อ้อมกอดภูผา สบตากับทะเล อ่าวนาง กระบี่

โดย : พรชัย จันทโสก



Centara Grand Beach Resort &Villas Krabi การพักผ่อนใต้หลังคาสีเขียวเป็นสีเดียวกับภูเขาและน้ำทะเล ตัวตึกสีน้ำตาลเป็นสีเดียวกันกับหน้าผาหินปูน




ถึงฟ้าฝนช่วงนี้จะไม่ค่อยเป็นใจสำหรับนักท่องเที่ยวมากนัก แต่ "แอร์เอเชียโก" (www.airasiago.com) เว็บไซต์ที่คุณสามารถออกแบบแพ็คเกจท่องเที่ยวได้จากสายการบินแอร์เอเชีย อุตส่าห์อาสาพาไปพักผ่อนแบบสบายๆ ไกลถึง Centara Grand Beach Resort & Villas Krabi ท่ามกลางแสงแดดขมุกขมัวของท้องทะเลหน้าฝน


โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า ตั้งอยู่บนอ่าวไผ่ปล้อง ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ด้านหลังเป็นภูผาหินปูนสูงชัน เสมือนเป็นปราการกั้นระหว่างแผ่นดินกับทะเล ส่วนด้านหน้าเป็นหาดทรายสีขาวทอดตัวยาวกว่า 500 เมตร ซึ่งเป็นอาณาเขตของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา และยังมี Centara Rock หรือเดิมชื่อว่า "เขาตะปู" โผล่ขึ้นริมอ่าวซึ่งเป็นสัญลักษณ์สวยงามโดดเด่นของโรงแรมระดับ 5 ดาวแห่งนี้




การเดินทางสู่โรงแรมสามารถเลือกได้ 2 ทางด้วยกัน โดยทางหลักคือทางเรือจากอ่าวนางถึงโรงแรมใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที หรือถ้าไม่อยากนั่งเรือก็สามารถเดินทางข้ามหลังเขาสูงชันขึ้นไปด้วยบันไดลิง เพราะจะไม่ทำลายธรรมชาติของเดิม เดินข้ามไปอีกฟากหนึ่งแล้วเดินไปตามชายหาดก็จะถึงอ่าวนาง ตรงนี้จะเป็นจุดที่มีคนสนใจมากเช่นเดียวกันเพราะได้ขึ้นไปชมธรรมชาติและเป็นจุดชมวิวด้วย และบางคนอยากขึ้นไปดูลิงนั่นเอง



"เนื่องจากว่าการเลือกพื้นที่แต่ละที่ของเซ็นทาราจะเลือกสถานที่ที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างที่นี่จะเป็นอ่าวไผ่ปล้อง เนื่องจากที่นี่เป็นจุดดึงดูดและเป็นสถานที่ที่สวยมาก ตอนแรกมีแพลนกันว่าจะสร้างโรงแรมขนาดใหญ่กว่านี้ แต่เนื่องจากมาดูสถานที่แล้ว ทำให้ไม่อยากทำลายธรรมชาติ ฉะนั้นยังคงอนุรักษ์ธรรมชาติไว้ทั้งหมด ด้านหน้าเป็นทะเล ด้านหลังเป็นหน้าผาหินปูน แล้วก็ตัวตึกแต่ละตึกก็ยังวางตามโครงสร้างเดิมของสถานที่ ไม่ทำลายต้นไม้ ไม่ทำลายสถานที่มากไป แล้วตัวทางเดินเข้ามาในโรงแรมก็ใช้วัสดุที่ไม่ทำลายธรรมชาติ ไม่ทำลายปะการังหรือที่อยู่อาศัยของปลา เพราะจะใช้เป็นแบบทุ่นลอยน้ำแทน" ลุค เบ็นโบว์ (Luke Benbow) ผู้จัดการโรงแรม หรืออดีตเชฟชาวออสเตรเลีย เล่าความเป็นมา



โรงแรมแห่งนี้เปิดให้บริการเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2006 หรือ 5 ปีก่อน ประกอบด้วยห้องพักจำนวนมากถึง 192 ห้อง โดยตัวโรงแรมออกแบบให้มีความเป็นไทยและกลมกลืนกับธรรมชาติ

"หลังคาสีเขียวก็จะเป็นสีเดียวกันกับภูเขาและน้ำทะเล และตัวตึกสีน้ำตาลก็จะเป็นสีเดียวกันกับหน้าผาหินปูน และแต่ละตึกวางโครงสร้างไว้ตามแนวเดิม มองขึ้นมาก็จะเห็นเป็นต้นไม้กับตัวตึกกลมกลืนกัน ตัวห้องพักจะออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกมากที่สุดเพราะว่าโรงแรมทั่วไปขนาดอาจจะอยู่ที่ 50 ตารางเมตร แต่ที่นี่ขนาดเล็กที่สุดอยู่ที่ 72 ตารางเมตร เพื่อให้รู้สึกพักผ่อนได้อย่างมีความสุข ทุกห้องมีระเบียงทั้งหมด แม้กระทั่งห้องราคาต่ำที่สุดก็มีทุกอย่างเหมือนกันทั้งหมด


ด้วยความที่เซ็นทาราเป็นกลุ่มโรงแรมที่มีเจ้าของเป็นคนไทย เพราะฉะนั้นอันดับแรกที่จะต้องนึกถึงคือเรื่องของความเป็นไทย การสร้างห้องพักที่ตกแต่งด้วยไม้ทั้งหมดก็เพื่อที่จะอนุรักษ์ในความเป็นไทย ในขณะที่ตัวตึกอื่นๆ ยังคงใช้ไม้หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้เพื่อคงความเป็นไทย เหมือนกับว่าเซ็นทาราแกรนด์ อยากจะเน้นย้ำจุดนั้น อย่างสปาก็เหมือนกัน จะใช้ชื่อว่า Cenvaree Spa หรือสายน้ำแบบไทยๆ ซึ่งก็ยังมีความเป็นไทย" เขากล่าว

กลุ่มลูกค้าหลักๆ จะเป็นชาวยุโรปมากที่สุด หรือประมาณ 70% โดยอังกฤษเป็นชาติที่เข้ามาเยอะที่สุด และ 25% เป็นโซนเอเชีย รวมถึงตลาดคนไทยด้วยซึ่งมีค่อนข้างสูงเหมือนกัน และที่เหลือจะเป็นอเมริกาและแอฟริกาใต้ ช่วงเวลาที่ลูกค้าเข้ามาพักจะเป็นตั้งแต่ช่วงไฮซีซันอยู่กันนานเป็นอาทิตย์ แต่ถ้ามาช่วงนี้ซึ่งเป็นโลว์ซีซันก็จะอยู่ประมาณ 4-5 วัน


กิจกรรมผ่อนคลายภายในโรงแรมนอกจากสปาและลงสระว่ายน้ำ เล่นวอลเลย์บอลหรือฟุตบอลชายหาดแล้ว ถ้าอากาศดีๆ ยังสามารถนั่งเรือออกไปดำน้ำดูปะการังหรือชมทะเลแหวก ไปเกาะพีพี ไปอ่าวมาหยา หรือนั่งเรือลัดเลาะชมถ้ำและหน้าผาหินปูนรูปร่างแปลกตา หรือถ้าไปทางบกก็จะไปขี่ม้า ไปขี่ช้าง ไปเที่ยวถ้ำ หรือไปชอปปิงตลาดอ่าวนาง แต่ว่าส่วนมากประมาณ 40-80% จะอยู่ในโรงแรมหรือจะไม่ค่อยออกไปไหนกัน รวมถึงมีจัดงานแต่งงานหรือดินเนอร์หน้าหาดด้วย


ที่สำคัญทางโรงแรมยังมีการจัดอบรมในแต่ละเหตุการณ์สำคัญๆ ให้กับพนักงานทั้งเรื่องซ้อมดับเพลิงหรือเตรียมรับมือกับเหตุฉุกเฉินต่างๆ อย่าง "สึนามิ" ทุกคนต้องรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ถ้ากรณีเกิดไฟไหม้ลูกค้าและพนักงานจะวิ่งไปรวมพลกันอยู่หน้าหาด แต่ถ้าเป็นสึนามิจุดรวมพลของจะอยู่ที่ Pool Villa คาดว่าจุดนั้นจะอยู่สูงและปลอดภัย โดยทดสอบแล้ว 3 นาทีวิ่งขึ้นไปถึงได้


คำเตือนอย่างหนึ่งสำหรับผู้เข้าพักที่นี่ เนื่องจากเมื่อก่อนบริเวณนี้เป็นสภาพป่าของอุทยานฯทำให้มีลิงและสัตว์ป่าหลายชนิดที่ยังอาศัยอยู่ ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าอยู่ดีๆ จะมีลิงเจ้าของถิ่นลงมาต้อนรับแขก แม้ว่าลิงที่นี่จะไม่เกเรและไม่ดุร้าย แต่ต้องระมัดระวังข้าวของเครื่องใช้หรือขนมขบเคี้ยวซึ่งอาจโดนเจ้าจ๋อขโมยไปซึ่งๆ หน้าได้ง่ายๆ

แต่นี่คือเสน่ห์ทำให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย

..............

Source : //www.bangkokbiznews.com
Click :TOP

Create Date : 10 ตุลาคม 2553		0 comments
Last Update : 10 ตุลาคม 2553 6:32:36 น.
Counter : 3266 Pageviews.
Share Tweet