Ponsawang1
Group Blog
 
All Blogs
 

รู้จัก โรคซาง ในเด็ก



รู้จัก โรคซาง ในเด็ก
(Mother & Care)

           เด็กเล็ก ๆ ที่กินน้อย ไม่ยอมกิน ทั้งที่ไม่ได้เจ็บป่วยเป็นโรคอะไร ผู้ใหญ่สมัยก่อนให้เหตุผลว่าเป็นซาง ซึ่งทุกวันนี้ แม่สมัยใหม่อาจพอรู้จัก ได้ยินมาบ้าง แต่ส่วนที่สงสัยกับเรื่องนี้ก็มีเช่นกัน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องกับอาการดังกล่าวที่ว่า เรามาดูข้อมูลเรื่องนี้ค่ะ

ข้อเท็จจริง

เป็นภาวะขาดสารอาหาร เช่น โปรตีนหรือพลังงาน ทําให้เด็กมีร่างกายผอม กล้ามเนื้อลีบ ไขมันน้อยกว่าเด็กทั่วไป เมื่อวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่ทําให้เกิดการขาดสารอาหาร หรือที่มาของการเรียกว่าซางในเด็กเล็กนั้น มาจากปัจจัยต่อไปนี้

ความรู้ ความเข้าใจในการเลี้ยงดู เช่น ลูกได้รับนมแม่ไม่เพียงพอตลอดระยะเวลา 6 เดือนแรก

การให้นมผสมที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมกับลูก เช่น วิธีการผสม, ปริมาณการให้นม และชนิดของนมผสม

การเริ่มต้นอาหารเสริม ที่ช้าหรือเร็วเกินไป

การเลี้ยงดูไม่เหมาะสม เช่น ตามใจให้เด็กกินอาหารจุบจิบที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ ทําให้อิ่มไม่อยากกินอาหารมื้อหลัก

ภาวะเจ็บป่วยที่ทําให้ได้รับอาหารน้อยลง ซึ่งอาจเกิดจาก การเบื่ออาหาร หรือการดูดซึมและการย่อยอาหารบกพร่อง

ปัจจุบันปัญหาการขาดสารอาหารในเด็กเล็ก พบได้ไม่บ่อยเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา เนื่องจากความรู้และความเข้าใจของพ่อแม่เกี่ยวกับวิถีการกินของลูกมีมากขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ภาวะการขาดสารอาหารยังเป็นอันตราย ส่งผลต่อตัวเด็กในเรื่องสุขภาพ เช่น ระบบการขับถ่าย ระบบทางเดินหายใจ หากอยู่ในขั้นที่รุนแรง

การดูแลที่เหมาะสม

ช่วง 6 เดือนแรก ลูกได้รับนมแม่ สารอาหารที่ดีและสมบูรณ์ที่สุด แต่เมื่อลูกเติบโตขึ้น มีการใช้พลังงานไปกับกิจกรรมในแต่ละวัน ร่างกายจําเป็นต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ อาหารจึงมีความสําคัญอย่างมาก เพื่อป้องกันการเกิดภาวะขาดสารอาหาร คุณแม่จึงควรดูแลในเรื่องต่อไปนี้

อาหารเสริม

เริ่มต้นให้ทีละน้อย ๆ ในลักษณะเนื้อเนียนละเอียดก่อน จนกระทั่งค่อย ๆ หยาบขึ้นตามช่วงวัย

เน้นการให้อาหารที่ครบ 5 หมู่ และมีความหลากหลายชนิดอย่างเหมาะสม

ไม่ควรฝืนหากลูกไม่ยอมกิน เพราะจะทําให้ลูกรู้สึกไม่ดีกับการกิน

สร้างนิสัยการกินที่ดี

ไม่ควรให้ลูกกินนมหรือขนม ก่อนมื้ออาหารหลัก เพราะทําให้อิ่มได้ง่าย

ฝึกนิสัยการกินที่ดี โดยกินอาหารร่วมกัน ที่โต๊ะ ไม่กินไปเล่นไป

วิตามินเสริมหรือการใช้ยา

เรื่องการกินวิตามินเสริม แม้ทางการแพทย์ไม่มีข้อห้าม แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณหมอเป็นหลัก โดยเฉพาะการใช้ยากับเด็กเล็ก เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง อย่างมาก หากไม่มั่นใจกับเรื่องการกิน สุขภาพ ของลูก ควรปรึกษาคุณหมอเป็นทางที่ดีกว่าแน่นอนค่ะ

Pix-Star PXT51WR02 10.4 Inch FotoConnect XD Digital Picture Frame
  • Panasonic KX-TG9382T 2-Line Expandable Digital Cordless Phone
  • Escort Passport 8500X50 Black Radar Detector, Blue Display
  • LG E2290V-SN 21.5-Inch Premium Super Slim Widescreen LED LCD Monitor - Metal
  • Magellan RoadMate 1700LM 7-Inch Portable GPS
  • Tritton AX 720 7.1 Surround Sound Gaming Headset for Xbox 360, PS3, and PC
  • Garmin n?vi 2455LMT 4.3-Inch Portable GPS Navigator
  • Onkyo HT-S9400THX 7.1-Channel Network A/V Receiver/Speaker Package
  • Sony Cyber-Shot DSC-TX10 16.2 MP Waterproof Digital Still Camera
  • HP dv7-6c90us
  • CyberpowerPC Gamer Ultra GUA250 AMD FX-4100 Gaming Desktop PC
  • Canon EF-S 18-135mm f/3.5-5.6 IS UD Standard Zoom Lens for Canon Digital SLR Cameras
  • Viewsonic VX2753MH-LED 27-Inch LED Monitor - Black
  • Apple iPad MC744LL/A
  • Canon XA10 Professional Camcorder
  • Fujifilm FinePix XP30 14 MP Waterproof Digital Camera
  • Pentax K-5 16.3 MP Digital SLR
  • ZTE Warp Android Smartphone
  • Garmin Forerunner 310XT Waterproof Running GPS
  • 10" GOOGLE ANDROID 2.2 TABLET 4GB EPAD LAPTOP WIFI CAMERA HDMI 3G



  •  

    Create Date : 15 พฤษภาคม 2555    
    Last Update : 15 พฤษภาคม 2555 15:56:39 น.
    Counter : 780 Pageviews.  

    ฟักข้าว พืชพื้นบ้าน ช่วยต้านมะเร็งชั้นยอด

    .......

    ฟักข้าว

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube โพสต์โดย ladyEdnaMode

    ได้รับความนิยมในหมู่คนรักสุขภาพมาพักหนึ่งแล้ว สำหรับผักพื้นบ้านที่มีชื่อว่า "ฟักข้าว" เชื่อว่าหลายคนคงคุ้น ๆ กับชื่อนี้ แต่อาจจะยังไม่รู้ว่า "ฟักข้าว" มีประโยชน์อย่างไร เอ้า...ใครที่ยังไม่รู้ว่า สรรพคุณของฟักข้าว มีอะไรบ้าง ตามมาอ่านกันจ้า

              ฟักข้าว เป็นพืชไม้เลื้อยอยู่ในวงศ์แตงกวาและมะระ มีชื่อสามัญว่า Spring Bitter Cucumber เป็นพืชที่ขึ้นตามรั้วบ้าน หรือตามต้นไม้ต่าง ๆ มีมือเกาะคล้ายกับตำลึง ใบเป็นรูปหัวใจคล้ายใบโพธิ์ ขอบใบหยักเว้าลึกเป็นแฉก 3-5 แฉก ดอกจะมีสีขาวแกมเหลือง ตรงกลางมีสีน้ำตาลแกมม่วง

    ดอกฟักข้าว

    ใบฟักข้าว


              ผลของฟักข้าว 2 ลักษณะ คือ ทรงกลม และทรงรี ผลกลม ๆ จะยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร ส่วนผลรีจะยาวประมาณ 6-10 เซนติเมตร ถ้ายังเป็นผลอ่อนอยู่ ผลจะมีสีเขียวอมเหลือง มีหนามถี่ ๆ อยู่รอบผล แต่เมื่อสุกแล้ว ผลจะมีสีแดง หรือแดงอมส้ม และหากผ่าผลฟักข้าวออกดูข้างใน ก็จะเห็นเมล็ดจำนวนมากเรียงตัวกันคล้ายเมล็ดแตง แต่ละผลหนักประมาณ 0.5-2 กิโลกรัม

    หลายคนที่อยู่ต่างจังหวัดอาจจะไม่คุ้นชื่อกับ "ฟักข้าว" แต่คุณอาจจะคุ้นกับชื่อที่เรียกกันในท้องถิ่น อย่างจังหวัดปัตตานี จะเรียก "ฟักข้าว" ว่า "ขี้กาเครือ" จังหวัดตาก จะเรียกว่า "ผักข้าว" จังหวัดแพร่ เรียก "มะข้าว" เป็นต้น

    เห็นหน้าค่าตารู้จัก "ฟักข้าว" กันไปแล้ว ลองมาดูกันบ้างดีกว่า ว่า "ฟักข้าว" นำไปทำประโยชน์อะไรได้บ้าง ที่เห็นชัด ๆ เลยก็คือ คนนิยมนำผลอ่อนของฟักข้าวมาปรุงอาหาร เพราะรสชาติของฟักข้าวอร่อยออกขมนิด ๆ แต่นุ่มลิ้น และเพราะว่า "ฟักข้าว" เป็นพืชที่มีฤทธิ์เย็นเช่นเดียวกับพืชตระกูลแตง การรับประทาน "ฟักข้าว" จึงช่วยลดความร้อนในร่างกายได้ด้วย ซึ่งวิธีปรุงอาหารจาก "ฟักข้าว" ก็ไม่ยาก แค่นำ "ฟักข้าว" มาลวก หรือต้มให้สุก แล้วจิ้มกินกับน้ำพริก หรือใส่ในแกง เช่น แกงเลียง แกงส้ม ก็ได้เมนูอร่อยเด็ดอีกจานแล้ว


    ฟักข้าว


    แล้วรู้ไหมว่า เห็น "ฟักข้าว" ผลเล็ก ๆ แบบนี้ แต่มีสรรพคุณเด็ด ๆ มากมายเลยล่ะ โดยเฉพาะผลอ่อนของฟักข้าวที่มีทั้งวิตามินซี แคลเซียม เหล็ก ไฟเบอร์ แต่สารอาหารที่พบมากใน "ฟักข้าว" ก็คือ เบต้าแคโรทีน โดยพบว่า เยื่อเมล็ดของฟักข้าวมีปริมาณเบต้าแคโรทีนสูงกว่าแครอทถึง 10 เท่าเชียวนะ ซึ่งสารตัวนี้เป็นสารตั้งต้นของวิตามิน ซึ่ส่วนช่วยบำรุงสายตาได้อย่างดี และยังทำหน้าที่เสมือนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

              ไม่ใช่แค่ "แคโรทีน" เท่านั้น เพราะรายงานการศึกษาของต่างประเทศ ยังพบด้วยว่า ในเยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าวสีแดงมีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศถึง 70 เท่า แต่สำหรับฟักข้าวสายพันธุ์ไทยมีปริมาณไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศเพียง 12 เท่า ซึ่งก็ถือว่ามากแล้ว

    ทั้งนี้ ทางการแพทย์พิสูจน์แล้วว่า ไลโคปีนจากเยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าวเป็นสารต้านมะเร็ง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร ดังนั้น หากจะบอกว่า ฟักข้าว เป็นอาหารอีกหนึ่งชนิดที่ต้านมะเร็งได้ดีก็คงไม่ผิดนัก


    ฟักข้าว


    นอกจากในประเทศไทยแล้ว เรายังสามารถพบ "ฟักข้าว" ได้ในอีกหลายประเทศในแถบเอเชีย ทั้งประเทศจีน พม่า ไทย ลาว บังกลาเทศ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งแต่ละประเทศก็รู้จักสรรพคุณของ "ฟักข้าว" เป็นอย่างดี และนำ "ฟักข้าว" มาใช้ประโยชน์ต่าง ๆ กัน อย่างเช่น

    ประเทศจีน นิยมนำเมล็ดแก่ของฟักข้าวมาบดให้แห้ง นำไปผสมน้ำมัน หรือน้ำส้มสายชูเล็กน้อย แล้วทาผิวหนังบริเวณที่มีอาการอักเสบ บวม จะช่วยรักษาอาการบวมได้ นอกจากนั้น ยังช่วยรักษาโรคกลาก เกลื้อน ฟกช้ำ แก้อาการผื่นคัน โรคผิวหนังต่าง ๆ ได้ด้วย

    ประเทศเวียดนาม ชาวเวียดนามนิยมนำฟักข้าวมาปรุงอาหารในเทศกาลปีใหม่ และงานมงคลสมรส โดยจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮานอย พบว่า น้ำมันจากเยื่อเมล็ดฟักข้าวมีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งตับ

    ประเทศฟิลิปปินส์ นำรากฟักข้าวมาบดแล้วนำไปหมักผม เพื่อช่วยให้ผมดกและยังสามารถกำจัดเหาได้ด้วย ซึ่งในประเพณีล้านนาของไทยก็มีการนำฟักข้าวไปสระผมเช่นกัน เพื่อช่วยแก้อาการคันศีรษะ แก้รังแค แก้ผมร่วง และช่วยให้ผมดกดำขึ้น

    ประเทศญี่ปุ่น มีการวิจัยพบว่า โปรตีนจากสารสกัดน้ำของผลฟักข้าวช่วยยับยั้งการเจริญของก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่ในหนูทดลอง


    ฟักข้าว


    สำหรับในประเทศไทยเองนั้น ขณะนี้มีนักวิจัยกำลังศึกษาสรรพคุณของฟักข้าวอย่างมากมาย อย่างเช่น คณะนักวิจัยจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ ได้ร่วมกันศึกษาเรื่องการนำน้ำมันของเยื่้อหุ้มเมล็ดฟักข้าวในอนุภาคไขมันระดับนาโน มาพัฒนาเป็นเครื่องสำอางลดเลือนริ้วรอย ซึ่งจากการทดสอบก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และทำให้งานวิจัยชิ้นนี้ได้รับรางวัล "IFSCC Host Society Award 2011" จากงานประชุมสมาพันธ์นักเคมีเครื่องสำอางนานาชาติ 2011 (IFSCC 2011) 

              นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่พบว่า ในเมล็ดฟักข้าวมีโปรตีนที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อเอชไอวี และยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ด้วย ขณะที่นักวิจัยจากคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก็กำลังศึกษาวิจัย เพื่อปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์ฟักข้าวให้มีปริมาณเบต้าแคโรทีนและสารไลโคปีนสูงขึ้น และมีผลผลิตของเยื่อหุ้มเมล็ดเพิ่มมากขึ้นด้วย

    เห็นแบบนี้แล้ว ต้องยกให้ "ฟักข้าว" เป็นพืชมหัศจรรย์อีกหนึ่งชนิด เพราะมีสรรพคุณทางยาและคุณค่าทางโภชนาการไม่น้อยเลยทีเดียว และเชื่อว่าหากมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เราคงได้ค้นพบถึงสรรพคุณเจ๋ง ๆ ของพืชพื้นบ้านชนิดนี้อีกแน่นอน




     

    Create Date : 14 พฤษภาคม 2555    
    Last Update : 14 พฤษภาคม 2555 14:18:31 น.
    Counter : 675 Pageviews.  

    ปรับพฤติกรรมลดเสี่ยงใหลตาย

    สุขภาพ


    ปรับพฤติกรรมลดเสี่ยง"ใหลตาย" (ไทยโพสต์)

    การเสียชีวิตในขณะนอนหลับ (Brugada syndrome) หรือชื่อที่คนไทยคุ้นหูว่า "โรคใหลตาย" โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น สามารถเป็นได้ทั้งหญิงและชาย แต่เพศชายจะเสียชีวิตมากกว่า

              นพ.กัมปนาท วีรกุล อายุรแพทย์หัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ผู้ร่วมวิจัย กับ นพ.กุลวี เนตรมณี เกี่ยวกับโรคใหลตาย เปิดเผยว่า การเสียชีวิตกะทันหันจากโรคใหลตาย เกิดจากการเต้นระริกที่ไม่มีการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจที่เกิดขึ้นเอง (Spontaneous Ventricular Fibrillation, VF) ทำให้สมองขาดเลือดและออกซิเจนกะทันหัน เป็นผลให้กล้ามเนื้อตามตัว แขน ขา เกิดอาการเกร็งและหายใจเสียงดัง จากการมีเสมหะในหลอดลม บางรายจะมีอุจจาระ ปัสสาวะราดจากการสูญเสียการควบคุมของระบบประสาทอัตโนมัติ ผู้ป่วยจะมีใบหน้า ริมฝีปากเขียวคล้ำ และเสียชีวิตในเวลารวดเร็ว หากไม่ได้รับการกู้ชีวิตที่มีประสิทธิภาพ และจากผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ผู้ป่วยโรคใหลตายที่รอดชีวิต ร้อยละ 90 มีคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ และมีลักษณะเฉพาะ คือ มีการยกตัวของคลื่น ST เหมือนกับที่คนไข้ที่เสียชีวิตกะทันหันในยุโรป

    วิธีเดียวที่จะป้องกันโรคใหลตาย คือ ปลูกฝังเครื่องกระตุกหัวใจ (ICD) ส่วนการรับประทานยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้นไม่มีผลในการช่วยชีวิตแต่อย่างใด เพราะการใช้ไฟฟ้ากระตุกหัวใจให้กลับมาทำงานเป็นปกติ เพื่อหยุด VF โดยเร็วที่สุด ในบางครั้ง VF อาจหยุดเองได้และผู้ป่วยจะรอดตายได้เช่นกัน แต่ก็อาจจะเกิดสมองพิการถาวรหากขาดออกซิเจนนาน

              อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาดูเหมือนว่าการตรวจหัวใจไม่ว่าจะเป็นลิ้นหัวใจ กล้ามเนื้อและหลอดเลือดอย่างละเอียดจะให้ผลปกติ แต่กลับพบความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ สามารถกระตุ้นการเต้นระริกที่ไม่มีการบีบตัว (ventricular fibrillation, VF) ได้โดยง่าย

    "คลื่นไฟฟ้าหัวใจดังกล่าวอาจกลับเป็นปกติได้ แต่จะสามารถตรวจพบด้วยการวางตำแหน่งที่สูงขึ้น หรือใช้ยาบางชนิด"

              นอกจากนี้การวิจัยยังพบข้อมูลที่น่าสนใจ โดยร้อยละ 30 ของครอบครัวผู้ป่วยใหลตายในไทย และ Pokkuri ในญี่ปุ่นมีความผิดปกติในหน่วยพันธุกรรม (gene) จริง มีผลให้การควบคุมประจุไฟฟ้าโซเดียมในระดับเซลล์ลดลง หรือไม่ทำงาน จึงเกิดการเต้นระริกขึ้นได้

    สำหรับแนวทางการรักษา คุณหมอเผยว่า เนื่องจากการฝังเครื่อง ICD นั้นไม่ได้เป็นการรักษาโรค เพียงแต่ป้องกันการเสียชีวิต และยังมีราคาแพง (300,000 บาท/เครื่อง) และจะต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่เมื่อแบตเตอรี่หมด (เครื่องจะมีอายุการใช้งานประมาณ 5-7 ปี) คณะผู้วิจัยพบว่ามีผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งที่ยังมีการเกิด VF ซ้ำจนเครื่อง Shock บ่อย เป็นผลให้อายุของแบตเตอรี่ลดลง ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อยจึงเกิดปัญหา เมื่อไม่สามารถหาเครื่องใหม่ทดแทนด้วยกำลังทรัพย์ของตนเองได้

              ด้าน นพ.กุลวี เนตรมณี และคณะผู้วิจัย พบว่า ตำแหน่งของจุดกำเนิดการเต้นระริกที่ไม่มีการบีบตัว (VF) ในผู้ป่วยใหลตาย (Brugada syndrome) อยู่ที่ตอนบนของบริเวณผิวนอกของผนังหัวใจด้านขวาล่าง ซึ่งการใช้พลังงานความร้อนเท่าคลื่นวิทยุ จี้ทำลายจุดกำเนิดดังกล่าว อาจเป็นทางเลือกใหม่ของการรักษาที่สามารถป้องกันการเสียชีวิตจากการเกิด VF ซ้ำในผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้

    อย่างไรก็ตามคุณหมอแนะนำว่า การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นตัวกระตุ้นซึ่งทำให้เกิดโรคนี้ เช่น การงดรับประทานอาหารหมักดอง ดื่มเหล้า-เบียร์ สูบบุหรี่ รวมทั้งน้ำปลา ขณะเดียวกันการทำจิตใจให้สดใสแข็งแรง ปราศจากความเครียด ก็มีส่วนป้องกันโรคใหลตายได้ทางหนึ่ง








     

    Create Date : 14 พฤษภาคม 2555    
    Last Update : 14 พฤษภาคม 2555 14:15:29 น.
    Counter : 443 Pageviews.  

    แหวนหมั้นและแหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน




    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก weddingwire.com

             ไม่ว่าจะเป็นคู่รักคู่ไหน ๆ ก็ให้ความสำคัญกับ "แหวนแต่งงาน" ด้วยกันทั้งนั้นแหละ เพราะแหวนแต่งงานนั้นเป็นสิ่งที่จะใช้แทนสัญลักษณ์ความรักของคนทั้งคู่ ดังนั้น ทั้งเจ้าสาวและเจ้าบ่าวจึงใช้เวลาและความพิถีพิถันเป็นพิเศษในการเลือกแหวนแต่งงาน อย่างไรก็ตาม นอกจากแหวนแต่งงานแล้ว "แหวนหมั้น" ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะเป็นแหวนคู่ที่เราใช้แสดงความรักกันไว้ก่อนแต่งงาน

    ทั้งนี้ การเลือกใช้ "แหวนหมั้น" และ "แหวนแต่งงาน" ก็มีหลายแบบ ซึ่งบางคู่อาจใช้แหวนแต่งงานและแหวนหมั้นเป็นแหวนวงเดียวกันไปเลย ในขณะที่บางคู่อาจเลือกใช้แหวนคนละวง และเลือกที่จะใส่แหวนหมั้นที่นิ้วนางข้างซ้ายในช่วงหมั้นหมายไว้ก่อน จากนั้นจึงค่อยสวมแหวนแต่งงานซ้อนอีกวงในวันแต่งงาน และเพราะมีคนมากมายที่เลือกใช้แหวนสองวง ร้านเพชรต่าง ๆ จึงมีคอลเล็คชั่นแบบที่ทำแหวนหมั้นและแหวนแต่งงานไว้ในเซ็ตเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการเลือกของลูกค้าด้วย

             อย่างไรก็ดี สุดท้ายแล้วแหวนที่เราใส่ติดนิ้วตลอดเวลานั้น ก็คือ "แหวนแต่งงาน" นั่นเอง โดยที่ส่วนใหญ่แล้ว แหวนแต่งงานของฝ่ายเจ้าสาวมักจะมีดีไซน์ให้เลือกหลากหลายแบบ ในขณะที่ของฝ่ายเจ้าบ่าวมักมีดีไซน์แบบเรียบ ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับเสื้อผ้าทุกแบบ ส่วนแหวนหมั้นในช่วงหลังแต่งงานนั้น เจ้าสาวบางคนอาจเลือกเก็บไว้ใส่เฉพาะเวลาออกงานสำคัญ ๆ ได้เช่นกัน

    ดังนั้น ทั้งแหวนหมั้นและแหวนแต่งงานจึงถือว่ามีความสำคัญกับบ่าวสาวทุกคู่ เราจึงควรใช้เวลาเลือกและเปรียบเทียบคุณภาพรวมถึงราคาให้ดี เพราะแหวนทั้งสองวงนั้นเป็นสิ่งที่มีความหมายกับความรักของเราอย่างมาก อย่างไรก็ตาม วันนี้กระปุกเวดดิ้งได้นำเอาแบบแหวนแต่งงานสไตล์ต่าง ๆ มาฝากกันด้วยค่ะ...


    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน

    แหวนแต่งงาน

    แหวนหมั้น และ แหวนแต่งงาน




     

    Create Date : 12 พฤษภาคม 2555    
    Last Update : 12 พฤษภาคม 2555 2:37:43 น.
    Counter : 842 Pageviews.  

    โลกนี้มีแต่ภัย




    พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนพุทธบริษัททั้งหลาย ก็เพื่อที่จะให้พุทธบริษัททั้งหลายตื่นตัวเห็นว่า ภัยมันมีอยู่รอบด้าน เช่น อุทกภัย ภัยคือน้ำท่วมก็ปรากฏอยู่แล้ว มันก็นำความเสียหายมาให้แก่ประชาชน


    เอ้า! ทำนาไว้นาไว้น้ำท่วมข้าวก็ตาย เลี้ยงปลาไว้ในบ่อ น้ำท่วมนา น้ำท่วมมาปลาก็หนี ปลูกพืชต่างไว้ที่ลุ่ม น้ำท่วมก็ตาย ในบ้านเรือนที่ปลูกอยู่ในที่ต่ำ น้ำท่วมก็อยู่ไม่ได้ เดือดร้อนกันต้องอพยพหนีน้ำ นี่เรียกว่า "อุทกภัย"


    บางรายก็ปลูกบ้านอยู่ริมแม่น้ำ น้ำล้นฝังมาอย่างรุนแรง พัดเอาบ้านที่ไม่แข็งแรงให้พังไปเลย ข้าวของมวลใดก็ไม่มีเหลือ..


    หมู่นี้นะ..ควรเอามาเป็นอารมณ์พิจารณาให้เห็นว่า ภัยดังกล่าวมานี้ มันมีประจำโลก พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงยกเอามาเปรียบเทียบทางธรรมว่า คนเรานี่หลับใหลไม่รู้ตื่น ไม่ตื่นกลัวต่อภัยทั้งหลาย เหมือนคนนอนหลับนอนไหลกลางคืนแล้ว น้ำหลากมาพัดพาเอาบ้านเอาช่องเสียหายไป ตัวเองก็จมน้ำตาย อันนี้ฉันใดก็อย่างนั้นแหละ..


    ผู้ใดปล่อยให้ความโลภ โกรธ หลง กิเลสต่าง ๆ ท่วมท้นจิตใจแล้ว ใจก็มืดมนอนธการ ทำคุณงามความดีอะไรก็ไม่ได้ กิเลสมันบังคับไม่ให้ทำความดี ไม่ให้ฝึกตน กิเลสมันบังคับจิตให้ยึดให้คล่องอยู่ในขันธ์ทั้ง ๕ อันนี้ หรืออยู่ในโลกสงสารอันนี้ ก็เป็นไปตามอำนาจของกิเลสนั้น เช่นนี้ ผู้ก็ไม่พ้นจากทุกข์ได้เลย ตายแล้วจิตวิญญาณก็เร่ร่อนอยู่ในโลกอันนี้ ไม่ได้ทำบุญกุศล ก็ไม่มีสิ่งอำนวยความสุขความสบาย ให้ละโลกนี้ไปแล้วก็ตกทุกข์ได้ยากลำบาก จะไปเกิดกับคนก็ไปเกิดไม่ได้เพราะบุญน้อย


    ดังนั้นพระบรมศาสดาจึงได้ทรงตักเตือนให้พุทธบริษัท มีสติสัมปชัญญะตื่นตัวว่า ภัยทั้งหลายมันมีอยู่ทั้งภายนอกภายใน


    นอกจากอุทกภัยแล้วก็อัคคีภัย เดี๋ยวไป ๆ มาหน่อยได้ข่าวว่าไฟไหม้..มันไม่ใช่ไหม้กระต๊อบกระแต๊บธรรมดานะ ไหม้ตึกไหม้ลามสิบชั้นยี่สิบชั้นโน้น พังพินาศลงมาอย่างนี้..คนก็ทำงานอยู่ก็ตาย ตึกมันพังลงทับเอา


    โจรภัย เอ้า..วันดีคืนดีโจรได้จ้องมอง เห็นบ้านไหนพอได้ปล้นมันก็ปล้นเอาขัดขืนก็ฆ่าเจ้าของซะ ตายแล้วค้นเอาทรัพย์สมบัติของผู้นั้นไป


    สงครามภัย เอ้า..วันดีคืนดีก็นอนก็เกิดสงครามขึ้นมารบราฆ่าฟันกัน ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยก็พลอยมาตาย ตายด้วยลูกระเบิดบ้าง ตายด้วยการอพยพหนีลูกกระสุน ตายนอนกลางดินกินกลางหญ้า โรคภัยเบียดเบียนเอา ตายอยู่กลางดินกลางหญ้า..หมู่นี้น่ะ..นี่แหละเรียกว่า โจรภัย สงครามภัย มันมีแต่ภัย


    โลกสันนิวาส อันนี้ มันมีภัยภายในได้แก่ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย อันนี้ก็เป็นภัยประจำอยู่กับชีวิตหลีกเลี่ยงไม่พ้นจริง ๆ


    Stack-On CADET-SET-DS 6-Piece Garage Storage SystemPentair 011513 Stainless Steel WhisperFlo Full-Rated Energy Efficient Pool Pump, 1-Horsepower 115/208/230-VoltFrigidaireGladiator GarageWorks GAWB06MTRG 6-Foot Modular WorkbenchKOHLER K-6489-0 Whitehaven Self-Trimming Apron Front Single Basin Sink KOHLER K-6534-4U-0 Hawthorne Apron-Front, Undercounter Kitchen Sink, WhiteJET 629004K 16-32 Plus 16-Inch 1-1/2-Horsepower Open Stand Drum Sander, 110-Volt 1 PhaseDEWALT D24000S Heavy-Duty 10-inch Wet Tile SawLG 2.7 CF COMBO WASHER-DRYER WHITEDelta Power Tools 22-590 Portable Planer Shop Fox W1820 3 HP 10-Inch Table SawSimpson Mini-Brute MB1223 1,200 PSI 120 Volt Electric/Diesel Powered Hot Water Heavy Duty Pressure WasherGenerac RTSD200A3 Nexus Smart Switch 200 Amp Service Rated Transfer SwitchFuji 2803-G-XPC Mini-Mite 3 HVLP Spray SystemJet 708482K JPS-10 Bosch 4100DG-09 10-Inch Worksite Table SawHoneywell 2000-6066 2,000 Watt 126cc 4-Stroke OHV Portable Gas Powered Inverter GeneratorCableiq Service KitLeica DISTO 764558 D8 Hand Held Laser Distance MeasurerMakita LS1216LX 12-Inch Dual Slide Compound Miter Saw




     

    Create Date : 12 พฤษภาคม 2555    
    Last Update : 12 พฤษภาคม 2555 2:34:20 น.
    Counter : 408 Pageviews.  

    1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

    ponsawang1
    Location :


    [Profile ทั้งหมด]

    ฝากข้อความหลังไมค์
    Rss Feed
    Smember
    ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




    DDDDDDDDD .......
    Friends' blogs
    [Add ponsawang1's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.