//www.kumarntalk.com/topic/347 นอกจากจะให้กระจ่างในข้อสงสัยที่ได้ประสบมาจากเหตุ ที่เกิดขึ้นในห้องพักของท่านอาจารย์ปถัมภ์ดังกล่าว ในฐานะพี่ใหญ่ ผู้สำเร็จวิชาพระธรรมจักร มีญาณรู้เห็นเหตุการณ์อดีต อนาคต สัมผัสสิ่งเร้นลับอันเป็นทิพย์ที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเนื้ออยู่ อัศจรรย์ คุณดำรงยังกรุณาเล่าถึงประสบการณของ ฤทธิ์เดชของ
กุมารทองเกล้านางนีที่อาจารย์ปถัมภ์ได้รับมาจาก พระอาจารย์โชติให้ฟังอีกด้วย
ที่คุณพบเห็นนั้นถ้าจะว่าไปแล้วเป็นเพียงส่วนเล็กน้อย เป็นการหยอกล้อทักทายกันเล่นๆ เท่านั้น เพราะได้ยินแต่เสียง ไม่ได้เห็นตัวตนจริงๆ ของเขาได้พบเห็นแบบเป็นรูปเป็นร่างมาเลย คนที่ประสบมานั้นชื่อ เจิดศักดิ์ดา เป็นหนุ่มที่สนใจธรรมปฏิบัติและชอบศึกษาคาถาอาคม เรียกว่าเป็นผู้มีดีมีวิชาคนหนึ่ง
หากคุณทำงานอยู่ที่นี่นานๆ จะได้พบและรู้จักกับเขา เพราะเขาชอบ มาคุยมาสนทนาที่สำนักงานนี้บ่อยๆ เป็นคนผิวค่อนข้างคล้า สูงโปร่ง ผมหยิกเล็กน้อย สวมแว่นสายตาเนื่องจากสายตาสั้นเพราะครํ่าเคร่ง กับการเรียนมาก ก่อนที่จะเข้ามาศึกษาในทางการปฏิบัติกรรมฐาน เคยศึกษาวิชาคาถาอาคมเล่นฤทธิ์เล่นเดชอย่างพวกฤๅษีจนจิตทรงฌาณแก่กล้า สามารถสำแดงอำนาจพลังจิตให้เกิดเป็นความอัศจรรย์ ได้หลายๆ อย่างเจิดศักดิ์ดานี้เมื่อหันมาศึกษาธรรมแนวพุทธได้รู้จัก กับอาจารย์ปถัมภ์
เคยร่วมเดินทางกับคณะทัวร์หลายครั้งจนมีความสนิทสนมกับทุกคนในสำนักงาน มีความเคารพอาจารย์ปถัมภ์มักมา คุยสนทนาธรรมด้วยเป็นประจำ มีอยู่คราวหนึ่งไม่ทราบว่าเขาไปทำกิจธุระที่ไหนมา ได้แวะมาเยี่ยมท่านอาจารย์ปถัมภ์ที่บ้านในยามดึก ประมาณสัก ๕ ทุ่ม เห็นจะได้ ซึ่งเวลานั้นทั้งอาจารย์ปถัมภ์และทุกคนในบ้านต่างนอนหลับ พักผ่อนกันหมดแล้ว แต่เป็นด้วยความสนิทสนมคุ้นเคยเป็นอย่างดี จึงถือวิสาสะจะไปกดกริ่งปลุกคนในบ้าน
พอเดินไปที่เสาเอื้อมมือจะกดกริ่ง เขาก็ได้ยินเสียงเรียก จากมุมมืดอีกด้านหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านั้นได้สำรวจอย่างถี่ถ้วนแล้วว่า ไม่มีผู้ใดยืนอยู่ จะมีก็แต่เจ้าไดโนเสาร์สุนัขชราอายุมากจนเขี้ยวฟัน และเล็บหลุดร่วงไปหมดแล้วนอนซมอยู่เพียงตัวเดียว
นี่คุณมาหาใคร
เสียงร้องถามอย่างวางอำนาจ ซึ่งทำให้มือที่กำลังเอื้อมจะไป กดออดของคุณเจิดศักดิ์ดาต้องชะงักหันหน้ามามองตามต้นทางเสียงที่กล่าวถาม จึงได้เห็นเงาร่างผู้ชายสูงใหญ่คนหนึ่งยืนอยู่ในเงามืด ซึ่งไม่ สามารถมองเห็นใบหน้าได้ขัดว่าเป็นใคร แต่จากน้ำเสียงและรูปร่าง สูงใหญ่เป็นยักษ์อย่างนั้น จากความคุ้นเคยเลยทำให้คุณเจิดศักดิ์ดา มั่นใจว่าต้องไม่ใช่สมาชิกคนในบ้านอาจารย์ปถัมภ์อย่างแน่นอน
แต่ เมื่อเขาถามก็ตอบเขาไปตรงๆ ว่า
มาหาอาจารย์ท่านอยู่หรือเปล่า
มาหาทำไม
เป็นคำถามห้วนๆ แทนคำตอบที่ถูกถาม
มีธุระด่วนจะคุยกับท่านสักหน่อย
คุณเจิดศักดิ์ดาบอกไป ตามความตั้งใจ คราวนี้เจ้าของเงาร่างดุจยักษ์ใหญ่ในเงามืดได้กล่าวอย่างวาง อำนาจเต็มที่กว่าคราวก่อน มีธุระก็เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ มาคุยตอนกลางวันสิ เวลานี้มืดค่ำแล้วคนเขาจะหลับจะนอนกัน ไป... กลับบ้านไปชะ สำเนียงนั้นบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์อย่างชัดเจน ไม่ต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรีแล้วยังขับไล่ไสส่งให้ด้วยซ้ำ ซึ่งก็ยังผลให้คุณเจิดศักดิ์ดาต้องล่าถอยตามระเบียบ ก็ดังว่ามานั่นแหละ คุณเจิดศักดิ์ดาคนนี้เขาก็เคยศึกษาวิชาอย่างจริงจังมาบ้างเหมือนกัน ระยะหลังหันมาปฏิบัติจิตภาวนาซึ่งก็เป็นการทำอย่างจริงจัง มีหรือเขา จะไม่รู้ว่าคู่สนทนาของเขาในเวลานั้นควรที่จะตอแยด้วยหรือไม่
ตอนสายของวันต่อมา คุณเจิดศักดิ์ดาได้กลับมาหาอาจารย์ ปถัมภ์ที่บ้านอีกเพื่อจะพูดคุยถึงธุระส่วนตัวที่เขาตั้งใจจะมาขอรับคำ แนะนำตั้งแต่เมื่อคืนแต่ไม่มีโอกาสด้วยถูกบุรุษลึกลับในเงามืดขับไล่ไสส่ง เมื่อมาแล้วก็ไม่ลืมที่จะเล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาได้ประสบมาให้ อาจารย์ปถัมภ์ฟังอย่างอารมณ์ดีโดยบอกว่า ของที่อาจารย์(ปถัมภ์) ได้มาจากพระอาจารย์โชติ วัดภูเขาแก้วนั้นฤทธิ์เดชน่าดูชม
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจิตสัมผัสจากฌาณรู้ซึ่งจะเป็นด้วยอำนาจ วิชาคาถาหรือสมาธิพุทธภาวนาที่ได้ฝึกฝนมา หรืออย่างไรไม่ทราบได้ คุณเจิดศักดิ์ดาสามารถล่วงรู้ตั้งแต่ตอนเผชิญหน้าแล้วว่า คู่สนทนา ยามวิกาลของเขาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น ฤทธิ์เดชของกุมารทองจาก พระอาจารย์โชติ แสดงศักดิ์ดาตามหน้าที่ของเขานั่นเอง
ครับ ที่ว่ามานั้นเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับฤทธิ์เดชกุมารทองของท่านพระอาจารย์โชติ อาภัคโค ซึ่งผู้เขียนมีโอกาสรับมากับมือ ของท่านเมื่อ ๓-๔ ปีก่อน แต่เพิ่งจะมีโอกาสให้ประจักษ์แจ้งในมนต์ ขลังความศักดิ์สิทธิ์ด้วยตาตนเองในคืนวันมาฆบูชาวันเพ็ญกลาง เดือน ๓ ดังกล่าว
ความเฮี้ยนขลังของกุมารทองเกล้านางนี ได้รวบรวมไว้ให้ พิจารณากันในหนังสือเรื่อง เกล้านางนีเมาลีพระโพธิสัตว์ แล้วจึง ขอเว้นไม่กล่าวถึงให้ซ้ำซ้อนนะครับ