It's All I Have to Bring Today !
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
3 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 

ความงามยังโอเคที่“เบตง”

จากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่กล้าเดินทางไปเยือนเมืองเหล่านั้น สถานที่ท่องเที่ยวในแต่แห่งจึงคงความงามไว้อย่างบริสุทธิ์ โดยเฉพาะ อำเภอเบตง เมืองท่องเที่ยวใต้สุดเขตแดนประเทศไทย ที่ซ่อนตัวเองอยู่ท่ามกลางหุบเขาและสายหมอกอย่างเงียบสงบ

การเดินทางเยือนเบตงครั้งนี้ต้องขอบคุณ สหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย(สสทท.) ที่นำคณะสมาคมท่องเที่ยวต่างๆมาเยี่ยมชมความงามของเมืองใต้สุดแดนสยาม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวรู้ว่า แหล่งท่องเที่ยวใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ยังสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เห็นจากภาพข่าว รวมถึงความมีน้ำใจของคนในท้องถิ่นตามสไตล์คนไทยก็ยังมีให้เห็น

หลังจากลงเครื่องบินที่สนามบินหาดใหญ่ รถมุ่งหน้าต่อมาถึงจุดหมายของการเดินทางที่ เบตง ดินแดนที่มีคำขวัญว่า “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” เบตง เป็นเมืองในแอ่งกระทะล้อมรอบด้วยขุนเขาน้อยใหญ่ สดชื่นเขียวขจีด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ตลอดเส้นทางก่อนถึงตัวเมือง โดย เบตงเป็นเขตการปกครองพิเศษ ทำให้รถในเมืองสามารถใช้ทะเบียนเบตงได้เลย เป็นอีกหนึ่งจุดสะดุดตาสำหรับคนที่เคยมาเที่ยวเบตงครั้งแรก

มาเยือนเบตงทั้งทีอย่าลืมแวะไปชมและถ่ายรูป ตู้ไปรษณีย์ยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยตู้แรกต้นฉบับสุดคลาสสิค ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มุมถนนสุขยางค์บริเวณ 4 แยกหอนาฬิกา ไปรษณีย์ยักษ์ตู้นี้มีอายุกว่า 80 ปี สูง 3.2 เมตร เป็นเหมือนสัญญาลักษณ์ทางการสื่อสารที่ท้ายที่สุดแล้วกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเบตงไปโดยปริยาย ด้วยความโดดเด่นของตู้ไปรษณีย์แห่งนี้ ทำให้ทางเทศบาลเมืองเบตงนำไปขยายผล ด้วยการสร้างตู้ไปรษณีย์ยักษ์จำลองขึ้นใหญ่กว่าเดิมถึง 3.5 เท่า(ประมาณ 9 เมตร) ตั้งตระหง่านอยู่หน้าศาลาประชาคม

นอกจากเสน่ห์สุดคลาสสิกจากตู้ไปรษณีย์ยักษ์แล้ว ใกล้กันยังมีแลนมาร์คสำคัญของเมืองที่คลาสสิกไม่แพ้กันอย่าง หอนาฬิกาเบตง อีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างเก่าแก่อยู่เคียงคู่กับเมืองเบตงมาช้านาน หอนาฬิกาแห่งนี้สร้างเป็นสัญลักษณ์จุดศูนย์กลางของเมือง ณ บริเวณจุดตัดของถนนสุขยางค์กับถนนรัตนกิจ ด้วยหินอ่อนขาวนวลดูสง่าน่ามอง ยิ่งยามเปิดแสงไฟสีส้มยามค่ำคืนจะทำให้ทุกคนต้องมนต์สะกดจากความงามโดยไม่รู้ตัว

เช้าวันใหม่ภารกิจแรก

คือ การตระเวนชิมรสชาติอาหารพื้นบ้านของเบตง

และแวะเยี่ยมชมตลาดยามเช้าเพื่อดูวิถีชีวิตชาวบ้าน

ถึงแม้เหตุความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ จะทำให้ความคึกคักในเมืองนี้ลดน้อยลงพอสมควร แต่อากาศยามเช้าและบรรยากาศแสนเงียบสงบในแบบฉบับเบตง สร้างเสน่ห์ให้เมืองแห่งนี้งดงามและน่าเข้าไปสัมผัสมากยิ่งขึ้น


ตลาดสดเทศบาลเบตง

เป็นสถานที่จับจ่ายใช้สอยยามเช้าที่ชาวบ้าน

จะพร้อมใจกันมาซื้ออาหารเช้า รวมถึงรอใส่บาตรพระที่จะบิณฑบาต

ผ่านมาทางนี้ทุกวัน การดำเนินชีวิตในยามเช้าของชาวเบตง ยังคงเป็นไปอย่างปกติพ่อค้าแม่ค้ายิ้มแย้ม และพูดคุยกับผู้มาเยือนต่างถิ่นอย่างสนิทสนม จนทำให้อดคิดไมได้ว่าทำไมพวกเขาเข้มแข็งและยังยิ้มได้ แต่คนที่อยู่ห่างไกลอย่างเรากับกลัวที่จะมาเยือนเมืองที่เต็มไปด้วยความงามแห่งนี้


อาหารพื้นเมืองของเบตง เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่น่าสนใจ เพราะมีอาหารหลายอย่างที่เราสามารถหาทานได้ที่นี่เท่านั้นเช่น จี๊ฉ่องฝัน ลักษณะคล้ายเส้นก๋วยเตี๋ยว นำมาปรุงด้วยซีอิ๊วขาวก่อนโรยงาขาว และกระเทียมเจียว ผัดหมี่เบตง ที่เส้นทั้งเหนียว และนุ่ม ไก่สับเบตง อันเลื่องชื่อ เคาหยก ที่ทำจากหมู 3 ชั้นทานคู่กับเผือก โจ๊กกบภูเขา และของความขึ้นชื่อ เฉาก๊วย ที่รับรองว่าถ้าได้ทานแล้วจะ ลืมเฉาก๊วยของที่อื่นไปเลย

ภายในตัวเมืองยังมีสถานที่สำคัญอย่าง อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย ที่ขุดทอดโค้งให้รถสัญจรไปมา รวมถึงห่างจากตัวเมืองออกมาทางขวาไม่นานก็จะพบ พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ภายในวัดพุทธาธิวาส มหาธาตุเจดีย์ที่ได้รับการขนานนามว่าสวยงามและใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ โดย วัดพุทธาธิวาส เดิมชื่อ วัดเบตง เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวเบตงให้ความเคารพนับถือมาเป็นเวลาช้านาน


จากนั้นมุ่งหน้าออกมานอกเมืองที่ อุโมงค์ปิยะมิตร ที่สร้างโดยกองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ในปี พ.ศ.2519 เพื่อใช้เป็นฐานปฏิบัติการของสมาชิกพรรคฯ เป็นอุโมงค์มีความกว้างพอคนเดินได้ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ทุกวันนี้มีรอยอดีตทิ้งไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอาทิ ห้องนอนเตียงดินเหนียว อุปกรณ์การสู้รบ เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ห้องประชุม ห้องนอนคู่รัก รวมถึงห้องบัญชาการรบที่จุคนได้มากถึง 200 คน



อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงต้องยกให้ โครงการไม้ดอกเมืองหนาว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ยะลา ที่ไม่น่าเชื่อว่าสภาพพื้นที่จะมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี และมีบรรยากาศคล้ายสวนดอกไม้ในดอยสูงทางภาคเหนือ ภาพความงามของดอกไม้หลากสีทั้ง เบญจมาศ กุหลาบ เยอบีรา หน้าวัว ไฮเดนเยีย ดาวเรือง ทานตะวัน ฯลฯ และการจัดสวนตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนต้น ก้อนหิน สระน้ำ และองค์ประกอบอื่นอย่างสวยงาม ทำให้บ้านพักของที่นี่มักถูกจองแน่นเอียดตลอดช่วงฤดูหนาว





ปิดท้ายการเดินทางด้วยการไปแช่น้ำร้อนที่ บ่อน้ำร้อนเบตง ต.ตาเนาะแมเราะ แหล่งท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีน้ำพุร้อนเดือดขึ้นมาจากพื้นดิน เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจยอดฮิตของชาวบ้านและนักท่องเที่ยว เพราะมีทั้งมุมนั่งแช่เท้าชิลชิล สระน้ำร้อนแช่ตัวรวมขนาดใหญ่ด้านนอก รวมถึงบ่อแช่ส่วนตัวด้านในอาคาร จนทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่า ออนเซนแห่งเบตง

มาเบตงครั้งนี้ได้ประสบการณ์ใหม่ๆกลับไปมากมาย จนทำให้รู้สึกเสียดายยามต้องร่ำลา ความงามของแหล่งท่องเที่ยว ความเงียบสงบ และรอยยิ้มของคนในพื้นที่ เป็นเครื่องการันตีได้อย่างดีว่าเมืองนี้โอเคแล้ว รอแค่นักท่องเที่ยวเปิดใจและพร้อมกลับมาเยือน เมืองงามท่ามกลางสายหมอก แห่งนี้อีกครั้ง.

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเบตงสอบถามได้ที่ ททท.สำนักงานนราธิวาส โทร 0 7352 2411 ศูนย์บริการข่าวสารการท่องเที่ยวเบตง โทร 0 7323 2039 หรือ เทศบาลเมืองเบตง โทร 0 7324 5616

ใต้หล้า
Deflying2@gmail.com








..................


คลิ๊ก ชม ภาพ และ ราย ละ เอียด......




 

Create Date : 03 พฤศจิกายน 2553
0 comments
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2553 8:57:28 น.
Counter : 1905 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Turtle Came to See Me
Location :
พัทลุง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]





★ที่มา ล็อกอิน ★Turtle Came to See Me ★( บทกวี Poem )
เป็นหนังสือ สำหรับเยาวชน
★Turtle Came to See Me
แต่งโดย :Margrita Engle
★★★★



BlogGang Popular Award #11

BlogGang Popular Award #12
Friends' blogs
[Add Turtle Came to See Me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.