ดู-อ่าน-ฟัง...มีนาคม 2551 : จากหว่องกาไว, เจงกิสข่าน ถึงเจสซี เจมส์ (หนังล้วนๆ 25 เรื่อง)
●....ดู-อ่าน-ฟัง คราวนี้ขอแค่ ดู นะครับ เพราะลุยดูหนังอย่างเดียว หนังสือ(แทบ)ไม่ได้อ่าน เพลงใหม่ๆ ก็ไม่ได้ฟัง ความเห็นบางเรื่องบางส่วนนำมาจากคอมเมนต์ในบล็อกนี้หรือที่เคยเมนต์ในบล็อกคนอื่น เพื่อความรวดเร็ว●....My Blueberry Nights ....โอเคกับหนัง และโอเคกับผลงานของ หว่องกาไว ในสภาพแวดล้อมใหม่ ไม่มีส่วนประกอบไหนที่ไม่ใช่หนังของหว่อง ดูแล้วนึกถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้หมด ทั้งภาพ เพลง เรื่องราว ตัวละคร บทสนทนา แต่ก็ใช่ว่าทั้งหมดของความเป็นหว่องกาไวจะอยู่ในหนังเรื่องนี้ บางอย่างที่แฟนๆ คุ้นเคยไม่มีให้เห็น เนื่องจากเงื่อนไขปัจจัยหรือสภาพการทำงานที่เปลี่ยนไป ความคุ้นเคยเดิมๆ นี่เองที่น่าจะทำให้แฟนคลับบางส่วนไม่ประทับใจนัก เอาแค่บทสนทนาที่เป็นภาษาอังกฤษและนักแสดงฮอลลีวู้ดก็อาจขัดตาขัดหูได้แล้ว ที่ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ใช่หนังของหว่องคือ มี ตัวละครอายุเยอะ ด้วย อีกอย่างคือหนังมีปริมาณความจี๊ดไม่ได้มาตรฐานเครื่องหมายการค้า ●....Once ....เพลงเพราะมาก ด้วยความที่เล่นกันสดๆ เลยยิ่งได้อารมณ์ หนังไม่มีอะไรมากนัก เน้นเล่นเพลงเป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะพูดถึงความดีงามจึงต้องมองไปที่การทำเรื่องง่ายๆ ค่อนข้างราบเรียบ ให้น่าประทับใจและดูเป็นธรรมชาติสุดสุด แอบแปลกใจที่มีคนบ่นเรื่องภาพสั่นไหว ●....The Kite Runner ....หนังฮอลลีวู้ดว่าด้วยชาวมุสลิมที่ดูจริงใจและไม่ยัดเยียด ชอบเกินคาด คาแร็กเตอร์และเรื่องราวของตัวละครชัดมากจนเข้าถึงได้เต็มที่ สุดยอดสำหรับนักแสดงทุกคนตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ ติดตรงส่วนของการกลับไปอัฟกานิสถานน่าจะให้น้ำหนักมากกว่านี้ เหมือนให้เวลาน้อยเกินไป ทางสะดวก และบังเอิญเหลือเกิน(คงเดินตามนิยายต้นฉบับซึ่งผมยังไม่ได้อ่าน)●....No Country for Old Men ....เป็นออสการ์หนังยอดเยี่ยมที่ตรงใจที่สุดตั้งแต่ปี 2001 ตามสายตาก็ว่าเรื่องนี้ดีที่สุดในบรรดา 5 เรื่องสุดท้าย (แต่ยังไม่ใช่หนังฮอลลีวู้ดในรอบปี 2007 ที่ผมชอบที่สุด) และเซอร์ไพรส์เล็กๆ ที่ออสการ์เลือกเรื่องนี้เพราะดูจะไม่ใช่ทางของออสการ์ (เรื่องที่เข้าทางที่สุดคือ Atonement แต่ติดที่ว่าเป็นหนังอังกฤษ) ชอบที่หนังไม่บอกตรงๆ ว่าต้องการสื่ออะไร ไม่ตีกรอบให้ผู้ชมเดินตาม ระดับเนื้อหาเรื่องราวกับระดับแก่นสารไม่ได้นำเสนอเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด แต่ทุกภาพ ทุกคำพูด จะมีผลต่อการตีความและเข้าถึงหนัง เขียนถึงเรื่องนี้เกี่ยวกับมิติเรื่อง ชาติ และ ชาย ใน mars ฉบับเดือนเมษายน โดยโยงกับ There Will Be Blood, In the Valley of Elah และ Charlie Wilson's War ซึ่งทุกเรื่องใช้ เท็กซัส เป็นฉากหลังและล้วนมีมิติเรื่อง ชาติ เหมือนกันหมด ●....There Will Be Blood ....เกือบดีและชอบมากกว่า No Country for Old Men ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าแต่ละส่วนของเนื้อหาไม่ค่อยกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน ชอบฉากจบที่อื้ออึงและทรงพลังมาก ภาพเปรียบเทียบศรัทธาและความผิดบาปของชาย 2 คน หนึ่งคือนักขุดเจาะน้ำมัน หนึ่งคือพระในศาสนาคริสต์ ชัดเจนจนไม่ต้องตีความมากนัก การพูดโน้มน้าวชาวบ้านให้ยอมให้ใช้ที่ดินขุดน้ำมันของแดเนี่ยล เพลนวิว ไม่ต่างจากการเทศนาเผยแผ่เพื่อเพิ่มจำนวนสาวกของอีไล ซันเดย์น้ำมันดิน ที่มีสีดำเหนียวเหนอะในทางคริสต์ศิลป์หมายถึงความชั่วร้าย ความผิดบาป นามสกุล ซันเดย์ ชัดเจนอย่างยิ่งสำหรับชาวคริสต์ เช่นเดียวกับ อีไล (Eli) มีความหมายว่า พระเจ้า(God) แถมฉากที่อีไลทำร้ายพ่อชื่อ เอเบิล เพราะไม่พอใจน้องชาย ยังชวนให้นึกถึง เคน ที่ฆ่า เอเบิล (หรืออาเบล) ในภาคพันธสัญญาเดิม เพราะริษยาที่พระเจ้าพึงใจน้องมากกว่าตน●....Persepolis ....ถ้านี่ไม่ใช่อัตชีวประวัติของผู้สร้าง อาจเข้าใจได้ว่าเป็นสื่อการสอนประวัติศาสตร์อิหร่านศตวรรษที่ 20 ในสายตาของโลกเสรี สำหรับนักเรียนระดับมัธยม ให้คะแนนเต็มสำหรับความสร้างสรรค์ในด้านการเล่าเรื่องด้วยแอนิเมชั่น และความคมคายในการเสียดสี-ล้อเลียน-จิกกัดทั้งตนเองและอิหร่าน แต่ก็รู้สึกแปลกๆ ที่หนังไม่ได้เล่าประวัติชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง(หรือของ มาร์จาน ซาตราพี -ผู้สร้าง) โดยใช้อิหร่านเป็นฉากหลังที่มีผลกระทบ แต่กลับเล่าถึงประวัติศาสตร์กับเน้นย้ำภาพลักษณ์เดิมๆ ของอิหร่าน ผ่านเรื่องราวของเธอ ซึ่งย่อมให้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง ทั้งยังแสดงออกถึงเจตนาด้วย พอได้อ่านคำนำในนิยายภาพต้นฉบับจึงรู้ว่าซาตราพีสร้างงานนี้โดยตั้งใจมุ่งกล่าวโทษผู้ปกครองอิหร่านหลังการปฏิวัติอิสลาม 1979 นี่เอง Persepolis เป็นไฟล์พีดีเอฟ ทั้ง ภาค 1 และ ภาค 2 สนใจเชิญโหลด (คลิกขวา save target as) ●....In the Valley of Elah ....เฉยๆ กับประเด็นเรื่องสงครามอิรักและการตั้งคำถามถึงบทบาทของสหรัฐอเมริกากับสงครามนอกประเทศ เพราะมองออกตั้งแต่แรกแล้ว แต่ที่ชอบมากคือหนังถ่ายทอดภาวะความสูญเสียของผู้เป็นพ่อ-แม่ได้ดีเหลือเกิน โดยเฉพาะพ่อซึ่งนอกจากจะเสียใจแล้ว ยังถูกความรู้สึกผิดโบยตีอย่างรุนแรง แต่ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร เขาต้องกดข่มมันเอาไว้ อยากคารวะงามๆ ให้การแสดงของ ทอมมี่ ลี โจนส์ ขณะที่ ซูซาน ซาแรนดอน แม้บทไม่มากแต่ก็มีพลังไม่ยิ่งหย่อน ชอบบทตำรวจหญิงของ ชาร์ลิซ เธียรอน ที่ไม่ได้เก่งกล้าเกินตัวหรือแสดงออกว่าฉันเจ๋ง แต่เป็นเพียงแม่ลูกหนึ่งที่มีอาชีพเป็นตำรวจ ●....ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น ....หนังทำได้ตามเป้าหมายในระดับน่าชื่นชม อย่าลืมว่านี่คือหนังรักของวัยรุ่น ขายดาราหน้าใส ขายเพลงเพราะๆ ภาพสวยๆ มุขตลกกวนๆ ดังนั้น ขืนเรียกร้องอะไรที่สูงส่งกว่านี้จะปวดตับเปล่าๆ เข้าท่าตรงที่ไม่พยายามโยงทั้ง 4 เรื่องเป็นเรื่องเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกัน ใช้บางฉากหรือใช้หนังเรื่องเดียวกันอย่างนี้พอแล้ว ไม่เลี่ยนและซ้ำกับหนังเรื่องอื่น ช่วงเวลาปิดเทอมเดือนเมษายนก็มีคาแร็กเตอร์ของมันที่เหมาะกับการเอามาใช้เป็นฉากสำคัญ ทั้งเช็งเม้ง-สงกรานต์-ฟุลมูน เขียนถึงเรื่อง รักจากคนใกล้ตัว ไว้ ที่นี่ ครับ พอดีได้อ่านเรื่องสั้นที่มากับหนังสือรวมภาพ ประเด็นนี้จะเห็นชัดมากโดยเฉพาะเรื่องของโอ๋เล็กที่พ่อเป็นคนโน้มน้าวให้ลูกเรียนภาษาจีนตั้งแต่แรก แต่ลูกๆ ไม่สนใจ●....The Darjeeling Limited (imdb) แพ้ทางหนังสไตล์นี้ของ เวส แอนเดอร์สัน มุขตลกหน้าตาย ตัวละครเพี้ยนๆ เอ๋อๆ กับเรื่องราวชุลมุนวุ่นวายชวนงวยงง (จึงเหมาะกับนักแสดงอย่าง บิล เมอร์เรย์ มากๆ) แต่ถึงจะเพี้ยนก็ใช่ว่าจะว่างเปล่าเบาโหวง หนังชวนให้เราคิดและจับความรู้สึกเราได้อยู่หมัด ฉากวิ่งขึ้นรถไฟตอนใกล้จบวิเศษสุด พอๆ กับฉากเห็นปลาฉลามลึกลับใน The Life Aquatic with Steve Zissou (2004) ว่าไปแล้วหนัง 2 เรื่องนี้คล้ายกันมาก ความสัมพันธ์แปร่งๆ ระหว่างตัวละครลูกกับพ่อ(แถมด้วยแม่) สถานที่เกิดเหตุที่หลุดจากสภาพปกติ และเรื่องราวการเดินทางแสวงหาบางอย่าง แต่ภาพรวม The Darjeeling Limited ดูดีกว่า การใช้ฉากหลังเป็น อินเดีย กลายเป็นเสน่ห์สำคัญของหนัง ทั้งสีสันสดใสแฟนตาซี ดนตรีประกอบ และทัศนียภาพ ●....The Counterfeiters (imdb) ออสการ์หนังภาษาต่างประเทศหนล่าสุดจากออสเตรีย เกี่ยวกับปฏิบัติการปลอมเงินปอนด์ของนาซีระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เห็นว่าจะเข้าฉายเร็วๆ นี้ หนังดีในระดับมาตรฐาน แต่ค่อนข้างซ้ำซากและไม่ได้พิเศษอะไรนัก โดยเฉพาะหากเปรียบเทียบกับหนังเรื่องอื่นที่เข้าประกวดด้วยกัน (บทวิจารณ์) ถ้านับเฉพาะ 4 จาก 5 เรื่องสุดท้าย (ขาดเรื่อง 12 จากรัสเซีย) หนังที่เห็นว่าดีที่สุดคือ Katyn ●....Katyn (imdb) งานของ อังเดรจ์ วาจ์ดา (Andrzej Wajda) ผู้กำกับวัย 80 แต่ชั้นเชิงเหลือหลาย เกี่ยวกับเหตุโศกนาฏกรรมช็อกโลกก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่โซเวียตฆ่า-เผาชาวโปแลนด์กว่า 2 หมื่นศพ ในป่าคาทิน หนังเล่าถึงผู้คนทั้งที่เป็นเหยื่อและครอบครัวที่สูญเสียโดยไม่ได้โฟกัสไปที่ตัวละครใดเป็นหลัก แต่ย้ายเปลี่ยนเรื่องราวไปมา แต่ละตัวละครเชื่อมเกี่ยวกันแบบหลวมๆ ก่อนจะเปิดเผยเหตุการณ์โหดร้ายตอนท้ายเรื่องบางทีบทสรุปแบบ feel bad ต่างจาก The Counterfeiters หรือ The Lives of Others ผู้ชนะเมื่อปีที่แล้ว อาจเป็นเหตุผลที่ออสการ์ไม่เลือกเรื่องนี้ ●....Mongol (imdb) อีกเรื่องที่ติด 5 เรื่องสุดท้าย ตัวแทนจากคาซักสถานที่ไม่มีความเป็นคาซักแม้แต่น้อย เป็นประวัติ เตมูจิน หรือ เจงกิสข่าน (แสดงโดย ทาดาโนบุ อาซาโน่ ) จากวัยเด็กถึงจุดเริ่มต้นแห่งความยิ่งใหญ่โดยเน้นไปที่เรื่องราวความรักของเขากับหญิงสาวผู้อยู่เบื้องหลัง เป็นเจงกิสข่านเวอร์ชั่นพระเอ๊ก....พระเอก งานสร้างได้มาตรฐานความยิ่งใหญ่สมกับเป็นทีมงานระดับอินเตอร์ ส่วนตัวหนังก็ทำได้ไม่มีจุดตำหนิ เสียดายแค่ฉากสงครามตอนไคลแม็กซ์ไปเล่นกับเรื่องเหนือธรรมชาติจนอารมณ์สะดุด (บทวิจารณ์) ●....The Orphanage (imdb) หนังผีสเปนส่งชิงออสการ์ซึ่ง กีลเลร์โม เดล โทโร ภูมิใจนำเสนอ เกี่ยวกับเรื่องลึกลับในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและเด็กชายที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ปกติไม่ค่อยได้ดูหนังสยองขวัญ ยิ่งกับหนังสยองขวัญยุคใหม่ แต่เรื่องนี้ดูแล้วได้อารมณ์สยองขวัญย้อนยุคดีเหลือเกิน เปิดเรื่องมาก็เหวอได้ที่ โดยเฉพาะฉากไตเติ้ลที่เป็นมือเด็กฉีกวอลล์เปเปอร์! (บทวิจารณ์) ●....Taxi to the Dark Side (imdb) นี่ก็หนังรางวัลออสการ์ แต่เป็นสาขาหนังสารคดี เอาชนะ No End in Sight ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับสงครามก่อการร้ายของสหรัฐอเมริกาเช่นกัน Taxi to the Dark Side เป็นสารคดีของบีบีซีในชุด Why Democracy? จับประเด็นการตายของโชเฟอร์แท็กซี่ชาวอัฟกันที่โดนทหารสหรัฐอุ้มไปทรมานสอบปากคำที่ฐานทัพอากาศบากรามจนเสียชีวิต สำรวจตรวจสอบนโยบาย ที่มา ความคิดเห็นและการปฏิบัติ ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงจนถึงทหารเล็กๆ โดยโยงไปถึงกรณี อาบู กราอิบ และ กวนตานาโม แม้ผู้สร้างจะมองเหตุการณ์ดังกล่าวในแง่ลบ แต่ท่าทีของหนังไม่ได้มุ่งโจมตีหรือตีแผ่ หนังนำเสนอความคิดความเห็น หยิบยกอ้างอิงถึงภาพข่าวและตัวบุคคลอย่างรอบด้านและตามที่เป็นจริงโดยไม่ได้ใช้วิธีการทางภาพยนตร์แต่งเสริม(อย่างที่ ไมเคิล มัวร์ ทำกับ Fahrenheit 9/11 ) นอกจากการโค้ทคำพูดที่เห็นว่าสำคัญเท่านั้น●....Into the Wild (imdb) งานกำกับฯของ ฌอน เพนน์ จากหนังสือของ จอน คราเคาเออร์ เกี่ยวกับหนุ่มวัย 20 จากครอบครัวมีอันจะกิน ปฏิเสธกฎกรอบของสังคม ออกเดินทางเข้าถึงธรรมชาติตามลำพังโดยมีปลายทางสุดท้ายที่อลาสก้า ยกให้เป็นหนังเด่นประจำเดือน หนังสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างยิ่ง ทั้งสะใจ ฮึกเหิม สุขสงบ โศกเศร้า อ้างว้าง สับสน และยิ่งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในฉากจบ การแสดงของ ฮัล ฮอลบรู๊ค กับบทชายชราผู้อ้างว้างคืออีกหนึ่งไฮไลท์ของหนัง ●....Knocked Up (imdb) ดูเรื่องนี้หลังจากดู The 40 Year Old Virgin (2005) ไม่นาน ทำให้รู้ว่าตนเองไม่โปรดหนังของ จัดด์ อพาโทว์ เพราะทั้งเลี่ยนและเยิ่นเย้อ แม้จะชอบความบ้าและบทสนทนาแสบๆ แบบด้นสดของพระเอกและกลุ่มเพื่อน(ทั้ง 2 เรื่อง) ดีวีดีเรื่องนี้มีทีเด็ดตรง mockumentary ที่ เบนเน็ธ มิลเลอร์ ผู้กำกับ Capote มาเล่นเป็นตัวเองในบท ผู้กำกับผู้กำกับ อพาโทว์อีกที ...ฮาดี ●....12:08 East of Bucharest (imdb) หนังสะท้อนสังคมโรมาเนียยุค 20 ปีหลังการปฏิวัติ อารมณ์ขันขื่นเสียดสีได้คมคาย สภาพชีวิตตัวละครแห้งแล้งห่อเหี่ยวแต่บทสรุปสุดท้ายยังมองเห็นความหวัง (บทวิจารณ์) ●....Away from Her (imdb) หนังว่าด้วยคู่รักวัยบั้นปลายที่ฝ่ายหญิงเป็นอัลไซเมอร์ สามีส่งเธอเข้าศูนย์รักษา แต่เธอกลับลืมเขาโดยสิ้นเชิงแล้วไปใกล้ชิดกับคนไข้ชายคนหนึ่ง หนังเล่าแบบสลับช่วงเวลาสอดรับกับเรื่องราวเกี่ยวกับความทรงจำได้อย่างดี (แม้จะงงไปบ้าง) ใช้ความขาวโพลนและหนาวเหน็บของหิมะสะท้อนความรู้สึกของตัวละคร ดูแล้วเศร้าและเคว้งคว้าง จูลี่ คริสตี้ แสดงได้เยี่ยมสมกับคำชมและรางวัลหลายเวที (แต่ก็โอเคกับ มาริยง โกตีลลาด์ ที่เป็นฝ่ายได้ออสการ์ เพราะเธอเด่นกว่าอย่างเห็นได้ชัด) กอร์ดอน พินเซนต์ ในบทสามี กับ โอลิมเปีย ดูคาคิส ก็เยี่ยมเช่นกัน●....Things We Lost in the Fire (imdb) นี่ก็หนังชีวิตหนักๆ กับการแสดงเข้มข้น ฮัลลี่ เบอร์รี่ (กับบทบาทที่ดีที่สุดนับแต่ Monster's Ball ) เป็นหญิงสาวลูกสองที่เพิ่งสูญเสียสามี เธอจึงพา เบนิซิโอ เดล โทโร เพื่อนสนิทของสามีที่ชีวิตล้มเหลวจมปลักกับเฮโรอีนและสามีของเธอคอยช่วยเหลือมาตลอดเข้ามาอยู่ในบ้าน เผื่อจะช่วยเยียวยาความรู้สึกของเธอได้ หนังพูดถึงด้านดีของมนุษย์ที่รู้จักอ้าแขนเปิดรับและช่วยเหลือคนอื่น ไม่สำคัญว่าจะเป็นอย่างไรหรืออยู่ในสถานะไหน พูดถึงการมีใครสักคน มีครอบครัว มีคนที่รัก ว่ามีความสำคัญมากกว่าสิ่งใดๆ แม้เนื้อหาเคร่งเครียดแต่หนังไม่ได้กระหน่ำหนักใส่ตัวละคร ตรงกันข้าม...หนังให้ความรู้สึกที่ดีและมีความหวังกับการใช้ชีวิต ●....Before the Devil Knows You're Dead (imdb) เพิ่งเขียนถึง ซิดนีย์ ลูเม็ต ไปเมื่อเดือนก่อนกับหนังคุณภาพพื้นๆ เรื่อง Find Me Guilty: The Jackie Dee Story นี่คือหนังลำดับถัดมาที่คุณภาพแตกต่างกันมากมาย แม้ว่าความดีความชอบส่วนหนึ่งต้องยกให้บทหนังที่ดีของ เคลลี่ มาสเตอร์สัน หนังจับไปที่เหตุหายนะซึ่งลุกลามจากการที่สองพี่น้อง(ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟฟ์แมน กับ อีธาน ฮอว์ค ) วางแผนกันปล้นร้านจิวเวลรี่ของพ่อ-แม่ตัวเอง เล่าเรื่องแบบเก๋ไก๋โดยสลับกันเล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวย้อนหลังผ่านตัวละครแต่ละตัว ค่อยๆ ขยายให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไรมากขึ้นเรื่อยๆ สุดยอดกับทีมนักแสดงทุกคน โดยเฉพาะ มาริสา โทเม ในบทเมียที่แอบมีอะไรกับน้องชายสามี บทเธอแรงมาก แถมเล่นแบบเปิดเผยมากด้วย (หนังเปิดเรื่องด้วยฉากเซ็กซ์ร้อนเร่าเปลือยหมดจดระหว่างฮอฟฟ์แมนกับโทเม!)●....The Assassination of Jesse James by the Coward Robert Ford (imdb) วาระสุดท้ายของ เจสซี เจมส์ ในหนังที่ทำได้ดีสุดสุด ให้ความรู้สึกเหมือนยามเย็นที่แสงแดดใกล้ลับฟ้า เอื่อยเฉื่อย-หน่วง-หนัก แต่ก็ผ่อนคลาย ปล่อยวาง ที่สำคัญคืองดงามราวบทกวี ปรบมือเป็นพิเศษให้กับ แบรด พิตต์ กับบทเจสซี เจมส์ ตัวละครผู้หยิ่งทะนงบนความหมองเศร้า ปรบมืออีกรอบให้กับงานกำกับภาพของ โรเจอร์ ดีกินส์ ดนตรีประกอบของ นิค เคฟ กับ วอร์เรน เอลลิส ก็เยี่ยม.... สรุปคือหนังดีมาก (ย้ำอีกครั้ง) ●....สำหรับหนังสั้น ได้ดูของ อับบาส เคียรอสตามี 4 เรื่อง เขียนถึงไว้ ที่นี่ ครับ ●....อีกเรื่องคือ Herakles (1962) หนัง(สั้น)เรื่องแรกของ แวร์เนอร์ แฮร์โซก ไว้มีโอกาสจะหยิบมาเขียนถึงโดยเฉพาะ
Create Date : 14 เมษายน 2551
Last Update : 14 เมษายน 2551 15:44:22 น.
11 comments
Counter : 1024 Pageviews.
โดย: nanoguy IP: 125.24.65.108 วันที่: 14 เมษายน 2551 เวลา:5:48:14 น.
โดย: yawaiam IP: 118.172.164.182 วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:5:09:09 น.
โดย: grappa IP: 58.9.192.188 วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:8:09:57 น.
โดย: goldfish memory IP: 58.9.168.13 วันที่: 16 เมษายน 2551 เวลา:20:01:54 น.
โดย: เชอรี่ IP: 203.150.202.226 วันที่: 17 เมษายน 2551 เวลา:12:52:52 น.
โดย: ม่วนน้อย วันที่: 17 เมษายน 2551 เวลา:22:17:29 น.
โดย: wayakon IP: 58.9.99.107 วันที่: 19 เมษายน 2551 เวลา:18:24:29 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................select movie / blog ....... --international-- ....... The Walking Dead I Wish I Knew 127 Hours The Expendables vs. Salt No puedo vivir sin ti Bright Star The World is Big and Salvation Lurks Around the Corner Sin Nombre Invictus Afghan Star Moon Gigante The Promotion An Education Up in the Air Snow (Snijeg) Liverpool Tahaan Lion's Den Tulpan Everlasting Moments Absurdistan Topsy-Turvy Ramchand Pakistani The Pope's Toilet Antonio's Secret พลเมืองจูหลิง Flashbacks of a Fool And When Did You Last See Your Father? The Boy in the Striped Pyjamas Gran Torino Departures Gomorra Abouna + Daratt Grace Is Gone The Road to San Diego Into the Wild Slumdog Millionaire The Silly Age The Year My Parents Went on Vacation It's Hard to Be Nice Ben X Caramel The Class Kings จาก Kolya ถึง Empties The Unknown Woman Dokuz Heima Cocalero The Blood of My Brother & Iraq in Fragments 12:08 East of Bucharest Rescue Dawn Mongol 6 : 30 Something Like Happiness To Each His Cinema The Counterfeiters ข้างหลังภาพ Lions for Lambs + Michael Clayton Father and Daughter Possible Lives กอด The Buried Forest รัก-ออกแบบไม่ได้ Lights in the Dusk The Piano Teacher Do You Remember Dolly Bell? Sisters in Law Al Otro Lado A Time for Drunken Horses Zelary Bug The Invasion The Science of Sleep Paris, I love you Still Life The Lives of Others Heading South Renaissance ABC Africa The Death of Mr. Lazarescu Maria Full of Grace The Last Communist Eli, Eli, lema sabachthani? 4 : 30 Late August, Early September The Circle The Cave of the Yellow Dog Italian for Beginners Love/Juice Your Name is Justine The Syrian Bride Dragon Head Reconstruction Eros The Scarlet Letter The Night of Truth Familia Rodante Bonjour Monsieur Shlomi Lantana Flanders Tokyo . Sora The World Whisky Buffalo Boy S21 : The Khmer Rouge Killing Machine Fire, Earth, Water C.R.A.Z.Y. All about My Mother Jasmine Women Battle in Heaven The Day I Became a Woman Man on the Train CSI : Grave Danger Innocence Life Is a Miracle Drugstore Girl Der Untergang The Bow Happily Ever After The Wayward Cloud The House of Sand Or, My Treasure Janji Joni Moolaade Vodka Lemon Angel on the Right Twentynine Palms The Taste of Tea ....... --independent-- ....... Goodbye Solo The Hurt Locker (500) Days of Summer Towelhead Kabluey Three Burials of Melquiades Estrada Titus Chuck & Buck The Woodsman Pollock Last Days The Limey Inside Deep Throat Coffee and Cigarettes Garden State My Name is Joe Sexy Beast Real Women Have Curves The Brown Bunny Before Sunset Elephant Bubble You Can Count on Me 9 Songs ....... --classic-- ....... Memories of Underdevelopment (1968) The Last Laugh The Snows of Kilimanjaro The Cabinet of Dr.Caligari Nanook of the North The Apu Trilogy ....... --หนังมีไว้ให้คิด-- ....... The Schoolgirl's Diary Long Road to Heaven The Imam and the Pastor Maquilapolis ....... --what a film!-- ....... Kabuliwala (1956) Macunaima (1969) Kozijat rog (1972) The Girl and the Echo (1964) Fruits of Passion (1981) Happy Gypsies (1967) ....... --introducing-- ....... Death Race 2000 (1975) ซอมบี้ปากีฯ+ผีดิบมาเลย์+ซูเปอร์แมนตุรกี Zinda Muoi Father and Daughter ....... --directed by-- ....... Ouran (1968) Pierwsza milosc (1974) Salome (1978) 4 หนังสั้น เคียรอสตามี recommended ....... - 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับภาพยนตร์ - เทมาเส็ก พิคเจอร์ส - Heading South - Still Life - The Apu Trilogy - The Day I Became a Woman - จาก Fire, Earth สู่ Water พญาอินทรี ศราทร @ wordpress
1 2 3 4 5
6 7 8 9 10 11 12
13 14 15 16 17 18 19
20 21 22 23 24 25 26
27 28 29 30
สงกรานต์นี้ผมว่าจะตะลุยดูหนังแผ่น
ผ่านไปแล้ว 2 วัน
ยังไม่ได้ดุเลย 5555