คณะพราหมณ์ พร้อมด้วยภาครัฐ เอกชนและประชาชน ได้ร่วมกันจัด “โครงการบูรณปฏิสังขรณ์เทวสถาน สำหรับพระนคร” ขึ้น เนื่องจากศาสนสถานแห่งนี้อยู่คู่กรุงรัตนโกสินทร์มากว่า 200 ปี ได้เสื่อมโทรมลงไปตามเวลา ถือเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสอันเป็นมงคล 4 วาระด้วย คือ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช ผู้ทรงสถาปนาเทวสถาน, ในโอกาสมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ, สมเด็จพระ นางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระ ชนมพรรษา 80 พรรษา และ สมเด็จพระเจ้า ภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภา พัณณวดี ทรงเจริญพระชนมายุ 7 รอบ โอกาสนี้  สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี ได้เสด็จฯ แทนพระองค์ไปในพิธีสมโภชเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ ณ เทวสถาน บนถนนดินสอ เมื่อเร็วๆนี้

 

โอกาสเดียวกันนี้ สมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ ทรงเปิดหอเวทวิทยา หรือห้องสมุดโบสถ์พราหมณ์ ซึ่งประกอบด้วยห้องสมุดรวบรวมหนังสือเกี่ยวกับวรรณคดีประเพณี พิธีกรรมของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และพิพิธภัณฑ์เทวรูป หอเวทวิทยาคม และทรงปลูกต้นมะตูมไม้มงคล ด้วยหุ่นยนต์ ที่สร้างโดยศูนย์วิจัยหุ่นยนต์ทางการแพทย์พระ มงกุฎเกล้า ตามโครงการ พัฒนาแขนกล ที่เทวสถานให้ การสนับสนุนทุนวิจัย ซึ่งจะได้นำไปต่อยอดใช้ในการผ่าตัดทางการแพทย์ โอกาสนี้จึงได้นำมาถวายให้ทรงใช้ปลูกต้นมะตูมก่อน  เพื่อเป็นสิริมงคลกับโครงการฯ

 

พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ (ชวิน รังสิพราหมณกุล) ประธานพระครูพราหมณ์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเทวสถานขึ้น เมื่อ พ.ศ.2327 ตามประเพณีการสร้างพระนครใหม่ เพื่อบูชาพระศิวะ ผู้ประทานพร พระนารายณ์ ผู้ทรงรักษา พระพรหม ผู้สร้าง และใช้เป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าสำคัญ และให้สร้างเสาชิงช้า เพื่อประกอบพิธีโล้ชิงช้า ในพระราชพิธีตรี ยัมปวาย ตรีปวาย ตามตำนานความเชื่อในศาสนพราหมณ์ การบูรณปฏิสังขรณ์เทวสถานมีมาหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ.2530 และในโอกาสที่สมเด็จ พระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงเจริญพระชนมายุ 7 รอบ ในวันที่ 24 พ.ย.2552 ได้พระราชทานเงินส่วนพระองค์เป็นทุนเริ่มแรกในการบูรณะเทวสถาน โดยมีพลอากาศตรีอาวุธ  เงินชูกลิ่น  ศิลปินแห่งชาติ สาขาสถาปัตยกรรมไทย เป็นหัวหน้าดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์จนสำเร็จลุล่วง

 

ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ คณะกรรมการดำเนินงานโครงการฯ กล่าวว่า ในการบูรณปฏิสังขรณ์เริ่มตั้งแต่ปี 2552 แล้วเสร็จในปี 2555 โดยมีการบูรณะอาคารศาสนสถานที่ประดิษฐ์เทพเจ้าสำคัญ 3 หลัง ได้แก่ สถานพระอิศวร, สถานพระพิฆเนศวร และสถานพระนารายณ์ รวมทั้งปรับปรุงหอเวทวิทยาคม ให้มีความมั่นคงแข็งแรง และปรับปรุงซุ้มเทวาลัยพระพรหมให้เหมาะสมกับสถาปัตยกรรมโดยรวม ร่วมสักการะและชื่นชมมรดกวัฒนธรรมแห่งนี้ได้ที่ถนนดินสอ หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.devasthan.org

 

นอกจากนี้ ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ กล่าวว่า เทวสถานเป็นสถานที่ประดิษฐานเทพเจ้าหลายๆองค์ ซึ่งเป็นเทพองค์สำคัญ การได้มาปฏิบัติบูชาก็ถือว่า เป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดหรือมีส่วนทำให้เกิดความสงบสุข ความร่มเย็นเป็นสุข เพราะเทพแต่ละองค์นั้น พระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่โบราณทรงบูชามาอย่างต่อเนื่อง น่าจะทำให้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความราบรื่น บ้านเมืองก็น่าจะปกติสุขอีกครั้ง.