It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องยาวแนวยูริ : อรุณรุ่งในดวงใจ บทที่ ๑๓

บทที่ ๑๓ ๖.๒๐ น.

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าอา” พี่ษาเดินเข้ามาหาฉันที่หล่นลงมาอย่างหมดท่า ถึงจะลิงอย่างไรฉันก็เจ็บเป็น

ตอนนี้ฉันจุกจนพูดไม่ออก ได้แต่ส่งสายตาเว้าวอนขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ดูเหมือนเธอก็จะรับรู้ความหมายของการสื่อสารทางสายตาของฉัน เธอยื่นมือมาให้ฉันจับเพื่อที่จะฉุดให้ฉันลุกขึ้น แต่ฉันเองไม่มีแรงแม้จะยื่นมือไปจับมือของเธอ

“เอ๊าไม่ลุกเหรออา” เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิมแต่ตอนนี้ก้มลงมาเพื่อที่จะพยุงฉันให้ลุกขึ้น

“โอ๊ยพี่ษาอาเจ็บ” ฉันร้องลั่นเพราะความเจ็บปวดบริเวณข้อเท้า และหดขาของตัวเองมาจับไว้

“สงสัยข้อเท้าจะพลิกนะนี่ไหนดูสิ” พี่ษาจับที่ข้อเท้าของฉันที่ตอนนี้เริ่มจะบวมปูดออกมาบ้างแล้ว

“จะหักไหมนี่ตายแล้ว อารออยู่ที่นี่นะพี่จะไปตามภาก่อน” เธอรีบวิ่งเข้าไปในบ้านสักพักใหญ่ก็ออกมาพร้อมกับพี่ภา

“ว่าไงแม่ตัวดี ตกลงมาท่าไหนหละถึงได้เจ็บขนาดนี้” ดูดู๊พี่ภาทักทายฉันคำแรกก็แบบนี้แล้ว

“นี่พี่ภาแทนที่จะห่วงน้องว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่ากลับมาพูดแบบนี้ มันน่าไหมนี่หือ” ฉันโวยวายพี่ภาเพราะความน้อยใจ ตอนนี้น้ำตาไหลเป็นทางเพราะความเจ็บปวดที่ข้อเท้ามันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

พี่ภาก้มลงมองที่ข้อเท้าของฉันและก็ต้องตกใจเพราะข้อเท้าทั้งสองข้างเกิดอาการไม่เท่ากันแล้วตอนนี้ ข้างที่ฉันนั่งจับอยู่นั้น บัดนี้ เกิดอาการบวมเป็นสองเท่าของอีกข้างหนึ่ง

“ลุกไหวไม๊อา ปะเข้าบ้านก่อน ษาช่วยเราพยุงอาเข้าบ้านทีสิ” พี่ภาและพี่ษาทั้งสองคนช่วยประคองปีกฉันเดินเข้าบ้านอย่างทุลักทุเล

“ตายแล้วอาไปโดนอะไรมาลูก” แม่เห็นฉันที่มีพี่ภาและพี่ษาช่วยกันประคองเข้าบ้านก็ร้องเสียงดัง

“ยังแม่อายังไม่ตายแต่อาเจ็บข้อเท้ามันจะหักไหมแม่” ฉันที่เดินแกมกระโดดโหย่งตัวไม่ลงน้ำหนักไปที่ข้อเท้าข้างที่กำลังเจ็บอยู่รีบร้องบอกแม่

“ยังมีอารมณ์มาเล่นอีกนะ ภาไปเอาน้ำแข็งมาลูกแล้วก็ไปหยิบกุญแจรถให้แม่ด้วย ษาช่วยแม่เอาอาขึ้นรถหน่อยต้องไปหาหมอ” แม่หันไปสั่งพี่ภาพี่ษาแล้วก็มาเปลี่ยนประคองฉันแทนพี่ภา จากนั้นก็เอาฉันขึ้นรถไปโรงพยาบาล

หมอคนสวยที่ฉันเคยชอบเมื่อตอนที่เป็นไข้เมื่อครั้งก่อนมาดูอาการฉันแล้วก็จับข้อเท้าของฉันหนุมไปหมุนมาและก็มีเสียงดัง

“ก๊อก”

“โอ๊ย” ฉันร้องลั่นเพราะความเจ็บปวด

“ไม่เป็นไรแล้วแค่ข้อเท้าพลิก แต่ไงหมอขอเอ็กซ์เรย์ดูหน่อยก็แล้วกันนะ เดี๋ยวพอเอ็กซ์เรย์เสร็จแล้วถ้าหักก็จะได้ใส่เฝือก แต่ถ้าไม่หักก็พันข้อเท้าหน่อยแล้วกัน คุณพยาบาลคะพาคนไข้ไปห้องเอ็กซ์เรย์ด้วยค่ะ” หมอบอกอาการของฉันแล้วก็สั่งนางพยาบาลให้พาฉันไปห้องเอ็กซ์เรย์

ผลออกมาว่าฉันแค่ข้อเท้าพลิก ก็เลยไม่ต้องใส่เฝือก แต่หมอให้ฉันใช้ไม้เท้าพยุงตัวไปสักหนึ่งสัปดาห์ แม่ไปจ่ายค่ายาและก็กลับมาหาฉันที่นั่งอยู่บนรถล้อเข็น

“สมน้ำหน้าไหมนี่อยู่ดีไม่ว่าดีชอบนักปีนต้นไม้ ดีนะไม่ตกลงมาตาย กลับไปนี่แม่จะตัดจริงๆ แล้วไอ้ต้นมะม่วงต้นนั้นคอยดูสิ” แม่ยังซ้ำเติมฉันอีก

“โธ่แม่คนเรามันก็พลาดกันได้ สี่ตีนยังรู้พลาดนักปราชญ์ยังรู้พลั้ง แม่อย่าตัดต้นไม้ของอาเลยนะแม่นะ อารักของอา” ฉันโอดครวญและขอร้องแม่ เพราะฉันว่าแม่ก็คงจะไม่ตัดต้นมะม่วงแสนรักของฉันจริงๆ หรอก

พี่ภาและพี่ษาที่ยืนดูฉันกับแม่เถียงกันอยู่ก็หัวเราะกันคิกคัก

“พี่สองคนนี้ก็จริงๆ เลยแทนที่จะห่วงน้องกลับมายืนหัวเราะกันอยู่ได้ ไม่เป็นตัวเองมั่งให้มันรู้ไป”

“อ้าวไหงพูดงี้หละอย่างพี่น่ะไม่ตกลงมาแน่ๆ อาเพราะพี่กับษาไม่คิดอุตริที่จะปีนต้นไม้เล่นแบบอาสักหน่อย” พี่ภาก็ช่างกระไรจะยอมคนเจ็บแบบฉันสักนิดเป็นไม่มี

“โด่ถ้าพี่ษาไม่แกล้งอาอาก็ไม่ตกลงมาหรอก” ฉันโบ้ยโยนความผิดให้พี่ษาหน้าตาเฉย

“ราคาคุย คนอย่างเรานะเจ็บนิดบอกเจ็บมาก เจ็บมากบอกเจ็บเจียนตาย แล้วพอเจ็บเจียนตายก็แกล้งตายไปเลย ดีๆ พี่จะได้มีน้องคนใหม่” พี่ภาเอาแล้วสิสบประมาทกันเห็นๆ

“แม่ดูพี่ภาสิมาว่าอา” ฉันเริ่มหาพวกเพราะคิดว่างานนี้ตัวเองผิดจริงๆ แถมยังเจ็บตัวอีกด้วย

“ไม่มีทางอาแม่ไม่เข้าข้างอาเด็ดขาด” แม่ปฏิเสธเสียงแข็ง

งานนี้เหลือคนเดียวที่จะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของฉัน ฉันตีหน้าเศร้าส่งเสียงอ่อยให้กับพี่ษา

“พี่ษาหละคะเข้าข้างอาหรือเปล่า” ฉันส่งสายตาอ้อนวอนหวังจะให้พี่ษาใจอ่อน

“พี่ก็ไม่เข้าข้างอาหรอกเมื่อกี้ยังมาโทษพี่อยู่เลยว่าพี่แกล้ง แล้วตอนนี้จะมาหาพวก เมินซะเถอะ” สุดท้ายก็ไม่มีใครเป็นพวกฉัน

“โอ๊ยเจ็บ” ฉันร้องตะโกนเรียกร้องความสนใจและก็ได้ผล

“เจ็บมากเลยเหรอลูก” แม่พี่ภาพี่ษารีบเข้ามาดูฉัน

“เจ็บแม่แต่ไม่ได้เจ็บข้อเท้า แต่มันเจ็บใจ แงๆๆๆ รุมรังแกคนเจ็บใจร้าย แงๆๆๆ” ฉันแกล้งร้องโอดโอย และสิ่งที่ตามมาก็คือฝ่ามือของแม่และพี่ภาที่พร้อมใจกันตีมาที่ไหล่ทั้งสองข้างของฉัน

งานนี้เล่นเอาคนเจ็บอย่างฉันร้องไม่ออก เพราะอะไรนะเหรอ

ก็เพราะฉันเจ็บจริงๆ นะสิถามได้โด่เอ๊ย

........................

ถือว่าเป็นการโชคดีของฉันที่พี่ษามานอนที่บ้าน เพราะการไปโรงเรียนของฉันก็ไม่ต้องไปรบกวนพ่อให้ไปส่งที่โรงเรียน พี่ษาจะขี่มอเตอร์ไซด์ไปโรงเรียนพร้อมกับฉัน ฉันต้องแบกไม้เท้ายาวๆ สองอันไปด้วย

เมื่อถึงโรงเรียนพี่ษาก็จะหิ้วกระเป๋าให้ฉัน จะขึ้นจะลงบันไดก็ลำบาก โชคดีที่การเรียนการสอนที่โรงเรียนของฉันไม่ใช่การเดินเรียนไปตามห้องต่างๆ แต่เป็นครูที่เป็นฝ่ายเดินมาสอนที่ห้องของพวกเราแทน

พี่ษาพาฉันมาถึงห้องด้วยความยากลำบาก เพราะกว่าฉันจะกระดื๊บขึ้นมาได้ก็เล่นเอาเหนื่อย ภรณีมาช่วยหิ้วกระเป๋าให้ และจับฉันนั่งลงที่เก้าอี้

“ณีพี่ฝากดูอาด้วยนะเดี๋ยวพี่ไปข้างล่างก่อน”

“ค่ะพี่ษาแล้วนี่พี่ษาจะลงไปเข้าแถวเลยเหรอ”

“ค่ะเพราะใกล้เวลาแล้วเดี๋ยวลงไปไม่ทัน”

“แต่เดี๋ยวณีก็ต้องไปเล่นเพลงชาตินะพี่”

“เออจริงสิพี่ลืมไป ตายแล้วทำไงดี”

“งั้นเดี๋ยวณีไปบอกขวัญให้ขึ้นมาแล้วกัน”

“เอางี้ณีไปตามขวัญมาอยู่เป็นเพื่ออาก่อนแล้วพอขวัญมาพี่จะได้ลงไป”

“ค่ะพี่ณีจะไปตามขวัญมาให้แล้วกัน รอเดี๋ยวนะคะ อาเราไปก่อนนะ” ภรณีหันมาบอกฉัน ที่นั่งจุมปุ๊กอยู่กับเก้าอี้

“อืมไม่ต้องรีบก็ได้เพื่อนเราอยู่ได้”

“ฮั่นแน่จะอยู่กับพี่ษาสองต่อสองก็บอกมาเถอะ ทำเป็นบอกว่าอยู่ได้โด่เอ๊ยรู้ทันหรอกน่าเพื่อน”

“ทำเป็นรู้มากเดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว” ฉันยกไม้เท้าทำท่าจะตีภรณีแต่เจ้าตัวไวเป็นปรอทวิ่งตึงๆ ออกไปเรียบร้อยแล้ว

กว่าขวัญหทัยจะขึ้นมาก็ใกล้เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ ฉันก็เลยบอกพี่ษาว่างั้นพี่ษาคงไม่ต้องลงไปแล้ว เพราะลงไปก็คงไม่ทัน เราสามคนก็เลยนั่งอยู่ในห้องด้วยกัน

“ไปทำอะไรมาอาเซฟโซเห็นณีบอกว่าพิการไปแล้ว” ขวัญหทัยทักฉันเมื่อเธอก้าวขายังไม่พ้นประตูห้อง

“ใครว่าพิการยะฉันนะแค่ขาพลิกนิดๆ หน่อยๆ เอง ไม่ได้พิการสักหน่อย”

“อ้าวจะไปรู้ได้ไงก็ณีบอกแบบนั้นนี่เราก็นึกว่าพิการจริงๆ สรุปไปทำอะไรมาไม่ยอมตอบ”

“อาเค้าตกต้นไม้เมื่อวาน” พี่ษาที่นั่งอยู่ด้วยกันเห็นท่าไม่ดีหากให้ฉันกับขวัญหทัยพูดคุยกันไปเรื่อยๆ คงไม่มีทางจะรู้เรื่องแน่ๆ เลยชิงตอบก่อน

“อานี่นะพี่ตกต้นไม้ไม่อยากจะเชื่อเลย” ขวัญหทัยทำตาโต แต่ก็คงได้เท่าไข่นกกระทาเพราะเธอตาไม่เท่าขาห่าน

“ใช่เลยตกลงมาดังตุ๊บ พี่นึกว่าแผ่นดินจะทรุด รีบไปดูเลยว่าพื้นยุบไปหรือเปล่า แต่พื้นไม่ยักเป็นไร คนที่หล่นต่างหากข้อเท้าบวมเป่ง” คนที่เล่าก็หัวเราะไปด้วย คนฟังก็ขำต่อ

“แสดงว่าหล่นลงมาต่อหน้าต่อตาพี่ษาเลยสินี่”

“แม่นแล้ว” พี่ษายังมีอารมณ์นึกสนุกคุยเล่นกัยขวัญหทัย

“อะอย่างนี่พี่ษาก็ไปอยู่ที่บ้านของอาสิคะ นั่นแน่ สองคนนี้ต้องมีอะไรกันแน่ๆ เลยแล้วไม่มาบอกกล่าวเล่าสิบให้เพื่อนได้รู้บางนะ” ขวัญหทัยทำหน้าเจ้าเล่ได้น่าทุบจริงๆ

ไม่มีเสียงตอบกลับจากพี่ษา และฉันเองก็ไม่ได้ตอบ เพราะคิดว่าถ้าพี่ษาไม่ตอบฉันก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก ยิ่งพูดก็ยิ่งมากเรื่อง มากคนก็มากความ และเราก็ต้องหยุดคุยกันเพราะเพลงชาติดังขึ้น ทั้งสองคนก็ยืนขึ้นเคารพธงและสวดมนต์ก่อนเข้าเรียน

.......................

ฉันแทบจะบ้าตายเมื่อฉันปวดท้องจะเข้าห้องน้ำ และลุกมาขออนุญาตครูเพื่อไปห้องน้ำ

“ครูขาขออนุญาตไปดื่มน้ำปัสสาวะคะ”

“ไปสิแล้วจะดื่มเยอะไม๊อาคิรา” ครูหันมาถามฉัน

“คงไม่เยอะค่ะ เดี๋ยวก็ปวดปัสสาวะอีก”

“แต่ครูว่าดื่มน้ำเปล่าดีกว่านะ น้ำปัสสาวะคงไม่อร่อยเท่าไหร่” ครูยังทำหน้าตาเฉย และฉันก็รู้แล้วว่าครูหมายถึงอะไร เล่นเอาเพื่อนทั้งห้องโห่ฉันกันเป็นแถว

ก่อนออกมาจากห้องฉันหันไปเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกับเพื่อนๆ และทำปากขมุบขมิบว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะเพื่อน”

ฉันยังไม่ชินกับไม้เท้าทั้งสองที่ใช้อยู่และพื้นทางเดินก็ลื่นเหลือเกินสำหรับฉัน ก็เล่นขัดเสียมันวับ จนแมลงวันลื่นตกลงมาตายแบบนี้ ฉันก็แย่นะสิ พอเดินไปได้สักพัก และด้วยถุงเท้าที่ใส่อยู่พร้อมกับมือที่ถือรองเท้าอีกข้างเลยทำให้ฉันลื่นล้ม เมื่อเดินออกมาจากห้องได้ไม่กี่ก้าว

“ตึง” เสียงล้มของฉันดังสนั่น

“โอ๊ย” ฉันร้องลั่นเพราะคราวนี้ก้นกบฉันเจ็บระบมไปหมด

ครูวิ่งออกมาดูฉันและบอกเพื่อนๆ ว่าให้รีบพยุงฉันขึ้นมาจากพื้น แต่ฉันก็ลุกไม่ขึ้น พอมีคนมาประคองปีกก็เลยพอจะลุกไหวบ้าง

“แบบนี้ต้องเอาเพื่อนไปด้วยแล้วหละอาคิรา”

“ค่ะครู”

“เดี๋ยวหนูไปเป็นเพื่อนเองค่ะครู” ภรณีเสนอตัว เพราะวิชาภาษาอังกฤษนี่ไม่ค่อยมีใครอยากจะเรียนเท่าไหร่

“หนูไปด้วยค่ะครูเดี๋ยวภรณีเอาอาคิราไม่ไหว” รมณรีบเสนอตัวอีกคน

“โอเคไปกันสามคนค่อยๆ พยุงเพื่อนไปนะอย่างให้ล้มอีกหละ”

“ค่ะครู” ทั้งาสองคนรีบตอบพร้อมกัน

กว่าเราทั้งสามจะเดินไปถึงห้องน้ำได้ เล่นเอาฉันเหนื่อยกับการโขยกตัวเดิน และก็ได้ยินเสียงกริ่งดังหมดชั่วโมงและเป็นเวลาพัก สิบโมงพอดิบพอดี

“เฮ้ยอาแกต้องลาครูมาห้องน้ำทุกชั่วโมงนะพวกฉันจะได้ไม่ต้องเรียน” รมณบอกฉันระหว่างทาง

“เอาขนาดนั้นเลยเหรอเพื่อนมันจะโดนครูจับได้เปล่า” ภรณีรีบแย้ง

“เออน่าก็ยังดีกว่านั่งเรียนเดินมาเป็นเพื่อนอานี่แหละดีแล้วฉันเบื่อเรียนนี่ครูสอนอะไรก็ไม่รู้ ตั้งแต่เรียนแบบใหม่นี่น่าเบื่อจังว่ะ” รมณทำสีหน้าเซ็งสุดชีวิต

ไม่มีใครชอบระบบการเรียนแบบใหม่ที่ทางโรงเรียนตั้งขึ้นมาหรอกคะ เพราะพวกเราไม่ชอบค้นคว้า ฉันเองก็เป็นเหมือนเพื่อนๆ เช่นกัน แต่จะให้ทำอย่างไรได้ เราเป็นนักเรียนจะให้มาตีฆ้องร้องป่าวว่าไม่ชอบเรียนแบบนี้ก็คงจะไม่ได้ จึงต้องจำทนก้มหน้าก้มตาเรียนต่อไป

ตอนเที่ยงฉันไม่ได้ไปซ้อมดนตรีเพราะฉันไม่มีปัญญาที่จะเดินไปแค่ลงไปโรงอาหารยังแทบไม่อยากไป เพราะความที่ตึกเรียนของฉันกับโรงอาหารห่างไกลกันมาก พี่ภาเอาข้าวกับขนมมาส่งให้ฉันและนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนฉัน สองคนพี่น้องก็นั่งกันอยู่จนฉันบ่นว่าอยากจะไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ

“พี่เอาอาไม่ไหวนะสิคนเดียว เดี๋ยวนะไปดูก่อนว่ามีใครหรือเปล่า” พี่ภาบอกฉันและรีบออกไปนอกห้อง

ฉันพยุงตัวเองออกมานอกห้องและเห็นพี่ภากับพี่ษาเดินตรงมาที่ฉัน

“อ้าวพี่ษามาได้ไงนี่”

“พอดีจะมาดูอยู่เลยว่าอากินอะไรหรือยังเห็นภาเดินมาบอกว่าอาจะไปห้องน้ำก็เลยขึ้นมาด้วยกัน”

“ไปสิอาเดี๋ยวก็โรงเรียนเข้าพอดี” พี่ภาเร่งฉัน

“พี่ภาพี่เอาแปรงสีฟันให้อาด้วยสิ อยู่ในลิ้นชักนะพี่”

“อืมได้เดี๋ยวหยิบให้”

อวภาส์เดินไปที่โต๊ะของอาคิรา และเปิดฝาปิดโต๊ะออก หยิบยาสีฟันและแปรงสีฟันให้ และสายตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตแผ่นน้อยที่วางกองอยู่มากมาย เมื่อพลิกอ่านข้อความในนั้นก็ทำให้เธอตกใจ

“คิดถึงจังเลยรักษาสุขภาพนะ รักนะคะ”

แผ่นที่หนึ่งผ่านไป แผ่นที่สองก็ตามมา

“วันนี้ซ้อมดนตรีเหนื่อยไหม เย็นนี้เจอกันที่เดิมนะคนดี”

ข้อความในจดหมายน้อยที่เธอได้อ่านแสดงว่าน้องสาวคนเดียวของเธอต้องกำลังจะมีคนที่แอบชอบหรือแอบรัก และลายมือนี้ก็คุ้นตาของเธอเหลือเกิน แม่อาคิราน้องสาวคนเดียวกำลังคบกับใครอยู่นะ แต่ก็ต้องหยุดคิดไปได้แค่นั้นและรีบวางกระดาษลงเมื่อเสียงน้องสาวคนเดียวของเธอร้องตะโกนมาว่า

“หาเจอไหมพี่ภาอาวางไว้บนกล่องนะพี่”

“เจอแล้วอากำลังจะเอาไปเดี๋ยวนี้แหละ”

จากนั้นอวภาส์ก็ปิดโต๊ะและรีบวิ่งออกไปหาน้องสาวโดยไม่ลืมที่จะเอาจานข้าวที่เธอกับอาคิรากินเสร็จแล้วหยิบติดมือลงมาด้วย สิ่งที่เห็นในวันนี้ เธอต้องคุยเป็นการส่วนตัวกับอาคิราแล้วสิก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้

.................

เมื่ออาคิราเข้าห้องน้ำไปแล้ว อวภาส์ชักชวนแสงอุษาให้เดินออกมาข้างนอกเพื่อรออาคิรา เธอรู้สึกสับสนกับการที่ได้อ่านข้อความในจดหมายที่อาคิราเก็บไว้ในโต๊ะเรียน จะว่าไปเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกต่อต้าน การที่เพื่อนๆ ของเธอหลายคนมีพี่สาวน้องสาวหรือมีแฟนเป็นผู้หญิงนักหรอก

เพื่อนของเธอหลายๆ คนก็มีพี่สาวน้องสาวให้เกลื่อนโรงเรียนทั้งที่มีไปตามแฟชั่น และมีเพราะต้องการที่จะเป็นแฟนกันจริงๆ แต่เมื่อมาเห็นน้องสาวคนเดียวของเธอกำลังจะเป็นเหมือนกับเพื่อนของเธอ เธอเองก็รู้สึกว่ารับไม่ได้

ที่ผ่านมาเธอเป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อนของเธอและต้องเห็นเพื่อนของเธอร้องไห้ การเรียนตกต่ำ บางคนไม่เป็นอันกินอันนอน ตามไล่ของ้อคืนดี บางคนก็ตัดสินใจเรียกร้องความสนใจด้วยการเอามีดคัตเตอร์มากรีดข้อมือ จนต้องไปโรงพยาบาลเย็บไปหลายเข็ม

บางคนก็เอามากรีดเป็นชื่อของแฟนคนนั้นคนนี้ เธอรู้สึกว่าวิธีการแบบนี้ช่าง “งี่เง่า” สิ้นดี เพราะต่อให้เพื่อนเธอเรียกร้องความสนใจอย่างไร สาวเจ้าก็ไม่ได้เหลียวกลับมามองเหมือนเดิม

ใจที่เปลี่ยนไปแล้วมันเรียกกลับคืนมาไม่ได้

กับบางคนก็สวีทหวานแหววจนมดเดินขบวนกันมาเป็นสาย หวานจนโลกทั้งโลกเป็นสีชมพู เธอไม่เคยที่จะไปต่อว่าเพื่อนที่มาปรึกษา เพียงแต่บอกให้เพื่อนรักตัวเองให้มากขึ้น

แฟชั่นบางอย่างเธอไม่เคยต่อต้าน หากอาคิราจะเดินตามแฟชั่นเหล่านั้นบ้างก็คงไม่แปลกอะไร

เพียงแต่หากเรื่องบานปลายไปมากกว่าการเป็นแฟชั่นเธอเองก็คงจะรับไม่ได้ แล้วนี่น้องของเธอมีคนที่ติดต่อพูดคุยเรื่องนี้ด้วยมากแค่ไหน

อาคิราไม่เคยจะบอกอะไรกับเธอถึงแม้ว่าอาคิราจะเป็นคนชอบเล่นชอบแกล้ง หากแต่เมื่ออาคิราคิดจะไม่พูดอะไรก็อย่าหวังว่าเอาแชลงมางัดปากน้องสาวคนนี้ให้อ้าปากพูดได้

เธอจักน้องสาวคนเดียวของเธอเป็นอย่างดี ใช่ว่าจะมีแต่อารมณ์สนุกเท่านั้น อารมณ์อาคิราก็จะปลีกวิเวกยังคงมีให้เห็นบ้างประปราย

“ษารู้เรื่องของอาบ้างหรือเปล่าเห็นเธอสนิทกับอาเค้า อาเคยบอกอะไรษาบ้างไหม”

“ทำไมเหรอภามีอะไรเหรอ”

“เรารู้สึกเป็นห่วงน้องนะษา เห็นในโต๊ะมีจดหมายจีบกับใครก็ไม่รู้เต็มไปหมด”

แสงอุษาไม่มีคำตอบใดๆ ให้กับอวภาส์ เพราะเธอรู้ดีว่าจดหมายนั้นเป็นของใคร

“ว่าไงหละษารู้อะไรหรือเปล่า” อวภาส์ถามย้ำเพราะเห็นเพื่อนของเธอเงียบไป

“จะบอกว่ารู้หรือไม่รู้ดีหละ”

“ถ้ารู้ก็บอกถ้าไม่รู้ก็ไม่ต้องบอก”

“เรารู้เพราะจดหมายนั้นเป็นของเราเอง”

“หาอะไรนะนี่เธอจีบน้องเราเหรอ”

แสงอุษาพยักหน้าแทนคำตอบ และทุกอย่างสำหรับอวภาส์ก็กระจ่างชัดขึ้นมาในทันที ทุกวันนี้เธอชักศึกเข้าบ้าน พาเพื่อนที่รักน้องตัวเองให้มาสนิทสนมกับน้องหรืออย่างไร

“โอ้วพระเจ้า อย่าบอกเรานะษาว่าที่เธอทำไปทุกอย่างไปรอรับอา ดูแลอานี่เพราะเธอชอบอา” อวภาส์คาดคั้นเอาความจริงจากเพื่อน

“ใช่” แสงอุษายอมรับแต่โดยดี

“เธอก็รู้ว่ามันอาจเป็นไปไม่ได้ แล้วทำไมเธอถึงยังทำอยู่ อายังเด็กมานักนะษาเธอสองคนมันยังไม่ถึงเวลา ยังไม่พร้อมที่จะมีความรัก”

“เรารู้ภาว่าเธอห่วงน้องของเธอ แต่เราก็รู้ว่าที่เรารักน้องของเธอมันมาจากหัวใจของเรา เธอก็รู้เรื่องของครอบครัวเรา บอกตรงๆ นะภาเราหมดศรัทธาในเรื่องครอบครัว ใช่ว่าจะไม่มีผู้ชายมาจีบเรา แต่เราไม่รู้สึกรักหรือรู้สึกมีใจกับผู้ชายเหล่านั้นเลยสักนิด เราเองก็ไม่ได้เร่งเร้าอะไรอาให้มารับรักเรา อาเองก็ยังสงวนท่าทีกับเรา ยังเป็นน้องที่ดีของเรา ภาไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกเราสัญญาว่าจะไม่รีบไม่เร่งรัดอาให้มาเป็นแฟนเรา” การสนทนานระหว่างเพื่อนสองคนก็ต้องจบลงเมื่ออาคิราค่อยๆ เดินด้วยไม้เท้าออกมาจากห้องน้ำ

“พี่ๆ คุยอะไรกันคะ ปล่อยให้อาเรียกในห้องน้ำตั้งนาน จนต้องออกมาเองใจร้ายจริงๆ เลยพี่สองคนนี่ ไหนว่ารักน้องจะดูแลน้องแต่ออกมาคุยกันเองปล่อยน้องให้ตกระกำลำบาก พี่ๆ ใจร้ายอาจะไม่รักพี่สองคนแล้วจะไว้เลย” ฉันประคองตัวเองมาถึงพี่ภาพี่ษาก็ใส่เป็นชุดไม่มีการเว้นวรรค

“นี่อาน้อยๆ หน่อย ทีตัวเองทำอะไรไว้พวกพี่ยังไม่ว่าเลย พอพวกที่ออกมาคุยกันแค่นี้จะมาทำโวยวาย” พี่ภารีบออกตัวเลยทั้นที

“ใช่อาแล้วอีกอย่างห้องน้ำมันน่ายืนอยู่ในนั้นเหรอเหม็นก็เหม็นนึกแล้วอยากจะอ๊อก” พี่ษาเข้าข้างพี่ภาเป็นปี่เป็นขลุ่ย

“เอ๊าก็ไหนบอว่าจะมาส่งน้องเข้าห้องน้ำ แต่พอมาถึงก็ทิ้งกันเห็นๆ แบบนี้พวกพี่ก็ผิดสัญญาแล้ว ยังจะมาแก้ตัวกันอีก”

“แล้วที่เห็นออมายืนหัวโด่นี่ใครกันเหรออา” พี่ภาเอานิ้วมาจิ้มที่หน้าผากของฉัน

“ก็อาไง”

“แล้วจะมาบ่นอะไร ก่อนเราจะคิดพึ่งคนอื่นเราก็ต้องพึ่งตัวเองให้ได้ก่อน จะมาร้องให้คนอื่นช่วยอยู่ตลอดเวลาไม่ได้หรอกนะ แล้วเราก็ไม่ได้พิการขาขาดแขนกุด อย่ามาเรียกร้องความสนใจให้มันมากนักหมั่นไส้ เด็กอะไร” พี่ภาบ่นแล้วบ่นอีก แต่เธอก็ยังคงประคองฉันให้เดินขึ้นบันไดตึกเรียน

“ษาเราขอโทษทีนะ ษาช่วยเอาจานไปโรงอาหารให้เราหน่อยสิ”

“ได้เดี๋ยวเราเอาไปเก็บให้ตัวดูน้องไปเถอะ” พี่ษาหยิบจานข้าวที่พี่ภาวางไว้ที่พื้นแล้วก็เดินจากไป

ส่วนพี่ภาก็ทำหน้าที่พี่สาวของฉันได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเมื่อถึงห้องเรียนเธอถอดผ้าพันออกแล้วก็เอายามานวดให้ฉันอย่างเบามือ ฉันร้องไปซี๊ดปากไป

“โอ๊ยเบาๆ พี่ภาอาเจ็บ”

“อดทนอีกนิดนะอา”

“แต่อาทนไม่ไหวแล้วนี่พี่อาเจ็บจะตายแล้ว”

“แค่นี้ทำบ่นอะเสร็จแล้ว” พี่ภาปล่อยมือจากการพันผ้าที่ข้อเท้าให้ฉัน

“เรื่องแค่นี้ทำร้อง นี่มันยุบแล้วนะอาแต่ยังเขียวอยู่ อีกสองสามวันคงหายดี”

“ก็หวังว่างั้นหละพี่ อาไม่อยากเดินด้วยไม้เท้านี่เลยพี่ภา มันลื่นๆ ไงไม่รู้ อีกอย่างเหมื่อคนพิการทำอะไรก็ไม่สะดวก เมื่อกี้นะเกือบฉี่ใส่กระโปรง นั่งขาเดียวดีนะยังยั้งไว้ทัน”

“ฮ่าๆๆ เหรอ เออดีถ้าฉี่รดกระโปงคงสนุกปากพิลึก”

“ทำไมหละพี่”

“เอ๊าก็คนเค้าจะได้ลือกันให้แซดเลยไง อาคิราน้องอวภาส์ฉี่ใส่กระโปรงคงขายหน้าทั้งพี่ทั้งน้องแน่เลย”

“พี่ภาก็พูดไปคนอย่างอาไม่มีทางทำเรื่องน่าขายหน้าแบบนั้นได้หรอก”

“ขอให้จริงเถอะ กลัวจะมาทำเรื่องขายหน้าจนพี่มองหน้าเพื่อนพี่ไม่ติดนะสิ” พี่ภาจ้องฉันตาเป็นมัน เหมือนจะคาดคั้นเอาความจริงบางอย่าง

“แล้วอาจะไปทำเรื่องหน้าขายหน้าให้พี่มองหน้าเพื่อนไม่ติดตรงไหนกัน”

“เรื่องมีสาวมาจีบอาแล้วอาไม่บอกพี่ จะต้องรอให้คนอื่นเค้ารู้กันหมดแล้วอาค่อยมาบอกพี่ใช่ไม๊”

ฉันตัวชาวาบ เพราะไม่คิดว่าพี่ภาจะรู้เรื่องนี้

ใช่!!!

ฉันอาจจะเคยปรึกษาพี่ภาถึงเรื่องนี้และพี่ภาก็ไม่ได้พูดว่าอะไรฉัน จากนั้นฉันก็ไม่เคยไปปรึกษาเธออีกเลย เพราะฉันกลัวว่าพี่ภาจะรับฟังเรื่องราวของฉันไม่ได้ และตอนนี้ฉันก็กำลังตกเป็นจำเลยให้พี่ภาซักฟอกเรื่องที่เกิดขึ้น

“ใช่พี่อามีคนที่อาชอบแล้วพี่ก็รู้จักเป็นอย่างดีด้วย”

“ษานะเหรอ”

ฉันมองหน้าพี่ภาเหมือนจะถามว่ารู้ได้ไง

“ษาบอกพี่ว่ากำลังคบกับอา และพี่ก็รู้ว่าคนอย่างอาก็เหมือนแมว ดึงหางจะเดินหน้า ดึงหูจะถอยหลัง ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ จะทำอะไรก็นึกถึงใจพี่กับแม่และพ่อบ้างนะอา พี่รู้ว่าอาเป็นคนมีสมองมากพอ และรู้จักที่จะคิดว่าอะไรควรหรือไม่ควรพี่ไปนะอาเดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน”

พี่ภาเดินออกจากห้องเรียนของฉันไปปล่อยให้ฉันนั่งคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมา แม้ฉันจะรักพี่ษาแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันรักพ่อแม่และพี่ภาน้อยลง

ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะอาคิรา

ฉันได้แต่บอกตัวเองแบบนี้ เพราะตอนนี้หัวสมองของฉันมันตื้อไปหมดแล้ว

..... จบบทที่ ๑๓ ......



Create Date : 25 พฤษภาคม 2551
Last Update : 25 พฤษภาคม 2551 14:55:47 น. 0 comments
Counter : 320 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.