ศิลปะ กรีกและโรมัน

ศิลปะโรมันภายใต้จักรพรรดิConstantine



ศิลปะโรมันภายใต้จักรพรรดิ Constantine


หรือติดตามศิลปะกรีกโรมันเพิ่มได้อีกที่ //www.artinsidegreek.blogspot.com/
ในช่วงยุค Constantinian ที่จะอธิบายถึงศิลปะที่เห็นชัดได้อย่างเป็นทางการและเด่นชัดอย่างมาก โดยในปลายศตวรรษที่ 4 การพัฒนารูปแบบสถาปัตยกรรมที่ละเอียดอ่อนและโครงการที่เกี่ยวกับสาธารณะ ที่มีความต้องการนำเสนอลักษณะของเมืองที่เป็นที่สุด โดยเมืองที่จะค่อยเปลี่ยนแปลงไป ถึงอย่างไรก็ตามลานคนเมืองนั้นก็ยังคงเป็นจุดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนเมือง ในส่วนวิหารpagan(การไม่ยึดติดในศาสนา) ต่างๆ ได้ค่อยๆถูกรื้อถอนและจะถูกแทนที่ด้วยอาคารของคริสเตียน อย่างไรก็ตามมหาวิหารในกรุงโรมนั้นได้เริ่มต้นขึ้นโดย Maxentius และสำเร็จโดย Constantine โดยเป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่ของยุค Late Antiquity



ในมุขครึ่งวงกลมที่ซึ่งเป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์ โดยจะอยู่ทางทิศตะวันตกสุดของอาคาร จะเป็นรูปแกะสลักขนาดใหญ่ของ Constantine โดยเฉพาะแค่ศีรษะอย่างเดียวก็มีความสูงถึง 8 feet ครึ่ง แต่ปัจจุบันจะเหลืออยู่เฉพาะส่วนศีรษะ แขน และส่วนที่แตกหักอยู่เล็กน้อย ในรูปหุ่นแกะสลักนั้นยังทำให้เห็นถึงช่วงเวลายุคที่สำคัญ โดยจะเห็นได้จากจักรพรรดิที่นั่งบนบัลลังค์ แต่งกายด้วยชุด paludamentum และบนมือของเขาจะถือคฑา ที่น่าจะเชื่อว่าด้านบนสุดนั้นจะเป็นลักษณะไม้กางเขน



ในร่องรอยของอาคารส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงยุคสั้นๆ ของ Maxentius ที่ยังคงเห็นได้ในกรุงโรม สิ่งที่เห็นได้อย่างเด่นชัดอีกอย่างคือ วิหารวงกลมแบบดั้งเดิมที่อุทิศแด่ Romulus ทั้งในลานสนามและวังของเขาใน Via Appia ในงานแกะสลักทางการของยุค Tetrachic โดยที่เห็นถึงรูปแบบกลุ่มของ Tetrarchs จาก Constantinople ที่จะถูกแกะด้วยหินแร่ฟันม้าสีแดงในช่วงต้นศตวรรษที่ 4 และตอนนี้มันจะตั้งอยู่ที่มุขด้านหน้าของ St.Mark’s ใน Venice

ในรูปแบบที่ผสมผสานกันที่จะพบเห็นได้ทั้ง Mediterranean ในอสุสาวรีย์ที่เราจะได้เห็นการบรรยายถึงที่พักส่วนตัวที่มีการออกแบบอย่างหรูหรา ดังที่ Piazza Amerina ใน Sicily หรือ Centcelles ใกล้กับ Tarragona และรูปแกะเหมือนของพวกเขาที่เป็นลักษณะรูปเคารพของคริสเตียน basilicas ในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 4 แม้กระทั่งหีบศพหินแกะ ที่ค่อนข้างเป็นการแกะรูปเหมือน ลักษณะดวงตาที่โปน ศีรษะที่ค่อนข้างกลม และผมสั้น ต่อมาจะกระทั่งช่วงต้นศตวรรษที่ 5 รูปแบบเหล่านี้ได้เสื่อมความนิยมลงไป และเป็นรูปแบบที่หายากของ Classicism ในตัวอย่างที่เห็นได้อย่างดีคือ รูปแกะสลักของจักรพรรดิ Julian the Apostate ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Louvre ประเทศฝรั่งเศส




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2553   
Last Update : 4 มีนาคม 2554 9:25:18 น.   
Counter : 2893 Pageviews.  

ศิลปะและการล่มสลายของโรมัน


ศิลปะและการล่มสลายของโรมัน




หรือติดตามศิลปะกรีกโรมันเพิ่มได้อีกที่ //www.artinsidegreek.blogspot.com/
ในทุกวันนี้ เราจะมองย้อนกลับไปในยุค Late Antiquity เพื่อที่จะบรรยายถึงช่วงยุคสุดท้ายของอาณาจักรโรมัน
ถึงอย่างไรก็ตาม ในช่วงยุคสุดท้ายขิง Severans จนถึงจุดที่ตกต่ำที่สุดของ western Empire ในศตวรรษที่ 5 ที่จะเห็น
ถึงช่วงเวลาของการล่มสลาย โดยในการกอบกู้ภายใต้จักรพรรดิ Diocletian(284-305) และต่อมาในจักรพรรดิ Constantine(307-337) ที่มีสัญญาณในการขจัดความแตกแยกในยุคที่มีการถูกรุกราน โดยนั่นจะเป็นยุคที่เห็นได้ถึงความเป็นศูนย์กลางทางอำนาจที่เห็นได้อย่างเด่นชัด ที่เห็นได้จากการพัฒนาในราชสำนัก ไม่เฉพาะแค่กรุงโรม แต่ยังรวมถึง Trier, Milan, Sirmium, Constantinople แม้กระทั่ง Ravema



ในขณะที่จักรพรรดิ Constantine ได้นำยุค Tetrachic(การปกครองแบบหัวเมือง) ไปสู่จุดสิ้นสุด โดยเอาศาสนาคริสต์เข้ามาปกครองในอาณาจักร และได้มีการก่อตั้งสถาบันคณะกรรมการคริสเตียนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีบทบาทที่สำคัญกับชีวิตคนเมือง โดยใช้ศาสนจักรในการปกครอง รวมถึงการโปรโมตภาพลักษณ์ของศาสนจักรและศิลปะในรูปแบบคริสเตียน ที่จะประกอบด้วยอนุสาวรีย์แกะสลักทั้งในรูปแบบของสาธารณะและแบบส่วนตัว




 

Create Date : 19 ตุลาคม 2553   
Last Update : 4 มีนาคม 2554 9:27:27 น.   
Counter : 1007 Pageviews.  

ศิลปะงานแกะสลักของโรมันในศตวรรษที่3


หรือติดตามศิลปะกรีกโรมันเพิ่มได้อีกที่ //www.artinsidegreek.blogspot.com/


ศิลปะงานแกะสลักของโรมันในศตวรรษที่3



ภายใต้ช่วงเวลาของ severans, from Septimius Severus(193-212) ถึง Alexander Severus(222-235) โรมยังคงมีบทบาทเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรม ที่เป็นตามนโยบายของจักรพรรดิ โดยงานศิลป์ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมากมาย โดยเฉพาะในรูปแบบเอเชียดั้งเดิม รวมถึงงานที่นำเข้า และการรวมตัวกันของศิลปินในเมือง โดยเฉพาะจากศูนย์กลาง Hellenistic ที่จะมีชื่อเสียงอย่างมากในการนำเข้าหีบศพหินแกะสลักแต่ผลจากการถูกทำลายล้างในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 3 ทำให้หยุดการสร้างที่ Taranto ในงานแกะสลักหีบศพหินนั้น จะมีการทำให้เกิดแรงใจใหม่ๆที่จะรวมถึง รูปแบบสัญลักษณ์ ตำนาน และศาสนาแห่งเอเชีย และการเปรียบให้เห็นหนทางในรูปแบบแห่งคริสเตียน ในงานแกะลักษณะส่วนตัวของหีบศพ เราจะเห็นความสัมพันธ์ที่เหมือนกันในงานที่มีมาก่อนหน้านี้ คือ งานแกะบุคคลสาธารณะ และงานแกะบุคคลเหมือนในส่วนฝ่ายบริหารที่บ่อยครั้งเราจะเห็ฯการนำเสนอเกี่ยวกับความตาย โดยจะหยิบในส่วนการไล่ล่าหรือฉากสงคราม เมื่อเราเข้าไปในศตวรรษที่ 3 เราจะเห็ฯงานแกะหีบศพที่ละเอียดอ่อนอย่างมากมาย ในงานหีบศพของ Ludovisi จะเห็นเป็นตัวอย่างที่ Museo delle Terme ที่จะอยู่ในช่วงเวลาแรกๆของศตวรรษ จะมีลักษณะที่เหมือนจริงอย่างมาก ในการตายในชุดนักรบ ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่เป็นสมัยนิยมอย่างมากก็คือฉากชนบทหรือท้องไร่นา ที่จะถูกแกะอยู่โดยรอบตัวหีบศพ นี่ดูจะเป็นการก้าวไปอีกขั้นนึงในงานแกะสลักของคริสเตียน



ใน 2 ชิ้นงานที่โดดเด่นอย่างมากในงานแกะสลักสาธารณะที่ยังคงอยู่จากยุค Severan อันแรกคือประตูที่เรารู้จักกันในชื่อ Silversmiths’s Arch
ที่ถูกก่อตั้งในปี 204 AD ที่จะเป็นทางเข้าไปสู่ Forum Boarium ที่เมื่อก่อนจะเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของสาธารณะรัฐโรม มีงานแกะสลักอนุสาวรีย์หลากหลายรูปแบบที่มีชื่อเสียงในยุค Late Antique ในจักรพรรดิและจักรรพดินี จะปรากฏเห็นได้เกือบทุกที่ในงานแกะ ที่จะเป็นการแสดงให้เห็นในส่วนด้านหน้าสุด จะไม่อยู่ลึกลงไป และจะถูกตกแต่งด้วยใบไม้พืชพันธ์ ที่เป็นส่วนสำคัญในการออกแบบ ในงานอันที่ 2 ที่จะเป็นอนุสาวรีย์ที่สำคัญที่สุดคือ Arch of Septimius Severus ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 203AD จะประกอบด้วยประตูที่เปิดโล่ง 3 ช่อง โดยมีเสาที่ตั้งออกมาจากตัวผนังที่จะอยู่ส่วนข้างของแต่ละประตู โดยเสานั้นจะตั้งอยู่บนฐานที่ใหญ่อย่างมาก และในส่วนด้านบนจะเป็นการจารึกตัวอักษรเรื่องราวประวัติศาสตร์ ในส่วนงานแกะเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ขนาดใหญ่ทั้ง 4 ที่อยู่ด้านข้างของซุ้มประตู จะกล่าวถึง Septimius Severus ในการพิชิตใน Mesopotamia แผ่นต่อมาจะเป็นงานแกะสลักเรื่องราวประเพณีของโรมัน รวมถึง Herodian โดยในฉากกองทัพนั้นจะได้แรงบันดาลใจมากจาก ภาพวาดของจักรพรรดิที่ส่งไปยังวุฒิสภา ในรูปแบบต่างๆนั้น จะเห็นได้อย่างชัดเจนกับความเกี่ยวเนื่อง ไปยังงานแกะสลักที่เสา ใน Trajan and Marcus Aurelius ถึงอย่างไรก็ตามในส่วนของการแกะสลักก็จะแตกต่างกันอย่างมาก โดยยังคงรูปแบบการแกะสลักของทางฝ่ายบริหารในช่วงแรกของศตวรรษที่ 3 ในส่วนงานแกะสาธารณะ และลักษณะส่วนตัวของหีบศพ ที่ตอนนี้ได้ถูกพัฒนาไปควบคู่กัน รวมถึงในงานวาดด้วย ในส่วนงานแกะหีบศพของ Palazzo Mattei เป็นฉากการแกะการไล่ล่า ที่จะแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นใน second quarter ในศตวรรษที่ 3 นี้ ในงานแกะลักษณะรูปแบบนี้จะเห็นถึงรูปแบบที่หลากหลายของยุคนี้ รวมถึงงานรูปเหมือนในราชวงศ์ด้วย ที่จะมีมีความเสรีเพิ่มขึ้นจาก Classical canons และในเวลาเดียวกัน ก็มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ใน physical and psychological individualism



ในช่วงศตวรรษที่ 3 นี้ ในภูมิภาคเริ่มที่จะมีการพัฒนางานแกะในรูปแบบท้องถิ่นมากขึ้น การปลดปล่อยอย่างอิสระ การพัฒนารูปแบบในพื้นที่ตัวเอง และการเริ่มรับอิทธิพลศิลปะของโรม ในวัตถุดิบและเทคนิคนั้นยังคงใช้ช่างฝีมือในท้องถิ่น แต่ส่วนสำคัญที่เห็นได้อย่างแตกต่างก็คือกระบวนการ จากช่วงเวลาของ Gallienus(253-268) จนถึง Tetrarchy ศิลปะโรมันจะเฟื่องฟูไปด้วยประเพณี Hellenistic และรูปแบบที่ถูกพัฒนาในสภาวะที่ศิลปินมีความเป็นอิสระ แต่มันก็ไม่อยู่ถึงในช่วงเวลาที่ Constantine ได้ทำการรวบรวมเป็นอาณาจักร ที่ซึ่งในช่วงเวลานี้ จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคริสเตียนนิตี้




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2553   
Last Update : 4 มีนาคม 2554 9:28:51 น.   
Counter : 1122 Pageviews.  

ตำนานศิลปะแห่งจักรพรรดิ AUGUSTAN แห่งโรมัน

ตำนานศิลปะแห่งจักรพรรดิ AUGUSTAN แห่งโรมัน


หรือติดตามศิลปะกรีกโรมันเพิ่มได้อีกที่ //www.artinsidegreek.blogspot.com/


จักรพรรดิได้จัดระบบของรัฐบาลและการบริหารแบบศูนย์รวมโดยที่ตัวเองนั้นเป็นผู้นำของกองทัพและ Pontifex Maximus ในการเข้ามาของ Augustus ในปี (27 BC - 14 AD), ได้ทำให้เกิดความรู้สึกใหม่ในการขจัดฝันร้ายของสงครามกลางเมือง Augustus นั้นได้ประกาศกำหนดในการก่อตั้งกรุงโรมันขึ้นอีกครั้งในความต้องการของเขา

และสนับสนุนงานวรรณกรรมและศิลปะ ผลของการรวมศูนย์กลางขึ้นใหม่นี้ มีความเป็นเอกภาพของรูปแบบที่น่าประทับใจ มีความตั้งใจที่ชัดเจนจะผสมตำนานของต้นกำเนิดของกรุงโรม ในงานของศิลปะเป็น Ara Pacis หรือบทกวีมหากาพย์ Virgil 's, ในAeneid ที่มีการนำเสนอการหาฮีโร่โทรจันในฐานะ prefiguring ของ Augustus เอง ในงานสถาปัตยกรรม, Augustus ได้เปลี่ยนเมืองของกรุงโรม, การใช้อย่างมากมายของหินอ่อน และเหนือกว่าความสำเร็จของจูเลียสซีซาร์โดยการสร้างฟอรั่มของตัวเองที่ยกระดับ lulia gens



รูปปั้นของ Augustus ที่สวมเสื้อเกราะ จากบ้านพักชานเมือง Livia ของที่พรีม่า Porta ในทาง Flaminia (วาติกัน), การแสดงถึงพระจักรพรรดิในการแต่งกายทหาร paludamentum บนแขนซ้ายของเขาและทวนในมือ ส่วนมือขวาของเขาจะทำให้ท่าทางที่เขาเรียกร้องให้เงียบสงบ ในการแกะสลักรูป, ปฏิมากรแสดงถึงความชัดเจนจากแรงบันดาลใจจากรูปแบบที่มีชื่อเสียงเช่น Doryphorus ของ Polyclitus ในส่วนภาพนี้ของ epitomizes มีลักษณะแนวโน้มใหม่ idealizing ของ Augustan ในศิลปะแบบคลาสสิค

รูปปั้นพรีม่า Porta เป็นสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับงาน reliefs ที่ตกแต่งบนเสื้อเกราะจักรพรรดิ องค์ประกอบคือการปกครองโดยการสมมุติตัวตนของท้องฟ้า ซึ่ง hovers เหนือราชรถของดวงอาทิตย์แห่งพระเจ้า และที่ตามมาของร่างของออโรร่าและฟอสฟอรัส Tellus,คือ พระเจ้าของโลกพร้อมด้วยสอง putti และล้อมรอบด้วยอพอลโลขี่กริฟฟิน และ Diana บนหลัง อยู่ตรงบริเวณส่วนล่างของเสื้อเกราะ รายละเอียดตรงกลางจะได้รับการเพิ่มขึ้นอย่างมากฉากสัญลักษณ์ที่กำหนดไม่เพียงแต่เฉพาะอุดมการณ์ของอาณาจักร แต่ความพยายามเผยแพร่ ทั้งในรัชกาล Augustus ในส่วนกษัตริย์ของ Parthians, Phraates IV จะแสดงการกู้คืนความสูญเสียไปโดย Crassus ในส่วน Tiberius ผู้ pacified เยอรมนีและ Pannonia ในปี 12-8ปีก่อนคริสตกาล นี้จะช่วยให้เราได้เบาะแสจากวันที่ของรูปปั้นหรือรูปแบบของรูปปั้นจึงเน้นการสนับสนุน Augustus สำหรับ Tiberius และเป็นตัวอย่างรูปแบบนีโอคลาสสิกที่เกิดขึ้นใหม่ที่มีส่วนผสมของ Neo - Atticism, ที่ชัดเจนใน reliefs ของเสื้อเกราะ

Ara Pacis เป็นอนุสาวรีย์ซึ่งในรูปแบบของ reliefs คิดและกำลังตกแต่งของ friezes มันเป็นตัวอย่างอิสระรอคอยมานานของศิลปะกรีกโรมันจากโมเดล ศิลปะแบบคลาสสิคของช่วงนี้มีการทำเครื่องหมายโดยความสมัครใจสำหรับหินอ่อนและด้วยนวัตกรรมในรูปแบบ : ประติมากรรมบรรเทาตัวเอง, มุมมอง, ความรู้สึกของพื้นที่และความลึกและการรักษารายละเอียดของเสื้อผ้า ความสามัคคีที่น่าประทับใจของหนึ่งแรงบันดาลใจและเทคนิครู้สึกในผลงานเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงวิธีการที่มีลักษณะของชนชั้นสูงกับศิลปะที่ให้บริการของอำนาจทางการเมือง ใน Ara Pacis เรามองเห็นความอร่อยที่เกิดขึ้นใหม่สำหรับสไตล์นีโอห้องใต้หลังคาซึ่ง elites โรมันที่ชื่นชอบไปจนถึงจุดที่ทำให้เป็นคุณสมบัติที่สำคัญของศิลปะอย่างเป็นทางการ ความเงียบสงบทางจิตวิญญาณและทางการเมืองของระยะเวลาแห่งความสงบนี้แทนความเจ็บปวดและอันตรายของครั้งก่อนหน้านี้จะเห็นได้จาก eschewing ของ eclecticism และทางเลือกของสไตล์ใหม่ตั้งครรภ์ที่มีวิญญาณของกรีก เป็นเครื่องหมายหนึ่งในจุดสูงของศิลปะโรมัน มันแทบจะไม่น่าแปลกใจที่นักประวัติศาสตร์ศิลปะนีโอคลาสสิกได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับช่วงเวลานี้ถึงแม้ว่าพวกเขายังไม่เคยพบชิ้นส่วนโดยเฉพาะที่เพดานของนีโอ องค์ประกอบของนวนิยายของมันรวมถึงการวางเคียงกันของ friezes คิดและการตกแต่งอย่างหมดจด -- ปฏิบัติชาวกรีกจะไม่ได้ยินยอมให้ -- และความแตกต่างในสไตล์ระหว่างฉากเกี่ยวกับขบวนแห่และการติดตั้งขนาดเล็ก ขาดการเชื่อมโยงนี้อินทรีย์และโครงสร้างไม่เคยได้ยินในโลกของกรีก, ทรยศพื้นหลัง Italo - Etruscan กับที่รูปแบบใหม่ที่พัฒนาแล้ววาดแรงบันดาลใจจากศิลปะประเพณีของอาณาจักรนนิสและจากที่ของกงสุลและสาธารณรัฐโรม

คล้ายที่ทับซ้อนกันของแบบจำลองHellenistic และรากท้องถิ่นคือปรากฏใน reliefs ของแท่นบูชาของ Vicomagistri, (วาติกัน) กล่าวก่อนหน้านี้ reliefอย่างต่อเนื่องนี้เป็นภาพขบวนแห่ทางศาสนาถูกสร้างขึ้นใหม่จากชิ้นส่วนที่พบในการ 1939 คิดว่าวันที่จากทศวรรษที่สามหรือที่สี่ของศตวรรษแรก AD, reliefแสดงความสามัคคีโดยรวมของรูปแบบเดียวกันเป็น Ara Pacis, คล้ายกับความสัมพันธ์ระหว่างกันระหว่างรูปร่าง งานนำเสนอของพื้นหน้าและพื้นหลังทำให้มีผลจริงมากขึ้นและการถ่ายภาพบุคคลจะถือเป็น likenesses จริง

ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับทั้งสองอนุสาวรีย์เป็นแท่นบูชาอื่น Ara Pietatis, รับการโหวตจากวุฒิสภาใน 22 AD, แต่จะไม่ทุ่มเทจน AD, โดย Emperor Claudius ดังนั้นปิดเป็นความคล้ายคลึงระหว่างเหล่านี้และ reliefs ก่อนหน้านี้จะมีข้อสงสัยว่าในรูปแบบ Augustan outlived จักรพรรดิตัวเอง แต่อุดมการณ์ทางการเมืองอย่างเป็นทางการว่ามีการเปลี่ยนแปลงตามที่เห็นได้ถ้าเราเปรียบเทียบไม่จริง, ไม่มีเวลาเกือบคุณภาพของ reliefs สำหรับแท่นบูชา Augustus กับตัวชี้วัดสภาพภูมิประเทศที่แม่นยำมาก Ara Pietatis ซึ่ง harks กลับไปเป็นประเพณีเก่าของภาพวาดฉลองชัยชนะ Neo - Atticism ค่อยๆให้ทางเพื่อ Neo - วัฒนธรรมของกรีกโบราณที่เป็นตัวแทนจุดเด่นของศตวรรษแรก มันเป็น epitomized ด้วยความปรารถนาที่จะเลียนแบบการทำงานของgreat Hellenistic courtsในสิ่งประดิษฐ์เล็ก ๆ ของความคิดอย่างมหันต์เช่นตัวอย่างเช่น Gemma Augustea (Vienna) หรือแกรนด์ Camée de France (Bibliotheque Nationale, Paris)




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2553   
Last Update : 4 มีนาคม 2554 9:29:49 น.   
Counter : 2056 Pageviews.  

เครื่องเงินและเซรามิคสมัยโรมัน

 


เครื่องเงินและเซรามิคสมัยโรมัน


หรือติดตามศิลปะกรีกโรมันเพิ่มได้อีกที่ //www.artinsidegreek.blogspot.com/

การค้นพบทางโบราณคดีที่ Boscoreale ในกรุสมบัติที่มีความเป็นไปได้ใน
ที่จะถูกฝักโดยการประทุระเบิดที่ Vesuvius in 69 AD และตอนนี้
มันได้ถูกเก็บรักษาอยู่ที่ Louvre มีการตรวจสอบอย่างมากมาย ในงานคุณภาพสูงของเครื่องเงินสมัยโรมัน ในเครื่องเงินที่ดูหรูหราอย่างมากที่ได้ถูกใช้โดยประชาชนทั่วไป นั้นแสดงให้เห็นถึงการใช้จ่ายเครื่องเงินบนโต๊ะอาหารอย่างมากมาย เพื่อแสดงถึงชิ้นงานที่มีเกียรติ รวมถึงงานออกแบบในลักษณะrelief ที่ใช้เพื่อบูชา Augustus




ของที่สะสมไว้ที่คล้ายกันขุดที่ Hildesheim และขณะนี้ในกรุงเบอร์ลินมีแนวโน้มที่จะบ่งชี้ถึงการขาดของการอบรมช่างเงิน'ในภูมิภาคเหล่านี้ หกสิบหรือชิ้นนั้นอาจดีได้รับการขโมยจากจำนวนของคอลเลกชันขนาดเล็กในประเทศอิตาลี ลวดลายสวยงามละเอียดอ่อนของ griffins putti และใบที่สมบูรณ์ครอบคลุมพื้นผิวของโบลิ่งและเรืออื่น ๆ หลักฐานแสดงความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับศิลปะอนุสาวรีย์ของระยะเวลา Augustan ในภาพวาดที่วาดโดยเฉพาะและภาพปูนปั้นของ Villa Farnesina ประเภทของเครื่องเงินนี้ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อ ceramicists ซึ่งปรากฏว่ามันมีลอกเลียนแบบโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อาเรซโซ เทคนิค repoussé ในสมัยจนถึงกลางศตวรรษที่แรก AD, ค่อยๆให้วิธีการหล่อ การประชุมเชิงปฏิบัติการไตรแอม - โรมันตัวอย่างเช่นใช้เทคนิคหลังเกือบเฉพาะ จากนั้นในช่วงศตวรรษที่สามสาย, ตกแต่ง repoussé ดูเหมือนว่าจะได้ทำกลับมาและกลายเป็นเทคนิคมาตรฐานในเอ็มไพร์ปลาย ในช่วงเวลานี้เป็นของ caskets เงินกับคนนอกศาสนาและคริสเตียน motifs, กล่องและ reliquaries, ewers หรือ oinochoes (jugs - ไวน์) และ flasks แผ่นยังคงเป็นทางทิศตะวันออกและมีการตกแต่งบางครั้งการใช้เทคนิคการแกะสลัก niello ในบรรดาสิ่งประดิษฐ์ลักษณะของช่วงเวลานี้เป็นกุณฑีเงินเป็นของ Cleveland Museum of Art และ oinochoe Louvre ซึ่งตกแต่งด้วยฉากการล่าสัตว์และรูปแบบใบ ลวดลายโค้งคล้ายกับที่พบในกระเบื้องเคลือบสลับสีที่สี่ในศตวรรษที่ การเชื่อมโยงระหว่างสื่อที่แตกต่างกันมีมูลค่าโดยเน้นในบริบทนี้




รวมทั้งเงินเครื่องปั้นดินเผาได้ใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อใช้ในครัวเรือน เราได้เห็นแล้วว่าสีน้ำตาลแดงเป็นบางครั้งใช้เป็นวัสดุทดแทนสำหรับประติมากรรมรูปแบบขนาดเล็กลักษณะสถาปัตยกรรม, busts และการถ่ายภาพบุคคล แต่ในสมัยโรมันก็คือเซรามิกส์ที่เป็นสัดส่วนสำหรับการผลิตจำนวนมากในสาขานี้ เครื่องปั้นดินเผาในชีวิตประจำวันได้ทำในรูปแบบต่างๆ : มีสีดำหรือน้ำตาลเคลือบโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการดื่มเรือ; กับแววสีทองให้มันเตือนความทรงจำของโลหะเสร็จ; กับพื้นผิวด้านในเป็นสีแดงหรือสีน้ำตาลกับขัด, ใบเสร็จ; หรือ ในรูปแบบขั้นพื้นฐานมากขึ้นโดยมีใบสีมิได้สำหรับวัตถุประสงค์การทำอาหาร เครื่องปั้นดินเผาโรมันที่ผลิตจากเชื้อรา, ตกแต่งบรรเทาสะท้อนให้เห็นถึงระยะเวลาที่ภาคเทคนิคและการประชุมเชิงปฏิบัติการ




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2553   
Last Update : 4 มีนาคม 2554 9:33:51 น.   
Counter : 1352 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

mononco
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




free counters
[Add mononco's blog to your web]