พระพุทธศาสนา
Group Blog
 
All Blogs
 
ธรรมะของพระพุทธเจ้าชัดเจนแจ่มแจ้ง

ธรรมะของพระพุทธเจ้าชัดเจนแจ่มแจ้ง

         เราเชื่อไหมว่าพระพุทธเจ้ามีสัพพัญญุตญาณ มีญาณทัศนะครอบคลุมหมดแล้ว ฉะนั้นสิ่งที่ท่านเลือกมาสอนเรา ไม่ใช่ธรรมะทั้งหมดที่ท่านรู้ แต่ท่านเลือกมาสอนเราเท่าที่จำเป็น ที่มีประโยชน์ ที่เราทำได้ ฉะนั้นสิ่งที่ท่านเลือกมาให้แล้วนั้นเราก็เรียนตามพวกนี้ ง่ายดี ถ้าอาจารย์รุ่นหลังเลือกมาให้เรา มันจะสับสนวุ่นวาย อย่างบางอาจารย์เขาบอกให้เราไปขอขมาแก้กรรมโน้นแก้กรรมนี้แล้วจะภาวนาดี แค่เชื่อว่าคนนั้นเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราก็ต้องฟังคนอื่นแล้ว ฟังคนอื่นเขาบอกคนนี้ล่ะเจ้ากรรมนายเวรของเรา ชาวพุทธเราไม่มีอย่างนั้น

ธรรมะของพระพุทธเจ้าชัดเจนแจ่มแจ้งไม่มีความกำกวม ถ้ายังมีกำกวม ใช่เหรอๆ ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าแล้ว ฉะนั้นธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่มีความกำกวม ยกตัวอย่างถ้าเรามีอบายมุขกินเหล้า กินยาเสพติดเที่ยวเตร่เฮฮาปาร์ตี้ทุกคืน เพลิดเพลิน ดูซีรีส์ ดูทีไรก็ดูโต้รุ่งเลย อย่างนี้มันเจริญได้ไหม ในทางธรรมไม่มีทางเจริญหรอก มันเป็นทางเสื่อมมันเจริญไม่ได้ มันเป็นอบายมุข ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านในการงาน นี่คือพระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นทางเสื่อม ลองไปทำแล้วให้เจริญดู มันทำได้ไหม? มันทำไม่ได้ สิ่งที่ท่านสอนมันตรงไปตรงมาที่สุดเลย

         ถ้าเราอยากอยู่ในสังคมแล้วอยู่กันได้อย่างสงบสุขในสังคม ก็ต้องมีธรรมะในการอยู่กับสังคม มีการให้ การให้คือการแชร์กัน แชร์ในสิ่งที่มีประโยชน์ภาษาบาลีเรียกว่าทาน ทีนี้คนไทยใช้ทานเป็นเครื่องให้วัตถุสิ่งของไปแล้ว จริงๆ มันไปตรงกับคำว่าแชร์มากกว่า มีทานคือมีการเผื่อแผ่เอื้อเฟื้อกัน คนนี้ไม่มีความรู้ให้ความรู้อะไรอย่างนี้ แชร์กัน โกรธกันก็เปิดใจแชร์กันคุยกันอภัยให้กัน นี่มันก็อยู่ในคำว่าอภัยทาน ฉะนั้นคำว่าทานมันกว้าง ถ้าเราใช้คำว่าแชร์จะใกล้คำนี้มากเลย

ถ้าเราเห็นแก่ตัวมีอะไรไม่ยอมแชร์เพื่อน เพื่อนจะรักไหม อย่างตอนเรียนหนังสือ บางคนเพื่อนยืมเลคเชอร์ตลอดเลย ก็ให้ เพื่อนมันก็รัก บางคนงกเพื่อนให้ติว แกล้งติวที่สิ่งที่คิดว่าจะไม่ออกสอบ แกล้งติวเรื่องอื่นเลยอย่างนี้ไม่เรียกว่าแชร์ อย่างนี้เรียกว่าชั่ว หลอกเขา หรือบางทีกรรมสนองมันไปออกที่ไปบอกคนอื่นมันมีเหมือนกัน ในวัดยังเคยเจอเลยเก็งหลักสูตรนักธรรมกัน อันนี้ไม่ออกๆ ปรากฏว่ามันออก

         แชร์สิ่งที่มีประโยชน์ แชร์ด้วยความเมตตาต่อกัน พูดจาต่อกันให้ดีๆ ปิยวาจา แปลว่าพูดจาน่ารัก ไม่ใช่แปลว่าพูดเพราะ แปลว่าพูดจาน่ารัก อย่างกับเพื่อนเรา บางทีก็ทักทายกัน “ไอ้เหี้ย พ่อมึงตายหรือยัง” นี่ปิยวาจาฟังแล้วมีความสุข เออ นี่เพื่อนเราเพื่อนซี้เรา ถ้าเราเคยคบกันมาคุยกันแบบหนึ่ง พอมาเจอหน้า “สวัสดีครับผม” เพื่อนผวาเลยมันไม่ใช่ปิยวาจาแล้ว มันห่างเหินเกินไป

คิดดูถ้าเรามีทาน มีการแชร์ มีปิยวาจา พูดให้เขารักพูดในทางที่น่ารัก อัตถจริยา ทำตัวให้มีประโยชน์ ถ้าทำตัวถ่วงโลกถ่วงเพื่อน ไม่มีใครเขารักหรอก

         คนหนึ่งไม่สบาย เรียกร้องจะเอาโน่นจะเอานี่ เรียกร้องเอากับเพื่อนตลอดเลยอย่างนี้เพื่อนไม่รักเพื่อนก็หนีหมด นี่ทำตัวไม่ได้เป็นประโยชน์ บางทีไปหลอกคนอื่นเขา ในวงกรรมฐานมีเยอะเลยเที่ยวหลอกกรรมฐาน “นี่จิตเธอเป็นอย่างนี้แล้ว ต้องไปทำอย่างนี้นะ” อะไรอย่างนี้หลอกให้เขานับถือ อันนี้ไม่ใช่อัตถจริยาไม่ได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์แต่มันหลอกลวงเขา

แล้วตัวสุดท้ายที่เขาจะรัก สมานัตตา เสมอต้นเสมอปลาย วันนี้ดีพรุ่งนี้ร้ายไม่มีใครเขารักหรอก นี่ธรรมะของพระพุทธเจ้าเถียงได้ไหม คนอารมณ์หวือหวาไบโพลาร์ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวเศร้าเดี๋ยวคึกอะไรขึ้นมา ไม่มีใครอยากเข้าใกล้หรอก เวียนหัวไม่รู้มันจะเอาอย่างไร มันยิ้มหวานๆ อยู่ ฉับพลันมันควักมีดออกมาแทงเราแล้วก็ได้ ฉะนั้นเรื่องเสมอต้นเสมอปลายก็สำคัญ แล้วต้องเสมอต้นเสมอปลายในทางที่เป็นประโยชน์ด้วย ในทางทาน ในทางคำพูดที่น่ารัก ในการทำตัวให้เป็นประโยชน์อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

เพราะฉะนั้นเวลาเราจะช่วยคนอื่นเราต้องพิจารณาให้ดี เดี๋ยวจะเกิดปัญหาทีหลัง อย่างคนมายืมเงินเรา เราให้ตลอดเลย ทีนี้พอมีเรื่องโควิดขึ้นมาเราหากินไม่ได้ เขามายืมเราไม่ให้ ความดีที่ให้ยืม 100 ครั้งนี่หายไปทันทีเลย อีนี่งกชั่วเห็นแก่ตัว ฉับพลันอย่างนี้เลย เพราะไม่เสมอต้นเสมอปลายแล้ว ฉะนั้นเวลาทำดีก็ต้องระวังเหมือนกัน ต้องประกอบด้วยสติ ประกอบด้วยปัญญาเหมือนกัน ทำแล้วอย่าเดือดร้อนทีหลัง ทำดีทำไปเถอะ ทำแล้วอย่าให้เดือดร้อนทีหลัง

อย่างหลวงพ่อชอบไปทำบุญกับโรงพยาบาลกับมูลนิธิอะไรพวกนี้ เมื่อก่อนนี้ทำบุญโรงพยาบาลกับพวกธนาคารวัวธนาคารควาย หลังๆ นี่คนยากคนจน คนลำบากเยอะขึ้น หลวงพ่อก็เปลี่ยนไปทำโรงพยาบาลเยอะขึ้น เราไปทำที่โรงพยาบาลไม่มีใครมายุ่งกับเราทีหลัง แต่ถ้าเราเอาเงินไปให้คนนี้ คนอื่นอยากจะได้แล้วก็จะเริ่มด่าเราแล้วว่าไม่ยุติธรรม ฉะนั้นมันจะวุ่นวาย ทำแล้วก็สร้างความผูกพันกับคนบางคนขึ้นมา

อย่างบางคนเป็นพวกผู้ช่วยสอนแต่ผู้ช่วยสอนรุ่นนี้ยังไม่มี เมื่อก่อนหลวงพ่อสอนกรรมฐานเพื่อนไว้แล้วมันไปสอนต่อ ไปสอนๆ ไปบ้านเขา โทรศัพท์คุยกันไปมา สุดท้ายเลิกกับสามีอยากมีสามีใหม่ แล้วเอาลูกศิษย์เป็นสามี หรือเอาลูกศิษย์เป็นภรรยา ฉะนั้นหลวงพ่อจะมีหลักเกณฑ์ ผู้ช่วยสอนไม่นัดสอนกันส่วนตัว ตัวต่อตัวไม่ได้เด็ดขาดเลย สอนก็สอนในที่เปิดเผยเพื่อความปลอดภัยทั้งสองฝ่าย ในฐานะที่ยังไม่พ้นกิเลสยังไว้ใจไม่ได้ต้องระวังตัวเอง จะต้องฉลาดในการรักษาตัวเอง

         ธรรมะของพระพุทธเจ้าชัดเจน เช่น ถ้าเรามีตัณหาเราจะต้องทุกข์ทางใจ ถ้ามีตัณหาเมื่อไรต้องทุกข์ทันที อันนี้ไม่มีใครเถียงได้ ถ้าเรามีศีล สมาธิ ปัญญาถึงจุดหนึ่ง โลกุตตรธรรมก็ปรากฏขึ้น เกิดมรรคเกิดผลขึ้นมา อันนี้คนที่มันยังไม่ถึงมันก็เถียง ฉะนั้นท่อนหลังของอริยสัจจ์นี่เอาไว้ให้คนที่รู้เรื่องฟังกันคุยกัน อย่างพระคุยกัน ไปหาครูบาอาจารย์คุยธรรมะกันมันมากเลย บางทีท่านออกปากเลยว่าไม่ได้คุยสนุกอย่างนี้มาเป็น 10 ปีแล้วไม่มีใครคุยด้วย คุยธรรมะกัน นอกนั้นก็มาเรื่องโลกๆ เรื่องโลกๆ คุยแล้วจืดๆ

แต่พวกเรายังเป็นชาวโลกอยู่ เราดูให้ดีเถอะทุกครั้งที่มีความอยาก ใจจะมีความทุกข์จริงหรือไม่จริง ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่ก็แสดงว่าพระพุทธเจ้าไม่ใช่สัพพัญญูแล้ว พระพุทธเจ้าสอนผิดแน่นอนแล้ว แต่เรากล้าท้า ไปทำให้ถูกเถอะ แล้วอย่างไรเถียงพระพุทธเจ้าไม่ออกหรอก ศิโรราบกับพระพุทธเจ้าเลย




Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2564
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2564 7:00:27 น. 0 comments
Counter : 123 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 5378236
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ดี
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5378236's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.