Science of Happiness สุขสร้างได้
ความสุขเป็นความรู้สึกพึง
พอใจที่จับต้องไม่ได้
ในทางวิทยาศาสตร์การวัดระดับความสุขจะใช้ทั้งแบบทดสอบและการใช้เครื่องมือ
วัดระดับสารเคมีในสมอง เพื่อตรวจหาค่าสารแห่งความสุขในภาวะต่างๆ
คู่มือของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้นิยามความสุขเอาไว้ว่า
เป็นลักษณะอารมณ์ที่เอื้อให้คนเกิดความสุข คนที่มีความสุข คือ คนที่…
- มีความภูมิใจในตนเอง แม้จะเศร้าบ้าง
ถ้าตราบใดที่ยังรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าก็จะยืนหยัดอยู่ได้
- มีความพึงพอใจในชีวิต การรู้จักพอทำให้ไม่ต้องดิ้นรน
ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจถึงสิ่งที่ตัวเองไม่มีจนเป็นทุกข์
- มีความสุขสงบ ก่อนจะรู้จักความสุข ต้องรู้จักความสงบ
ความมั่นคงทางจิตใจ แม้มีทุกข์ใดมากระทบ จิตที่สงบนิ่งย่อมไม่หวั่นไหว
นายแพทย์ลือชา วณรัตน์ หัวหน้าสำนักวิชาการสาธารณสุข
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นำเสนอสมการความสุขในมุมมองของเขาว่า
ความสุขที่เป็น = ความ
สุขที่มี
ความคาดหวัง
จากสมการข้างต้นจะเห็นได้ว่า หากต้องการเพิ่มค่าความสุขที่เป็น
ทำได้ง่ายๆ เพียงลดความคาดหวังลง ความสุขที่มีก็จะสูงขึ้น
ทำให้ความสุขที่เป็นสูงตามไปด้วย
แต่การจะลดความคาดหวังได้นั้นต้องเริ่มจากตัวเอง
ด้วยการมองทุกอย่างเป็นสองด้าน ไตร่ตรองทั้งด้านบวกและลบ
คนเรามักผิดหวังในสิ่งคาดไว้เพราะมัวแต่มองด้านที่ตัวเองหวังว่าจะได้
โดยลืมนึกถึงการนำมาซึ่งความสมหวัง
การมองสองด้านจะทำให้เห็นว่าแท้จริงแล้วเราต้องการอะไร
ความสมหวังจะมาได้อย่างไร เมื่อเห็นเนื้อแท้ชัดเจนแล้วแบบนี้
แม้พลาดหวังก็ยังมีเหตุผลรองรับเพื่อเตือนสติตนเองได้
วิทยาศาสตร์แห่งความสุข
วิทยาศาสตร์แห่งความสุข ศาสตร์ใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นราว 10 ปี
เป็นแขนงหนึ่งของวิชาจิตวิทยาเชิงบวก (Positive Psychology)
ใจความของวิชานี้ว่าด้วยการทำวิจัยเพื่อหาวิธีลดความทุกข์และเพิ่มความสุข
มวลรวมแก่ประชากร
คุณหนูดี-วนิษา เรซ
เล่าถึงความน่าสนใจของศาสตร์นี้ว่า “โดยปกติของการทำวิจัยเกี่ยวกับประชากร
จะเป็นการหาค่าเฉลี่ยหรือค่ามีนจากกลุ่มตัวอย่าง
แต่วิทยาศาสตร์แห่งความสุขนอกจากจะต้องวิจัยกับกลุ่มคนที่มีความสุขแล้ว
ยังเน้นกลุ่มคนที่ได้เกณฑ์ความสุขสูงสุด
เพราะเราต้องการหาวิธีว่าทำอย่างไรคนส่วนใหญ่จึงจะมีความสุขเทียบเท่ากับ
กลุ่มตัวอย่างที่อยู่ในเกณฑ์สุขมาก”
“เท่าที่คลุกคลีกับคนกลุ่มนี้
หนูดีพบว่าพวกเขามีเพียงแนวคิดและไลฟ์สไตล์บางอย่างเท่านั้นที่แตกต่างจากคน
ทั่วไป เช่น เมื่อเผชิญหน้ากับความทุกข์
คนกลุ่มนี้จะปรับตัวได้เร็วและอยู่กับความทุกข์ไม่นาน
ในทางการวิจัยเรียกความต่างตรงนี้ว่า growing tips statistic
ซึ่งหนูดีจะขอแปลเป็นไทยว่า “หลักการยอดอ่อนผลิใบ”
เหมือนต้นไม้ที่กำลังเติบโต
ส่วนยอดอ่อนบนสุดของต้นจะมีการเปลี่ยนแปลงของดีเอ็นเอมากที่สุดและมีการ
เจริญเติบโตมากที่สุด ฉะนั้นถ้าเราอยากรู้ว่าพืชเติบโตมากที่สุดในส่วนไหน
ก็ไม่จำเป็นต้องดูทั้งต้น ดูแค่ยอดอ่อนก็พอ
ในอดีตไม่เคยมีใครไปศึกษายอดอ่อน แต่ดูภาพรวมต้นไม้ทั้งต้น
เลยไม่มีใครรู้ว่าศักยภาพที่แท้จริงของคนเราอยู่ที่ไหน”
“วิทยาศาสตร์แห่งความสุข เป็นวิทยาศาสตร์เชิงป้องกัน
ไม่ใช่เครื่องมือกำจัดความทุกข์
ถ้าคุณมีความทุกข์หนักจากการสูญสียสิ่งที่รัก
พลาดหวังจากสิ่งที่ตั้งใจหรืออะไรก็ตาม
แล้วจะมาใช้วิทยาศาสตร์แห่งความสุขเป็นตัวบำบัดทุกข์ ก็ย่อมจะไม่เห็นผล
แต่ถ้าเรียนรู้ไว้แต่เนิ่นๆ
เมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์จะช่วยให้ยืนหยัดรับมือความทุกข์นั้นได้อย่าง
มั่นคง และเจ็บปวดน้อยลง
จะสรุปว่าศาสตร์นี้มีจุดมุ่งหมายคือการพ้นทุกข์เหมือนวิถีของศาสนาพุทธก็ได้
ค่ะ”
10 หนทางสร้างความสุข
อริสโตเติล กล่าวไว้ว่า “ความสุขขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน”
วิธีการสร้างสุขของแต่ละคนจึงหลายหลากแตกต่างกันไป และนี่คือ 10
แนวคิดเพื่อสร้างสุขอย่างเป็นไปได้ โดยเจ้าของผลงาน “พ่อรวยสอนลูก”
เรียบเรียงโดยคุณวิทยากร เชียงกูล ลองนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มสุขกันค่ะ
- ตระหนักว่าความสุขที่ยั่งยืนไม่ได้มาจากความสำเร็จทางการเงิน
ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้
ทรัพย์สินก็เหมือนกับสุขภาพ ถ้าไม่มีเลยเราย่อมทุกข์ทรมาน
แต่ถ้ามีมากเกินไปไม่ได้ยืนยันว่าเราจะสุขมากขึ้น
- ควบคุมการใช้เวลาให้ดี
การมีระเบียบวินัยโดยการจัดสรรเวลาทำงานหรือกิจกรรมต่างๆ
จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้ เพราะเมื่อทำเป้าหมายทุกอย่างเสร็จตามเวลา
ความเครียดหรือคับข้องใจก็จะไม่เกิด
- แสดงท่าว่ามีความสุข
บางครั้งเราต้องแสร้งว่ามีความสุขเพื่อปรับกรอบคิดของเราให้เป็นไปในทางบวก
หากเราพยายามยิ้มอยู่เสมอ จะทำให้ผู้คนรอบข้างเรารู้สึกดีขึ้น
และตัวเราก็จะรู้สึกดีตามไปด้วย
- หางานและกิจกรรมที่สอดคล้องกับความถนัด
คนมีความสุขมักเป็นคนสนุกกับงานที่ท้าทาย แต่ไม่ถึงขั้นทำให้เครียด
ดังนั้นควรหากิจกรรมที่ชอบและเสริมทักษะทำเป็นประจำ
- ออกกำลังกาย มีงานวิจัยจำนวนมากยืนยันว่า
การออกกำลังกายแบบต่อเนื่องวันละ 25-30 นาที
ไม่เพียงแต่ช่วยให้สุขภาพดีและกระปรี้กระเปร่าเท่านั้น
แต่ยังเป็นยาช่วยลดความวิตกกังวลหรือซึมเศร้าอย่างอ่อนๆด้วย
- พักผ่อนและนอนให้เพียงพอ ควรรู้จักแบ่งเวลาพักผ่อน อยู่คนเดียว
และนอนหลับให้เพียงพอ คนจำนวนมากมีปัญหาเรื่องการนอน
ทำให้ไม่กระปรี้กระเปร่า อ่อนเพลียและมีอารมณ์ซึมเศร้า
เป็นการสร้างทุกข์ให้ตัวเองโดยไม่รู้ตัว
- ให้ความสัมพันธ์เป็นตัวเยียวยา
การใกล้ชิดสนิทสนมกับคนที่เราผูกพันเอาใจใส่
จะช่วยเป็นแรงเสริมให้ยืนหยัดผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากได้
- สนใจสิ่งที่อยู่เหนือกว่าตัวคุณ
ยื่นมือออกไปช่วยคนที่ต้องการความช่วยเหลือ คนมีความสุขมักชอบช่วยคน
และการทำดีต่อคนอื่นช่วยให้คุณมีความสุขเพิ่มขึ้นด้วย
- รู้สึกขอบคุณต่อสิ่งดีๆ ในชีวิต
ลองหยุดคิดสักนิดว่าวันนี้มีสิ่งดีๆ อะไรในชีวิตบ้าง
จะทำให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้น
อย่ามัวคิดถึงชีวิตในแง่ลบเพียงเพราะตั้งความหวังมากเกินไป
- ฟูมฟักตัวตนด้านจิตวิญญาณ
ศรัทธาในสิ่งที่ดีย่อมทำให้เกิดความหวังและกำลังใจทำสิ่งที่ดี
คนที่มีศรัทธาในศาสนาหรืออุดมการณ์เพื่อสังคม
มีเหตุผลในการทำเพื่ออะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง
จึงเป็นคนที่มีความสุขมากกว่า
และเผชิญกับวิกฤติได้ดีกว่าคนที่ขาดศรัทธายึดเหนี่ยว
มาเพิ่มภูมิต้านทานความทุกข์ให้ตัวเองกันเถอะค่ะ
แล้วคุณจะยิ้มได้ตลอดไป และถ้าหากคุณยังไม่มั่นใจในระดับความสุขของตนเอง
ลองเข้าไปตรวจสอบได้จากดัชนี้ชี้วัดสุขภาพจิตคนไทย โดยกรมสุขภาพจิต
กระทรวงสาธารณสุข ที่ //www.dmh.go.th