พระพุทธศาสนา
Group Blog
 
All Blogs
 
ดี

ธรรมทั้งปวงมีฉันทะเป็นมูลมีนิพพานเป็นที่สุด
๓. มูลสูตร
[๑๘๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ถ้าว่าพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกพึงถามอย่างนี้ว่า
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ธรรมทั้งปวง
มีอะไรเป็นมูล
มีอะไรเป็นแดนเกิด
มีอะไรเป็นสมุทัย
มีอะไรเป็นที่ประชุมลง
มีอะไรเป็นประมุข
มีอะไรเป็นใหญ่
มีอะไรยิ่งกว่า
มีอะไรเป็นแก่น
เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์แก่อัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นว่าอย่างไร.
ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ธรรมแห่งข้าพระองค์ทั้งหลายมีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นมูล
มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้นำ
มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นที่พึ่งอาศัย
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอเนื้อความแห่งภาษิตนี้จงแจ่มแจ้งกะพระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด
ภิกษุทั้งหลายได้ฟังต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าจักทรงจำไว้.
พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้นเธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าว่า พวกอัญญ-เดียรถีย์ปริพาชกพึงถามอย่างนี้ว่า
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย
ธรรมทั้งปวง
มีอะไรเป็นมูล
มีอะไรเป็นแดนเกิด
มีอะไรเป็นสมุทัย
มีอะไรเป็นที่ประชุมลง
มีอะไรเป็นประมุข
มีอะไรเป็นใหญ่
มีอะไรยิ่งกว่า
มีอะไรเป็นแก่น
เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์แก่พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นอย่างนี้ว่า
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย
ธรรมทั้งปวงมีฉันทะเป็นมูล
มีมนสิการเป็นแดนเกิด
มีผัสสะเป็นสมุทัย
มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง
มีสมาธิเป็นประมุข
มีสติเป็นใหญ่
มีปัญญาเป็นยิ่ง
มีวิมุตติเป็นแก่น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเธอทั้งหลายถูกถามอย่างแล้ว พึงพยากรณ์แก่อัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นอย่างนี้.
จบ มูลสูตรที่ ๓
~~~~~~~~~~~~~~~
อรรถกถามูลสูตรที่ ๓
มูลสูตรที่ ๓ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า สพฺเพ ธมฺมา ได้แก่ ขันธ์ ๕.
บทว่า ฉนฺทมูลกาความว่าชื่อว่า มีฉันทะเป็นมูล
เพราะมีฉันทะคืออัธยาศัย
และฉันทะคือความเป็นผู้ใคร่จะทำ
เป็นมูลของขันธ์ ๕ นั้น.
ชื่อว่ามีมนสิการเป็นแดนเกิด
เพราะเกิดแต่มนสิการ.
ชื่อว่ามีผัสสะเป็นสมุทัย
เพราะเกิด คือรวมเป็นกลุ่มผัสสะ
ชื่อว่า มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง
เพราะประชุมลงในเวทนา.
ชื่อว่ามีสมาธิเป็นประมุข
เพราะมีสมาธิเป็นประธาน.
ชื่อว่ามีสติเป็นใหญ่
เพราะมีสติเป็นอธิบดี
ด้วยอรรถว่าเจริญที่สุด
อธิบายว่า มีสติเป็นหัวหน้า.
ชื่อว่ามีปัญญาเป็นยอด
เพราะอรรถว่ามีปัญญาสูงสุด.
ชื่อว่ามีวิมุตติเป็นแก่น
เพราะมีวิมุตติเป็นสาระ.
ก็ในที่นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสโลกิยธรรมทั้ง ๔ มีฉันทะเป็นมูล เป็นต้น ที่เหลือตรัสคละกันทั้งโลกิยะและโลกุตตระแล.
จบ อรรถกถามูลสูตรที่ ๓
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ ๖๗๔


Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2564
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2564 14:31:49 น. 0 comments
Counter : 132 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 5378236
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ดี
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5378236's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.