"หนุกหนานตลอดวันแอบสร้างสรรค์สาระ(แน)"
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
2 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
๐... ชอนไช...ไปในลาว...๐ [ 18 ]


ขี่รถถีบ ท่องทั่วแดน แคว้นหลวงลาว วัดงามพราว ราวแดนสวรรค์...


เชิญมาม่วนซื่น ซอกแซกเมืองหลวงลาวกับป้า & สาวงาม เด้อค่ะ


ตื่นตามสบายมากๆวันนี้ ป้า & เอื้อยอ้อ ซักผ้ากันสะใจมาก ราวกับมา
เพื่อซักผ้ากันแบบเน้นๆ ชื่นชมผลงานการตาก (ราวกับอยู่มาเป็นเดือนๆ)
จากนั้นก็ไปเช่าจักรยานหน้าตลาดเช้า ขี่ไปกินไข่กระทะ ที่ถนนหายโศก


สาวงาม ผู้ที่ป้าจำใจให้มาอยู่ในเฟรม เธอกำลังแฮปปี้กับอาหารเช้าค่ะ


ไข่กระทะที่นี่จะไม่เหมือนอุดร คือเค้าจะไม่ใส่หมูยอ ฝังลงไปในไข่ตอนทอด
แต่ทอดมาต่างหาก พาดมาเป็นริ้วๆเต็มชามนั่น ใช้ติ๊ต่างแทนแฮม หรือเบคอน
พอเหยาะแม็กกี้ พริกไท ก็เข้ากั๊น เข้ากัน




ปิ้งเตาถ่านอ่ะ ข้าวจี่จะกรอบ หอมไฟด้วยนะเออ

จะเห็นหมูสับ ผัก ซึ่งถ้าเราสั่งเป็นบาแกตต์ ก็ได้ได้ไส้หมูสับ ใส่หอมใหญ่
มะเขือเทศ แตงกวา กันแบบล้นออกมาทีเดียว

ตบด้วยกาแฟเย็น ของพี่อ้อกาแฟร้อน ป้า & สาวงามก็ขี่จักรยานชมเมืองค่ะ
ซึ่งการท่องเที่ยวด้วยรถถีบนี่ พอมานึกๆดู ป้าก็โหดกับพี่อ้อไม่น้อย
เพราะพี่อ้อ เธอออกจะบอบบาง ส่วนป้าน่ะบ้าพลัง ชอบขี่ๆๆๆ แถมถนน
ก็ดีเหลือใจ สมเป็น "เวียงจันทน์" จริงๆขรุขระเหมือนผิวพระจันทร์
แต่สาวงามก็ขี่ตามไป โดยไม่อุธรณ์ค่ะ ขอแค่ได้ซักผ้า อ้อ อยู่ได้
(ป้านึกเอาอย่างนั้น กร๊ากกกกกกกก~)


วัดแรกที่เราไป คือวัดองตื้อค่ะ

วัดองตื้อ
สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 16 แห่งคริสตศักราช (ค.ศ. 1566) ภายหลังที่
เจ้าไชยะเชษฐาธิราชสร้างเมืองเวียงจันทน์ 6 ปี
และสันนิษฐานว่า สร้างครอบวัดเก่าในสมัยขอม เพราะอยู่บริเวณ
วัดอินแปงได้พบเห็นวัฒนธรรมขอมหลายแห่ง ซึ่งแต่ก่อนวัดองตื้อ,
วัดอินแปง, และวัดหายโศก ตั้งอยู่บริเวณเดียวกัน
ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าว่าแต่ก่อนเรียกว่า "วัดไชยะภูมิ" เมื่อมีพระพุทธรูปองตื้อ
มาประดิษฐานที่นี่แล้ว คนทั้งหลายจึงเรียกว่า "วัดองตื้อ" มาจนถึงปัจจุบัน

วัดองตื้อในสมัยสงคราม (ค.ศ. 1828-1829) ได้ถูกทำลายเสียหาย
เช่นเดียวกับวัดอื่นๆ ในนครเวียงจันทน์ เหลือไว้เพียงแต่ซากเสา
เริ่มแต่ปี 1911-1912 ได้ซ่อมแซมขึ้นใหม่ แต่ก็ยังสามารถรักษา
รูปเดิมของฝาผนังไว้ได้
ส่วนหลังคานั้นทำขึ้นมาใหม่ พุทธสีมาวัดองตื้อเป็นพุทธสีมาตัวแม่
ต่ำเตี้ย สกุลช่างสถาปัตยกรรมศิลป์สมัยพระเจ้าไชยะเชษฐาธิราช
ศตวรรษที่ 16
ส่วนบานประตู 3 บาน ด้านหน้าพุทธสีมานั้น เป็นสมัยเจ้าศรีสว่างวัฒนา
นำมาถวายเมื่อปี ค.ศ. 1966 ประติมากรรมศิลป์พระพุทธรูปใหญ่องตื้อ
ทำด้วยทองเหลืองที่สวยงาม ประดิษฐ์สร้างขั้นโดยคนลาว ซึ่งมี
ความประณีตไม่น้อยกว่าสกุลช่างศิลปะใด และไม่ซ้ำแบบใคร

ตามพงศาวดารลาวกล่าวไว้ว่าพระเจ้าไชยะเชษฐาธิราชได้นำพา
ประชาชนหล่อพระพุทธรูปทองที่สำคัญขึ้นในปี 1566 มีจำนวน 4 องค์
คือ พระเจ้าองตื้อ, พระสุก, พระใส, และพระเสริม ตามการเล่า
สืบทอดกันมากว่าวว่าพระสุกจมอยู่ในน้ำเวินสุก
(ในเวลาที่แม่ทัพสยามพยายามเอาข้ามน้ำโขงไปบางกอก)
พระใส ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวัดโพธิ์ชัยหนองคาย
พระเสริม ปัจจุบันประดิษฐานอยู่วัดปทุมวนาราม บางกอก ประเทศไทย




ภาพในโบสถ์ ไม่ได้เข้าไปถ่ายภาพ เนื่องจากมีชาวบ้านมาทำบุญพอดี
ขอถ่ายชาวบ้านแล้วกัน ชอบการแต่งตัวของเค้า สาวลาวสวยอ่อนช้อย
นุ่งซิ่นม่วงจาง เสื้อถักโทนชมพูกลีบบัว ห่มสไบสีม่วงอ่อนหวานรับกับซิ่น
แต่งตัวสวย ถือเครื่องใช้สวยๆมาทำบุญ





แม่ใหญ่ (แม่เฒ่า) ชาวลาว สวยในซิ่นสีขรึม จกตีนซิ่น เป็นลายงดงาม
สวมเสื้อสีอ่อน มีสไบจากผ้าถักห่ม ครีม น้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม สมวัย
และงามสบายตามากๆ


จากนั้นมุ่งต่อไปยังวัดอินแปง...

วัดอินแปง
วัดอินแปง เป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่งอยู่ในนครเวียงจันทน์ภายในวัด
ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างหลายอันที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์
ศิลปวัฒนธรรม เช่น พุทธสีมา, หอไหว้, หอไตร, พระธาตุเจดีย์,
พระพุทธรูป, เสาหิน,ใบเสมาหินรูปสิงห์
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ล้วนแต่แสดงถึงประวัติศาสตร์ช่วงใดช่วงหนึ่ง
ของนครเวียงจันทน์ วัดอินแปงทางประวัติศาสตร์นั้นยากที่จะหา
หลักฐานแน่นอนว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ใครเป็นผู้สร้าง

เรื่องนี้ต้องอาศัยหลักฐานทางโบราณคดีที่พบเห็นอยู่ในวัดคือ
ใบเสมาหิน พระพุทธรูป, เสาหิน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมสมัยมอญ
และขอม ถึงแม้ว่าวัตถุดังกล่าวนี้จะมีการเคลื่อนย้ายก็ตาม
แต่วัฒนธรรมนี้ก็ยังเกี่ยวพันกับชื่อของวัดอินแปง
คำว่า "อิน" อาจนำมาจากคำว่าพระอินทร์ ซึ่งหมายถึงเทพเจ้า
พระองค์หนึ่งของลัทธิพราหมณ์ ดังนั้นวัดอินแปงนี้อาจสร้างขึ้น
เพื่อเป็นศาสนาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพราหมณ์ หรือสถานที่
ทางศาสนาสมัยมอญ-ขอม ก็อาจเป็นได้ พุทธสีมาวัดอินแปง
เป็นสถาปัตยกรรมศิลป์ที่สวยงาม สกุลช่างศิลปะสมัย
พระเจ้าไชยะเชษฐาธิราช ศตวรรษที่ 16
ซึ่งมีโครงร่างคล้ายๆ กับพุทธสีมาองตื้อ, วัดจัน, วัดศรีเมือง
มีฐานชั้นเดียว เสากลม ด้านหน้ากว้างขวาง ใช้เป็นสถานที่ชุมนุม
ทำบุญสุนทานของชาวพุทธได้สะดวก




อันนี้น่าจะเป็นหอพระ หรือหอไหว้ ในวัดอินแปง ถ้าจำไม่ผิด
ในบริเวณนั้นมีเสมาหินอยู่ (ไปมา 5 ปี เขียนบันทึกก็แบบเนี้ย )


จากนั้นป้า & สาวงาม ก็ปั่นๆๆๆ วนเวียนไปมาอย่างเมามันในการหลง
คือเราหาป้ายถนนไม่ค่อยเจอ ก็ขี่ๆๆ ไปตามแผนที่ที่มีมา
อีกทั้งวัดส่วนใหญ่ จะซ่อนตัวอยู่ตามถนนเล็กๆ ซอกๆ หากมิได้
ขี่วนไปมา เช่นป้า & เอื้อยอ้อแล้ว เราอาจจะพลาดอะไรดีๆก็ได้

เช่นนี้...



วิทยาลัยสงฆ์ (เชียวนะจ๊ะ)
ขี่มั่วๆ ซั่วๆเข้าไป ให้ไปอีกก็พอจำได้ ว่าอยู่ถนนหายโศก

วัดในลาวนี่ป้าเบื่ออย่างคือซ่อมจนใหม่มาก (ยกเว้นวัดอินแปง วัดองค์ตื้อ
และวัดหายโศก) แทบจะมองหาพุทธศิลปะกันไม่ได้เจอที่เดียว ปูนปั้น
อย่างที่เรียกว่า "ปูนปั้นน้ำอ้อย" งามย้อยหยดก็ไม่เหลือให้เห็น
แถมสีที่เค้านิยม คือสีเหลืองไข่ไก่ - ค่อนไปทางเหลืองจ๋อย รู้สึก
เป็นอาคารบ้านเรือนซะละมากกว่าอ่ะ

แต่ป้ากะเอื้อยอ้อ ก็ขี่ ขี่ ขี่ ไปอย่างบ้าพลังมาก เราแวะทุกวัดที่อยากแวะ
แม้จะไม่มีสถาปัตยกรรมใดๆ ดึงดูดเรานัก แต่ละวัดก็มีข้อดีนะเออ
เพียงแต่เราต้องใช้ชีวิตแบบคนลาวแท้ คือเรียบง่าย สบายๆ แล้วจะ
มองเห็นความงดงามที่แอบแฝงอยู่อย่างเหนียมอายของเมืองนี้...


เช่นนี้...




จะมองกันว่า ป้าถ่ายอะไรมาเนี่ย เป็นแค่รูปปั้นปูน นาคธรรมดาๆ
อยู่นอกโบสถ์ตัวหนึ่ง มีรั้วล้อมก็เท่านั้น...
แต่สาวงามของเรา ได้ค้นพบความงามนี้ ก็คือนาคนี้นั้น "เกล็ด"
ทำด้วยเปลือก "หอยแครง" ค่ะ

ซึ่งสำหรับเมืองไกลทะเล การหาหอยแครง ให้ได้ขนาดที่ต้องการ
และเท่าๆกัน พอทำให้เป็นเกล็ดพญานาค อันสวยงามขนาดนี้ได้
ต้องหาเปลือกหอยมาเท่าไหร่กันนี่ ???




ซึ่งผู้สร้าง สร้างในปี 1993 พวกป้าไปกันปี 2007 ก็นับว่า
อยู่ทนไม่เบาทีเดียว เมืองไทยจะมีบ้างไหมหนอ...




จากนั้นป้า & เอื้อยอ้อ ซึ่งได้สะระตะกันว่า ท้องไส้ของเรา
จะคุ้นเคยกันดีกับพี่แบ็ค และพี่อะ (แบ็คทีเรีย + อะมีบ้า)
ทั้งหลายในเมืองนี้กันพอคุ้นเคยแล้ว
ก็ตกลงใจ ไปโซ๊ยส้มตำ และจิ้มจุ่ม ที่ริมแม่น้ำโขง แถวหน้าร้าน
บ่ เป็น หยัง ซึ่งเราจะเรียกว่า "แคมโขง" บริเวณนี้ กลางวัน
และกลางคืน จะมีร้านส้มตำ น้ำตก จิ้มจุ่ม เป็นสิบๆร้าน




สาวงาม ซู๊ดเส้นมะละกออย่างอารมณ์ดี โปรดดูใบหน้าเธอ
หากว่าได้กินอาหารพื้นเมืองนี่... พี่อ้อของเราจะตาโต๊โต
หน้าตาแช่มชื่นเป็นพิเศษ

เราอิ่มส้มตำส่วนตัว คือป้าสั่งจานนึง ตำไทยไม่ใส่พริกเลย
ส่วนพี่อ้อ จะปูปลาร้า แซ่บๆ ไม่สามารถกินร่วมกันได้
อดเป็นส้มตำร่วมสาบานริมน้ำโขง
พอรวมทั้งปลาเผา ลาบไก่ ซุปหน่อ ไก่ย่าง ฯลฯ ข้าวเหนียว
ป้า & สาวงามก็กลับไปนอน จ๊าก ไม่ใช่ กลับไป ขี่ ขี่ ขี่ และขี่ ต่อไป อิอิ


ขี่ ขี่ ขี่...
วัดแม้ศิลปะไม่สวยสมใจคิด ก็มีอะไรดีๆเพียบ

มีสุภาษิต...



อันนี้อ่านให้ค่ะ พี่อ้อ & ป้านั้น อ่านหนังสือลาวกัน ด้วยหนังสือ
แบบเรียน ป. 4 ล่วงหน้าก่อนไปประมาณเดือนกว่า



บ่ มีความรู้ อย่าเว่าการเมือง
บ่ นุ่งผ้าเหลือง อย่าเว่า(พูด)การวัด

สู้รบแบบพุทธะ คือการเอาชนะตนเรา (อันนี้ไม่แม่นแล้ว)

ทำอารมณ์ให้ผ่องใส เป็นอุบายแก้ทุกทาง





อันนี้ให้อ่านเอาเอง ฮี่ ฮี่


บ่ ได้แกล้งเด้อพี่น้อง เอาอันนี้มาประกอบกันด้วย ภาษาลาว
อ่านไม่ยากค่ะ เช่นตัว ถ. ถุงที่เราเห็น มันอ่านออกเสียง เป็นตัว
ค. ควาย ของเราค่ะ
ส่วนตัว ม. ม้า ขมวดล่างแบน ของเค้า ในภาษาเราคือ น. หนู
ที่ตรงกัน ก็มี...
จ. จอก (จ. จาน)
ส. เสือ
ย. ยุง (ย. ยักษ์) ย. หางยาวตวัดสูง คือ ย. ยา จะควบเสียงสระอาไปด้วย
ด. เด็ก
ต. ตา (ต. เต่า)
ท. ทง (ท. ทหาร)
บ. แบ้ = แพะ (บ. ใบไม้)
ป. ปลา
ฝ. ฝน (ฝ. ฝา)
พ. พู (พ. พาน)
ฟ. ไฟ (ฟ. ฟัน)
ม. แมว (ม. ม้า)
ล. ลิง
ว. วี = พัด (ว. แหวน)
ห. ห่าน (ห. หีบ)
และ ร. เรือน (ร. เรือ)

ไม่เห็นภาพกันใช่มั้ย... เอานี่ไปค่ะ



พอเข้าใจกันลางๆใช่มั้ย บอกแล้วว่าภาษาลาวไม่ยากนะ




อันนี้จะช่วยเราผันเสียง และอ่านกันง่ายขึ้น


ปิดท้ายด้วยนี่...
ทั้งหมดนี้ เอามาจากไหนไม่รู้ จำไม่ได้แล้วอ่ะ
ขอขอบพระคุณ ผู้จัดทำไว้ด้วยค่ะ




ขี่ ขี่ ขี่...




ขี่ไป อ่านไป ดูไป สนุกสนาน
(หลายคนคงรู้นะ ว่าเราจะพูดถึงใครกัน ตอนเห็นภาพนี้)


หลังเก็บวัดต่างๆ จนอิ่มเอมใจ ก็กลับไปห้อง อาบน้ำอาบท่า ซักผ้า
แอร๊ยยยยย~ ไม่ใช่
อาบน้ำ อาบท่า ออกไปกินข้าวเย็นกัน ซึ่งเราตั้งใจว่า จะไปกินข้าว
แถวๆแคมโขงนั่นแล กะว่าจะโซ๊ยจิ้มจุ่ม พี่อ้อนั้น อยากของสดคาว
ส่วนป้า อะไรที่สุกๆ ป้าสามารถ

ไปชมพระอาทิตย์ตก ริมโขงกันก่อน...



ป้า & สาวงาม ดื่มด่ำ กับพระอาทิตย์ตกกันอยู่นาน




คนหาปลาชาวลาว ก็ดื่มด่ำ กับทรัพย์ในดิน สินในน้ำ
ที่แผ่นดินเกิดมอบให้...

เราสองจากพระอาทิตย์ตก ไปดื่มด่ำ กับจิ้มจุ่มริมโขง
กะว่าจะกินลาบปลา จะได้ซึ้งถึงสินในน้ำ แผ่นดินนี้บ้าง...


จบวันที่ 18...




Create Date : 02 มีนาคม 2554
Last Update : 3 มีนาคม 2554 2:15:41 น. 4 comments
Counter : 4877 Pageviews.

 
ท.ทหาร แล้วก็ น.หนู
ที่พิมพ์มา เป็น ม.ม้า ซึ่งซ้ำกันจ้า


โดย: kaijeab IP: 202.57.181.51 วันที่: 3 มีนาคม 2554 เวลา:8:33:46 น.  

 
มีตอนต่อไปอีกหรือป่าวป้า รออ่านอยู่นะ 5555


โดย: soda IP: 127.0.0.1, 182.52.102.40 วันที่: 3 มีนาคม 2554 เวลา:9:05:54 น.  

 
* * * kaijeab
เออ เนอะ ไม่อยากแก้ของคนอื่นเค้าอ่ะ
เด๋วหาก่อน ว่ามีอีกมั้ย



* * * soda
ว่างเลี้ยงลูกแล้วหรือนี่
พอดีเพื่อนจะไป วจ. เลยต้องทำข้อมูลให้อ่านๆกันน่ะ
กะว่าอาจจะทำจนจบ วจ. ก่อน


โดย: ป้าหนอน วันที่: 4 มีนาคม 2554 เวลา:5:29:45 น.  

 
อ้าวป้า นู๋ยังทำงานอยู่นะ


โดย: soda IP: 127.0.0.1, 110.164.218.142 วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:14:34:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ป้าหนอน
Location :
อยู่ใต้เบื้องพระยุคลบาทในหลวง Svalbard and Jan Mayen

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




๐ คนข้างโลก อยู่เงียบๆ อย่างเรียบร้อย
พูดไม่น้อย จึงเขียนมาก แก้ปากหมา
สนใจสิ่ง รอบตัว ทั่วโลกา
จักสรรหา มาสัมผัส วัดด้วยตน
ขอเก็บความ-คิดไว้ ในบันทึก
สนุกนึก ย้อนมาอ่าน กันอีกหน
ได้รำลึก ความคิด ในจิตตน
คงได้ยล ยิ้มบ้าง ในบางวัน...
Friends' blogs
[Add ป้าหนอน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.