"หนุกหนานตลอดวันแอบสร้างสรรค์สาระ(แน)"
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
16 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
๐... ชอนไช...ไปในลาว...๐ [ 22 ]

หอพระแก้ว แวววับ คำนับประตูพระธาตุอิงฮัง ที่หวังวาด...

เชิญมาม่วนซื่น ซอกแซกเมืองหลวงลาวกับป้า & สาวงาม เด้อค่ะ


ตื่นขึ้นมานอนดูสาวงามซักผ้า สะบัดผ้า ตากผ้า น่าให้ยัยนี่มาเปิด
"อ้อ ไฉ ฮั้ว" ที่นี่จริงๆ

หลังพี่อ้อซักผ้าเสร็จ เราก็จรลีไปหาอะไรกินแถวตลาดเช้า ก่อนจะ
ขี่กลับมาที่วัดสีสะเกด อันเป็นวัดสวยที่สุดใน วจ. ตามสายตาป้า

ส่วนที่สวยมากๆ ก็คือ...หอไตรค่ะ



เสียดายว่ามีส่วนหนึ่งยื่นออกไปติดกับฟุตบาท คงจะเป็นเพราะผังเมือง
ขยายออกมา แต่ก็ดีที่ไม่หั่นทิ้ง คนลาวเค้าแก้ปัญหากันแบบนี้ฮ่ะ




จะบอกว่ากิ๊บเก๋ ก็...นะ
แต่ย่อมดีกว่าทำลายของเดิมทิ้งเป็นไหนๆ เห็นแล้วอยากกระโดดสกายคิก
กรมศิลปากรของลาวจริงๆ รั้วขาว กับหอไตร ทำไปด๊ายยยยย~


เข้ามาชมข้างในกันดีกว่า...
พร้อมประวัตินะคะ...

วัดสีสะเกด (Wat Sisaket Temple)
สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1818 ตามคำสั่งของเจ้าอนุวงศ์ รัชการสุดท้าย
(เจ้าชีวิตองค์สุดท้าย)แห่งอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์
วัดสีสะเกด ซึ่งเดิมได้กล่าวไว้ในศิลาจารึกว่า "สะตะสหัสสาราม"
(แปลว่าวัดแสน) แต่คนทั้งหลายเรียกว่า วัดสีสะเกด วัดนี้ตั้งอยู่ติด
กับพระราชวังหลวง ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
และถ้าอยู่ในกำแพงโบราณเวียงจันทน์ชั้นใน จะห่างไกลจาก
แม่น้ำโขง 250 เมตร

วัดสีสะเกด เป็นวัดหนึ่งที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์เมื่อต้น
ศตวรรษที่ 19 แห่งคริสตศักราชและมีวัดเดียวเท่านั้นในนครเวียงจันทน์
ที่ไม่ถูกทำลายจากสงคราม เมื่อปีค.ศ. 1829
และโครงร่างพุทธสีมา พูดได้ว่ายังสมบูรณ์ตามแบบดั้งเดิม ส่วนที่
ถูกทำลายไปบ้างจะเป็นศิลปะตกแต่ง ทรัพย์สมบัติวัดนี้ส่วนใหญ่
ก็สูญเสียไปในสงคราม ปี ค.ศ. 1829 เช่นเดียวกัน
และในคราวต่อมาด้วย แต่ก็ยังมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ปางชนะมาร
ประดิษฐานอยู่กลางพุทธสีมา 1 องค์ พระพุทธรูปทองเหลือง
ปางห้ามญาติ 2 องค์ และพระพุทธรูป 120 องค์ ตั้งวางแสดงอยู่
และสิ่งที่มีค่าอื่นๆ ที่สวยสดงดงามเป็นพิเศษ





องค์นี้สวยมาก เนื้อสัมฤทธิ์แก่ทองแดง แต่เสียดายที่กร่อนลงไปเรื่อยๆ
จากการพุในเนื้อโลหะ ที่เกิดจากการอ็อกซิไดน์ ถ้าเป็นบ้านเราท่านคง
ได้เข้าไปอยู่ในตู้ ที่ชะลอค่ากร่อนลงให้ช้ากว่านี้
ปั้นได้โครงสวย เอวบาง หน้าตาอ่อนโยน กรใหญ่แต่ไม่ขัดตาเลย...



วัดนี้ยังเป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นการขยายตัวทางด้านศิลปวัฒนธรรม
สกุลช่างล้านช้างเวียงจันทน์ในต้นศตวรรษที่ 19 แห่งคริสตศักราช
(บางข้อมูลกล่าวว่า สมัยนั้นเวียงจันท์เป็นเมืองขึ้นของไทย ศิลปะ
วัดเป็นแบบไทย กองทหารไทยจึงไม่ทำลายวัดนี้)

วัดสีสะเกด เป็นแหล่งรวบรวมมรดกวัฒนธรรมทางศาสนา เริ่มตั้งแต่
ปี ค.ศ. 1924 เป็นต้นมา
ปัจจุบันพระพุทธสีมาวัดสีสะเกดเป็นคลังสะสมวัตถุโบราณต่างๆ ที่มี
คุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปะนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ถึง 19
และที่พิเศษคือ การสะสมวัตถุศิลปวัฒนธรรม สมัยต้นศตวรรษที่ 19
แห่งคริสตศักราช


นอกจากนี้ ยังมีหอไตร (หอสมุดทางศาสนา) สร้างขึ้นในระยะ
เดียวกันกับวัดสีสะเกด เพื่อเก็บพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนา
(พระไตรปิฎก) หรือคัมภีร์อื่นๆทางศาสนา หอไตรนี้แต่เดิม
ประดับประดาดอกดวงและติดแก้วที่สวยสดงดงาม แต่ได้สูญหาย
ไปเกือบหมด แต่ก็ยังมีเหลือบ้างส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความงดงาม
ของศิลปะสกุลช่าง ต้นศตวรรษที่ 19



ลายดอกดวงของหอไตรค่ะ สีแดงชาด มีร่องรอยปิดทอง
ถ้าประดับกระจกสี คงงามน่าดู





อันนี้เป็นภายในตู้พระธรรมค่ะ อย่าได้มาบอกว่าบรรลัยเพราะสงคราม
แต่เพียงอย่างเดียวเลย หลังคาแตกก็ไม่ซ่อม น้ำหยดลงมา จนลาย
ปิดทองล่องชาดข้างตู้ และข้างในเลือนไปหมด

หอไตรนี้ได้บูรณะปรับปรุงใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1930
(จากนั้นคงจะไม่ได้บูรณะกันอีกเลยละสิตัวเธอ ฮึ)

ลักษณะพิเศษของวัดนี้อยู่ที่ความอลังการของพระพุทธรูป 6,840
องค์ที่ฝังอยู่ตามช่องกำแพง



แต่ก่อนบอกว่า เป็นช่องไว้สอดแนมข้าศึก ในยุคสงครามด้วย...

ปัจจุบันเป็นที่พำนักของพระสังฆราชลาว




ชมบรรยากาศในวัดกันค่ะ เสงี่ยมงาม นุ่มนิ่ม เหมือนแม่หญิงลาว...


จริงๆในวัดยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝานัง ที่เลือกใช้สีได้หลากหลาย
แต่เสียดายที่คงเป็นสีจากพืช จึงสูญสลายไปตามกาลเวลา และไม่ได้
รับการบูรณะอย่างแท้จริงเท่าไหร่ เสียดายมาก



วัดนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่เข้าไปชม ที่นี่เคยเป็นกุฏิของเจ้าเพชราช
สมัยพระองค์ทรงผนวชด้วย ยังคงอยู่ค่ะ



แต่ทาสีได้ปวดตับชั้นจริงๆ T^T



จากนั้นป้า & สาวงาม ก็ข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม ที่นี่มีอีกวัด
ไม่เชิงวัดสินะ เพราะที่นี่คือ...หอพระแก้วค่ะ

มาดูประวัติกันเลย...


หอพระแก้ว (Ho Prakeo)
เดิมเป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ลาว พระเชษฐาธิราชโปรดให้สร้างขึ้น
ในปี พ.ศ. 2108 เพื่อเป็นสถานที่ประดิษฐาน " พระแก้วมรกต "
ในสมัยที่อัญเชิญมาจากเมืองหลวงพระบางเพื่อหลบภัยพม่า
กว่า 200 ปี (บ้างว่าเชิญมาจากล้านนาหลังครองบัลลังก์ล้านช้าง
เมื่อพระเจ้าโพธิสารสิ้นพระชนม์ในศึกสงครามกับสยามประเทศ)
((จริงๆแล้ว ก่อนหน้านี้ ทางลาวไปอัญเชิญมาจากเชียวรายอีกทีค่ะ
ใครว่าเราจิ๊กเค้า เถียงได้เลย ฮี่ ฮี่ ))

ปัจจุบันเหลือเพียงพระแท่นที่ประดิษฐาน เพราะพระแก้วมรกต
องค์ปัจจุบันได้รับการอัญเชิญลงมาประทับที่ " กรุงเทพมหานคร "
ในสมัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
โดยสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เป็นผู้อัญเชิญ ในปี พ.ศ. 2332
ช่วงที่ทรงตีนครเวียงจันท์แตก

ทั้งหมดเป็นการก่อสร้างใหม่ทั้งหมดโดยเจ้าสุวรรณภูมา ซึ่งจบ
วิศวกรรมจากปารีส (ภายหลังเป็นนายกรัฐมนตรีของลาว
หลังได้รับเอกราช)

หอพระแก้ว ตั้งอยู่บริเวณถนนไชยเชษฐา ติดกันกับ " หอคำ "
ซึ่งเคยเป็นที่พำนักของประธานประเทศคนที่สอง ( ท่านหนูฮัก พูมิสะหวัน )

ท่านอุตตมะ จุลละมณี อดีตรัฐมนตรี(ช่วย )ว่าการกระทรวงศึกษาลาว
ผู้ประพันธ์เพลงดวงจำปา เคยเล่าไว้ว่า
ตอนท่านหนุ่มๆ เลือดรักชาติแร๊วงงงงงงงง~ ได้ชักชวนเพื่อนนักศึกษา
ยกเอาอนุสาวรีย์ ม.ปาวี ข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสของลาวโยนทิ้ง
ลงในแม่น้ำโขง ด้วยหมั่นไส้ที่รูปปั้นนี้ มีหญิงชายชาวลาวถือพานดอกไม้
เชิดชูอยู่ข้างล่าง (ทั้งๆที่ไอ้เศสก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อลาวดีซักเท่าไหร่)
ปัจจุบันก็เลยเหลือแต่ฐาน ไปดูได้ไม่ไกลจากวัดพระแก้ว อยู่ข้างหอคำ
ที่กำแพงนครเวียงจันทน์นี่เอง...

เข้าชมกันเลยจ้า
ที่นี่ป้าอยากมานัก เพราะมีคนบอกไว้ว่า ประตูพระธาตุอิงฮัง ที่สะหวันเขต
ได้ถูกยกมาไว้ที่นี่แล้ว ไม่ต้องถ่อไปถึงสะหวันเขตแต่ประการใด...


ชีมาแล้วค่ะ...



สาวงาม (จำใจเขียน) กับหอพระแก้ว
ถ้าจำไม่ผิด ตอนถ่ายภาพนี้ ป้ายืนรอให้คนหมด จะได้ภาพสวยๆ
พอยกกล้อง ทันใดสาวงาม (จำใจเรียก) ก็วิ่งปร๊าดมา
ไม่ถ่าย ไม่ได้ภาพหอพระแก้วมานะเออ...


ยัง...ยังไม่พอ สาวงามยังคงมีภาพต่อไป...



ในหอพระแก้วนี้มีไหหินด้วย นับว่าเป็นการท่องเที่ยวแบบทูอินวันยิ่งนัก
มาที่เดียว เหมือนได้ไปโพนสะหวันด้วยนะ สิบอกไห่...

ตอนที่เห็นเนี่ย เราสองคนกรี๊ดกันมาก เพราะเจ้าวงษ์ ไกด์ของเราที่ไหหิน
บอกว่าในลาวนี้ไม่มีที่ใดมีไห เหมียนที่โพนสะหวันบ้านเค้า
บ่ แม่น แล้ว บักวงศ์เอ๋ย มา...มาเบิ่งโลด ที่เอื้อยอ้อ จ๊กอยู่นี่ ไห แม่น บ่

ว่าไปแล้วให้อึ้งแทนชาวลาว เพราะป้าอ่านเจอมาว่า ในโพนสะหวัน ในเส้น
ที่ไปสู่เวียตนามนั้น มีทุ่งไหหินอีกเป็นร้อยแห่ง !!!
แต่ยังไม่ได้กู้กับระเบิด ซึ่งถ้ามีจริงๆ การที่มีเยอะเนี่ย แปลว่าวัฒนฒรรมนี้
จะคงอยู่มานานพอสมควร ถ้าตรวจสอบกันจริงๆ เผลอๆไม่ใครก็ใคร
ได้แก้ประวัติศาสตร์เรื่องลำดับมนุษย์ก่อนยุคหินกันเป็นแน่ เหอ เหอ
(จริงๆในลาว ป้าไปเที่ยวๆมา คิดว่ามีอะไรที่น่าก่อน ปวศ. อีกบาน)

เข้าไปลั๊ลลัลลาในหอพระแก้วกันดีกว่า ประตูธาตุอิงฮังเจ้าขา อิชั้นมาแล้ว...

แต่อะโจ๊ย อะจ๊าก อะเจิ๊ก นี่มันอีหยังล่ะ !!!



ห้ามถ่ายรูป ฮ่วย !!!


ในหอพระแก้ว มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ในห้องราวๆ 80 ตรม. อยู่ (กะเอา)
มืดพอใช้ ป้าเลยเอาไฟฉายที่ติดมาส่องดู มีพวกพระองค์เล็กๆ คงแกะ
มาจากวัดสีสะเกด แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น

จุดสำคัญอย่างยิ่ง คือประตูพระธาตุอิงฮัง อันเป็นหลักฐานการมาถึง
ของวัชรยานสู่เอเซียใต้ในศตวรรษที่ 17 ถูกกองเอียงๆกับพื้นอย่าง
ไร้ความหมาย !!!
เก่าขนาดนี้ เชื่อมต่อชัดเจนขนาดนี้ เมืองไทยยังไม่มีเลยโว้ย !!!

ประตูพระธาตุอิงฮัง เป็นประตูไม้ แกะเป็นภาพเชิงกามสังวาส 8 รูป
ล้อมกรอบด้วยเครือเถา และดอกดวงอันเป็นศิลปะสกุลช่างลาวแท้ๆ
และมีค่าทางประวัติศาสตร์เหนือกว่าของทั้งหมดทั้งมวลในห้อง ต้อง
มากองกับพื้น ฝุ่นเขรอะ ราวเป็นของไร้ค่า โคตร sad

ที่อยากกรี๊ดรอบสองคือ ไอ้ประตูที่เอาไปแทน มันไม่ได้เหมือนของ
ต้นตำรับแม้แต่ซักขี้ตีนเลย !!!
เป็นประตู ห้า เหว หอก ที่แกะได้ไร้รสนิยมที่ซู๊ด มาแปะไว้ เหมือน
ไม่มีความรู้ทางศิลปะแม้แต่น้อย โอย ดูแล้วแสนเสียดาย...

น่าเอาอธิบดีกรมศิลป์ฯลาว ไปโยนแม่น้ำโขง เหมือน ม. ปาวี จริงๆ

หมดอารมณ์ดู ของข้างนอกก็งั้นๆ พระพุทธรูปสำริด...งั้นๆ
เสมาหิน ก็...งั้นๆ เสาไม้ ตู้พระธรรม เบๆ ฯลฯ ไม่ได้แม้เศษเสี้ยว
ของประตูพระธาตุอิงฮัง อาเมน...


ป้ากับเอื้อยอ้อ เลยออกจากวัดพระแก้ว ไปหาข้าวกินแถวในเมือง
จากนั้นก็ไปหอพิพิธภัณฑ์ ที่อยู่กลางเมือง ติดกับหอวัฒนธรรม
และโรงแรมลาวพลาซ่า ซึ่งอันนี้ไม่ขอนำเสนอ เนื่องจากไม่ให้ถ่ายภาพ
และของข้างในไม่ประทับใจอย่างแรง ถึงขั้นอยากพูดว่า "ห่วย"

เพราะของที่จัดแสดงไม่มีความรู้ทางประวัติศาสตร์เบื้องต้นอย่างที่
ควรจะมีในพิพิธภัณฑ์ แถมของจัดแสดงก็...อ่อนมาก
เอาว่าร้านค้าของเก่าเกรด B ในกรุงเทพ ยังมีของโชว์ให้ดูเยอะกว่า
ที่เน้นๆคือภาพการปฏิวัติประเทศ ซึ่งเอาเข้าจริง ไม่ต่างจากสิ่งที่เรา
เห็นใน หนังสือ - นสพ. (ซึ่งบางภาพปัจจุบันนี้ก็ยังมีแปะ - ขาย ทั่วไป)

แถมไม่มีการลำดับ มีเหตุ มีผล อะไรงี้ด้วย คอมิวเซียมใบ้แดกเลยทีเดียว
นึกว่ามาชมห้องนิทรรศการเด็กประถม
เน้นไปที่การเชิดชูผู้นำ + การร่วมใจของคนที่เห็นดีกับท่านผู้นำเท่านั้น
ตอนป้าเขียนบล็อคนี้ กลับไปอ่านไดอารี่ ภาพที่ไปชมวันนั้นมันปุ๊ด
ขึ้นมาให้เคืองมั่กๆ เสียเวลา KU อิ๊บอ๋าย !!! ไปวัดดีกว่า


จากนั้นป้า & เอื้อยอ้อ เลยไปหาอะไรกินแก้เครียด โดยไปจิบชายามเย็น
กันที่ร้านโจมา สาขา วจ.



สาวงาม (จำใจเรียก) กับเวลาชิว ชิว ของเธอ...
เวลาช่วงนี้ สาวงามปั่น ป้าปั่น ส่ง PC กลับไทย และไปทั่วโลกเป็น 100
ก็พบว่าถึงเกือบครบ ป้าชอบ PC จากลาวทุกใบเลย สิ้นค่าแสตมป์ไป
หลายแสนกีบ (สองใบหมื่นหนึ่งพันนะเว๊ย ร้อยใบสองแสนกว่า)
ซื้อแสตมป์ตุนกันจนไป ไปไปรษณีย์ลาวบางที่ เรามีเยอะกว่าก็มี


จากนั้นเอื้อยอ้อ & ป้า ก็ไปดงโด่ง เพื่อไปซื้อตั๋วไปปากเซ
แพงมากกกกกกกก~ 148000 กีบ !!! ราคาตั๋วเฟิร์สทคลาสกันเชียว
โดยเรานั่งรถเมล์สาย 039 วนไปไหนต่อไหนไม่รู้ ถ่ายรูปตลอดทาง
ครึกครื้นมิใช่น้อย



บ้านเก่าๆสวยๆ หลังนี้เหมือนอยู่แถวเจดีย์ยักษ์ ตรงใกล้ๆโจมานี่แล...

พอได้ตั๋ว เราก็กลับ ขากลับฮากว่า เพราะเรากลับ "รถเหลือง" กัน
เรานั่งไป งงไป เพราะรถเหลืองเนี่ย ออกแนวสองแถว แต่แปลกๆ
เพราะเค้าจะหา บุคคลที่ 1 จ่ายค่ารถเต็มเพื่อออกรถไปก่อน...
จากนั้น ถ้ามีบุคคลที่ 2-3-4-5 เรียกแล้วไปในทางใกล้ๆกันก็จะรับ
ซึ่งรายได้จากบุคคลถัดไปนี่ ถือเป็น tip ของคนขับ และแม้ว่าเค้า
จะต้องไปส่งบุคคลที่ 2-8 นอกเส้นทาง บุคคลที่ 1 ก็ห้ามบ่น...

ท่าทางแท็กซี่มิเตอร์จะหากินที่นี่ไม่ได้แหง

...


จบวันที่ 21...


Create Date : 16 มีนาคม 2554
Last Update : 17 มีนาคม 2554 2:55:00 น. 10 comments
Counter : 3674 Pageviews.

 
ป้าขึ้นหัวเป็นวันที่ 22 ไหงตอนท้ายจบวันที่ 21 ล่ะ

อ่านแล้ว งง งวย ซะจริงๆ อิอิ


โดย: soda IP: 127.0.0.1, 110.164.218.142 วันที่: 17 มีนาคม 2554 เวลา:9:33:51 น.  

 
แวะมาทักทาย และมาตามไปชอนไชด้วยคนครับ ^ ^

อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย ตอนไปเองยังไม่ค่อยรู้ละเอียดมากนัก


โดย: กัปตันลูกชุบ วันที่: 17 มีนาคม 2554 เวลา:10:50:38 น.  

 
* * * soda
แสดงว่ามันเป็นวันที่ 21 แต่ป้าเขียนหัวบล็อคผิด เด๋วต้องแก้
เหมือนจะเขียนไป ลุ้นบอลไป กิกิ


* * * กัปตันลูกชุบ
เดี๋ยวจะหยุดไปอีกหลายวันเลยค่ะ ที่เขียนนี่ เพราะเพื่อน
จะไปเวียงจันทน์พอดี นั่นเอง


โดย: ป้าผู้บ้าบอล IP: 124.122.169.52 วันที่: 18 มีนาคม 2554 เวลา:3:12:06 น.  

 
ค่าป้า

โซส่งโปสการ์ดให้ป้าไปแล้วนะคะ พี่อ้อบอกว่าได้รับโปสการ์ดแล้วนะคะ


โดย: soda IP: 127.0.0.1, 113.53.26.71 วันที่: 18 มีนาคม 2554 เวลา:14:09:04 น.  

 
เที่ยวลาวสนุกมั้ยป้า


โดย: สะพานดาว IP: 118.172.189.140 วันที่: 2 เมษายน 2554 เวลา:20:07:07 น.  

 
* * * soda
ขอบใจมากจ้า เดี๋ยวป้าค่อยไปเอานะ



* * * สะพานดาว
ครั้งสุดท้ายนี่ ป้าโดนสามล้อต้มด้วย T^T


โดย: ป้าผู้น่ารัก IP: 124.120.21.243 วันที่: 8 เมษายน 2554 เวลา:4:45:04 น.  

 
ที่นี่ก็น่าไปอีกตามเคย ....น่าไปมากมากๆๆ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกที่


โดย: ParwatRaj IP: 171.100.42.108 วันที่: 16 มีนาคม 2555 เวลา:9:55:18 น.  

 
มันแรงไปนะคำพูดนะครับผมผมคนลาวคนหนื่งนะผมพูดใจทุกด้านของความเป็นลาวบางพูดคุณดูไร่ค่าแต่สิ่งที่คุณกาวนะมันคืแกนแท้ของความเป็นลาวย่าใช้คำพูดที่ไรค่าแบบนั้นนะครับดูแล้วไม่หน้ารักเลยถ้ามีคนมาวิจานความเป็นไทยคุณละคุณดีใจมัย
แต่ผมไม่นะเพราะทุกดูไม่มีความหนายในสายตาคนแต่มันมีคุณค่าทางด้านจิดใจความพูดใจในวัดทนทัมตัวเองครับ
ขอโทษนะบางคำอาดสกดไม่ถูกภาษาไทย
ขอโทษที่อ่านแล้วไม่ค่อยชอบในการบันยายของคุณ
เพราะคำบางคำที่คุณพูดและสื่อถืงมันดูดไรค่ามากๆๆคุณคุณลองกับไปอ่านแล้วใช้สหนองคิดกว่าคำบางคำที่พูดเขี่ยนออกมานะมันมีค่าพอมัยที่จะต้องใช้คำตํ่าๆๆแบบนั้นดูถูกจิดวินยานความเป็นลาวนะ
คุณชอบไม่ชอบก้อก้อย่าใช้คำพูดที่ดูไม่ดีเสียความรู้สืกๆๆๆๆๆๆๆๆมากครับ
ขอบคุณ


โดย: เบือจัง IP: 110.168.120.92 วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:17:04:47 น.  

 
ดิฉันวิจารณ์ความเป็นลาววว่าไร้ค่าตรงไหนหรือคะ ???


สิ่งที่ดิฉันพูดคือ คนดูแลไม่เห็นค่าของโบราณวัตถุ ที่มีอยู่เลย
ประตูพระธาตุอิงฮัง เป็นศิลปะวัชรยานแท้ๆ ชิ้นสุดท้ายที่เดินทางลงมา
ถึงเอเซียใต้ และเป็นหลักฐานการมีอยู่ และมาถึงเพียงชิ้นเดียว
แต่ประตูจำลอง ที่นำไปวางแทน ไม่มีความตรง หรือคล้ายกับของจริง
เรียกได้ว่า ไม่เหมือนแม้แต่น้่อย

แถมการดูแล ในพิพิธภัณฑ์ ก็เรียกได้ว่า ห่วย-ห่้วยมากที่สุด
นี่มันดูถูกความเป็นคนลาวตรงไหนคะ หรือเราต้องยินดีกับการที่
ศิลปะอันหาได้ยากยิ่งถูกทำลา่ยไป จึงจะไม่ดูถูกกัน
ดิฉันดูถูกคนลาว หรือคุณรับความจริงไม่ได้ ว่ากรมศิลปฯลาว
ไม่ดูแลของอันมีค่าทางประวัติศาสตร์อย่างสมควรจะเป็น
ทั้งๆที่มันไม่ได้ยากเลยค่ะ แค่เอาขึ้นจากพื้น ทำความสะอาด
ไม่ใช่ให้มันผุพังไปกับการวางจมฝุ่น
เคยเข้าหอพระแก้วมั้ยคะ ฝุ่นเพียบ คุณคงความเป็นลาวด้วยฝุ่นเหรอคะ ???
ไปมาสามหน ฝุ่นทั้งสามหน อันนี้คุณอยากรักษาไว้หรือคะ ???

ดิฉันดูถูกความเป็นคนลาวตรงไหนคะ ตรงที่ไม่ทำประตูเลียนแบบให้ใกล้
กับประตูพระธาตุอิงฮังของจริงไปตั้งไว้น่ะหรือ ??? ทั้งๆที่มันไม่ใช่อ่ะนะ
เข้าใจไหมคะ การบิดเบือนศิลปะมันผิดมหันต์ ไม่ได้ดูถูกความเป็นลาว
เพราะทั่วโลก ใครที่แก้ศิลปะให้ผิดยุค ผิดแบบไปจากเดิมมันทำลาย
ความเป็นตัวตนของศิลปะนั้นทั้งสิ้น !!! ฝรั่งก็ด่าค่ะ ถ้าทำแบบนี้

คุณเคยเห็นของจำลอง ที่ออกไปตั้งแทนของแท้ เพื่อป้องกันการผุพัง
อย่างเช่นรูปเดวิด ของไมเคิล แอนเจโลไหมคะ ว่าเค้าทำเหมือนทุกอย่าง
แล้วทำไมคนลาวไม่ทำคะ
คนประเทศคุณเอาอะไรให้ดู ทั้งๆที่มันไม่ใกล้เคียงเลย แล้วมันจะมีความ
สอดคล้องกันทางศิลปะตรงไหนคะ ???



กรณีมิวเซียมกลางเมือง มันไม่มีประวัติศาสตร์ อันควรจะมีเพื่อให้ึคนลาว
ได้ภาคภูมิใจ กับความเป็นมา แต่กลับมีเสนออย่างอื่น ซึ่งบางส่วน มันอิง
กับประวัติศาสตร์ไทย และทั่วโลกรับรู้ บางอันมันไม่จริง ไม่ตรง
ถ้าแย้งไป บอกว่ามันเฟค เพราะมันเฟคจริง ดูถูกตรงไหนคะ

คุณอยากปิดหูปิดตา ไม่อยากดูของจริง นี่เหรอคะ ส่งเสริมคนลาว ???




คุณควรอ่านและตรองให้มากกว่านี้ค่ะ ว่าดิฉันดูถูก หรือติชม แยกให้ออก

ดิฉันยิ่งเสียความรู้สึกกว่าคุณอีก เพราะดูๆไป ดิฉันยังเป็นห่วงศิลปะ
และประวัติศาสตร์ อันจะแสดงต่อคนรุ่นหลังให้รู้ความจริง และความงาม
อันมีเพียงคนลาวเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ มากกว่าคนลาวจริงๆอย่างคุณเสียอีก

ขอบคุณค่ะ ที่เข้ามาอ่าน เข้าใจเถอะว่าดิฉันชื่นชมศิลปะจนถึงขั้นถ่อไำปดู
และโกรธ ที่มันถูกละเลย กลบเกลื่อน ทั้งๆที่เป็นของอันอวดแก่ชาวโลกได้
แต่ถ้าคุณจะเคืองเพราะดิฉันตำหนิการดูแลอย่างห่วยแตก ที่หอพระแก้ว
ทำต่อประตูพระธาตุอิงฮังก็เคืองไปเถอะ
ไปคราวหน้า ยังทำอย่างเก่า ก็จะกลับมาเขียนด่าอีก
ถ้าด่าแล้ว มีคนคิดได้บ้าง ประตูพระธาตุอิงฮังได้อยู่ในที่อันควรละก็ยอม !!!


โดย: ป้าหนอน IP: 110.171.154.185 วันที่: 5 กรกฎาคม 2556 เวลา:5:42:51 น.  

 
ในถานะคนลาว ตัองขอบคุณมากที่มาเทื่ยวบ้านเรา และรู้สืกขอบคุญเป็นห่วงแล้รู้สืกถืงคุณค่าในวีวัดถุมีค่าของบ้านเราคะ แต่ก้อแปลกใจถืงกานใช้ภาษานิดหน่อยเพี่งเข้าว่าคนไทยบางคน เพื่อแสดงความหว่งใยต้องใช้คำละดับปะมานนี้ จะได้จำไว้ใช้เวลามาเทื่ยวที่ไทยนะคะ. ขอเพี่มเตีมนิดหนื่งนะคะบทความของคุณจะได้มีคุณนภาพมากขื้น เลยจะเพี่มข้อมูลที่ขัออมูลที่แน่ชัดเพื่อมาสะนับสะนุน บทความให้เป็นวิทยาศาดมากขื้น เพื่อให้บทความนั้นน่าเชื่อถือแล้อมีคุนภาพ เช่น พระแกัอมรกด สร้างขื้นพานหลัง พระพุทธเจ้า ปรินิพพาน 500พันสา ชี่งยังไม่มีเอกะสารแน่ชัดว่าสร้างที่ไหน และไม่สามารคยืนยันได้ว่าสร้างที่อานาจักล้านนา เท่าทีอ่านมาคือจากเอกะสารหลายสะบับ ยังไม่มีอันไหนบอกเลยว่าในสมัยนั้น เชียงใหม่เป็นตกในอำนาดกานปกครองของสยาม(คส. 1296-1558 อเชียงใหม่มีฐานะเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรนครรัฐอิสระ ชื่อว่า อาณาจักรล้านนา ซึ่งปกครองโดยกษัตริย์ราชวงศ์มังราย และเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับสมัยพระเจ้าโพทิสาระลาด กษัตย์อานาจักล้านช้าง(คส. 1520-1547) เชี่งเป็นเขยของกษัตริย์ล้านนา และ เจ้าไชยเชดถาก้อขื้นปกครองอานาจักล้านา คส 1527 ก่อนจะมาปกครองอานาจักล้านช้าง 1547-1571 และได้นำอัญเชิญ พระแก้อมรกตมาประดิดสถานที่นครเชียงทอง ของอานาจักล้านช้าง. วัดสีสะเกดไม่ถูกเผาที่ถูกทำลายจากสงสคามสยาม 1828- 1829 สำหรับความเป็นหว่งเรื่องรักษาวัถุโบราน ทางเราได้ร่วมมือกับโคงกานของNGOที่มาตฏานสาลค่อยดูแล เพื่อบูลนะให้อยู่แต่สภาพที่ดีที่สุด เชี่งวิธิกานให้เหมาะสมกับสภาพแวดของปะเทศนั้นฯ


โดย: บังเอิญ IP: 218.251.113.57 วันที่: 18 กรกฎาคม 2557 เวลา:2:21:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ป้าหนอน
Location :
อยู่ใต้เบื้องพระยุคลบาทในหลวง Svalbard and Jan Mayen

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




๐ คนข้างโลก อยู่เงียบๆ อย่างเรียบร้อย
พูดไม่น้อย จึงเขียนมาก แก้ปากหมา
สนใจสิ่ง รอบตัว ทั่วโลกา
จักสรรหา มาสัมผัส วัดด้วยตน
ขอเก็บความ-คิดไว้ ในบันทึก
สนุกนึก ย้อนมาอ่าน กันอีกหน
ได้รำลึก ความคิด ในจิตตน
คงได้ยล ยิ้มบ้าง ในบางวัน...
Friends' blogs
[Add ป้าหนอน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.