It's All I Have to Bring Today !
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
12 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
:: มุกงามแม่น้ำโขง มุกเม็ดงามแห่งแดนอีสาน :

ภายหลังจากยกฐานะตัวเองจากเมืองชายแดนเป็นประตูสู่อินโดจีน ทำให้จังหวัด “มุกดาหาร” กลายเป็นมุกเม็ดงามแห่งแดนอีสานไปโดยปริยาย เส้นทางสายนี้เริ่มต้นจากสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 ข้ามฝั่งไปยังเมืองสะหวันนะเขตของลาวไปสิ้นสุดที่เมืองลาวบาวของเวียดนาม ซึ่งใกล้กับเมืองเว้ ดานัง และฮอยอัน เมืองมุกไม่ได้เป็นเพียงประตูสู่อินโดจีนเท่านั้น ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจกระจายตัวอยู่ทั่วทั้งจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอายตะวันตกที่ถูกผสมผสานเข้ากับสถาปัตยกรรมท้องถิ่น ตลอดจนงานศิลปะที่สรรค์สร้างขึ้นด้วยฝีมือของธรรมชาติ
เราเริ่มต้นเที่ยวเมืองมุกที่หอแก้วมุกดาหารเป็นแห่งแรก สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสครองราชย์ครบ 50 ปี ด้วยความสูงของหอแห่งนี้เราจึงสามารถชมวิวของเมืองมุกได้ไกลสุดลูกหูลูกตา เอกลักษณ์ของหอแก้วฯ แห่งนี้ยังอยู่ที่โดมด้านบน เรียกว่า แก้วมุกดา เป็นจุดสูงของหอแก้วฯ สามารถเดินขึ้นไปเพื่อนมัสการพระพุทธรูปนวมิ่งมงคลมุกดาหาร พระพุทธรูปปางมารวิชัยเนื้อเงินบริสุทธิ์ หนึ่งในพระศักดิ์สิทธิ์ของเมืองมุก
จากนั้นเดินทางจากหอแก้วฯ เข้าสู่ถนนสำราญชายโขง ถนนเลียบริมน้ำโขง ซึ่งนับเป็นย่านที่สำคัญของเมือง ไม่ว่าจะเป็นวัด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง ประวัติศาสตร์ ตลาดอินโดจีน และร้านอาหารที่มีเมนูเด็ดอย่างปลาน้ำโขง

เรือมอร์ริสเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจในฐานะเรือที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่สมัยที่ลาวตกอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศส สมัยนั้นการขนส่งทางเรือนับว่าสะดวกรวดเร็วที่สุด ฝรั่งเศสจึงพยายามใช้เรือขนสินค้าผ่านลำน้ำโขง แต่เนื่องจากมีน้ำตกหลี่ผีขวางลำน้ำโขงอยู่ จึงต้องสร้างรางรถไฟเพื่อขนเรือจากหลวงพระบางผ่านมาเวียงจันทน์เข้าสู่สะหวันนะเขต โดยนำเรือมาทั้งหมด 2 ลำ คือมอร์ริสและมอร์ปาวี แต่มอร์ปาวีประสบเหตุชนหินโสโครกจมน้ำไป เหลือเพียงมอร์ริสที่ภายหลังกลายเป็นเรือนำเที่ยวลำน้ำโขง หลังจากหมดสภาพจนไม่เอื้อต่อการใช้งานก็ปลดระวางและจอดนิ่งๆ อยู่ริมตลิ่งของร้านอาหารแม่น้ำโขง รอคอยบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ให้แก่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือน

ลัดเลาะถนนสำราญชายโขงมาทางเหนือสู่ตลาดอินโดจีน คุณสามารถชอปปิงไปพร้อมๆ กับชมวิวน้ำโขง ตลาดแห่งนี้จะคึกคักเป็นพิเศษในช่วงวันเสาร์อาทิตย์และฤดูกาลท่องเที่ยว ที่นี่มีสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านในแถบอินโดจีนให้เลือกสารพัดชนิด ไม่ว่าจะเป็นขนมนมเนยตลอดจนเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เลือกซื้อในราคาย่อมเยา
ใกล้กันเป็นวัดศรีมงคลใต้ วัดริมน้ำโขงซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมุกดาหาร นามว่า พระเจ้าองค์หลวง ตามตำนานได้พบพระพุทธรูปสององค์เข้าโดยบังเอิญบริเวณใต้ต้นโพธิ์ จึงอัญเชิญพระพุทธรูปทั้งสององค์ไปประดิษฐานในวิหาร แต่ปรากฏว่าพระพุทธรูปองค์เล็กกลับหายไปจากวิหาร พบอีกครั้งก็ไปประดิษฐานอยู่ใต้ต้นโพธิ์ต้นเดิมในลักษณะจมหายลงไปในดินทั้งองค์ เหลือเพียงพระเมาลี จึงได้ขนานนามว่า พระหลุบเหล็ก ซึ่งแท่นบูชานี้ต่อมากลายเป็นศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง


ส่วนพระพุทธรูปองค์ใหญ่หรือพระเจ้าองค์หลวงยังคงอยู่ภายในวิหารจนถึงปัจจุบัน

จากเทศบาลเมืองเรามุ่งหน้าไปทางเหนือที่อำเภอหว้านใหญ่ ความน่าสนใจอยู่ที่วัดมโนภิรมย์ วิหารสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมล้านช้าง ลักษณะพิเศษนี้แสดงผ่านเสาที่รองรับจั่วแต่ละต้นซึ่งสร้างเป็นกลีบบัวไว้ที่หัวเสา หน้าจั่วแกะสลักด้วยไม้ ภายในวิหารเก็บรักษาพระพุทธรูปสำคัญ
เลยขึ้นมาไม่ไกลเป็นวัดศรีมหาโพธิ์ วัดนี้เด่นทั้งศิลปะอีสานแท้และศิลปะตามอย่างตะวันตก สิมหรือโบสถ์ของวัดแสดงความโดดเด่นตามแบบอีสาน ภายในประดิษฐานพระประธานฝังลงในผนังที่เจาะไว้เกือบพอดีองค์พระ ท่ามกลางความงดงามของจิตรกรรมฝาผนังหรือฮูปแต้มเรื่องพระเวสสันดรชาดก สำหรับศิลปะแบบฝรั่งอยู่ที่ตัวตึกที่สร้างสไตล์โคโลเนียลสองชั้น ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศสสมัยที่เคยเข้ามาครอบครองลาว

และเมื่อเข้าสู่บ้านสองคอน เราก็ต้องประหลาดใจกับโบสถ์คริสต์ขนาดยักษ์ของวัดสองคอน วัดคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของความปวดร้าวทางศาสนากับการเมืองในสมัยนั้น เนื่องจากกระแสต่อต้านฝรั่งเศสที่รุนแรง ประกอบกับวัดแห่งนี้สร้างโดยชาวฝรั่งเศส ทำให้ผู้ที่มีจิตศรัทธาต้องสังเวยชีวิตเพื่อปกป้องศาสนาอันเป็นที่รัก ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้นจึงได้รับการยกย่องเป็น “มรณสักขี”

ใกล้กันกับวัดสองคอนเป็นแก่งกะเบา แก่งหินและหาดทราย แหล่งพักตากอากาศของคนเมืองมุก ใครแวะมาที่นี่แนะนำให้ชิม “หมูหัน” เมนูเด็ดของแก่งกะเบา จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่ว กินคู่กับอาหารอีสานรสแซบ ถ้าไม่ได้กินเมนูนี้เรียกว่ามาไม่ถึงแก่งกะเบา

อีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ทางใต้ในเขตอำเภอเมือง ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงงานศิลปะที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมา “ภูผาเทิบ” ยังเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยอะเมซิ่งไทยแลนด์ จุดเด่นก็คือกลุ่มหินเทิบ ซึ่งเป็นเสาหินทรายขนาดยักษ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ถูกแสงแดด น้ำ ฝน และลมกัดเซาะนานนับร้อยล้านปีจนกลายเป็นประติมากรรมทางธรรมชาติที่มีรูปทรงสวยแปลกตาตามแต่ที่ใจใครจะจินตนาการเอาว่าหินเทิบเหล่านั้นเป็นหินรูปอะไร

จากองค์ประกอบที่เล่าสู่กันฟัง ไม่ว่าจะเป็นความงามทางธรรมชาติ วัฒนธรรม กลิ่นอายของวัฒนธรรมผสม (ไทย ลาว และฝรั่งเศส) วัดวาอาราม ตลอดจนโบสถ์คริสต์ เราคงปฏิเสธได้ยากว่าเมืองมุกไม่ใช่ “มุกงามแม่น้ำโขง” ไม่เพียงเฉพาะความงดงามภายนอกที่เราสัมผัสได้ด้วยตาเปล่า แต่หากสัมผัสด้วยใจก็รู้ซึ้งถึงความงดงามภายในของเมืองมุกได้เช่นกัน












****
Gourmet & Cuisine ฉบับที่ 120 ประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553
Click :TOP


Create Date : 12 ตุลาคม 2553
Last Update : 12 ตุลาคม 2553 11:28:01 น. 0 comments
Counter : 1659 Pageviews.

Turtle Came to See Me
Location :
พัทลุง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]





★ที่มา ล็อกอิน ★Turtle Came to See Me ★( บทกวี Poem )
เป็นหนังสือ สำหรับเยาวชน
★Turtle Came to See Me
แต่งโดย :Margrita Engle
★★★★



BlogGang Popular Award #11

BlogGang Popular Award #12
Friends' blogs
[Add Turtle Came to See Me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.