พระพุทธศาสนา
Group Blog
 
All Blogs
 
ดี

๓๑ ความพอใจใด ความพอใจนั้นคือ เหตุเกิดแห่งทุกข์
-บาลี สฬา. สํ. ๑๘/๔๐๓/๖๒๗.
“ทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้นแล้วใน อดีต ทุกข์ทั้งหมดนั้น มีฉันทะ (ความพอใจ) เป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ เพราะว่า ฉันทะเป็นมูลเหตุแห่งทุกข์;
และทุกข์ใดๆ อันจะเกิดขึ้นใน อนาคต ทุกข์ทั้งหมดนั้น ก็มีฉันทะ (ความพอใจ) เป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ เพราะว่า ฉันทะเป็นมูลเหตุแห่งทุกข์”.
ความพอใจ เป็นเหตุแห่งทุกข์
“ทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต ทุกข์ทั้งหมดนั้น มีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ
เพราะว่า ฉันทะ (ความพอใจ) เป็นมูลเหตุแห่งทุกข์
ทุกข์ใดๆ อันจะเกิดขึ้นในอนาคต ทุกข์ทั้งหมดนั้น ก็มีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ
เพราะว่า ฉันทะ (ความพอใจ) เป็นมูลเหตุแห่งทุกข์
และทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้น
ก็มีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ
เพราะว่า ฉันทะ (ความพอใจ) เป็นมูลเหตุแห่งทุกข์”.
( ทรงชี้ให้เห็นถึงเหตุของทุกข์ซึ่งก็คือ "ฉันทะ" ทั้งอดีต,อนาคต,ปัจจุบัน ทุกข์ทั้งมวลนั้นมี "ฉันทะ"เป็นเหตุปัจจัย)
-บาลี สฬา. สํ. ๑๘/๔๐๓/๖๒๗.
พุทธวจน หมวดธรรม
ปฐมธรรม เล่มที่ ๙ หน้าที่ ๘๒
อินทรียสังวร เล่มที่ ๘ หน้าที่ ๓๓
by ท่านพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
bn8185.
[๖๒๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ อุรุเวลกัปปะ นิคมของมัลลกษัตริย์ ในมัลลรัฐ ครั้งนั้นแล นายบ้านนามว่าคันธภกะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงแสดง เหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ข้าพระองค์เถิด
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรนายคามณี ก็เราพึงปรารภอดีตกาล แสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ท่าน
ว่า ในอดีตกาลได้มีแล้วอย่างนี้ ความสงสัย ความเคลือบแคลง ในข้อนั้นจะพึงมีแก่ท่าน
ถ้าเราปรารภอนาคตกาล แสดงเหตุเกิดและ เหตุดับแห่งทุกข์แก่ท่าน
ว่า ในอนาคตกาลจักมีอย่างนี้ แม้ในข้อนั้น ความสงสัยความเคลือบแคลง จะพึงมีแก่ท่าน
อนึ่งเล่า เรานั่งอยู่ ณ ที่นี้แหละ จักแสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ท่าน ซึ่งนั่งอยู่ที่นี่เหมือนกัน
ท่านจงฟังคำนั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว นายคันธภกคามณีทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระดำรัสนี้ว่า
ดูกรนายคามณี
ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ?
ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ท่าน เพราะหมู่มนุษย์ในอุรุเวลกัปปนิคมตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียน มีแก่ท่านหรือ ฯ
คา. มีอยู่พระเจ้าข้า ที่ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส พึงเกิดมีแก่ข้าพระองค์ เพราะหมู่มนุษย์ในอุรุเวลกัปปนิคมตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียน ฯ
พ. ดูกรนายคามณี ก็ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ไม่พึงเกิดขึ้นแก่ท่าน เพราะหมู่มนุษย์ในอุรุเวลกัปปนิคมตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียน มีอยู่แก่ท่านหรือ ฯ
คา. มีอยู่พระเจ้าข้า ที่ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ไม่พึงเกิดมีแก่ข้าพระองค์ เพราะหมู่มนุษย์ในอุรุเวลกัปปนิคมตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียน ฯ
พ. ดูกรนายคามณี อะไร?เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ท่าน
เพราะหมู่มนุษย์ชาวอุรุเวลกัปปนิคมบางพวกตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียน
ก็หรือว่าอะไร?เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ไม่พึงเกิดมีขึ้นแก่ท่าน เพราะหมู่มนุษย์ชาวอุรุเวลกัปปนิคมบางพวกตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียน ฯ
คา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์ เพราะหมู่มนุษย์ชาวอุรุเวลกัปปนิคมเหล่าใดตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์หรือเพราะถูกติเตียน
ก็เพราะข้าพระองค์ มี "ฉันทราคะ" ในหมู่มนุษย์ชาวอุรุเวลกัปปนิคมเหล่านั้น
ส่วนความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ไม่พึงเกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์ เพราะหมู่มนุษย์ชาวอุรุเวลกัปปนิคมเหล่าใดตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียน
ก็เพราะข้าพระองค์ "ไม่มี "ฉันทราคะ" ในหมู่มนุษย์ชาวอุรุเวลกัปปนิคมเหล่านั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรนายคามณี ท่านจงนำไปซึ่งทุกข์อันใด ด้วยธรรมที่เห็นแล้ว ทราบแล้ว บรรลุแล้วโดยไม่ประกอบด้วยกาล หยั่งลงแล้ว
"ทั้งอดีตและอนาคต"
ทุกข์เป็นอดีตกาลอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเกิด ย่อมเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้นมี "ฉันทะ" เป็นมูล มี "ฉันทะ" เป็นเหตุ เพราะ "ฉันทะ" เป็นมูล แห่งทุกข์ .
ทุกข์เป็นอนาคตกาลอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเกิดจักเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้นมี "ฉันทะ" เป็นมูล มี "ฉันทะ" เป็นเหตุ เพราะ "ฉันทะ" เป็นมูลแห่งทุกข์ ฯ
คา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล้ว พระดำรัสนี้ว่าทุกข์เป็นอดีตกาลอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเกิดย่อมเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้นมี "ฉันทะ" เป็นมูล มี "ฉันทะ" เป็นเหตุ เพราะ "ฉันทะ" เป็นมูลแห่งทุกข์.
ทุกข์เป็นอนาคตกาลอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเกิดจักเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้นมี "ฉันทะ" เป็นมูล มี "ฉันทะ" เป็นเหตุ เพราะ "ฉันทะ" เป็นมูลแห่งทุกข์ ดังนี้ .,
พระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กุมารนามว่าจิรวาสีบุตรของข้าพระองค์มีอยู่ เขาอาศัยอยู่ภายนอกนคร ข้าพระองค์ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ ส่งบุรุษไปด้วย สั่งว่า แน่ะนาย เจ้าจงไป จงทราบ กุมารจิวาสี
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุรุษนั้นยังไม่มาเพียงใด ความกระวนกระวายใจ ย่อมมีแก่ข้าพระองค์ว่า อะไรๆ อย่าเบียดเบียนจิรวาสีกุมารเลย ดังนี้ เพียงนั้นๆ
[๖๒๘] พ. ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ท่าน เพราะจิรวาสีกุมารตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียนหรือ ฯ
คา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้เมื่อจิรวาสีกุมารยังมีชีวิตอยู่ ข้าพระองค์ยังมีความกระ วนกระวายใจ ไฉนความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส จักไม่เกิดขึ้นแก่ข้า พระองค์ เพราะจิรวาสีกุมารตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียนเล่า พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรนายคามณี ข้อนั้นพึงทราบโดยปริยายนี้ว่า ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเกิด ย่อมเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้นมี "ฉันทะ" เป็นมูล มี "ฉันทะ" เป็นเหตุเพราะ "ฉันทะ" เป็นมูลแห่งทุกข์ .,
ดูกรนายคามณี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน?
เมื่อใด ท่านไม่ได้เห็นมารดาของจิรวาสีกุมาร ไม่ได้ฟังเสียง เมื่อนั้น ท่านมีความพอใจ ความกำหนัด หรือความรักในมารดาของจิรวาสีกุมาร หรือ ฯ
คา. ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. เพราะอาศัยการเห็นหรือการฟัง ท่านจึงมีความพอใจ ความกำหนัดหรือความรัก ในมารดาของจิรวาสีกุมารหรือ ฯ
คา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
พ. ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ?ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัส และอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ท่าน เพราะมารดาของจิรวาสีกุมารตาย ถูกจำจอง เสื่อมทรัพย์ หรือ ถูกติเตียนหรือ ฯ
คา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้เมื่อมารดาของจิรวาสีกุมารมีชีวิตอยู่ ข้าพระองค์พึงมีความกระวนกระวายใจ ไฉนความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส จักไม่เกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์ เพราะมารดาของจิรวาสีกุมารตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียนเล่า พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรนายคามณี ท่านพึงทราบความข้อนั้นโดยปริยายนี้ว่า ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเกิด ย่อมเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้นมี "ฉันทะ" เป็นมูล มี "ฉันทะ" เป็นเหตุ เพราะ "ฉันทะ" เป็นมูล เหตุแห่งทุกข์ ฯ
จบสูตรที่ ๑๑
พระไตรปิฎกไทย ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๘
หน้าที่ ๓๓๓-๓๓๖ ข้อที่ ๖๒๗-๖๒๘
พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๐ สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2564
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2564 16:09:18 น. 0 comments
Counter : 104 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 5378236
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ดี
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5378236's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.