พระพุทธศาสนา
Group Blog
 
All Blogs
 
ดี

โดย หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
“ พ่อทิดพรหมมา เป็นคนหลวงพระบาง ฝั่งลาวเวียงจันทน์ ได้อพยพพาลูกหลานมาตั้งหลักแหล่งอยู่แม่แตง แม่งัด เชียงใหม่ ญาติพี่น้องอีกหมู่หนึ่งแยกไปอยู่ทางเชียงราย
ตาเฒ่าทาเป็นญาติของพ่อทิดพรหมมานี้ล่ะ ที่มาเล่าเรื่องมังกรขึ้นมาอยู่จำศีล บนตระพังน้ำแม่ทา แล้วพวกชาวบ้าน พรานล่าเนื้อ ๑๖ คน ปืน ๑๖ กระบอก ยิงพร้อมกัน มังกรตัวนั้นก็ตาย เมื่อตายแล้วก็เอาเนื้อมากิน
ตาเฒ่าพ่อทา มาเล่าให้ฟังว่า...
“ อยู่บ้านแม่ทา น้ำแม่ทา ลำพูน อยู่ในเขตพรรษา น้ำมากน้ำหลาก พวกพรานเนื้อพรานปืนก็เป็นคนบ้านแม่ทา รวมทั้งหมดไปหาล่าเนื้อด้วยกัน ๑๖ คน ออกไปแต่เช้า แต่วันนั้นทั้งวัน สัตว์ป่าจะมาผ่านหน้าผ่านปลายกระบอกปืนก็ไม่มีสักตัว นกหนูปูปีก ก็ไม่มีมาให้ได้ยิงเลยตลอดวัน
จนบ่ายแก่ใกล้ค่ำมืด ก็ต่าวหน้ากลับคืนบ้าน พากันเลาะริมแม่น้ำ พอลงมาจนใกล้ปากแม่น้ำที่จะตกลงแม่โขง หวังว่าจะได้ดักยิงสัตว์ป่าลงมากินน้ำตอนค่ำ แต่ก็ไม่ได้เห็นสัตว์ป่าตัวน้อยใหญ่ใดๆ เลย ก็เป็นที่น่าแปลกใจ อัศจรรย์อยู่ เลาะริมน้ำลงมาเรื่อย
มาเห็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งนอนขดพาดลำตัวไปตามตระฝั่งน้ำ ลำตัวยาวเหมือนงู แต่มีสันหลังเป็นทอยจนสุด เกล็ดเขียวงามดังจุดลายของนกยูง มี ๔ ขา เล็บเหมือนกับเล็บนกเล็บเหยี่ยว เขาออกเหมือนกวางตัวผู้งามที่สุด
“ ตัวอะไรนั่น ? ”
“ อะไรก็อะไรเต๊อะ คงเป็นปลาแม่น้ำของขึ้นมาผิงแดดอ่อนแลง เอ้า! ทุกคน ให้เตรียมปืน ”
พวกนายพรานว่ากัน เมื่อทุกคนเตรียมปืนพร้อมแล้ว ผู้เป็นหัวหน้าก็ให้สัญญาณว่ายิง แต่ขาหน้าไปหาหัว แล้วนับ หนึ่ง สอง สาม ลูกสมุนก็กดดีดนกปืน พร้อมกันเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ได้ยินไปถึงหมู่บ้าน
สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็ตายสนิท ไม่มีการขดการดิ้น ตายยาวเหยียด คนพราน ๑๖ คนนั้น ช่วยกันลากสัตว์ประหลาดงูใหญ่ ปลาน้ำตัวนั้นไม่ยอมเคลื่อนตัวเลย ตกลงกัน ทำครัวชำแหละกันคาที่คาศพอย่างนั้น หาฟืนไม้แห้งมาเผาลนเกล็ด ขอดเกล็ดออกแล้วแล่เอาเนื้อ
ตัดไม้ไผ่มาจักเป็นเส้นตอก แล้วร้อยเอาเนื้อเป็นชิ้น ๆ ได้หลายพวงพูดเนื้อ คน ๑๖ คน ได้หาบเนื้อมังกรตัวนั้น คนละหาบหนักเต็มแรง แต่นั่นก็ยังเอาไม่หมด
ข้างหางสุดก็เหลือ แต่ขาหน้าไปทางหัวก็ยังเหลืออยู่ เนื้อแดงงาม ไม่คาว เส้นเนื้อละเอียด เลือดสีแดงกับเขียวจาง ๆ เกล็ดถูกไฟเผาแล้วขาวเผือดคล้ายเกล็ดปลา
พวกผู้หญิงลูกเล็กเด็กน้อย ลูกบ้านพอได้ยินเสียงปืนก็เตรียมข้าวคั่ว เกลือ พริก เครื่องปรุงรสต่าง ๆ เพราะเป็นที่รู้อยู่แล้วว่า เมื่อได้ยินเสียงปืนแบบนี้ต้องได้เนื้อตัวใหญ่แน่นอน
คน ๑๖ คน แบกปืนหาบเนื้อเซซัดเซซ้ายกลับเข้าบ้าน คนในหมู่บ้านเรียกมาหมด ใครมีเหล้าไห เหล้าสาโท ก็เอามากินแกล้มกับเนื้อปลาน้ำตัวยาวแปลก ทั้งปิ้ง ทั้งย่าง ทั้งต้ม ทั้งแกง ก่อไฟกองใหญ่กลางหมู่บ้านแล้วก็กินกัน สนุกสนาน ตั้งแต่หัวค่ำจนดึกก็ไม่เลิก
ตาเฒ่าพ่อทานี้เคยบวชอยู่ด้วยกับพ่อทิดพรหมมาเป็นญาติพี่น้องกัน ลูกหลานลูกบ้านก็มาเรียกไปกินด้วย
คนเฒ่าไปถามแล้วก็รู้ว่าความหายนะ จะมาถึงในวันนี้แน่นอน เพราะเมื่อถามถึงลักษณะแล้ว ก็รู้ว่าเป็นมังกรเจ้านายของนาคน้ำทั้งหลาย คงขึ้นมาจำศีลตลอดฤดูพรรษา คนเฒ่าไม่ยอมกิน กลับไปเรือน
พิจารณาตามลำดับเรื่องราวในชาดกแล้วเทียบเคียงกับเรื่องเล่าในทำนองคล้ายกับเรื่องนี้ (ในเรื่องชาดก สมัยที่ทรงเสวยพระชาติที่เกิดเป็นพญานาคหัวหน้าหมู่นาค ก็ขึ้นมาจำศีลบนจอมปลวกโลกมนุษย์ แล้วก็ถูกนายพราน ๑๖ คน เอาหลาวแหลมเสียบแล้วแบกหาม หวังจะเอาไปกิน
พอดีกษัตรย์(พระอานนท์) มาเห็นเลยให้ปล่อย และเอาเงินไถ่ตัวหัวหน้านาคตนนั้นไป หัวหน้านาคตนเป็นนั้นเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ขึ้นมาบำเพ็ญศีลบนฤดูพรรษา ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งเช่นกัน)
คนเฒ่าก็ไหว้พระสวดมนต์แล้ว เอาสะหนะที่นอนพับเข้าด้วยกัน เอาเชือกมัดไว้ มีของมีค่าอันใดก็เอาใส่ไว้ มัดปากให้แน่น แล้วมัดติดกับเอวไว้
คนพวกนั้นทั้งผู้หญิง ผู้ชาย ลูกเล็กเด็กน้อย คนเฒ่าก็มีที่กินเนื้อนั้นก็เมาทั้งเหล้า เมาทั้งเนื้อ นอนหลับก็มี ฟุบเมาแล้วก็มี คนกินน้อยก็ยังไม่เมา พูดคุยกัน เอะอะโหวกเหวกอยู่สนุกสนานของเขาไป
ดึกเที่ยงคืนฟ้าฮ้องเสียงดังเสียงใหญ่ แต่ทางปลายน้ำ ท้องฟ้ามืดดับ ฝนฟ้าคะนองสนั่น พายุลมหัวกุดพัดมาแต่ปลายน้ำอึงคะนึงอยู่
ฝ่ายคนเฒ่าพ่อทา ก็เตรียมตัวอยู่แล้วว่าต้องมีเหตุมีลางแน่นอน สักพักฝนตกกระหน่ำ พร้อมลูกเห็บตกลงแต่ฟ้า น้ำหลากมากไหลทะลุลำห้วยลำน้ำลงมาถึด ๆ คนเฒ่าก็ขึ้นนั่งสะหนะยัดงิ้ว(สำลี)เตรียมตัวอยู่
คนเฒ่าว่าได้ยินแต่เสียงร้องครั้งสุดท้ายของพวกคนนายพราน ลูกเมีย ผู้หญิง ผู้ชายเหล่านั้น บ้านเรือน ข้าวของใด ๆ สัตว์เลี้ยง ไหลไปตามน้ำหมด บ้านเรือนก็ไปทั้งหลัง หายนะไปภายในไม่ถึงชั่วโมง
คนเฒ่านั่งสะหนะที่นอน แล้วก็ลอยล่องอยู่เหนือน้ำได้ เหมือนกับมีสิ่งอันใดอันหนึ่งช่วยชูอยู่ น้ำก็พัดให้ไปติดต้นไม้สักขนาดลำขา
คนเฒ่าก็เกาะกะพับขึ้นต้นไม้สักต้นนั้นแล้วขึ้นไปถึงคาคบไม้สักต้นใหญ่ นั่งตื่นตระหนกตกใจอาลัยลูกหลานอยู่ตลอดคืน จนฟ้าแจ้งแดงใสแล้วก็ลงมาสำรวจดูหมู่บ้าน หายนะ ฉิบหาย ไม่เหลืออะไรสักอัน ไม่เหลือคนสักคน เหย้าเรือน ยุ้งเย หายไปหมด
เหลือแต่เสาครกมองตำข้าว กับผ้าผ่อนเสื้อซิ่นที่ติดตามกอไม้ไผ่ เดินไปทางปากน้ำตกลงน้ำของก็ไม่เห็นร่องรอยว่ามีน้ำป่าไหลหลากมากนองแต่อย่างใด หายไปไหนกันหมด น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
น้ำแม่ทานี้ใกล้ปากน้ำนั้นมีหินก้อนใหญ่กั้นตันไว้อยู่ เขาเรียกว่า หินปากเหว เลยหินปากเหวลงไปน้ำก็ตกลงแม่ของ
เรื่องมังกรนี้ พ่อทิดพรหมมา เล่าให้ผู้ข้าฯ เพื่อให้ผู้ข้าพิจารณาว่าจะเป็นอย่างใด
พ่อทิดพรหมมา ก็ฟังมาจากตาเฒ่าพ่อทาเล่าให้ฟัง แล้วยังพาไปดูถึงบ้านแม่ทา นั้นด้วย พ่อทิดพรหมมาตั้งแต่สมัยเป็นคนหนุ่มอายุได้ ๓๐ ปี ก็ไปเสาะหาซื้อทองคำทางบ้านใกล้บ้านแม่ทานั้น
พ่อทานั้นย้ายมาอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งมีลูกหลานญาติพี่น้องอยู่มาก บ้านแม่ทานั้นเป็นหมู่บ้านย้ายไปอยู่ใหม่ ตั้งเหย้าตั้งเรือนตั้งบ้านกันได้ปีกว่า พวกเขามาขอให้ตาเฒ่าพ่อทาไปอยู่เป็นคนเฒ่าคนแก่อุ่นบ้านอุ่นเมือง คนเฒ่าจึงได้ไปประสบกรรมกับพวกคนพรานเนื้อเหล่านั้น
พ่อทิดพรหมมาอายุ ๘๕ ปี ไปพบปะเหตุการณ์เรื่องเล่านี้ แต่อายุ ๓๐ ปี ก็นับได้ ๕๕ ปีผ่านมาจึงเอามาเล่าให้ ผู้ข้าฯ ฟัง
เรื่องราวเบื้องต้นแท้ ๆ นั้น ชาวบ้านช่อแล แม่แตง เชียงใหม่ เขาได้ยินเสียงฆ้องเสียงกลองปี่ พาทย์ ประโคมดนตรีดังขึ้นลงตามลำห้วยแม่งัด ขึ้นไปทางปลายห้วย แล้วก็ดังกลับลงมา เขาว่าแต่ก่อนเก่าหลายปีผ่านมาก็ได้ยินอีก จะเป็นเหตุลางอันใด
พ่อทิดผู้เป็นเจ้าของที่ก็ว่าเห็นคนหนุ่มน้อย อายุ ๑๘ – ๑๙ ปี ประมาณได้ เดินขึ้นมาจากน้ำมากราบไหว้ผู้ข้าฯ แล้วก็ลงไปในน้ำแล้วหายไป พ่อทิดก็ซอมดู ทุกวันพระก็เห็นมาแล้ว ๓ ครั้ง จนมาถามผู้ข้าฯ ว่าเป็นอย่างใด
ผู้ข้าฯ ก็ว่า พญานาค เจ้านายนาคน้ำแม่งัด ๓ สหาย เขาขึ้นมาหาทุกวันนั้นแหละ แต่พ่อทิดเห็นแต่วันพระ เพราะเขาทำให้เห็นหรอก พ่อทิดก็เอาไปเล่าให้ชาวบ้านฟัง ชาวบ้านก็ตื่นเต้นกันบางคนก็กลัวเป็นเหตุเป็นลาง บ้านหลุบเมืองหล่มได้ ยกขบวนมาหา ผู้ข้าฯ
ผู้ข้าฯ ก็ว่า รับรองได้ไม่เป็นเหตุลางอ้างร้ายแต่อย่างใด อาตมาอยู่นี้เขาดีใจจะได้กราบไหว้ฟังธรรม จึงมาประโคมดนตรีบูชาแค่นั้น อย่าตื่นตกใจกลัวไปเลย
เพราะเรื่องนาคน้ำแม่งัดนี้เอง พ่อทิดพรหมมา จึงเล่าเรื่องมังกรพญานาคให้ฟังแล้วให้ผู้ข้าฯ พิจารณาว่าเป็นอย่างใด ?
จึงได้ถามพวกนาคแม่งัด เขาจึงบอกว่า เป็นเจ้านายของพวกนาคใหญ่อันดับ ๗ ของพิภพของนาคขึ้นมาจำศีล แต่มาถูกพวกมนุษย์ประหัตด้วยอาวุธ จึงตายจากนาคามังกร
แต่ผู้ข้าฯ พิจารณาได้ความว่า เป็นพระโพธิสัตว์ตนหนึ่ง กำลังบำเพ็ญอยู่ในฐานฐานะของพุทธภูมิ ต้องการอยากจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต
หากได้เป็นก็เป็นลำดับที่ ๔๐๐ นับแต่พระศรีอาริยะเมตไตรโย เป็นลำดับไป ตาเฒ่าทาคนนั้นจะได้เป็นสาวกอัครสาวกเบื้องขวาผู้ใหญ่ที่หนึ่งของพญานาคน้ำมังกรตนนั้น”
อยู่จำพรรษาบ้านช่อแล แม่แตง เชียงใหม่ จะว่าอยู่โปรดพวกนาคก็ว่าได้ เพราะผู้ข้าฯ ก็เมตตาให้เขาอยู่ทุกวัน เจริญวิรูปักเขหิเมเมตตัง ให้เขาอยู่ตลอด
เวลาเราเทศน์ธรรมเขาก็มาฟังก็มีอยู่ แต่เวลาว่าศีลข้อ ๕ พวกเขาจะไม่ว่าตามเลย ข้อ ๕ ไม่พูด แต่ไปพูดเอาข้อ ๖ – ๗ – ๘ บางคนก็ไม่มาถือศีล มากราบไหว้แล้วก็ไป แต่พวกมาฟังเทศน์ธรรมนั้นมากันมาก มาขอฟังรัตนสูตร เราก็เทศน์ธรรมะรัตนสูตรให้ฟังเป็นลำดับ ๆ ไป นี้ก็แปลก
คนเขาก็เชื่อยากเพราะไม่ได้เกิดกับเขาเอง มีแต่ท่านอาจารย์ตื้อ (อจลธมฺโม) องค์เดียวเท่านั้นที่รู้จักได้ดี
แม้ท่านอาจารย์สิม (พุทฺธจาโร) ก็รู้จักอยู่บ้าง แต่สู้ท่านอาจารย์ตื้อไม่ได้ แต่วันใดที่ท่านอาจารย์ตื้อมาหาผู้ข้าฯ พวกนาคหายไปหมด กลัวท่านอาจารย์ตื้อ
ผู้ข้าฯ ก็เลยถามพวกนาคว่า กลัวอะไรเพิ่น ?
เขาว่ากลัวสายตาของเพิ่น
เราจึงได้กราบเรียนท่านอาจารย์ตื้อ ว่า.....
“ ท่านอาจารย์ ขอท่านอาจารย์อย่าเอาเตโช ออกมาทางแสงตา พวกนาคเขาย้านเขากลัว ”
“ อยู่เมืองเหนือ อยู่จำพรรษาประจำที่ก็อยู่ช่อแล แม่แตง เชียงใหม่ นี้แหละ ที่อยู่ติดกันมาขาดปี พ.ศ.๒๕๑๐ ที่ลงมาอยู่ดูแลแม่ออก(โยมมารดาหลวงปู่จาม)
เหตุที่อยู่ที่นี่นานก็เพราะว่า เคยเกิดตายหลายภพชาติ อยู่กับริมน้ำตรงนั้น
เคยเกิดเป็นเต่า ได้ลูก ๕ ตัว
เคยเกิดเป็นเหี้ย ได้ลูก ๕ ตัว
เคยเกิดเป็นตะพาบปลาผา ได้ลูก ๕ ตัว
เคยเกิดเป็นกะถ้างกิ่งก่าใหญ่ ได้ลูก ๕ ตัว
พอนายมนตรี ดวงจิต ซื้อที่ดินเพิ่มเติมให้จึงได้สร้างเป็นวัด เกิด ตาย เกิด วนเวียนไปมาอยู่ตลอด
เหมือนกันกับท่านอาจารย์ตื้อ (อจลธมฺโม) เคยเกิดเป็นกวาง เป็นฟาน เป็นหมูป่า อยู่วัดปากทาง แม่แตง เชียงใหม่ นั้นหลายภพชาติจนนับไม่ได้
เพิ่นก็เสาะไปทั่วหมด สุดท้ายมาอยู่ประจำ จึงเป็นวัด ใส่ชื่อสามัคคีธรรม วัดป่าพระอาจารย์ตื้อ ”
(คือ วัดป่าอาจารย์ตื้อ ต.สันมหาพน ที่หลวงปู่สังข์ สงฺกิจฺโจ พำนักอยู่ปัจจุบัน)
ท่านอาจารย์ชอบ (ฐานสโม) ก็เช่นกันเกิดตายเป็นผีเสื้อถูกคางคกไล่กิน เกิดเป็นหมีป่า โดนคนเอามีดฟันเพราะไปกินแตงไทแตงค้างของคนชาวบ้าน มากินน้ำแล้วตายอยู่หนองน้ำ ปัจจุบันก็เป็นวัดป่าบ้านโคกมน วังสะพุง เมืองเลย
“ เกิดตายในแถบถิ่นแม่แตง เชียงใหม่ มีแต่ท่านอาจารย์แหวน (สุจิณฺโณ) เท่านั้นที่เกิดเป็นภูมิสูงได้เกิดเป็นเจ้าเมือง แล้วสร้างวัดอยู่วัดบ้านป่ง (วัดป่าอรัญญวิเวก) (บ้านปง) อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ นั้นแหละ
วนเวียนไปมาพอมาชีวิตนี้ที่เพิ่นอยู่คนเดียว นานสุดก็วัดบ้านป่ง หลายปี ถึงล่ะสิบปีเป็นอย่างน้อยเพราะเพิ่นอยู่ตามคำของท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์(จันทร์ สิริจนฺโท) ว่าวัดเคยเป็นที่ปักหลักตั้งฐานของพุทธศาสนามาแต่ครั้งยุคพุทธกาล ต่อมาก็เป็นวัดของพระอริยเจ้าหลายองค์สืบกันมา "
#บรรณานุกรมอ้างอิง : คัดลอกมาจากหนังสือ
"ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ" ; พิมพ์เมื่อ มาฆบูชา ๒๕๕๐ ; วัดป่าวิเวกวัฒนาราม บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
กราบ กราบ กราบ
_/_ _/_ _/_


Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2564
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2564 19:18:16 น. 0 comments
Counter : 119 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 5378236
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ดี
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5378236's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.