ท่องเที่ยวตามดาว : นมัสเต เนปาล ดินแดนหลังคาโลก ภาคเดินทาง โพครา - บัคตาปูร์
กลับมาแล้ว กับ การเดินทางแบกเป้ท่องเที่ยวสู่ เนปาล จากภาคต้น : ออกเดินทางจาก เมืองไทย สู่ กาฐมๅณฑุ สู่ภาคต่อ : จากเมืองกาฐมาณฑุ สู่เมือง โพครา
ภาคนี้จะเป็นการเดินทาง ท่องเที่ยวในเมืองโพครา ด้วยพาหนะพิเศษ
ปล. จะมีใครเห็นรหัสลับที่ซ่อนอยู่ในภาพ รึเปล่าน๊อ จุ๊บจุ๊บ
ที่ปากซอยโรงแรม มีร้านให้เช่าจักรยาน-มอเตอร์ไซต์ เช่ากันทั้งวัน ราคาขึ้นอยู่กับสภาพ สมาชิกก็เลือกจักรยานคู่ใจได้คนละคัน ต่อรองกัน 4 คัน ได้คันละ 300 รูปี ขี่กันทั้งวัน เอามาคืนให้ทันก่อนร้านปิด
จักรยานพร้อม คนก็พร้อม เสบียง-น้ำ พร้อม ก็เริ่มออกเดินทางกันได้
เส้นทางที่เลือก ก็เป็นถนนเลียบทะเลสาปเฟวา บรรยากาศยามเช้า เย็นสบาย
จุดพักจุดแรก เป็นร้านอาหารพื้นเมือง แวะจอดรถพักเครื่องจักรยาน แต่อาหารเช้า กว่าจะเสร็จ นานมาก
ระหว่างรอ ก็ไปเดินถ่ายรูปบรรยากาศทะเลสาป มีเรือให้เช่าพายเล่นด้วย ถ้าพายเรือเองได้ ก็ชั่วโมงละ 300 รูปี แต่ถ้าต้องการฝีพาย ก็ชั่วโมงละ 350 รูปี
พออิ่มหมีพลีมันกันแล้ว จะไปน้ำตกดี หรือ ไปถ้ำดี ... ว่าแล้ว ก็ไปซะทั้งสองแห่งซะเลย ... ว่าแล้วก็ตั้งเนวิเกเตอร์ ไป เป้าหมายแรก DEVI'S FALLS และ GUPTESHWOR MAHADEV CAVE
น้ำตกธรรมชาติแห่งนี้ พอตกลงไปแล้วก็จะกลายเป็น ทางน้ำใต้ดินธรรมชาติ ด้วยเหตุที่ชื่อ DEVI'S FALLS ก็เพราะ น้ำตกแห่งนี้ เคยมีคนตกลงไปเสียชีวิต เลยตั้งชื่อให้เป็นอนุสรณ์
ถึงแล้ว! เราแวะส่วนที่เป็นถ้ำ GUPTESHWOR MAHADEV ก่อน ปากทางเข้าก็มีร้านค้าขายของเยอะแยะให้เลือกช๊อป
เราสามารถจูงจักรยาน ไปล๊อคด้านในได้เลย ถ้ำแห่งนี้ จะมีค่าเข้า 100 รูปี ต่อคน จ่ายไป
ในถ้ำ ส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ควบคุม ห้ามถ่ายภาพ เพราะเป็นพื้นที่เกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดู จุดแรก จะมีวัวจำลองตั้งอยู่ จะมีเจ้าหน้าที่ควบคุม ถ้ามีผู้บริจาคเงิน ก็จะหยอดที่กล่อง แล้วก็จะมีน้ำนมสีขาว ไหลจากเต้า ไปรดศิวลึงค์ เหมือนๆ เป็นการสักการะ จุดที่สอง จะเป็นศิวลึงค์ธรรมชาติ องค์ใหญ่สูงน่าจะสักสองเมตร ถูกปกป้องด้วยงูจำลอง 3 เศียร ถ้าเราไม่ได้นับถือศาสนาฮินดู เราก็จะขึ้นไปบนแท่นทางเดินไม่ได้ เดินได้แต่บนพื้น
พอพ้นเขตพื้นที่ทางศาสนา เราก็ถ่ายรูปได้แล้ว เดินตามเส้นทางที่มีหลอดไฟให้แสงสว่างเป็นระยะ บนพื้นค่อนข้างจะเปียกชื้น ดังนั้น ถ้ามีไฟฉากสักอัน ก็จะเหมาะ เห็นทางเดินได้ชัดหน่อย บางช่วงก็ต้องเดินลงบันไดเหล็ก
เมื่อเดินจนสุดทาง เราก็พบกับภาพช่องแสงเล็กๆ กับน้ำที่ตกลงมาจากเบื้องบน น้ำตกแห่งนี้ จะถูกน้ำท่วมทั้งถ้ำในหน้าน้ำหลาก จึงเปิดให้เข้าได้บางช่วง บางเดือน
ขึ้นจากถ้ำแล้ว เราก็ข้ามถนนมาส่วนที่เป็นน้ำตก ทั้งสองแห่งถูกถนนตัดผ่านซะงั้น ค่าเข้าส่วนที่เป็นน้ำตก ถูกหน่อย 20 รูปี ต่อคน น้ำที่ไหลมาตามร่องหิน ตกลงไปด้วยแรงกระแทก วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า น้ำก็เซาะจนหินเป็นรูใหญ่ ลงไปเป็นทางน้ำใต้ดิน จุดที่เราเพิ่งไปชมมา ก็เป็นน้ำตกที่อยากดูต้องเกาะรั้วเหล็ก ชะโงกหน้าลงไปดู
แต่ฝั่งน้ำตกนี้ อยู่ติดถนน ไม่มีจุดที่จะล๊อครถจักรยานกันได้ แต่มีเก็บตังค์ 5 รูปี ต่อคัน จะล๊อคอยู่คันเดียวก็ใช่ที่ เราก็ใช้กลยุทธสามัคคี คือ พลัง ก็ล๊อคพ่วงกันเอง จะโดนยกก็โดนทั้งคณะ ละกัน
จุดต่อไป ที่เราจะไปเยี่ยมชม เป็น ค่ายอพยพของ ชาวธิเบตพลัดถิ่น คนเหล่านี้ มีที่พัก มีอาชีพในชุมชน แต่จะไม่ได้สัญชาติ จะมีตัวแพะภูเขา หรือ ตัว "ยัก" เป็นพระเอก ขนอันยาวสลวย จะถูกนำมาปั่นเป็นเส้นใย แล้วก็ย้อม-ทอ จนกลายเป็น พรมหลากสีสรร ค่ายอพยพแห่งนี้ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมาแวะตลอดเวลา ระหว่างที่โต๋เต๋อยู่ในค่าย จะมีรถบัสนักท่องเที่ยว ทั้งทางฝั่งยุโรป ทางเอเชีย เข้าออกตลอดเวลา
สาวๆ ก็จะทอพรมอยู่ด้านใน ส่วนสาวสูงอายุหน่อย ก็จะนั่งอยู่ด้านหน้า ขูดขนปั่นเส้นให้เป็นเส้นใย เป็นด่านแรกที่นักท่องเที่ยวเห็น ตอนลงจากรถบัส
โฉมหน้า เจ้าแพะภูเขา หรือ เจ้า "ยัก" กันแบบใกล้ๆ ขนสลวยเชียว
เที่ยงนี้ ก็เลยฝากท้องกับ ร้านอาหาร ในชุมชนชาวทิเบต ซะเลย อาหารกว่าจะมา รอนานกว่า มื้อเช้าอีก ฮ่าฮ่าฮ่า
ลูกสาวเจ้าของร้าน ออกมาช่วยบริการ ทำเป็นเล่นไป เธอเป็นนักเรียนนอกนะคะ เธอเรียนอยู่ประเทศอินเดีย วันไปวันกลับ แต่ละเที่ยวจะใช้เวลาต่อรถบัส-ต่อรถไฟ 3 วัน กว่าจะถึง บ้าน-โรงเรียน
ส่วนนี่ โฉมหน้าพ่อครัว ณ บัดนาว นักท่องเที่ยวชาวไทย ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับ ด้วยเหตุว่า ขณะนี้ สาว G ของคณะเราได้ทำการถ่ายทอดวิธีเจียวไข่ แบบไทยๆ แบบครบเครื่อง จบหลักสูตรไปแล้ว
ในรูป เค้ากำลังชิม่่ข้าวไข่เจียวอยู่ บอกทำเป็นละ อร่อยม๊าก
ออกจากค่ายผู้อพยพ เป้าหมายต่อไป เป็น แม่น้ำสีน้ำนม แต่มันอยู่ไกล ไกล ไกลมาก เราต้องใช้เส้นทางถนนหลัก ถนนรอง ถนนร่องๆ เข้าไปในชุมชนท้องถิ่น แถมว่า คนท้องถิ่นเค้าว่า มีเวลาปิดด้วย ไปตอนนี้เวลาบ่ายแก่ๆ อย่างนี้ ก็ไม่ทันล่ะ คณะเราก็เลยแอบดีใจที่ทริปปั่นจักรยานทั้งวัน จบลงซะที หันหัวจักรยานกลับโรงแรมกัน อิอิ
เย็นนี้ ต้องเติมพลังมากหน่อย ก็เลยจัดไป อาหารจีน ชุดใหญ่ ร้าน CHINA TOWN ร้านนี้สมาชิกชอบมาก เพราะว่า มี WIFI FREE อย่างแร๊ง ใช้ได้หมดทุก Social Media ใครชอบ FACETIME ก็จัดไป ใครชอบ LINE ก็จัดไป เพราะทุกคนใช้ Smart Phone อยู่แล้ว ต่างคนต่างจิ้มเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น เรามีเวลาอีกครึ่งค่อนวัน ที่จะออกเดินทางย้ายออกจากเมืองโภครา เป็นเวลาที่ดีที่จะเดินเล่น ช๊อปปิ้ง เก็บบรรยากาศ ร้านอาหารท้องถิ่น เจ้านี้เลย ที่ร้านขายพรมแนะนำมา ตั้งอยู่ในซอยแคบๆ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาทานกันไม่ขาดสาย คณะเราก็สั่งเลย อาหารเช้า 4 คน 4 ชุด ก็เหมือนเคย คอยน๊านมาก ออกไปช๊อปปิ้งกลับมา อาหารก็ยังมาไม่ครบ
อาหารชุดร้านนี้มาเต็ม นอกจากอาหารชุดในจานที่ทานหมดก็อิ่มแน่ ก็จะมีเครื่องดื่มมาในกาใครกามัน เนปาลีชานม หอมมาก ใครมีโอกาสได้มา ต้องอย่าลืมแวะชิมนะครับ
นอกจากเดินช๊อปปิ้งในเมือง ร้านค้าริมถนนตลอดสองฝั่งแล้ว ถ้าเดินลงในริมทะเลสาปเฟวา ก็จะได้บรรยากาศธรรมชาติ
ชาวบ้านเอาผ้าออกมาซัก คนชอบตกปลาก็มาโยนเบ็ด นักท่องเที่ยวก็ออกมาถ่ายรูป นอกจากนีั้ ก็จะมีแม่ค้ามาวางขายของ Hand Made อย่างกลุ่มนี้ ก็ลงมาจากภูเขาปู๊น เอาของทำมือมาวางขาย
นอกจากจะรับเป็นเงินทุกสกุลแล้ว เราก็สามารถแลกโดยใช้ของได้ด้วย อย่างเครื่องสำอางค์ ลิปสติก ลิปมัน แป้ง แม่ค้าเหล่านั้นจะชอบมาก เพราะถ้าเป็นของแท้ ที่เมืองนี้อาจจะหายาก หรือ มีราคาสูง
สาวๆ ในคณะเราก็ซื้อด้วยเงินบ้าง แลกด้วยเครื่องสำอางค์ติดกระเป๋าบ้าง เลือกได้มาเป็นจี้ ต่างหู ปอลอ. ตั้งแต่ได้กลับมาถึงเมืองไทย ได้ใช้กันมั่งยังก็ไม่รู้ อิอิ
พอถึงเวลาบ่าย คณะเราก็ได้เวลาออกจากเมืองโพครา เมื่อขาเข้าเมืองโพครา โดยรถบัส เราใช้เวลาร่วม 7 ชั่วโมง จากเมือง กาฐมาณฑุ ขากลับก็เลยต้องใช้คาถาย่นระยะทาง-ย่นเวลา เปลี่ยนเป็นเดินทางกลับทางเครื่องบิน แทน เครื่องบินก็เป็นเครื่องบินขนาดเล็ก แถวนึงนั่งได้ 3 ที่นั่ง ไม่ต้องจองที่ ถึงก่อนเลือกที่นั่งได้ก่อน พอขึ้นเครื่อง ก็จะได้ซองของขบเคี้ยว ลูกอม และที่สำคัญ สำลี เอาไว้อุดหู จากเสียงเครื่องยนต์
นั่งประจำที่รัดเข็มขัดให้พร้อม พอเครื่องบินทะยานขึ้นฟ้า ก็จะมีนางฟ้ามาเสริฟ์เป๊ปซี่ให้ ยังไม่ทันจะกินขนมกินน้ำเสร็จ ก็ต้องปลดเข็มขัดประจำที่นั่ง เพราะ เครื่องบินมาถึงที่หมายเมือง กาฐมาณฑุ แล้ว ก้นยังไม่ทันจะร้อนเลย 555
พอเครื่องจอดสนิท ก็ไม่ต้องไปรับกระเป๋าให้ไกล เพราะ จุดรับกระเป๋า ก็อยู่ตรงประตูข้างๆ ทางออกสนามบิน เป็นเพิงเล็กๆ ถ้าเป็นหน้าฝน คงมีเฮ แน่เลย
หลังจากนั้น พอพ้นประตูทางออก ก็จะเจอกับเหล่าคนคุ้นเคย แท๊กซี่-นายหน้า มาล้อมหน้าล้อมหลัง เราก็เรียกแท๊กซี่ไป เมืองบัคตาปูร์ เมืองมรดกโลก ห่างจากเมือง กาฐมาณฑุ ประมาณ 20 กิโลเมตร ราคาจบที่ 500 รูปี
จบภาคแล้วล่ะครับ เดี๋ยวภาคต่อไป จะพาทัวร์เมืองเก่า ของ บัคตาปูร์ เมืองมรดกโลกที่ยังคงความงดงาม จากสถาปัตยกรรมเมื่อหลายร้อยปี
ถ้าอยากเห็นส่วนไหนเพิ่ม ก็เม้นท์มาบอกได้นะครับ เพราะรูปมันเยอะมาก เอามาใส่ได้ไม่หมด ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
Create Date : 11 เมษายน 2555 | | |
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2556 0:30:03 น. |
Counter : 2005 Pageviews. |
| |
|
|
|