ดี
.นักรบเมื่อออกรบแล้ว มีอาวุธครบแล้ว ก็ต้องออกสงครามทำศึกกับศัตรู ถ้าไม่ชนะก็ยอมตายในสนามรบ ถ้าตายในสนามรบก็เป็นวีรบุรุษ แต่ถ้าชนะข้าศึกมาได้ ทำลายข้าศึกหมดสิ้นไปได้ ทางโลกก็ถือว่าเป็นวีรบุรุษเดนตายรอดจากสงครามออกมาได้ซึ่งเป็นสงครามที่สาหัสสากรรจ์ ในทางพระพุทธศาสนาก็เหมือนกัน เมื่อเราเข้ามาบวชในเพศผ้ากาสาวพัสตร์อันเป็นธงชัยของพระอรหันต์ มีศีล สมาธิ ปัญญา เป็นอาวุธประจำใจของเราที่จะต่อกรกับกิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง เราก็ต้องเข้าต่อสู้กับกิเลสภายในใจของเรา ใช้อาวุธทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำลายกิเลสภายในดวงใจของเรานี้ให้สิ้นซากไปให้ได้ เมื่อเราอาศัยปัจจัยสี่จากชาวบ้าน เราก็ต้องรู้จักพิจารณาเพียงเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่งเท่านั้น เป็นผู้มีความมักน้อยสันโดษ พิจารณาในภัตตาหาร การขบฉันต่าง ๆ ไม่ให้เกิดความอยากในรสอาหาร พิจารณาให้เห็นเป็นอาหารปฏิกูลสัญญา ให้จิตใจเป็นกลางเป็นอุเบกขา และฉันภัตตาหารด้วยความมีสติ หรือพิจารณาหลังฉันให้เป็นอหาเรปฏิกูลสัญญา แยกแยะส่วนที่เป็นประโยชน์ก็ดูดซึมเข้าร่างกาย ส่วนที่เป็นของเสียก็เป็นของหนัก ของเบา ต้องพิจารณาอาหารอยู่เสมอ หรือเสนาสนะที่เราได้อาศัยก็เพียงเพื่ออาศัย บำเพ็ญภาวนาไม่นานนัก เมื่อร่างกายเราแตกสลายลงไปเสนาสนะนั้นก็เน่าเปื่อยผุพังไป ก็ประกอบไปด้วยธาตุสี่ ก็ต้องรู้จักพิจารณา อาศัยเพียงเพื่อบรรเทาทุกขเวทนาทางร่างกาย และบางครั้งก็ใช้ธรรมโอสถพิจารณาร่างกาย พิจารณาเวทนาที่เกิดขึ้นในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ใช้ศีล สมาธิ ปัญญา พิจารณาถอดถอนออกจากความยึดมั่นถือมั่นในกายตน.." โอวาทธรรมคำสอน ท่านพระอาจารย์อัครเดช (พระอ.ตั๋น)
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2564 |
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2564 14:37:15 น. |
|
0 comments
|
Counter : 362 Pageviews. |
|
|
|
| |