน น่ามีคน
เอามาศึกษาจริงๆ

อีกอย่าง (หลายอย่างจัง) พวกตู้พระธรรม แท่นพระธรรม เป็นไม้แกะ
ลงรัก ลายรดน้ำทั้งนั้น ทิ้งฝุ่นจับ เสียดายมาก กลับเอาอีช้างกระเบื้อง
คู่ละ 500 จากเวียตนามมาโชว์ ฮ่วย !!! เอาอะไรคิด !!!
อีช้างทุเรศนั่น วางบนแท่นวางพระประธาน ทีหีบไม้พระธรรมวางกับพื้น
ดูแล้วอยากสวมวิญญาณ จาพนม แต่เป็น...
"ช้างเอาไปไกลๆ"


หน้าต่างพระอุโบสถประดับด้วยลูกมะหวด บานประตูด้านหน้าทั้ง
สามช่องแกะสลักลงรักปิดทอง มีรูปพระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม
และพระอินทร์ ศิลปะแบบเชียงขวาง
นอกจากสิมทรงเชียงขวางแล้ว ยังพวกเครื่องประกอบด้วย มิน่า
ถึงแยกสกุลช่างได้อย่างชัดเจน...แต่... (มากะอิป้านี่ แต่ตลอด !!!)



เอารูปนี้ให้ดู ประตูเป็นพระอินทร์ ทรงช้างเอราวัณ...
ช่างเชียงขวางจ๋า ช้างเอราวัณน่ะ หนึ่งตัวแต่มีสามเศียรว๊อย ไม่ใช่
ช้างสามตัว !!! ถ้าเป็นช้างสามตัว เอามาติดกันแบบนี้ จะเดินไงเฟร๊ย !!!

ขวาบนเป็นลูกมะหวด หรือไม้กลึงขวั้นให้มีลวดลายต่างๆ


จากนั้นก็ไปวัดอาราม หรือวัดอาหาม (อาราม) อยู่ติดกัน อ่านพบว่า
ลุงคำสิงห์ ไกด์ชื่อดังของหลวงพระบาง (เค้าบอกด้วยว่า ลุงคำสิงห์
เสียชีวิตเมื่อปี 43 แล้วจะถามใครได้อีก)
ลุงบอกว่า โบสถ์มีอิทธิพลสถาปัตย์กรรมรัตนโกสินทร์ ไม่เหมือน
โบสถ์ลาว แถมข้างในยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบรัตนโกสินทร์
อีกด้วย !!!
สงสัยกันว่าสร้างสมัยที่เจ้าฝั่งไทยไปครองเมืองหลวงพระบาง



คงจะที่นี่ละมั้ง ??? What different ??? ha ???

มีวัดทรงนี้ หลังคานี้ สีนี้ เสานี้ ก็หลายวัดอยู่ค่ะ สงสัยว่า
วัดนี้จะวัดแรก วัดอื่นๆ ลอกแบบไปทีหลัง (พยายามคิด)

อย่างไรก็ตามเราก็ก้าวเข้าไป ยังหวังในภาพฝาผนังอยู่...



พอเข้าไปก็ ใบ้รับประทาน เพราะนี่หรือ ภาพฝาผนังแบบรัตนโกสินทร์
กี๊ซซซซซ~ เซ็งเป็ดมาก ดูเสาสีหมากตรงนั่นน่ะ ของเก่า ลายเก่า แต่...
ภาพเขียน...ว๊อยยยย~ เสียดายค่าปี้ 10000 กีบมากๆ กินเฝอดีกว่า
เชอะ !!! มันไม่ใช่อ่ะจ๊อช

คือภาพเขียนแนวรัตนโกสินทร์ มันต้องแนวกำแพงวัดพระแก้วบ้านเรา
หรือภาพเขียนกลุ่มเรือสำเภา ทหารฝรั่ง ที่พบแถววัดริมแม่น้ำน่ะค่ะ
นี่มัน... โอ่ววว~ ช่างกล้าพูดว่าช่างสกุลรัตนโกสินทร์ !!! เคือง !!!

วัดนี้เคยเป็นที่พักของสังฆราชลาวระยะหนึ่ง ก่อนย้ายไปยังวัดใหม่
สุวรรณภูมา ช่วงสงครามท่านเคยลงไปจำพรรษาที่ไทยด้วย...



ไปต่อกันที่ ททท. ลาว ปิด !!! ฮ่วย เที่ยงแล้วนี่หว่า !!!

ป้า & พี่อ้อจึงจรลีไปหาข้าวกินมั่ง วันนี้เราล่ออาหารพื้นเมืองสุดๆ
ที่ร้านครัววิชุน ชื่อบ่งบอกมาก ว่าอยู่ตรงไหน อิอิ

มื้อนี้ของเราคือ ส้มตำ...ไทย เริ่ดมาก ขอบอก ที่เริ่ดคือ “ต้นตูน”
ที่เอามากินแนมค่ะ มันเป็นพืชล้มลุก ขึ้นริมน้ำ ก้านอ่อนมีเนื้อฟ่าม
ของเราถ้าทางใต้จะแกงกับแกงส้ม เพราะมันดูดน้ำแกงชุ่มฉ่ำดีนัก
ตูนนี้มีรสมันจืด จึงเข้ากับอาหารหลากชนิด



ดูในชาม ก้านตูนฝานพอคำ พอกดใส่ชามน้ำส้มตำก็ชุ่ม โอย...
อร่อยม๊ากกก~ ของกินเมืองลาว ที่ป้ายอมกระโดดใส่ ทั้งที่รู้ว่าดิบ
คือเจ้านี่แหละ

กินไปฮาไป ฮาเพราะส้มตำจานนี้ครัววิชุนไปซื้อร้านส้มตำข้างๆมา
ถือถุงผ่านหน้า ก่อนเอาไปใส่จานให้ !!!




สาวงาม (จำใจเขียน) ซู๊ดส้มตำ ภาพนี้จริงๆป้าตัดสาวงามออก
แต่เจ๊อ้อ บอกว่าให้เอามาลงเดี๋ยวนี้ !!!
จำใจทำ จำใจเขียน ฮืออออ~
เดี๋ยวจะเอาภาพ อุ 3 บาท มาลง (อุบาท(ว์)เดียว ไม่พอ)




ข้าวเหนียวครัววิชุน ป้าก็ให้คะแนน 10 เพราะเป็นข้าวเหนียวมันปู
ขัดสีน้อย หอม ใหม่ มีคุณค่าทางอาหาร และไม่ได้มาจากร้านข้างๆ


อิ่มแล้วไป ททท. ลาวค่ะ ได้เอกสารกลับมานิดหน่อย และแผนที่
เมืองต่างๆของที่นี่ ถูกกว่าร้านในเมืองนิดนึง ถ้าอยากเดินมาซื้อก็
โอเค... ที่ขอชมคือ น้องเจ้าหน้าที่อัธยาศัยดีโคตรๆ สมกับที่หามา
ทำงานที่นี่ น้ำใจมาพร้อมหัวใจบริการจริงๆ

จากนั้นเราเดินโต๋เต๋ เป็นข้อตกลงระหว่างป้ากับพี่อ้อ คือป้าชอบเดิน
ชมเมืองแนวไร้สติ เดินไปเรื่อยๆ จนขาหลุด เอ๊ยไม่ใช่ เดินไปดูวิถี
ชีวิตคนอย่างใกล้ชิดไป
เราก็มาพบกับสะพานไม้ไผ่สานแบบที่ปาย มีโต๊ะเก้าอี้ น่าเป็นร้านเล็กๆ
เราจึงโฉบเข้าไปทันที มันใกล้ Tea Time ของหญิงแก่แล้ว...



สาวงาม (จำใจเขียน) กับสะพานและร้านเล็กๆ

เพราะสาวงามเจิมสะพานค่ะ ร้านนี้เลยยังไม่เปิด ตั้งอยู่บนดอน
ของต้นถนนแคมคานค่ะ อากาศดีมากมายมหาศาล วิวหลังเป็น
สะพานฝรั่งเศส ป่านนี้คงให้บริการแล้ว หวังว่าจะไม่เจ๊งนะ



โค้งน้ำคานแสนงาม...
จุดเหลืองๆ บนยอดเขาข้างหน้า คือพระธาตุโพนเผ้า ไปพรุ่งนี้


เราเดินเลาะน้ำคานมา พบปะร้านกาแฟเล็กๆ ชื่อร้านกาแฟจ๊าง (ช้าง)
ก็แวะจิบกาแฟ และปั่นโปสการ์ดกัน



เครื่องดื่มของเรา อันนี้เป็นอะไรที่ฮามาก เพราะพวกของกินนี่
ป้าจะถ่ายเป็นไดอารี่ บางทีลืมตัว วางปั๊บซ๊วบเข้าไปแล้ว แหว่ง !!!
ต้องกลบเกลื่อน แล้วมาถ่ายใหม่


พักกันจนปั่นโปสการ์ดได้คนละปึกเราก็เลาะแคมคานเล่น น้ำคาน
จะตื้นมากๆ และมีชื่อเป็นมงคล สาวโสดทั้งหลายต้องเอาบาทา
ของท่าน “ลง” แตะน้ำคานเมืองนี้ จะได้เป็นเคล็ดว่า...ลงจากคานแล้ว
(พี่อ้อ ไม่พลาดประกอบพิธีนี้ไปเรียบร้อย)

ส่วนหัวของน้ำคาน จะตัดกับแม่น้ำโขงและมีสีต่างกัน ทำนอง
“โขงสีปูน มูลสีคราม” เพราะที่นี่ โขงยังคงสีปูนอยู่ ส่วนน้ำคาน
ใสแจ๋ว




น้ำโขงสีขุ่น เหนือแนวหิน น้ำคานใสกว่า ใต้แนวหินค่ะ

ชมน้ำคานแล้วเราก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ ปะกับสองสาวชาวลาว ส่งยิ้ม
กันไปส่งยิ้มกันมาสักพัก ก็คุยกันม่วนแต๊ๆ มีคุณเยอรมันที่มาจาก
เชียงรายพร้อมเราร่วมวงด้วย ซ้อมเต้น “บาสสะหลบ” กับท่า “นกอินซิ่ว”
พบว่ามีจังหวะเท้าแนวๆท่าเต้นของ “ซินดี้ ลอว์เปอร์” (บอกอายุจริงตู)
ซึ่งจะเต้นท่าเท้าซ้ำไปซ้ำมา จนชักเย็นคุณเยอรมันลาขึ้นพูสี ส่วนเรา
สองเลาะแคมโขงกลับที่พัก...



สองสาวลาว น่ารัก
แอไล้ อาสิน เอื้อยทั้งสองคิดฮอดเจ้าหลายเด้อ น้องหล่า

หล่า = เล็ก ลูกหล่า = ลูกคนเล็ก น้องหล่า = น้องคนเล็ก
บางถิ่นเพี้ยนไปเป็นหล้าก็มี...

จบวันที่ 6 ค่ะ




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2551
9 comments
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 2:27:22 น.
Counter : 3184 Pageviews.

 

อยากดื่มกาแฟ สองแก้วใหญ่ๆ จังเลย....
จะติดตามชม ในตอนที่หกนะค่ะ...
พี่สาวชูสองนิ้วที่ขั้วแตะ ก็งามหลายเจ้า..

 

โดย: Prettymaew 7 ตุลาคม 2551 2:52:10 น.  

 

ตามมาติดๆๆ อิอิ งามแต้ๆกะเจ้า

 

โดย: soda IP: 125.24.36.83 7 ตุลาคม 2551 10:34:39 น.  

 

ป้าคับรอดูรูปที่ป้าคลุมหัวด้วยผ้าขาวม้าอยู่นะ อิอิ

 

โดย: soda IP: 125.24.36.83 7 ตุลาคม 2551 10:41:11 น.  

 


สวัสดีคะ แวะมาทักทายในวันที่อากาศดีๆ มีความสุขในการทำงานนะคะ

 

โดย: หน่อยอิง 7 ตุลาคม 2551 11:49:52 น.  

 

ตามาป้าหนอนมาเที่ยวด้วย
ป้าๆ ฝรั่งกับซากุระพอรู้จัก แต่ละมุดกับชมพู่นี่มันชาติไหนอ่ะ

ปล.นะก็ชอบส้มตำลาวค่ะ แบบที่ใส่กะปิก็อร่อยนะคะ

 

โดย: ณ มน 7 ตุลาคม 2551 12:02:56 น.  

 

อยากไปเที่ยวลาวจริง ๆ เลยค่ะ เคยแค่ข้ามฝั่งไปเที่ยวตรงอุบลฯแป่บเดียวเองค่ะ เห็นภาพที่จขบ.นำมาเล่าสู่กันฟังแล้วอยากไปค่ะ

 

โดย: Madame Kp 7 ตุลาคม 2551 14:23:11 น.  

 

อ่านบล็อกป้า แล้วอยากไปเที่ยวอีกจัง

สะพานไม้ข้ามคานไปร้านกาแฟ ป่านฉะนี้คงเปิดให้บริการแล้ว น่าไปลง (น้ำ) คาน อีกจัง

 

โดย: สาวงามทุกอิริยาบถ (O-HO ) 7 ตุลาคม 2551 15:02:46 น.  

 

แหม้..ภาพได้อารมณ์จริงๆ

เพิ่งรู้ราคาข้าวเหนียว ราคาร้อยหนึ่งคงขายคนไทยหรือนัก ท่องเที่ยวโดยเฉพาะนะคะ

ขนมครกน่ากิน ชอบแบบดั้งเดิมอย่างนี้แหละค่ะ ว้าวๆๆ

 

โดย: สาวไกด์ฯ ค่ะ (สาวไกด์ใจซื่อ ) 7 ตุลาคม 2551 16:23:37 น.  

 

* * * Prettymaew
ตามไปด้วยกันเลยค่ะ กาแฟลาวหอมดี ป้าซื้อกลับมา
หลายถุงเหมือนกัน แต่ไปซื้อที่เวียงจันท์นู่น


* * * soda
มีตอนท้ายๆ ป้าไปไหน ไม่เคยขาดผ้าขาวม้านะ


* * * หน่อยอิง
แง่ม... ไม่ชอบวันทำงานเล๊ย


* * * ณ มน
อย่าลืมนะ ว่าเรามีแขก - จีน - อีกหลายชาตินา
เดี๋ยวไปกินค่ะ ส้มตำลาวใสกะปิ น้ำข้นมากๆ


* * * Madame Kp
สามารถตามป้าไปเที่ยวได้เลยค่า


* * * O-HO
จะลงหรือจะขึ้น เอาให้แน่นะพี่อ้อ
ไปดิ จะฝากซื้อหางของ ตริโลไบท์ ที่บ้านช่างไห


* * * สาวไกด์ใจซื่อ
มีคนโดนเพราะเค้าไปวันสงกรานต์น่ะค่ะ แต่ก็มีนะ
กระติ๊บเล็ก เท่าตามร้านส้มตำบ้านเรา 20 อ่ะ

ขนมครกโบราณป้าชอบออก มันต้องกะทิสุกไปออก
หวานตรงขอบกรอบๆ เค็มปะแล่มๆตรงกลาง

 

โดย: ป้าหนอน 8 ตุลาคม 2551 6:01:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ป้าหนอน
Location :
อยู่ใต้เบื้องพระยุคลบาทในหลวง Svalbard and Jan Mayen

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




๐ คนข้างโลก อยู่เงียบๆ อย่างเรียบร้อย
พูดไม่น้อย จึงเขียนมาก แก้ปากหมา
สนใจสิ่ง รอบตัว ทั่วโลกา
จักสรรหา มาสัมผัส วัดด้วยตน
ขอเก็บความ-คิดไว้ ในบันทึก
สนุกนึก ย้อนมาอ่าน กันอีกหน
ได้รำลึก ความคิด ในจิตตน
คงได้ยล ยิ้มบ้าง ในบางวัน...
Friends' blogs
[Add ป้าหนอน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.