25 Healthy Tips อย่ามองข้ามเรื่องเล็ก (แต่ร้าย)
- การดื่มน้ำปริมาณมากในเวลาอัน
รวดเร็วอาจก่อให้เกิดสภาวะน้ำเป็นพิษเนื่องจากเลือดเจือจาง
ร่างกายจึงขับโปแตสเซียมออกจากเซลล์เพื่อปรับสมดุลระหว่างน้ำในเซลล์และนอก
เซลล์ ผลที่ตามมาคือเป็นตะคริว กล้ามเนื้อเกร็ง หากเกิดอาการเกร็งที่สมอง
หัวใจ หรือปอด จะทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้
แต่ไม่ต้องกังวลจนเกินไปเพราะหากดื่มน้ำทีละเล็กทีละน้อย
แม้ดื่มมากกว่าปกติก็ไม่เป็นอันตรายเพราะไตจะขับออกมาเป็นปัสสาวะ
และถ้าเมื่อไรมีอาการจุกนั่นแสดงว่าดื่มน้ำมากไป ควรหยุดได้แล้ว
- การปล่อยให้ตนเองหิวอาจนำไปสู่โรคร้าย เพราะความ
หิวกระตุ้นร่างกายให้หลั่งฮอร์โมนความเครียด
ซึ่งหากเกิดขึ้นเป็นประจำจะทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
หรือเบาหวานได้ ลองควบคุมความหิวด้วยการแบ่งมื้ออาหารจากวันละ 3
มื้อเป็นมื้อเล็กๆ 5-6 มื้อต่อวัน
- ชา กาแฟ รวมถึงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนไม่เหมาะ
กับผู้ที่มีอาการปวดหลังเพราะคาเฟอีนลดการหลั่งสารเอนโดรฟีนซึ่งเป็นสารธรรม
ชาติที่ร่างกายผลิตขึ้นและมีฤทธิ์ลดอาการปวดตามอวัยวะต่างๆ
- วิธีง่ายๆในการดูแลสุขภาพคือหลังจากตื่นนอน
ทุกเช้า จะดื่มน้ำส้มสายชูที่หมักจากผลแอ๊ปเปิ้ล
ผสมกับน้ำผึ้งอย่างละ 1 : 1
ใส่น้ำอุ่นคนให้เข้ากันแล้วค่อยเติมน้ำแข็งลงไปเพื่อให้ทานง่ายและมีรสชาติ
ดีขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะไปช่วยการดูดซึมของระบบลำไส้ และการเผาผลาญของร่างกาย
แต่โรคบางโรคอาจเกิดจากสุขภาพจิตที่อ่อนแอ
ในหนึ่งอาทิตย์จึงควรจะมีวันพักผ่อนอย่างจริงจังหรือทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย
เช่น เล่นโยคะ เพื่อฟื้นฟูสุขภาพกายและลดมลภาวะทางจิตใจไปพร้อมๆ กัน
- การนอนดึกคืนวันศุกร์-เสาร์แล้วตื่นสายใน
วันเสาร์-อาทิตย์ทำให้นาฬิกาชีวภาพของร่างกายตั้งเวลาตื่นใหม่
เมื่อถึงวันจันทร์จึงมีอาการอิดเอื้อนไม่อยากตื่น
ทั้งยังทำให้ขาดสมาธิในการทำงานหรือเรียนหนังสืออีกด้วย
- แสงแดดยามเช้าไม่ได้ช่วยให้กระดูก
แข็งแรงเท่านั้น แต่การออกกำลังกายกลางแดดใน
ช่วงเวลาดังกล่าวยังช่วยให้ร่างกายผลิตสารเอนโดรฟีน
ซึ่งเป็นสารต่อต้านอาการซึมเศร้าตามธรรมชาติอีกด้วย
- ความเครียดเป็นตัวการทำลายผิวที่
ร้ายแรงที่สุด ฉะนั้นเราต้องปรับความคิดใหม่
และใช้ร่างกายเราอย่างทะนุถนอมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม หาเวลาออกกำลังกายบ้าง
และรับประทานอาหารดีๆ
- แอ๊ปเปิ้ล แตงโม กล้วย กีวี
มีประโยชน์
แต่ถ้าคุณรับประทานยาปฏิชีวนะอยู่ควรหลีกเลี่ยงผลไม้เหล่านี้เพราะบูดง่ายใน
ลำไส้ อาจเกิดการอักเสบในระบบทางเดินอาหารได้
- การไอเรื้อรังอาจเกิดจากการติดเชื้อ
ไวรัส ยาปฏิชีวนะที่แพทย์สั่งเพื่อรักษาอาการหวัดไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้
ให้ใช้วิธีที่สุดแสนธรรมดาแต่ได้ผลมากกว่าคือ ดื่มน้ำบ่อยๆ
เพื่อลดเสมหะในทางเดินหายใจ อมยาอมให้ลำคอชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา
และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานอย่างมี
ประสิทธิภาพ แค่นี้ก็หายแล้ว
- การที่เราคิดว่าตัวเองมีสุขภาพดี
แถมอายุยังน้อย ทำให้เราชะล่าใจในการดูแลรักษาสุขภาพ
เวลาเกิดอะไรผิดปกติขึ้นกับร่างกายจะคิดว่าช่างมัน เดี๋ยวคงหายเอง
ซึ่งไม่ถูกต้อง
- เมื่อมีอาการเท้าและข้อเท้าบวมให้
นั่งยองๆ ทุกวันๆ ละ 15 นาที แล้วขยับข้อเท้าไปข้าง หน้าและข้างหลัง
เพื่อช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น
หลังจากนั้นใช้แปรงที่ขนทำจากวัสดุธรรมชาติ แปรงผิวหนังเบาๆ
เริ่มบริเวณฝ่าเท้าซึ่งเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาททั่วร่างกาย แล้วค่อยๆ
ปัดไล่ขึ้นมาที่ข้อเท้า น่อง ต้นขา ท้อง แขนไปจนสุดที่มือทั้งสองข้าง
(ยกเว้นผู้ที่เป็นเบาหวาน เพราะเสี่ยงจะเกิดบาดแผล)
จากนั้นอาบน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและรับประทาน
ไข่มากกว่าอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เสี่ยงเป็นโรคหัวใจมากขึ้น
- ผู้ที่รับประทานไข่เป็นเวลา 8 อาทิตย์ลด
น้ำหนักได้มากกว่าผู้ที่ไม่รับประทานถึง 65 เปอร์เซ็นต์
และรอบเอวลดลงเกือบสองเท่า
เพราะผู้ที่รับประทานไข่รู้สึกอิ่มกว่าการรับประทานขนมปัง
ทำให้รับประทานอาหารกลางวันและอาหารเย็นน้อยลง
- การรับประทานอาหารไปดูหนังไปทำให้
รับประทานอาหารมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าจะกินอิ่มมาแล้วหรือรสชาติของอาหารไม่ได้เรื่องเลยก็ตาม
นอกจากนี้ไฟสลัวๆ ทำให้ผู้ที่รับประทานอาหารไม่ค่อยระวังตัว
เพลิดเพลินเจริญอาหารไปเรื่อย
- เสียงเพลงมีอิทธิพลต่ออารมณ์ของคน
เรายิ่งดนตรีมีจังหวะเร็วเท่าไรก็ยิ่งกระตุ้นให้รับประทานอาหารมากขึ้นเท่า
นั้น
- การดื่มน้ำ(เปล่า)เย็น 50 ออนซ์ (8
ออนซ์= 1 ถ้วย) จะช่วยเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นวันละ 50 แคลอรี
เท่ากับช่วยให้น้ำหนักลดลงปีละ 5 ปอนด์หรือ 2.5 กิโลกรัม
เพราะการดื่มน้ำเปล่าไม่ทำให้ร่างกายได้รับพลังงาน
แต่ต้องใช้พลังงานในการเผาผลาญน้ำ
ยิ่งไปกว่านั้นน้ำเย็นทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานเผาผลาญมากขึ้นอีก
- การออกกำลังกายด้วยการยกน้ำหนักและพิลาทิส
ควบคู่กันไปจะช่วยพัฒนาความแข็งแรงของปอดและหัวใจ
รวมถึงความแข็งแรงและยืดหยุ่นของโครงสร้าง และการรับประทานอาหารมื้อย่อยๆ 5
มื้อต่อวัน โดยมื้อกลางวันจะเน้นอาหารประเภทโปรตีนเพียง 1 มื้อ
นอกนั้นเน้นผักและผลไม้ จะทำให้มีพลังงานที่พอเหมาะในการใช้งาน
และไม่ทิ้งไขมันส่วนเกินสะสม
- ผู้ชายที่รับประทานมะเขือเทศซึ่งมี
ไลโคปีนสูงอย่างน้อยอาทิตย์ละ 10
ผลหรือมากกว่านั้นเสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยลง 45 เปอร์เซ็นต์
วิธีง่ายๆ ให้นำมะเขือเทศไปปั่นให้ละเอียดเติมน้ำมันมะกอกและนำไปปรุงสุก
ความร้อนจะช่วยให้มะเขือเทศปล่อยสารไลโคปีนออกมามากขึ้น
- รับประทานแอ๊ปเปิ้ลหนึ่งชิ้นหลังอาหาร
ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำลาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญใน
การลดแบคทีเรียในช่องปากและช่วยให้เหงือกแข็งแรง
การรับประทานสับปะรดและมะละกอคือก่อนอาหารประมาณ 2-3 ชิ้น
ดีต่อกระเพาะอาหารเพราะมีเอนไซน์ซึ่งช่วยย่อย
จึงเท่ากับช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารมื้อหลักที่ตามลงมาได้ง่ายขึ้น
- หากไม่อยากมีกรดในกระเพาะมากเกินไปควร
ลดปริมาณการดื่มน้ำผลไม้เข้มข้นอย่างเช่นมะนาว ส้ม ส้มโอ เกรฟฟรุ๊ต
หรือน้ำมะเขือเทศสดปั่น หรือทำให้เจือจางด้วยการผสมน้ำเข้าไป
- สำหรับหนุ่มเจ้าสำราญ
ที่ชอบปาร์ตี้หามรุ่งหามค่ำ
ก็สามารถฟื้นฟูร่างกายได้ด้วยการนอนหลับให้นานหน่อย
อีกวิธีหนึ่งในการดูแลตัวเองคือมีแฟนเด็ก
จะได้มีแรงกระตุ้นให้เราทำตัวเด็กตาม ต้องดูดีตลอดเวลา เพราะฉะนั้นอบายมุข
การเที่ยวกลางคืนก็เป็นอันต้องงด
- การเล่นเกมคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะเกม
ที่ต้องใช้สมาธิ ช่วยให้ระบบประสาททำงานเชื่อมต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ป้องกันโรคอัลเซเมอร์ได้ เกมอื่นๆ เช่น ปริศนาอักษรไขว้
หรือเลือกเรียนดนตรี ก็ช่วยได้เช่นกัน
- การใช้พลาสติกใส่อาหารหรือปิดอาหาร
รวมถึงใส่จานชามพลาสติกในไมโครเวฟ
เพราะความร้อนจะทำให้พลาสติกปนเปื้อนในอาหาร
เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม
- ก่อนตั้งครรภ์ควรเตรียมตัวล่วงหน้า
ประมาณ 3 เดือน 1.ดูแลเรื่องอาหารการกิน เน้นโฟเลต แคลเซียม วิตามินต่างๆ
ป้องกันอาการแพ้ท้องหรืออยากอาหารประหลาดๆ
2.ระวังเรื่องการรับประทานยาทุกชนิด อ่านฉลากให้ดี
เพราะอาจทำร้ายลูกโดยไม่เจตนา 3.ทำใจให้สบาย คิดในแง่บวก 4.
ออกกำลังกายที่เหมาะสม
- ถ้ามื้อนั้นรับประทานเนื้อสัตว์ในปริมาณมาก
ไม่ควรรับประทานผลไม้อีก เพราะกว่าเนื้อจะย่อยหมดต้องใช้เวลานาน
ทำให้ผลไม้ที่ย่อยเสร็จไปเรียบร้อยแล้วถูกกักอยู่ในกระเพาะ
เกิดกรดในกระเพาะอาหารได้