ส่องสัตว์กุยบุรีซาฟารีเมืองไทย
ความงามของผืนป่าตามธรรมชาติที่ไม่ถูกรุกรานโดยมนุษย์ เป็นความงามบริสุทธิ์แต่เริ่มหาได้น้อยแล้วในเมืองไทย นักเดินทางขาลุยที่กำลังมองหาผืนป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์เพื่อผจญภัยในหน้าหนาว วันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ ขอพาทุกคนไปรู้จัก อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อสัมผัสความงามของธรรมชาติที่ได้รับขนานนามว่าซาฟารีแห่งเมืองไทย
อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อยู่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นับเป็นป่าต้นน้ำลำธาร ประกอบด้วยทรัพยากรธรรมชาติสำคัญและมีค่ามากมาย เช่น พันธุ์ไม้ป่าหลากชนิด สัตว์ป่าน้อยใหญ่ ตลอดจนทิวทัศน์แสนสวยงาม ได้รับการดูแลและปกปักษ์รักษาเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่อุทยาน ให้ธรรมชาติอยู่ในสภาพสมบูรณ์โดยตลอด เพื่อประโยชน์แก่การศึกษา และความสุขของนักท่องเที่ยวที่อยากเข้ามาสัมผัส มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 6 แสนไร่
ในอดีตผืนป่ากุยบุรีเคยเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า ทำให้ช้างป่าโดนทำร้ายและล้มตายด้วยฝีมือของชาวสวนชาวไร่และนักล่าสัตว์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสว่า ช้างป่าควรอยู่ในป่า เพียงแต่ต้องทำให้ป่านั้นมีอาหารช้างเพียงพอโดย ให้ไปสร้างอาหารในป่าเป็นแปลงเล็กๆและกระจาย และถ้าช้างออกมาชายป่าต้องให้ความปลอดภัยกับช้าง
ตั้งแต่นั้นมาทุกภาคส่วนได้น้อมนำกระแสพระราชดำรัสสร้างแหล่งอาหารและน้ำให้ช้างและสัตว์ป่า พร้อมริเริ่มกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ให้นักท่องเที่ยวทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างแหล่งอาหารให้ช้างป่า รวมถึงสัตว์ชนิดอื่นที่อาศัยอยู่ในผืนป่าแห่งนี้ ถือเป็นการสร้างอาหารควบคู่ไปกับอาหารตามธรรมชาติที่มีไม่เพียงพอต่อจำนวนสัตว์ โดยการสร้างโป่งเทียม และปลูกแปลงหญ้า ซึ่งตอนนี้มีแล้วกว่า 900 ไร่ และจะเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้าอีก 600 ไร่
สัตว์ป่าที่อยู่ในผืนป่าแห่งนี้มีหลากหลายชนิดแล้วแต่ว่าใครจะมีโอกาสได้เห็นชนิดไหน จากการสำรวจและลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ พบว่าที่นี่มีช้างป่าประมาณ 230 ตัว กระทิง 100 ตัว เสือโคร่ง 10 ตัว เลียงผา เก้งหม้อ หมี ค่าง กระจง ฯลฯ และไฮไลท์สำคัญคือ วัวแดง ซึ่งมีเพียง 1 ตัวเท่านั้น ถ้าใครมาแล้วโชคดี อาจมีโอกาสได้ยลโฉมเจ้าวัวแดงหนึ่งเดียวในผืนป่าแห่งนี้
นักท่องเที่ยวที่คิดจะเดินทางมาเพื่อดูช้างป่า และกระทิง ทางเจ้าหน้าที่จะมีรถเพื่อนำเข้าไปยังจุดชมสัตว์ป่า แต่ก่อนหน้านั้นต้องปลูกหญ้า หรือทำโปร่งเทียมซะก่อน ถ้ามาเป็นหมู่คณะกิจกรรมนี้น่าจะช่วยเสริมสร้างความสามัคคีได้เป็นอย่างดี พอเริ่มตกเย็นประมาณ 16.00 18.00 น. ก็จะถึงช่วงเวลาแห่งการชมสัตว์ ที่ต้องเลือกเวลานี้เจ้าหน้าที่บอกว่าเพราะเป็นช่วงที่ทั้งช้างป่า และกระทิงจะออกมาหาอาหาร แต่ก็แล้วแต่โอกาสของแต่ละคนว่าจะได้เจอสัตว์ป่าชนิดไหนบ้าง
ผืนป่าอันแสนสมบูรณ์อุดมสมบูรณ์ของกุยบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่น่าเข้าไปสัมผัสเป็นอย่างมาก อีกทั้งในช่วงหน้าหนาวอย่างนี้ ไม่ต้องนั่งรถไปไกลถึงภาคเหนือให้เมื่อย แค่ขับรถจากกรุงเทพประมาณ 3 ชั่วโมง ความเย็นสบายภายในพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จะทำให้ทุกคนลืมความหนาวยอดดอยไปเลย.
สนใจกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติและส่องสัตว์ รวมถึงท่องเที่ยวภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี โทร 0 3264 6292
//www.dailynews.co.th
Create Date : 26 พฤศจิกายน 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2553 4:21:25 น. |
Counter : 2966 Pageviews. |
|
|
|