Bloggang.com : : น้องปลาดาว - สงกรานต์ 50 : ท่องแดนภารตะ : ภาค 1 ทัชมาฮาล-อนุสรณ์รักนี้ชั่วนิรันดร

เติ้งเสี่ยวผิง เคยกล่าวไว้ว่า “แมวนั้นไม่สำคัญว่าสีขาวหรือสีดำ ขอให้จับหนูได้ ก็ต้องถือว่าเป็นแมวดี” งานแต่งบ้านก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะใช้วิธีใดแล้วแต่งบ้านให้ได้ ถูกใจเจ้าของบ้าน ก็ถือว่าถูกต้องซะทุกวิธี ละครับ

Group Blog

All Blogs

สงกรานต์ 50 : ท่องแดนภารตะ : ภาค 1 ทัชมาฮาล-อนุสรณ์รักนี้ชั่วนิรันดร

สงกรานต์ปีนี้เมืองไทยท่าทางจะร้อนจัด ว่าแล้วก็จัดหาที่เที่ยวที่เย็นๆ หน่อยดีกว่า และแล้วเราก็จับพลัดจับพลูได้ทัวร์ อินเดีย-ทัชมาฮาล-แคชเมียร์ มา เป็นโปรแกรม 8 - 15 เม.ย. 50 เป็นโปรแกรม 8 วัน ออกบ่ายวันอาทิตย์ กลับถึงเมืองไทย 8 โมงเช้าวันอาทิตย์ ถัดไป คณะก็มีลูกทัวร์ 16 คน กับ ไกด์ไทยอีกคน

จากเมืองไทยก็บินประมาณ 4 ชั่วโมงเศษ ก็ถึง กรุงเดลี พอย่างเท้าออกจากสนามบิน ก็อย่าตกใจถ้าจะมีคนพื้นเมืองกรูกันมาช่วยเหลือ เข็นรถ-ยกกระเป๋า เพราะเป้าหมายก็คือเศษแบงค์เล็กๆ น้อยๆ เป็นสินน้ำใจ
เมื่อได้เจอไกด์ท้องถิ่น Mr. มูกู ก็มาต้อนรับด้วย พวงมาลัยดอกไม้สด ไกด์คนนี้ อัทยาศัยดี คุยเก่ง ฟังรู้เรื่องไม่ ไม่รู้เรื่องมั่ง ก็เหมือนคนไทยพูดภาษาปะกิต สำเนียงก็อาจจะไม่ค่อยเข้าหูมั่งอ่ะ

ออกจากสนามบิน ก็มุ่งหน้าออกนอกเมือง เพื่อเดินทางสู่เมืองอัครา ก็วิ่งผ่านตัวเมืองเดลี เห็นวิถีชีวิตของชาวเมือง ก็อยู่กันอย่างคับคั่งทั่วไป พร้อมกับเสียงบีบแตรรถยนต์กันตลอดเวลา ก็ต้องปรับตัวกันหน่อย เพราะการบีบแตรรถยนต์ เพื่อขอทาง ขอแซง ไล่คนเดิน เป็นวัฒนธรรมการขับรถของที่นี่

ถ้าใครไม่มีบ้านอยู่ ก็ต้องอาศัย กระโจมผ้าใบกางอยู่ตาม พื้นที่รกร้างทั่วไป ในกระโจมหลังหนึ่ง ก็จะอยู่กันทั้งครอบครัว จะพบมากเมื่อเริ่มออกไปสู่นอกเมือง

หลังจากวิ่งถนนสายเล็กๆ ในเมือง มีรถสวนกันบ้าง เป็นถนนแยกเลนกันบ้าง ก็ออกนอกเมืองสู่ทางด่วน แต่ทางด่วนที่ เดลี ไม่ได้คิดผ่านเหมือนเมืองไทย ที่จะคิดต่อคัน จ่ายแล้วจบ
แต่ทางด่วนที่นั่น โดยเฉพาะถ้าเป็นรถนักท่องเที่ยว ก็จะคิดตามจำนวนของนักท่องเที่ยว/คน/วัน คณะเราจะอยู่ที่เมืองอัคราก็รวม 2 วัน ราคาต่อคนของนักท่องเที่ยวก็จะเป็น 600 รูปี

รถเราก็วิ่งถนนทางด่วนออกนอกเมืองไป แต่ว่าทางด่วนของที่เดลี ก็จะคล้ายๆ กับ ถนนบางนา-ตราด บ้านเรามั้ง ก็จะมีบ้านคน มีคนจูงวัว มีมอเตอร์ไซด์ ตอนรถวิ่งผ่านชุมชน

เราใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง กับระยะทางประมาณ 200 กม.เศษ ก็ถึงเมืองอัครา และมุ่งหน้าเข้าที่พัก ก็คือโรงแรม Jaypee Palace บรรยากาศนอกกำแพงสูงของโรงแรม กับ ภายในโรงแรม ต่างกันลิบเลย

ภายในโรงแรมถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหรา เรียกว่าเกินมาตราฐานโรงแรม 5 ดาวอีก ก็มีนักท่องเที่ยวจากหลายๆ ประเทศเยอะพอควร เนื่องจากโรงแรมแห่งนี้ อยู่ใกล้กับ ทัชมาฮาล ประมาณ 2 กม. เท่านั้น

พักหลับสบายไปหนึ่งคืน คณะของเรานัดเวลาวันรุ่งขึ้นแต่เช้ามืด ตื่น 5:30 อาหารเช้า 6:30 ออกรถ 7:30
เนื่องจาก ต้องการให้คณะเรามีเวลาเยอะหน่อยกับสถานที่ท่องเที่ยว และ คนจะได้ไม่เยอะ เป็นอุปสรรคต่อการถ่ายภาพ
แต่เนื่องจาก บริเวณ ทัชมาฮาล เป็นพื้นที่ควบคุม ห้ามรถยนต์ที่ปล่อยไอเสียเข้า เนื่องจากไอเสียจะไปทำปฏิกิริยา กับตัวหินอ่อน เดี๋ยวจะหมอง ก็ต้องไปเปลี่ยนไปใช้ รถโดยสารไฟฟ้า

เมื่อถึงทางเข้า ก็ต้องมีการตรวจสิ่งของที่สามารถนำไปใช้เขียนได้ก่อน แยกช่องหญิง-ชาย ช่องผู้หญิงก็จะมีผ้าปิด เพราะเนื่องจาก เคยมีคนเอาปากกา ไปเขียนไว้ที่ ทัชมาฮาล
นัยว่า "A รัก B ชั่วนิรันดร์" เหมือนที่เราๆ เห็นตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป เป็นความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขได้เลยจริงๆ

หลังจากผ่านการตรวจก็จะพบประตูทางเข้าสู่ ทัชมาฮาล ประตูแห่งนี้ ทางเข้าช่องกลาง จะถูกใช้สำหรับราชวงค์เท่านั้น ส่วนโดมสีขาวด้านบน ก็จะถูกสร้างขึ้นทุกๆ ปี ตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ทัชมาฮาล จนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์

ตัว ทัชมาฮาล ใช้เวลาในการสร้างถึง 17 ปี และใช้เวลาตกแต่งอีก 5 ปี รวมใช้เวลาทั้งสิ้น 22 ปี ดังนั้น โดมสีขาวบนประตูทางเข้าจึงมีทั้งหมด 22 หลัง

หลังจากเดินเข้าประตู ก็จะถึงจุดจ่ายค่าต๋ง สำหรับ คนถือกล้อง CAMCORDER เค้าจะคิดเครื่องละ 25 รูปี แต่กล้องถ่ายรูปไม่เสียตังค์
ตาคนเก็บตังค์ จะมั่วนิ่มหน่อย จ่ายเงินไป อาจบอกไม่มีทอนซะงั้น ต้องทวงๆ ถึงจะมีทอนให้

และแล้ว เราก็มองเห็น สิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลกยุคใหม่ รวมทั้งถูกขึ้นบัญชีให้เป็นมรดกโลก อาคารสีขาวนวลอมชมพู ปรากฎขึ้นอยู่ตรงหน้า

แต่น แต่น แต้น

ทัชมาฮาล เป็นอนุสรณ์ความรัก ที่ กษัตริย์ซาจาร์ฮาล สร้างสำหรับเก็บพระศพ พระมเหสี มุมดัส มาฮาล
กษัตริย์ซาจาร์ฮาล ทรงรัก พระมเหสี เพียงพระองค์เดียว โดยไม่มีนางสนมอื่น ตลอดเวลาทรงมี บุตร-ธิดา รวม 14 พระองค์ ทั้งสองพระองค์ ทรงอยู่เคียงข้างกันตลอดเวลา แม้ในขณะออกรบ
พระมเหสี มุมดัส มาฮาล ทรงตกเลือดสวรรคต ขณะให้กำเนิดบุตรคนที่ 14 ท่ามกลางสนามรบ กษัตริย์ซาจาร์ฮาล จึงทรงสร้าง ทัชมาฮาล เพื่อเป็นที่บรรจุร่างของพระนางมุมดัส ท่ามกลางอัญมณี มีค่าที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก ที่ประดับไว้ในโดมกลาง

ทัชมาฮาล สร้างตามสถาปัตยกรรมเปอร์เซีย โดยสร้างจากแบบจำลองไม้ แก้ไขจนเสร็จสมบูรณ์ โดยที่ โดมเล็กทั้ง 4 ที่รายล้อมโดมใหญ่ จะหมายถึง ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ ทั้งหมดนี้ใช้คนงานราว 20,000 คน โดยต้องสร้างเมืองขึ้นมาทั้งเมือง ให้ครอบครัวคนงานอยู่ข้างสถานก่อสร้าง ตลอดเวลา 22 ปี วัตถุดิบที่นำมาสร้างใช้หินอ่อนจากเมืองมะครานา ในประเทศอินเดียนั้นเอง ค่าใช้จ่ายก่อสร้างในขณะนั้น ประมาณ พันล้านเหรียญ

ถ้าใครมาถึง ทัชมาฮาล แล้ว ไม่ถ่ายรูปท่าบังคับท่านี้ อาจโดนกรรมการจากชาติเป็นกลาง ตัดคะแนนได้ ไม่ว่าคนท้องถิ่น หรือนักท่องเที่ยว ก็หยิบ ทัชมาฮาล ถ่ายรูปกลับบ้านทุกคน

หลังจากถ่ายรูประยะไกลพอสมควรแล้ว เราก็จะเข้าไปสัมผัส ทัชมาฮาล ให้ใกล้ ปรากฎว่า มีป้าย ห้ามกล้อง CAMCORDER ผ่าน
อ้าว ! แสดงว่าเราจ่าย 25 รูปี เพื่อนำกล้องผ่านประตูนี้ออกมาเท่านั้น สมาชิกในคณะทั้งหมด ก็เลยต้องฝากกล้อง CAMCORDER กับ Mr.มูตู ไกด์ท้องถิ่นเรา ให้เอาไปเก็บไว้ใน LOCKER

เมื่อเดินไปถึงตัว ทัชมาฮาล ภายในห้ามเปิดแฟลชถ่ายรูป ก็เลยไม่มีรูปภายในให้ดู ข้างในก็จะมีโลงศพจำลองหินอ่อน 2 หลัง ที่โดมกลาง แต่โลงศพจริง จะอยู่ในห้องชั้นใต้ดิน

ส่วนภายนอก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเป็น อาคารหินอ่อนทั้งหลัง ไม่ว่าจะเป็น พื้น, กำแพง, หัวเสา, หรือแม้แต่ท่อระบายน้ำ ก็ยังเป็นหินอ่อนแกะสลัก

ลวดลายต่างๆ ที่ตัว ทัชมาฮาล จะเป็นลายผสมระหว่าง ตัวหนังสือจากคัมภีร์อัลกุลอ่าน-ด้านบน
ซึ่งตัวหนังสือนี้ จะเป็นตัวหนังสือโบราณที่ยังคงใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบัน เพียงภาษาเดียว ส่วนภาษาโบราณอื่นๆ เรียกได้ว่าตายไปหมดแล้ว
ส่วนลวดลายดอกไม้-ด้านล่าง ไม่ใช่งาน Paint แต่จะเป็นงานแกะ-ฝังหินสีต่างๆ ที่นำมาจากหลายๆ ประเทศ เช่น จีน, พม่า, ฯลฯ นำมาเจียรจนเข้ารูป แล้วฝังเข้าไปในเนื้อหินอ่อน ดังนั้น ถ้าเราใช้ไฟฉายส่องไปที่หินสีเหล่านี้ แสงไฟจะทะลุลงไปยังเนื้อหินอ่อนได้

นอกจากนั้น บริเวณซุ้มประตูชั้นนอก ก็ยังใช้ แผ่นหินอ่อนแกะสลักให้เป็นลายรังผึ้ง เพื่อให้ลมผ่านเข้า-ออก จะเห็นได้ถึงความละเอียดละออ รูต่างๆ เท่ากันเดี๊ยะ

ถ้ายืนมองตัว ทัชมาฮาล จากด้านนอก จะมีมัสยิทสำหรับราชวงค์ อยู่ด้านซ้าย สร้างจากหินทรายแดงแกะสลัก ผสม กับหินอ่อน บางส่วน สวยงามไม่แพ้กัน

ส่วนด้านขวาจะเป็น ROYAL GUEST HOUSE สวยงามไม่แพ้ตัว มัสยิทด้านซ้าย อาคารนี้ทางราชวงค์จะใช้สำหรับ รองรับราชอาคันตุกะ ที่เสด็จมาเยือน ณ ที่แห่งนี้

ตัว ทัชมาฮาล ได้ถูกสร้างไว้ริมแม่น้ำ ยุมนา แห่งเมืองอัครา หลังจากที่กษัตริย์ซาจาร์ฮาล ทรงสร้าง ทัชมาฮาล เสร็จ ก็ทรงดำริที่จะสร้าง แบลคมาฮาล ขึ้นมาอีกหลัง ริมแม่น้ำยุมนา ตรงข้ามกับ ทัชมาฮาล หลังเดิม
โดยจะสร้างจากหินอ่อนสีดำ นำเข้าจากประเทศอิตาลีทั้งหมด ซึ่งต้องใช้เงินพระคลังจำนวนมหาศาลกว่าการสร้าง ทัชมาฮาล หลังเดิม
ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดเหตุโศกนาตกรรมในราชวงค์ โดยถูกพระราชโอรส โอรัชเซบ เข้ายึดอำนาจ และทรงนำกษัตริย์ซาจาร์ฮาล ไปคุมขังไว้ที่ ป้อมอัครา (AGRA FORT)

*
รายละเอียดโปรดติดตามได้ใน
ท่องแดนภารตะ : ภาค 2 ป้อมอัครา-ปราการสีแดง ที่นี่ เร็วๆ นี้
น้องปลาดาว Entertainment จัดให้
*

Create Date : 21 เมษายน 2550

Last Update : 20 พฤษภาคม 2550 14:05:29 น.

7 comments

Counter : 1582 Pageviews.

อยากไปเห็นกับตาบ้างจัง ทัชมาฮาล เนี่ย

แล้วจะมาตามอ่านต่อนะ

โดย: yahzins (yahzins

) วันที่: 21 เมษายน 2550 เวลา:8:47:37 น.

มองไม่เห็นภาพเดี๋ยวเมนท์ก่อน อิอิ

โดย: maxpal

วันที่: 21 เมษายน 2550 เวลา:11:59:31 น.

วันก่อนไปแล้วฟังไกด์พูดรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่งอย่างที่บอกแหละครับ

สำเนียงเค้าแปลกๆกันจริงๆ
มาอ่านประวัติทัชมาฮาลจากคุณปลาดาว
ค่อยไขความกระจ่างออกมาหน่อย

รอดูตอนต่อไปอยู่น่ะครับ
ปล.ถ้าไม่รังเกียจมาสะกิดสีข้างหน่อยน่ะครับ