ห่างจากกุฏิผู้เขียนไปประมาณ ๔ ห้อง มีกุฏิพระอีก ๒ รูป ซึ่งเป็นพระวัยกำลังหนุ่มที่เป็นพระบวชใหม่ทั้งคู่ คืนหนึ่ง...ผู้เขียนกำลังคุยกันอยู่ในกุฏิกับเพื่อนพระพรรษา เดียวกัน ท่านทั้งสองก็วิ่งกระหืดกระหอบมาหาแล้วพูดว่า หลวงพี่ ไปที่กุฏิของผมหน่อยเถิด
ทำไม ผู้เขียนถามท่านก็บอกว่า
หลวงพี่ช่วยพวกผมหน่อย ไปที่กุฏิผมทีเถิดน่า ท่านพูดอย่าง อายๆ เพราะมีพระรูปอื่นนั่งอยู่อีกหลายรูป ผู้เขียนจึงตามไป พอไปถึงเห็นกุฏิท่านยุ่งเหยิงไปหมด เสื่อสาดมุ้งหมอนกระจุย กระจาย จึงถามท่านทั้งสองว่า ทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้ล่ะ
ท่านทั้งสองก็ผลัดกันเล่าดังนี้ครับ
ตอนเช้าวันนี้ผมไปบิณฑบาตเหมือนเดิมและขณะที่กำลัง รับบาตรอยู่นั้นได้มีคุณโยมคนหนึ่ง ได้นำขวด
กุมารทองนี้มาใส่บาตรผมพร้อมกับถวายเงิน ๒๐ บาท บอกว่าท่านช่วยนำไปปล่อยที่วัดด้วย ผมไม่เลี้ยงแล้ว ผมก็นำมาวัด
แต่แทนที่จะนำมาปล่อยดังที่โยมขอร้องผมกลับนำมาไว้ในกุฏิ เลี้ยงเอง แต่พอตกกลางคืนซึ่งผมเข้านอนกันแต่หัวค่ำ ขณะที่กำลังหลับอยู่ดีๆ ผมก็ถูกดึงขาจนเกือบตกเตียง ผมก็ยังไม่คิดว่าจะเกี่ยว กับกุมารทอง
อีกรูปหนึ่งก็เล่าว่า ผมถูกเลิกมุ้งขึ้น แล้วยังลากผมหล่นเตียง แน่ะครับ พอนอนอีกไม่นานก็โดนอีก พวกเราสังเกตว่าพอจะหลับเป็น ต้องถูกดึงทุกทีจนกระทั่งทนไม่ไหวแล้วครบ ได้พากันมาหาหลวงพี่ ให้ช่วยหน่อยครับ
ผู้เขียนฟังแล้ว ดูจากสถานการณ์แล้วคงเป็นจริงจึงมองไปที่โต๊ะหมู่ของท่านก็เห็นขวด
กุมารทองอยู่บนหิ้งพระซึ่งเป็นการวาง ไม่ถูกหลักคือวางไว้ชั้นบนเสมอกับพระพุทธจึงออกฤทธิ์แรงนัก เห็น อย่างนั้นจึงบอกว่าเอาไปวางไว้สูงไป บอกพลางก็เดินเอื้อมมือไปหมายจะหยิบขวดกุมารทองเล็กๆ นั้น
แต่พอมือผู้เขียนจะถึงขวด ก็เกิดเหตุอัศจรรย์เพราะขวดกุมารทองได้หมุนตัวกลิ้งหนีมือผู้เขียน คราวแรกผู้เขียนคิดว่าไปถูกขวดล้มจึงตามไปหยิบอีก แต่ก็อัศจรรย์อีกเพราะมันได้กลิ้งหนีไปจากมือผู้เขียนอีก จึงมั่นใจว่าเจ้านี่มันแจ๋ว จะลองดีกันซะแล้ว ผู้เขียนจึงท่องมนต์มงกุฎพระพุทธเจ้าในใจ พอครบ ๓ คาบ ก็เอื้อมมือไปหยิบอีก คราวนี้มนหมดฤทธิ์ยอมให้จับแต่โดยดี
ผู้เขียนจึงจับขึ้นมากำกับด้วยมงกุฎพระพุทธเจ้าอีก ๓ คาบ แล้วบอกกับพระทั้งสองรูปนั้นว่า ผมจะขอเอาไปที่กุฏิ ๒-๓ คืนนะ ท่านก็ให้ผู้เขียนนำไปไว้ที่กุฏิ ๓ วัน จากนั้นท่านก็มาขอกลับไป ผ่านไป ๒ วัน ท่านก็มาหาผู้เขียนอีก มาถามว่า หลวงพี่ทำ อย่างไรครับ กุมารทองไม่มีฤทธิ์อีกเลยนอนเงียบฉี่เลยครับ
ผู้เขียนจึงบอกว่า ที่จริงของท่านมิใช่กุมารทองธรรมดาแต่เป็นโหงพราย และน้ำมันที่ใส่ไว้ก็เป็นน้ำมันพรายซึ่งแรงมาก ท่านนำไปวางไว้สูงกว่า พระพุทธจึงออกฤทธิ์แรง ผมนำมากำกับคาถาให้จนมันหมดฤทธิ์ไป แล้ว ท่านจะใช้มันต้องมีของดี ไม่อย่างนั้นท่านแย่นะ
ผู้เขียน จึงให้คาถามงกุฎพระพุทธเจ้าแก่ท่านทั้งสองไปป้อง เรื่องราวความวุ่นวายเพราะกุมารทองทำเหตุของท่านทั้งสองจึงสงบลง นับแต่นั้น..
จากประสบการณ์ที่พบมาจริงๆ ของคุณทวี มูลทอง ดังกล่าว มานั้น จึงพอจะให้เป็นข้อสังเกตได้ว่า คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า คือ ของดี ที่ผู้เลี้ยงกุมารทองควรมีไว้กับตัวเผื่อว่ากุมารทองที่เลี้ยงไว้ เกิดพยศแข็งข้อจะได้กำราบปราบฤทธิ์กุมารที่ดื้อรั้นอวดกล้าถือดีได้
ท่านที่รักชอบในทางนี้ก็ควรแสวงหาพระคาถาศักดิ์ฤทธิ์ ดังกล่าวมาหัดท่องหัดสาธยายให้ขึ้นใจ หาลู่ทางป้องกันไว้ก่อนด้วย ความไม่ประมาทนั่นแหละครับ...ดีที่สุด