"หนุกหนานตลอดวันแอบสร้างสรรค์สาระ(แน)"
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
5 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

๐...ชอนไช...ไปในลาว...๐ [ 05/1 ]

สวัสดีค่ะ
ต้อนรับเข้าสู่การเดินทางสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว...
บ่อนนอน - ไปรษณีย์ - ร้านเฝอนางแอ - วัดเชียงทอง

วันนี้การท่องเที่ยวสั้นจุ๊ดจู๋ ขอหั่นแค่ครึ่งวัน เพราะว่าวัดเชียงทอง
เป็นไฮไลท์สุดยอดซูโกย ของหลวงพระบาง ถ้าผ่านไปชิวๆ ไม่ใช่ป้า



อาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน 2548

ตื่นกันตามสบาย แล้วไปไปรษณีย์ เพื่อแลกเงินกีบ แลกมาขี้ๆ
2000 บาท ได้มา 5 แสน 2 กรี๊ดดดดด~ รวยโคตรๆ
ถือตังมากไป ใจสั่น จึงช็อปแสตมป์ไปราวๆแสนเศษ !!!
ขี้ๆค่ะพี่น้อง เมื่อวานซื้อโปสการ์ดไปสามหมื่นห้า !!!
เพื่อนๆที่ได้โปสการ์ดจากชั้นจงรู้ไว้นะยะ ว่าใบละเป็นหมื่น !!!

ใช้เงินไปหน่อยค่อยสบายใจในความรวย




ประเดิมกันด้วยภาพ "สาวงามผู้ร่ำรวย" (จำใจเขียน)
(แต่เจ๊แกรวยจริงๆ ร่วมล้านนะนั่น)


ออกไปหาอะไรกินกัน อาหารแบบนั่งกินในร้านของหลวงพระบาง
ที่แรกของเราคือที่นี่ค่ะ “เฝอนางแอ” อยู่ตรงแถวตลาดดาราเก่า
(ตอนนี้ปิดไปแล้ว) เฝอ 7000 กีบ (30 บาท) ไม่แพงเลย กาแฟเย็น
3000 ขี้ๆค่ะพี่น้อง เดี๋ยวมีบางมื้อแสนกว่า อิอิ

แต่อร่อยนะ ป้ากินเฝอในหลวงพระบางหลายเจ้า ยกให้นางแอ
เป็นเฝอ "หนอนชวนชิม" อันดับ 2 อันดับ 1 ให้ “เฝอจันทะหนอม”
ซึ่งจะพาไปกินวันหลัง




หน้าตาร้านนางแอ อยู่ไม่ห่างที่พักนัก


มาว่ากันเรื่องเฝอหน่อย เฝอคือก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก ออกแนวเหนียวนุ่ม
แบบเส้นจันท์ แต่ไม่ผัด เอามาลวกใส่น้ำซุป ซึ่งเป็นซุปไสต้มกระดูก
ปนเครื่อง (มันหอมเครื่องเทศ พวกข่า ตะไคร้ด้วย)
เฝอนี้จะใส่เครื่อง (เนื้อสัตว์) หลายชนิด เช่นลูกชิ้น หมูยอ หมูสับ
หมูต้มแข็งหั่น ทั้งเมืองมีหมูกรอบหมูย่าง - เครื่องในเจ้าเดียวคือ
ร้านจันทะหนอม
เฝอไม่มีผักลวกรองมาเหมือนบ้านเรา แต่พอใส่ซุปก็ลอยต้นหอมผักชี
มาเหมือนกัน




หน้าตาเฝอนางแอ เส้นใหญ่กว่าเส้นจันท์ 3 เท่า ซุปอร่อย ไร้ชูรส
มีผักสดๆ กินแนม ซึ่งถ้ากลัวล้างไม่สะอด ให้รีบใส่ไปตอนได้เฝอ
มาใหม่ๆ จะร้อนควันโฉ่ จึงปลอดภัยเช่นป้า & พี่อ้อ




อิ่มดีเราเดินโต๋เต๋ไปหาคณะคุณอาทั้งหลาย เจอแต่อาผู้หญิงผู้ชาย
สองคน ก็เลยไปวัดเชียงทองกัน หลงทิศสักพักค่อยคล่อง เพราะ
ถนนสายหลักในเมืองนี้มี 3 สายเท่านั้น
คือสายสีสะหว่างวง เป็นเส้นกลาง (มีตลาดมืด) ถนนแคมโขงเป็นเส้น
ริมนอก (อยู่ติดท่าเรือ) และเส้นริมอีกเส้นซึ่งป้าจำชื่อไม่ได้ (หาแผนที่
อยู่ ไม่รู้หมกไหน) อันจะออกไปวัดวิชุน บ้านผานม ฯลฯ
และถนนสามเส้นนี้ จะมีเส้นถนน เส้นทางเดิน ตัดไขว้ไปมา เป็นริ้วๆ
ให้ไปมาหาสู่กันได้ เท่านั้นเอง...

ที่เดินไปหานี่ ก็เพราะนัดกันแชร์ค่าเรือไปถ้ำติ่ง คุณอาสองคนนี้น่ารัก
อัธยาศัยดี เห็นแล้วอารมณ์อิจฉาบังเกิด อีตายศจังไม่เห็นพาชั้นมาเที่ยว
แบบนี้เลย เด๋วหาสามีใหม่เลยนี่


นอกเรื่อง... ไปเที่ยวกันดีกว่า


เรามาเริ่มกันที่ วัดเอกของหลวงพระบางกันเลย...วัดเชียงทอง
ในหลวงพระบางมีวัดมากถึง 33 วัด ดังนั้น ใครมาเมืองนี้ ไม่เจอวัด
ไม่เข้าชมวัด คงพลาดสิ่งสวยงามประจำเมืองไปไม่น้อยทีเดียว
วัดในหลวงพระบางแทบทุกวัดจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 8.00-17.30 น.
และเก็บค่าเข้าชมเฉพาะวัดสำคัญ ที่ว่าเปิดให้เข้าชมคือเปิดส่วนอื่น
เช่นโรงเมี้ยนโกศเปิดประตูไว้ นอกเวลาจะปิดไม่ให้เข้า ส่วนเวลาที่ปิด
เพราะว่า มีการประกอบกิจสงฆ์ จริงๆเปิดเช้ากว่าเวลา แต่พระท่าน
สวดมนต์บ้าง ฉันเช้า ฉันเพลกันบ้าง จะทะเล้นเดินเข้าไปคงไม่งาม

ปล. อย่าหลีกหลบจ่ายค่าปี้ (ตั๋ว) เด็ดขาด ป้าแช่ง !!!



วัดเชียงทองเป็นวัดที่สำคัญ สวยงามสุดในหลวงพระบาง สร้างในปี
ค.ศ.1559-1560 (พ.ศ.2102-2103) ช่วงก่อนพระเจ้าไชยะเชษฐาธิราช
ย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบาง ลงมาสร้างเมืองเวียงจันทน์

วัดนี้ประตูอยู่ริมน้ำโขง เพราะเป็นเส้นทางเดิม ในการเสด็จประพาส
ทางชลมารค แต่เข้าจากถนนเล็กๆตัดกับสายกลางได้
จริงๆอาจจะมีวัดอื่นที่งดงามไล่เลี่ยกัน แต่เมื่อปี 2430 หลวงพระบาง
เกิดอัคคีภัยครั้งใหญ่มีเพียงไม่กี่วัดที่หลบรอดจากพระเพลิงในครั้งนั้น


วัดเชียงทองจัดเป็นวัดหลวง เปรียบก็พระอารามหลวงชั้นเอก
ของไทยมั้ง เพราะอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของพระเจ้าแผ่นดิน
คือเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์และพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา
บางครั้งเมื่อมีแขกเมืองมา ก็จะประกอบพิธีผูกข้อมือกันที่นี่
ดังนั้นสถาปัตยกรรมจึงดูวิจิตรและมีอะไรๆ กว่าวัดอื่น มาชมกันโลด...




ภายใน เพดานจะเป็นรูปตราและสัตว์เช่นมังกรลงรักปิดทอง อันนี้
เอามาติ๊ดเดียว เพราะมีพัดลมเพดานสีเขียวแปร๋ติดมาในภาพด้วย
เกลียดอะไรที่หัวมงกุฏ ท้ายมังกรมาก




ผนังด้านในเป็นตำนาน พระยาจันทะพานิช สถิตสุวรรณะพูม
ซึ่งเป็นพ่อค้าเดินเรือมา จากเวียงจันท์ แล้วได้รับการเสี่ยงทาย
จึงได้มาเป็นเจ้าผู้ครองนคร ของเก่าเป็นสีแดง ลงรักลายทอง

เสาประดับหัวซ้ายมือ สันนิษฐานว่าเป็นดอกบัว
คล้ายลายกระจังตาอ้อยของไทย






ส่วนของด้านในถัดออกมาเป็นลงรักดำปิดทอง แบบที่เห็นกันทั่วไป
เป็นลายนรกภูมิ และพุทธประวัติ ตอนเวสสันดรชาดก
ดูดีๆ จะเห็นชูชกหนีหมาของพรานเจตบุตร ส่วนอีกภาพคือกัณหา-ชาลี
ไปซ่อนตัวในสระบัว สีทองสะท้อนเวอร์มาก จนน่าสงสัยว่าเป็นสีสมัยใหม่



มาชมข้างนอกกัน...

ที่นี่จัดเป็นสิ่งก่อสร้างและศิลปะตกแต่งแบบลาวแท้ๆ คือ สิม
(อุโบสถ หรือเรียกย่อๆว่า โบสถ์) จะมีโครงสร้างต่ำ และมีหลังคา 3 ชั้น
ซ้อนทับลดหลั่นกันต่างกับไทย ยกเว้นจะได้เห็นกันทางภาคเหนือ
(บ้างว่าหลังคาต่ำเพื่อกันฝน)
หน้าบันประดับดอกตาเว่น (ดอกทานตะวัน) แกะสลัก เป็นสกุลช่าง
วัดวิชุน (ไปพรุ่งนี้ อิอิ)




งามบ๋อ (งามมั้ย) พ่อแม่พี่น้อง



บนกลางสันหลังคามีการทำ “บราลี” (ยอดเล็กๆ มีสัณฐานดุจยอด
พระทราย ใช้เสียบรายๆไปตามอกไก่หรือหลังคา : พจนานุกรม)
อุปมาเป็นรูปเขาพระสุเมรุ และทิวเขาสัตบริภัณฑ์ที่ล้อมรอบ 7 ชั้น
รองรับด้วยปลาอานนท์ อันเป็นรูปการจำลองจักรวาลตามคติทาง
พุทธศาสนา ว่าด้วยเรื่องแผ่นดินไหวเพราะพี่ปลาพลิกตัว อิอิ




จะเห็นหัวปลาอานนท์ชัด ทางซ้ายมือ ตรงกลางมีสัณฐานพูนสูง
ต่างภูเขา และบราลีเล็กๆ ฝั่งละ 7 ข้างไล่มาคือทิวเขาสัตบริภัณฑ์
ซึ่งจะเป็นทิว 7 ชั้น ตั้งวงโอบล้อมรอบเข้าพระสุเมรุ ไล่เป็นชั้นๆดังนี้
ยุคนธร - อิสินธร - กรวิก - สุทัศนะ -เนมินธร - วินตกะ - อัศกัณ
ระหว่างภูเขาแต่ละลูก จะมีทะเลสีทันดรคั่น
(คิดด๊ายยยยยย~ )


ผนังด้านนอกเป็นตำนาน เรื่องท้าวสีสุธน (พระสุธน –มโนราห์)
และท้าวสุตตะโสม แต่ป้าไมได้ถ่ายมา
อย่างนึงที่อุโบสถลาวจะไม่เหมือนเรา เพราะว่าเค้าไม่มีประตูออก
ด้านหลัง ของเราบางที่ยังมีบ้าง แต่ที่ลาวนี่...บ่ มีเลย
ดังนั้นด้านหลังก็จะมีลวดลายสวยๆ แล้วแต่ศิลปะของพื้นที่
บางที่ก็โล้นเลี่ยน เช่นของโรงเมี้ยนโกศใกล้กัน

แต่ด้านหลังสิมวัดเชียงทอง สวยโพดๆ




มาเบิ่งกันโลด...
ผนังด้านหลังอุโบสถเป็นโมเสคกระจกสี ทำเป็นรูปต้นไม้ทอง ตำนาน
ว่านี่คือต้นไม้อันเคยมีอยู่ในหลวงพระบาง ฤาษี 2 ตน ผู้มาค้นพบเมือง
ใช้เป็นจุดบอกเขต
รอบต้นไม้ทองมีสัตว์ต่างๆ ส่วนด้านบนเป็นพุทธประวัติ

โบสถ์ของเราจะเน้นขาว พอมาดูอีกสีให้อีกอารมณ์ที่น่าชมเช่นกัน
สีหมากที่ฉาบไว้ ไม่ขัดแย้งกับของที่จะมาประดับ
ชอบจังเป็นการเลือกโทนที่ไม่ขัดกับสีโมเสค




นอกจากนี้ยังมีหอไหว้ 2 หอ อยู่ติดอุโบสถ ทาสีบัวปัทม์ !!!
และประดับ โมเสคกระจกเช่นกัน บ้างเรียกว่า วิหารแดง (เพราะสีเฉดแดง)
(ปัทม์ =สัตตบงกช หรือบัวหลวงสีชมพู)
บางเจ้าว่าสีกุหลาบ แต่กุหลาบมันสีเยอะอ่ะ ป้าขอใช้คำนี้ละกัน

หอใหญ่เป็นที่ประดิษฐานพระม่านพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนี้
จะมีการอัญเชิญให้ประชาชนสรงน้ำและกราบไหว้เฉพาะในช่วงปีใหม่
(สงกรานต์) เท่านั้น (เหมือนพระพุทธสิหิงค์บ้านเรา)
ถ้าเป็นช่วงเวลาอื่นวิหารจะปิดอยู่ตลอดเวลา เราไปก็...ปิด
เซ็งเป็ดเล็กน้อย...

พระม่านนี่เป็นพระพม่า เนื่องมาจากชาวพม่าที่เข้ามามีอิทธิพลใน
การปกครองที่นี่ระยะหนึ่ง
และที่ป้าไม่เคืองที่ไม่ได้ไหว้นักก็เพราะ... เค้ามักไหว้ขอลูกกันค่ะ
แต่ดูพี่อ้อจะเคือง







หอไหว้ทั้งสอง ซ้ายหอใหญ่ (มีพระม่าน) ขวาข้างในหอเล็ก


มาชมอีกหอบ้าง ในนี้ประดิษฐานพระพุทธรูปไสยาสน์ ว่ากันว่า
อ่อนช้อยงดงามยิ่งนัก



และงามจริงๆด้วย ดูลักษณะจีวรที่จีบริ้วเป็นโค้งตกไปปลายพระบาท
อีกทั้งการวางพระหัตถ์ที่รองรับพระเศียรไว้ราวเพิ่ง “ไสยาสน์” ไปจริงๆ
สวยแบบอ่อนโยนไม่วิจิตรพิศดาร แต่เรียบดี...ป้าชอบ

* * * เกร็ดเล็กน้อย พระพุทธรูปองค์นี้ เคยถูกนำไปแสดงที่กรุงปารีส
ในปี ค.ศ. 1931 จากนั้นจึงกลับคืนวัดเชียงทองในปี 1964
ซึ่งไม่ได้คืนกันดีๆ เพราะเจ้าสุวรรณภูมาต้องวิงวอนให้ทางการฝรั่งเศส
คืนมาหลังเอาไปน๊านนาน 33 ปีแน่ะ

พระองค์เล็กๆมากมายด้านหลัง กล่าวว่าเป็นความเชื่อเรื่อง
"อนันตพระพุทธเจ้า" ว่าด้วยเรื่องพระพุทธเจ้ามีมากมายนั่นเอง
ซึ่งเราจะเห็นอีก ที่กำแพงวัดหลวงในกำแพงนครเวียงจันท์ค่ะ




ภาพบนผิวผนังนอกหอไหว้ เป็นโมเสค ดูๆไปไม่น่าจะเป็นกระจกล้วน
เพราะบางชิ้นขุ่น อาจเป็นกระเบื้องปนก็ได้ แต่สวย และสีสดดี ข่าวว่า
บูรณะใหม่ในปี 2500
เท่าที่เล่นเครื่องกระเบื้องมา สีก็ไม่แปร๋นปานนี้นะของทางเอเซียเรา
ถ้ากระจกพอหุงให้ได้สีสดๆ แต่มันไม่น่าขุ่น ต้องไปพินิจอีกที

ป้าดูๆไป อารมณ์เหลวไหลชักสิง ก็แต่งตำนานมาสดๆ ในหัว




ครั้งหนึ่งนมนาน ชาวนาทำงาน พานพบเต่าทอง...

(น่าจะเป็นเต่าเหลือง หรือเต่าเทียน 1 ใน 3 สายพันธุ์เต่าบก
ในเขตเอเซียเรานี่ ซึ่งมีในไทยด้วย)





เต่านำโชคกอง ข้าวน้ำเนืองนอง พืชมากหลากผล...

พอได้เต่านี้มา ชาวเมืองก็ได้ข้าวมาก พืชผล น้ำท่าบริบูรณ์
ได้ข้าวเปลือกกองเป็นภูเขาเลากา ชาวบ้านฮาเฮ




เชิญท่านเพียเต่า เข้าเมืองของเรา พบปะประชาชน...

จึงมีการอัญเชิญเพียเต่าทองไปกราบไหว้ นั่งช้าง มีสัปคับ
(ที่นั่งผูกบนหลังช้าง) มีสัปทน (ไม่ใช่สัปดน) ซึ่งเป็นร่มมีด้ามยาว
อันเป็นเครื่องยศสำหรับพระยาเชียว มิใช่ขี้ๆ




ชาวบ้านทุกคน รื่นเริงทั่วตน เป็นสุขยิ่งเฮย...

และชาวบ้าน ตลอดจนพระยานาเมืองรื่นเริงกัน มีจับระบำรำฟ้อน
(ผ้าถุงตัวนางเดิ้นมาก)

มั่วแสรดดดด~ ห้ามนำไปใช้เด็ดขาด นี่ป้าแต่งเอง อิอิ
จริงๆเค้ามีตำนาน ว่าเป็นเรื่องของท้าวเสียวสวาด (ชื่อจึ๊กกระดึ๋ยมาก)



จากนั้นก็มาชมของเด่นอีกอย่างคือ “โรงเมี้ยนโกศ” (เมี้ยน = เก็บ)
หรือโรงเก็บราชรถพระโกศของเจ้า(มหาชีวิต)ศรีสว่างวัฒนา
แต่จริงๆแล้วไม่ใช่...
เป็นโรงเก็บราชรถและพระโกศของพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์
องค์พระบิดาของเจ้า(มหาชีวิต)ศรีสว่างวัฒนา งงละสิ...

ที่งงกันก็เพราะเจ้า(มหาชีวิต)ศรีสว่างวัฒนาไม่ได้รับการอภิเษก
ขึ้นเป็นเจ้ามหาชีวิตตามพระราชประเพณี ซ้ำในบั้นปลายถูกบีบบังคับ
ให้สละราชสมบัติและบัลลังก์...
ต่อมาก็ถูกจับไปขังที่เมืองเวียงชัย พร้อมพระมเหสีกับองค์
มงกุฎราชกุมาร และสิ้นพระชนม์ที่นั่น ราวคนธรรมดาสามัญ
จนแทบเลือนหายไปจากประวัติศาสตร์
ไม่มีโอกาสได้ขึ้นพระโกศนี้ บ้างว่าแม้แต่พระศพก็หาไม่เจอ...


ในขณะที่พระบิดากลับได้รับการยกย่องมาก จนมีการสร้างรูปหล่อ
ของพระองค์ในบริเวณพระราชวังเดิม




ประตูด้านนอกโรงเมี้ยนโกศ แกะสลักเรื่องราวของรามเกียรติ์
อีกทางบอกว่าเป็นรูปพญานาคปิดทองคำเปลวรอบ
บ้างว่าเป็นภาพพระบท... เอาไงฟระ...


ซึ่งป้าขอเดาว่าผนังข้างประตูเป็นรามเกียรติ์ตอนนางสีดาลุยไฟ
(ของฝั่งขวา)
ข้างฝั่งซ้ายเป็นตอนตัดจมูกนางสัมนักขา น้องสาวทศกัณฑ์
ที่กระแดะมายั่วยวนพระลักษณ์พระราม
ประตูขวาน่าจะเป็นมารีศที่แปลงเป็นกวางทองมาหลอก จนกษัตริย์
หนุ่มหลงตามไป (ก็นางสีดาแหละ ทะเล้นอยากได้กวางทำแป๊ะ
อะไรไม่ทราบ)
ประตูซ้ายตอนนี้จำไม่ได้แล้ว แต่มีตัวนาง เดาว่าเป็นตอนถอดแหวน
นางสีดาขว้างนกหัสดายุ (อันนี้มั่ว อิอิ)
ถ้าเป็นบาง "ยุ" แถวพันติ๊ปนี่ สมควรขว้างด้วยเกือก หุหุ



ดูเอาเอง ว่าใช่ป่ะ
ช่องบนมีสามช่องเรียงลงมา ล่างสุด (ในภาพจะเป็นบนสุด)
เป็นตอนยกรบแน่ๆ มีพระราม + ทศกัณฑ์ พลลิง พลยักษ์ ชัดเจน
ไอ้ตัวหลังทศกัณฑ์นี่ น่าจะอินทรชิต
ฝั่งนี้ก็มีพระราม พระลักษณ์ หนุมาน




ช่องตรงกลาง (ในภาพคือล่าง) น่าเป็นตอนบีบกล่องดวงใจทศกัณฑ์...
เพราะมีทศกัณฑ์ชักกระแด่กๆ บนตักพิเภกน้องชาย มีนางมณโฑ
(ไม่ยักกะนมโตข้างเดียว) มเหสีสะอื้นอยู่ข้างๆรายล้อมด้วยพลยักษ์

ด้านบนเป็นพระราม & นางสีดา พบกัน

เรียงเป็น 3 ขั้นตอน 1 รบ 2 ทศพักตร์ม่อง 3 พระราม & นางสีดา
จึงได้พบกัน ไปต่อตอนล่าง คือสีดาลุยไฟซะ...

ทั้งหมดนี่โดยช่างแกะสลักเจ้าจำนำคือ "เพียตัน" ช่างฝีมือเอก
ประจำองค์เจ้าศรีสว่างวัฒนา ซึ่งเราจะเห็นฝีมือกันอีกเยอะ
* * * เพียเป็นยศประมาณพระยา ส่วนตันเป็นชื่อ
เพียเต่าเมื่อครู่ คือพระยาเต่า อิอิ



ประตูเดิมเป็นการลงรักปิดทองแต่ปัจจุบันบูรณะใหม่ด้วยการ...
ทาสีทอง
(เล่นง่ายซิเอ๋ง รู้มั่งมั้ย ว่าทำลายศิลปกรรมอย่างแรง ทีงี้ละอีพวก
คณะกรรมการมรดกโลก เอาหัวไปมุดน้ำที่ไหนไม่ทราบ ทีกับ
อยุธยาแปลงอะไรนิด ก็ขู่จะถอดๆ ทีเขาพระวิหารละจะเอาๆ
แสรดดดดดดด~)

และประตูนี้ ว่าพิเศษนักคือเมื่อสร้างราชรถ วางพระโกศเสร็จ
ก็แล่นออกมาได้เลย เพราะประตูนี้สามารถถอดออกเพื่อเอา
รถออกได้ กิ๊บเก๋มาก




ควรขยายประตูได้เพราะดูยานมาศขนพระโกศเสียก่อน...
หัวนาค...กี่เศียรไม่รู้ น่าจะ 7 เพราะถ่ายเก็บมาไม่หมด
ในโรงรถนี้ค่อนข้างแคบ และ 3 ปีแล้ว ป้าลืม แงงงงงง~

เข้าในโรงนี้ ดูทั่วแล้วขอด่ายูเนสโกมรดกโลกอีกรอบ ไม่ระวังรักษา
ห่านเหวอะไรเลย ฝุ่นเขรอะ ของกองเอียง มีน้ำหยด ไม้แตก อันอื่นป้า
ไม่ว่า และเข้าใจว่าดูไม่ทั่วถึง แต่นี่คือไฮไลท์ของหลวงพระบาง
เซ็งความชุ่ย เอาแต่ได้ของยูเนสโกมาก นี่หรือคือกลุ่มคนที่เราจะต้อง
รับมาดูแลเขาพระวิหารและจัดการพื้นที่รอบๆ 2500 ไร่
กะอีแค่โรงเมี้ยนโกศ ไม่เกิน 100 ตรม. แค่เนี้ย...
เมิงยังไม่มีปัญญาเลย เปรต !!! (ได้ที ขอด่าแม่มหน่อย)




พระโกศ ลองพระสุพรรณราช (ลองทองนอก)
เป็นของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ มีพระโกศของพระราชินีลาวด้วย
แต่ไม่ได้เอามาแปะไว้ ชมพอเป็นน้ำจิ้มๆค่ะพี่น้อง ปลายปีนี้ เราจะ
มีงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
ซึ่งทั้งราชยาน พระโกศ ศาลา ฯลฯ สารพัดของเรานั้น กระบวนศิลปะ
วิจิตรพิสดารงดงามล้ำลึกกว่าที่ได้เห็นจากภาพเหล่านี้มากนัก

โฮ่ย ภูมิใจในความเป็นไทยอีกแล้วชั้น


จบ...วัดเชียงทอง
จริงๆมีหอกลอง ท่อน้ำรูปช้าง และอื่นๆอีกเล็กน้อย แต่เท่าที่เล่ามา
นั่นจัดเป็น สุดยอดของวัดเชียงทองแล้ว

* * * คำแนะนำ ควรไปหลัง 4 โมงหรือก่อน 9 โมง เพราะไม่งั้นแสง
จะด้านสนิท ถ่ายรูปมาทื่อมะลื่อมาก
รูปในนี้เป็นการไป 2 หน หนแรก 11 โมง แสงทิ้งแป๊กมาตรงๆ ถ่ายมา
ขาววาบแบนแต๋ อีกทีไปตอนหกโมง กำลังสวย โดยเฉพาะแสงตกที่
ประตูโรงเมี้ยนโกศพอดี งามสุกปลั่งเลิศมาก
ถ้าทองลงรัก จะงามหลายกว่านี้ (หาเรื่องแนะแหนอีกรอบ ฮี่ ฮี่)


ยาวมั่กๆ พรุ่งนี้ว่าด้วย 5/2 ภาคบ่าย
ถ้ำติ่ง - บ้านทำเหล้าต่อเด้อค่า วันนี้วัดเต็มๆ




 

Create Date : 05 ตุลาคม 2551
10 comments
Last Update : 5 ตุลาคม 2551 3:45:42 น.
Counter : 5353 Pageviews.

 

ปีหน้า หนูจะไป เที่ยวลาวคะ แวะมาเก็บข้อมูลก่อน

 

โดย: นานา นอร์เวย์ (Praparat2001 ) 5 ตุลาคม 2551 5:40:01 น.  

 

จำได้ว่าเคยบอกป้าว่าป้ายังไม่อัพที่ไปลาวเลย คราวนี้สมใจป้าอัพแล้ว เย้ !

 

โดย: กุ้งก้ามกราม IP: 58.9.50.252 5 ตุลาคม 2551 17:51:36 น.  

 

วัดสวยดีคะ
อยากไปบ้างจัง

 

โดย: magic_rapier 5 ตุลาคม 2551 17:55:59 น.  

 

ตามมาเที่ยวด้วยคนค่าป้าหนอน
นะเห็นด้วยว่าโรงเมี้ยนโกศ เล็กมากกกก
ขยับไปทางไหนแทบไม่ได้เลยทางเดินเล็กกะจิ๊ดเดียวเอง

ปล.สาวผู้ร่ำรวยหน้าตาท่าทางร่ำซำดีแท้น้อ

 

โดย: ณ มน 5 ตุลาคม 2551 19:58:43 น.  

 

* * * นานา นอร์เวย์ (Praparat2001)
ตามไปได้เลยค่ะ แม้ข้อมูลจะเก่า แต่ก็โอนะ
และมีเกือบหมดด้วย ป้าไปเลาะทั้งประเทศอ่า


* * * กุ้งก้ามกราม
ป้าขยัน เย๊ !!!


* * * magic_rapier
มีอีกหลายที่ สวยงาม ตามไปเลยค่ะ


* * * ณ มน
เล็กก็พอเข้าใจนะ ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างเก่า แต่การดูแล...
โอ่ว ม่าย นี่ของระดับบ้านเมือง และไม่มีอีกแล้วนะเนี่ย

ส่วน "สาวงาม" คนนี้ รวยตลอดจ้า เพราะเธอถือ
กองกลางง่ะ

 

โดย: ป้าหนอน 6 ตุลาคม 2551 7:57:13 น.  

 

ป้าขยันมากขึ้นแล้ว เย้!!

 

โดย: soda IP: 58.9.126.90 6 ตุลาคม 2551 15:53:47 น.  

 

ขอให้คงอยู่ คู่ป้าไปตลอดกาลลลลล~

 

โดย: ป้าหนอน 7 ตุลาคม 2551 2:52:21 น.  

 

ป้า เล่าได้ละเอียดมากเลย
ขนาดเพิ่งไปเมื่อเมษา ยังจำรายละเอียดอะไรไม่ได้ขนาดนี้่ลย

แต่ตอนนุ๋ไป ไกด์ลาวก็เล่าเรื่องตามผนังเยอะเหมือนกัน หนุกดี แต่ลืมไปหมดแล้วอะดิ

 

โดย: nudee IP: 117.47.19.227 29 ตุลาคม 2551 19:56:18 น.  

 

จำแม่น เพราะคู่มือเที่ยวที่นี่ ป้าเรียบเรียงเอง
ก็เลยมีเอกสารเก่าประกอบ + ภาพ ถ่ายมาตรึม !!!
ราวๆ 4000 ภาพได้

วันที่ป้าไปยืนในวัดเชียงทอง ไกด์ 3 คน
เล่าคนละตำนานเลย ฮามาก

 

โดย: ป้าหนอน 13 พฤศจิกายน 2551 17:09:48 น.  

 

รับสมัครตัวแทนจำหน่ายสินค้ากิฟฟารีน ที่ สปป. ลาว สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ https://www.facebook.com/GiffarinerLaos

 

โดย: กิฟฟารีนลาว IP: 203.153.166.88 27 พฤศจิกายน 2555 12:23:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ป้าหนอน
Location :
อยู่ใต้เบื้องพระยุคลบาทในหลวง Svalbard and Jan Mayen

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




๐ คนข้างโลก อยู่เงียบๆ อย่างเรียบร้อย
พูดไม่น้อย จึงเขียนมาก แก้ปากหมา
สนใจสิ่ง รอบตัว ทั่วโลกา
จักสรรหา มาสัมผัส วัดด้วยตน
ขอเก็บความ-คิดไว้ ในบันทึก
สนุกนึก ย้อนมาอ่าน กันอีกหน
ได้รำลึก ความคิด ในจิตตน
คงได้ยล ยิ้มบ้าง ในบางวัน...
Friends' blogs
[Add ป้าหนอน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.