สุขสรรค์ หรรษา กับคุณสามีฝรั่ง กับมิสซิสอาร์โนลด์

Happiness&Fun with my Farang Husband

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

วิธีทำให้ลูกมีความสุขมากขึ้น..ในเวลาที่ต้องทนทุกข์ๆ ในเฝือกเกือบ 2 เดือน

ซาอีดาออกจากโรงพยาบาลมาได้ 1 สัปดาห์ แล้ว
หลังผ่าตัดเพื่อต่อและตัดแต่งเบ้าสะโพกและกระดูกต้นขา
เนื่องจากความผิดปกติตั้งแต่อยู่ในครรภ์ กับโรคสะโพกหลุดแต่กำเนิด
ซาอีดาตื่นกลางคืน ร้องไห้อย่างตกใจทุกคืน
หลังๆมา มีเพียงบางคืนเท่านั้นที่ไม่เป็น
คิดว่าน่าจะยังคงฝังใจที่ถูกผ่าตัดและวางยาสลบ
และคงจะรำคาญที่ขยับตัวเองไม่ได้มากในเฝือกที่เข้าไว้ตั้งแต่บริเวณอกจรดปรายเท้า

จากเด็กที่เคยดิ้นไปมาบนเตียงขนาด king size ของ daddy กับ mommy
กลับต้องมานอนหันไปหันมาได้เพียงเล็กน้อยเพียงแค่ลำตัวด้านบน
เลยทำให้ซาอีดาโยเยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

แต่ทั้งนี้ เราพยายามจะมองหาข้อดีในช่วงเวลาที่ชีวิตลูกเศร้าอย่างนี้
จนในที่สุดก็พบข้อดีของการใส่เฝือก อย่างเช่น

ไม่ต้องเสียเงินซื้อกางเกง หรือกระโปรงในช่วงนี้
เนื่องจากลูกสาวใส่แค่เสื้ออย่างเดียวก็เพียงพอ
แถมเฝือกยังเข้ากับสี pampers ของเด็กผู้หญิงได้เป็นอย่างดี



ข้อต่อมา ลูกสาวเราเวลารับประทานไข่ต้ม
ไม่ต้องเสียเวลานั่งเต๊าะไข่กับพื้นก่อนแกะ
เธอสามารถนอนเต๊าะไข่กับเฝือกได้เองโดยไม่ต้องสอน
ถือว่าเป็นการฝึกวิธีคิดนอกกรอบให้สาวน้อยที่อายุยังไม่ถึงสองขวบปีได้อย่างดี



ยังไงก็ตามการที่ต้องอยู่ในท่านอนอย่างเดียวถึงสองเดือน
อาจทำให้ลูกเบื่อ เพราะต้องนอนอย่างเดียว
แถมอาจทำให้ติดทีวีได้ เพราะต้องนอนในท่านี้ท่าเดียว



เราช่วยลูกได้โดยการอุ้มในท่านั่งคร่อมขา 1 ข้าง
แต่การนั่งท่านี้ก็ทำให้เราเจ็บขาได้เมื่อนั่งนานๆ
แถมลูกสาวยังโยกไปมาอย่างสนุกสนาน บนน้ำหนักเฝือก เกือบ 10 กิโล



ที่บ้านเลยนำเอารถเข็นคันใหญ่หน่อยที่เคยซื้อไว้
(ใช้ก้านร่มไม่ได้เพราะแคบเกินไป)
นำหมอนใบเล็กๆ และตุ๊กตามาวางรองไว้เพื่อให้เวลาวางลูกลงไป
ขาเค้าที่กางพร้อมเฝือกจะได้ไม่ติดในลักษณะแบบนี้



จากนั้นนำผ้าขนหนูนิ่มๆ มาปูทับอีกครั้งหนึ่งแบบนี้



วางลูกลงอย่างระมัดระวัง ข้อสำคัญต้องตรวจเช็คให้ดีว่าสายรัดนั้นแน่นหนา
ไม่หลุดออกมาอย่างแน่นอน เนื่องจากถ้าตึงไป
ต้องปรับระดับของหมอนด้านล่างใหม่ให้เหมาะสม ไม่อย่างนั้นสายรัดอาจรั้งและหลุดได้ง่ายค่ะ พอวางลูกลงแล้วก็จะได้แบบนี้



ข้อดีของการนั่งรถเข็นก็คือ คุณสามารถปรับลูกให้อยู่ในระดับนอน หรือนั่งได้ แต่ไม่ควรปรับให้นั่งตั้งฉากเกินไป เนื่องจากเฝือกจะรั้งบริเวณอก อาจเจ็บได้
เมื่อนั่งแล้วก็สามารถเข็นลูกไปได้ทุกที่ เช่น เข็นมาร่วมนั่งทานข้าวด้วยกันที่โต๊ะอาหารเหมือนเดิม




หรือว่าจะเข็นเค้าออกไปรับลมนอกบ้าน รับประทานไอศกรีมคลายร้อน



หรือว่าจะลองใช้วิธีเดียวกันนี้ กับ carseat ที่มีขนาดกว้างพอเหมาะกับความกางของเฝือก และหาโต๊ะที่มีความสูงพอเหมาะกับ carseat ที่มี (โต๊ะญี่ปุ่นทั่วไปจะใช้ไม่ได้ เพราะจะเตี้ยเกินไป ต้องลองเดินหาตามร้านเฟอร์นิเจอร์)



ลูกก็สามารถนั่งเล่นกับพื้น อาจใช้เป็นโต๊ะวาดภาพ อ่านหนังสือ คลายเบื่อได้ดีค่ะ



หลังได้วิธีการคลายเบื่อให้ลูกสาว...น้องซาอีดาแล้ว...
นึกได้ว่ายังไม่เคยเขียนเล่าวิธีการเปลี่ยนผ้าอ้อม
เผื่อไว้คุณแม่ท่านใด ที่มีปัญหาเดียวกัน ได้นำไปใช้กันค่ะ
ก่อนอื่นมาดูลักษณะเฝือกที่ใส่ จะมีลักษณะเหมือนกางเกงขายาวข้างสั้นข้าง
จะเจาะรูไว้ตรงเป้า เอาไว้ให้ขับถ่ายแบบนี้นะคะ



ถ้าเอาวิธีที่ง่ายที่สุด หลังเช็ดทำความสะอาดแล้ว ให้คว่ำลูกในลักษณะนี้
(แต่ต้องระวังดูว่าลูกอยู่ในท่าคว่ำที่สบายไม่มีแขนข้างใดถูกทับในท่าที่ไม่เหมาะสม)



ตอนแรกเราไม่กล้าทำกลัวลูกเจ็บ ใช้วิธีหงายใส่
แต่ปรากฏว่า ใส่ยาก แถมสอดเข้าไปได้ไม่ลึกพอ บางทีทำให้เฝือกเลอะ
แนะนำว่าวิธีนี้ ใช้หลังผ่าตัดสัก 1 สัปดาห์
วันแรกๆ เค้ายังเจ็บแผลที่ผ่า ใช้วิธีการตะแคงใส่จะดีกว่า เพราะขยับตัวเค้าน้อยกว่าค่ะ
เสร็จแล้วก็พยายามยัดผ้าอ้อมสำเร็จรูปเข้าไป แบบนี้ค่ะ



แล้วพลิกกลับมาด้านหน้าเก็บช่วงด้านหน้าแบบนี้ค่ะ



เสร็จแล้วใช้ผ้าอ้อมผ่าห่อทับอีกทึ ติดเข็มกลับซ่อนปลาย ก็เรียบร้อย
การใส่แค่นี้จะต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยหน่อย เหมาะกับกลางวัน
ถ้ากลางคืน แนะนำให้ด้านในใส่ผ้าอนามัย หรือ แผ่นกันปัสสาวะเล็ด
ของผู้ใหญ่จะดีมาก มีลักษณะแบบนี้ค่ะ



เราลองแล้ว ใส่ไว้ได้ตลอดคืนเลยค่ะ ตื่นมาเปลี่ยนตอนเช้าได้เลย
ผิวน้องไม่เปียกชื้นด้วยค่ะ...แล้วทุกอย่างก็จะ happy ค่ะ

คุณแม่ก็พาคุณลูกไปทานไอศกรีมได้ชิวๆ แบบนี้



หวังว่าข้อมูลคงจะเป็นประโยชน์กับคุณแม่ ที่บังเอิญพบว่าลูกเป็นโรคข้อสะโพกหลุด และต้องอยู่ในเฝือกแบบน้องซาอีดาค่ะ
เพราะตอนลูกเราเป็นแรกๆ ก็กลุ้มใจไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร
เรื่องแบบนี้ไม่เห็นจะมีหนังสือ นิตยสารเล่มไหนสอนเลย
เราได้ข้อมูลบางส่วนจากคุณแม่ที่เคยมีประสบการณ์เช่นกัน
บวกกับข้อมูลบางส่วนจากการลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง
คุณแม่ท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อกันได้ทางนี้
อีเมลล์ moeyeku@yahoo.com
หรือ facebook นะคะ ใช้ email search ได้เลยค่ะ ยินดีเสมอ






 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 6 พฤษภาคม 2554 23:33:56 น.
Counter : 9476 Pageviews.  

เข้าโรงพยาบาลอีกครั้งเมื่อครบ 1 ปี 8เดือน

หลังจากห่างหายหน้าจากบล็อกไปนานเป็นเวลาเกือบปี
ขอกลับมาอัพเดทเรื่องราวเกี่ยวกับลูกสาวตัวน้อยสักหน่อย
ถึงโรคสะโพกหลุดแต่กำเนิด developmental hip dysplasia

ก่อนจะเริ่มเล่า ขออัำพเดทภาพ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันเกือบ 1 ปีสักหน่อย
เพื่อนๆ ที่เคยติดตามซาอีดา แวะไปอัพเดทภาพได้ที่นี่นะคะ

//www.facebook.com/savittree.r.arnold

ภาพซาอีดาอัพเดทตอนอายุ 1 ขวบกว่าๆ ก่อนผ่าตัด

ภาพนี้ตอนพาไปเยี่ยมครอบครัว papa ที่อเมริกา 1-18 เมษายน 2554


ภาพนี้ถ่ายตอนคืนวันกลับมาเมืองไทยวันที่ 19 เมษายน 2554



ภาพตอนใส่ชุดกระโปรงลายดอกไม้ก่อนผ่าตัด 3 วัน


และแล้ววันที่ไม่อยากรอคอยก็มาถึง วันที่ 25 เมษายน พาน้องซาอีดาไป admit ที่โรงพยาบาลเพื่อรอผ่าตัดเช้าวันที่ 26 เมษายน 2554
น้องต้องอดน้ำและอาหารตั้งแต่ 3.00 น.ตอนเช้าเพื่อรอผ่าตัด 9.00 น.



...คืนนั้นแม่้และยายนอนเฝ้าที่โรงพยาบาล เล่นเอาหลับไม่ลงเลยทั้งคืน...
รุ่งเช้าของวันที่ 26 เมษายน ซาอีดาเริ่มกระวนกระวายหลังตื่นนอนตั้งแต่เช้า
เพราะหิวทั้งน้ำและอาหาร เธอวนเวียนอยู่หน้าตู้เย็น
พร้อมส่งเสียงและสัญญาณมือ...eat..eat... ดังภาพที่เห็น



แต่เราก็ต้องแข็งใจหลอกลูกเล่น และไปทำอย่างอื่น
จน papa เดินทางมาถึงโรงพยาบาล ก็ได้คนหลอกหนูเล่นคนใหม่

ในที่สุด เวลา 8.30 น. ต้องพาน้องไปรอหน้าห้องผ่าตัด
คุณหมอบอกว่า วันนี้ไม่มีคิวผ่าตัดเลย
อยากจะ concentrate กับ case น้องแค่คนเดียว
ตอนแรกคุณหมอว่าจะใช้เวลา 3 ชั่วโมง แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิด

ซาอีดาเริ่มโยเยมากขึ้น ทั้งหิวทั้งง่วง mommy เลยต้องอุ้มท่าไม้ตาย
และในที่สุดก็กล่อมเธอหลับไปได้แต่โดยดีก่อนเข้าห้องผ่าตัด
นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะถ้าซาอีดายังไม่หลับ จะเป็นภาพที่สุดแสนทรมาน
สำหรับคนเป็นแม่ เนื่องจากต้องเข้าไปในห้องเตรียมผ่าพร้อมกับลูก
ต้องช่วยหมอจับลูกขณะวิสัญญีพยายามทำให้ลูกเราหลับ

..."คุณพ่อ คุณแม่ไปทานข้าวก่อนได้ สัก 30 นาทีค่อยมารอต่อนะคะ"...
คุณพยาบาลหน้าห้องผ่าตัดแจ้งให้เราไปทานข้าวกันก่อน
เราสองคน พ่อ แม่ พากันไปทานอาหารอย่างรวดเร็ว และกลับมานั่งรอบริเวณหน้าห้องผ่าตัดในเวลาไม่ถึง 30 นาที

แต่การรอคอยก็ผ่านไปเนิ่นนานเหลือเกิน จาก 1 เป็น 2 ชั่วโมง
จาก 2 เป็น 3 เป็น 4 จนกระทั่ง เกือบครบ 6 ชั่วโมงพอดีในห้องผ่าตัด....

ในที่สุด....
คุณหมอออกมาบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อย การผ่าตัดยุ่งยากไปซักนิดเลยนาน
เนื่องจาก case ของน้องต้องตัดกระดูกตรงบริเวณหัวกระดูกต้นขา
และหมุนให้เข้าที่ ก่อนต่อก็ต้องเลาะเอาเนื้อเยื่อ และเอ็น ไขมันที่ขวางอยู่บริเวณเบ้าสะโพกออกก่อน ถึงจะต่อกระดูกได้
การต่อกระดูกนั้น ต้องใช้แผ่นเหล็กสองแผ่น น๊อตอีก 4 ตัว
และลวดอีก 2 เส้นในการเชื่อมต่อกระดูกให้เข้าที่

ฟังแล้วคนเป็นแม่น้ำตาตกลอยู่ภายใน...แต่ก็ต้องอดทนเพื่อลูกต่อไป
คุณหมอกล่าวว่า ต้องเข้าเฝือกน้องไว้ก่อน 2 เดือน รอกระดูกต่อติดก่อน
ในระหว่างรอนั้นก็ต้องเปลี่ยนเฝือกทุกๆ 2-4 สัปดาห์
โดยเด็กเล็กๆ ทุกครั้งต้องวางยาสลบก่อน
ซึ่งก็หมายถึงต้องทนเห็นลูกอดน้ำอดอาหารอีกหลาย ต่อหลายครั้ง

ในการเปลี่ยนเฝือกรอบแรก คุณหมอจะตัดเอาลวดที่ยื่นออกมาจากเนื้อออก
จากนั้นก็ต้องทิ้งระยะจนครบ 2 เดือน จึงจะถอดเฝือก ให้น้องลองฝึกเดิน
พร้อมติดตามการรักษาไปอีก 2 ปี จึงจะกลับมาผ่าตัดอีกครั้งเอาเหล็กออก
ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่ทำอะไรมา ทำไมหนูต้องมารับกรรมนี้
ถ้าเจ็บแทนได้ แม่ไม่อยากให้หนูเจ็บแบบนี้เลย
แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่เราพูดกับลูกได้คือ
... mommy is so sorry...
...แม่ขอโทษ ที่ต้องทำให้ลูกมาอยู่ในสภาพนี้...

หลังจากออกจากห้องผ่าตัดมา ลูกยังคงร้องๆ คราง
ด้วยอาการเจ็บแผลและเมายา
ท้ายสุดคุณหมอเรียกแม่เข้าไปเหมือนเดิม เพื่อไปอยู่ห้องสังเกตอาการกับหนู
เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ก่อนออกมาพักที่ห้องพักได้
ตอนออกมาใหม่ๆ มีทั้งสายน้ำเกลือ สายฉี่ และสาย drain เลือด
ระโยง ระยางเต็มไปหมด ซาอีดานอนหลับอย่างเหนื่อยอ่อน



นับจากวันที่เข้าโรงพยาบาล ซาอีดานอนไม่เคยหลับยาวเลยสักคืน
คืนแรกๆ สะดุ้งตื่นทุกครั้งที่กำลังจะหลับ
หนูคงกลัวว่าจะโดนทำเจ็บอีกถ้าเผลอหลับไป หนูจึงไม่กล้าหลับ
เป็นอย่างนี้ติดต่อกัน 2 คืนจนทำเอา mommy หัวใจสลาย
แต่หลังจากนั้นอาการดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มหลับยาวขึ้น
แต่ยังมีอาการสะดุ้งตื่นอยู่บ้าง เป็นช่วงๆ

นับเวลาทั้งหมด ใช้เวลา 6 คืนในโรงพยาบาล ซาอีดาได้รับการอนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 2554
เธอแต่งตัวในชุดกระโปรงสีขาว ตัดกับสีเฝือกสีชมพูเสียจริงๆ
คุณหมอคงเลือกสีเฝือกให้เข้ากับเพศหญิง น่ารักดี



ตอนนี้ซาอีดายังคงต้องนอนพัก ลุกไปไหนก็ไม่ได้ น่าสงสารมากๆ
จากเด็กที่กำลังสนุกกับการเดิน แต่ต้องมานอนเฉยๆ ลุกไปไหนก็ไม่ได้
เราเองก็ต้องทำงานหนักขึ้น อยากลางานมาดูแลลูกเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ทำไม่ได้
ช่วงนี้โชคดีที่ได้ คุณยายมาช่วยดูแล ไม่อย่างนั้นคงแย่เหมือนกัน....

ความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่เพียงใด...เท่าที่เคยรู้มาก็ไม่มากเท่าครั้งนี้...
อยากให้ทุกคนรักแม่มากๆ นะคะ




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2554 15:47:45 น.
Counter : 1478 Pageviews.  

ซาอีดา...บนปก mother and care เดือนมิถุนายนนี้ค่ะ

ห่างหายบล็อกไปนานเลยค่ะ
ต้องขออภัยเพื่อนๆ พี่ๆ บ้านใกล้เรือนเคียง
วันนี้กลับมาพร้อมกับข่าวดีค่ะ
พอดีได้มีโอกาสพาน้องซาอีดาไปเทสต์หน้ากล้อง
นิตยสาร mother and care มา
แล้วสรุปก็ได้ลงแล้วค่ะ ของเดือนมิถุนายนนี้เอง
ต้องขอบคุณทีมงานเป็นอย่างยิ่งนะคะ ที่ให้โอกาสน้อง
เรามาเริ่มเล่าประสบการณ์กันเลยค่ะ
---------------------------------------------------

จำได้ว่าตอนพาไปถ่าย ซาอีดาอายุประมาณเกือบ 9 เดือน
เพิ่งจะเริ่มนั่งได้สองสามวัน คือยังนั่งไม่แข็งเลย แป๊บๆ ก็ล้ม
ทีมงานเลยทำงานหนักกันหน่อย เพราะต้องมาช่วยกันจับ
daddy mommy แล้วก็คุณยายต้องหลอกล่อกันอยู่หลังช่างภาพ
เพื่อให้ได้ภาพสวยๆ
เราเริ่มดูเบื้องหลังกันก่อนเลยค่ะ
ไปถึงก็เริ่มสร้างอารมณ์ดีๆ ให้กับน้องก่อนค่ะ



เตรียมเสื้อผ้าไว้เยอะแยะเลย


แต่ในที่สุด....ก็ Topless ค่ะ เติม แก้มนิดนึง ให้มีเลือดฝาด


แล้วก็บรรเลงกันเลยค่ะ


ต้องหลอกล่อกันสารพัด


ถ่ายกันไปสักชั่วโมง ก็เริ่มพักกองกันสักหน่อย
ให้ซาอีดาเล่นกับ daddy ไปพลางๆ ก่อน


เสร็จแล้ว หายเหนื่อยก็ถ่ายต่อเลย ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ
สุดท้าย น้องซาอีดาก็มีสภาพแบบนี้

หลับปุ๋ยเลยค่ะ สงสัยจะเหนื่อย

คราวนี้ก็คุ้มนะคะ ไปแล้วได้ภาพงามๆ มามากมายเลยค่ะ
ต้องขอบพระคุณช่างภาพฝีมือดีๆ และทีมงานที่ส่งซีดีมาให้นะคะ
ภาพรวมนี่ต้องขอบคุณน้าโอ๊ต ใจดีที่ทำส่งมาให้ดูก่อนค่ะ


แล้วก็มีรูปเดี่ยวๆ ซึ่งขอเลือกมาให้ชมกันบางส่วนค่ะ
ภาพนี้เราชอบมากๆ อารมณ์น่ารักใสๆ ดี


อันนี้ก็ดูแก่นเซี้ยวดี


อันนี้ก็ยิ้มน่ารักดีค่ะ


แล้วก็มีเวอร์ชั่นใต้ผ้าห่ม


ภาพ close up ขึ้นมาอีกนิด


แล้วก็ใสๆ อีกภาพ


สุดท้ายคงต้องเป็นภาพนี้ค่ะ เข้าตากรรมการ


เป็นภาพที่ได้เลือกลงปกค่ะ เป็นปกออกมาแล้วเป็นแบบนี้ค่า


เป็นภาพเล็กหน่อย เพราะไปเอามาจากเว็บ //www.motherandcare.in.th ค่ะ




 

Create Date : 24 มิถุนายน 2553    
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 20:38:27 น.
Counter : 951 Pageviews.  

ซาอีดาทรงตัวในท่านั่งได้แล้วค่ะ@8months

ช่วงนี้สถานะการณ์บ้านเมืองวุ่นวายกันมากเลยค่ะ
ขอให้คนไทยรักกันมากๆ นะคะ เพื่อพ่อหลวงของปวงชนค่ะ
-------------------------------

ช่วงนี้เลยถือโอกาสจากการหยุดราชการในกรุงเทพ
มานั่งอัพเดทข่าวคราว พัฒนาการของน้องซาอีดา
ในขณะนั่งฟังข่าวบ้านเมืองไปพร้อมกัน
ตอนนี้ซาอีดาทำอะไรได้หลายๆ อย่างเพิ่มขึ้นแล้วค่ะ
เช่น ทรงตัวเองในท่านั่งได้แล้ว
แรกๆ ยังหง่อกๆ แหง่กๆ อยู่ แต่สองสามวันมาเนี่ย
เธอนั่งได้หลังตรงด้วยตัวเองนาน 1-2 นาที
แต่ยังชอบทิ้งตัวเองไปด้านหลัง ไม่ระมัดระวังอยู่บ่อยๆ
ต้องคอยจับตามองเธอตลอดเวลา

เวลาจับคว่ำ เธอพลิกหน้า พลิกหลังหลายตลบ
พอเอาของเล่นมาล่อก็จะพยายามคืบไปข้างหน้า
แต่ทำเท่าไรเธอก็กระดึ๊บๆ ไปข้างหลังทุกทึ ตกเสื่อรองคลานไปหลายรอบแล้ว
มาสองสามวันที่ผ่านมา เธอเริ่มยงโย่ตั้งหัวเข่าขึ้น
คิดว่าจะเริ่มคลาน คงไม่นานล่ะค่ะ ได้วิ่งวุ่นกันทั้งบ้าน
คอยตามเวลาเธอคลานเป็นแน่แท้

เรื่องอาหารการกิน เธอทานนมมื้อละ 5-6 oz
ห่างกันประมาณ 3 ชั่วโมง
ตื่นตอนเช้าจะทานกล้วยครูด 3 ผล
เล่นซักพัก ก็จะต่อด้วยนม 2-3 oz
นอนหลับแป๊บนึง ถึงเวลาก็จะทานนม
ช่วงเย็น 5 โมงก็เป็นเวลาอาหารเย็น
ซึ่งคุณยายจะทำข้าวตุ๋นให้เธอทุกวัน
เธอชอบทานข้าวตุ๋นกับผักหลากชนิด
แต่ไม่ค่อยชอบทานตับเลยนะเดี๋ยวนี้
น้ำซุปเนี่ยเห็นไม่ได้ ซดทีเป็นถ้วยๆ เลยทีเดียว

เวลานอน เดี๋ยวนี้เธอเป็นเด็กดี นอนเร็ว
ประมาณ 8.00-8.30 mommy ก็จะพาเธอขึ้นห้องนอน
อ่านนิทานให้ฟัง แล้วก็นอนพลิกไปมาบนเตียงสักพักก็หลับไป
ส่วนมาจะให้เธอนอนเตียงของเธอเอง
มีแค่บางคืนเท่านั้นที่ daddy ขอให้เอาเธอนอนด้วยกันบนเตียง

ส่วนเรื่องเรียนว่ายน้ำ ตอนนี้เธอไปได้สวย
ดำน้ำได้นานขึ้น เริ่มคุ้นเคยไม่ค่อยร้องมากมายเหมือนเก่า
น้ำหนักและส่วนสูงไม่สามารถคาดเดาได้
คงต้องรอพาไปหาคุณหมอสัปดาห์หน้าก็จะได้มาอัพเดทอีกทีนึง
วันนี้เอาภาพน่ารักๆ ของเธอมาอัพเดทกันหน่อยดีกว่า

ภาำพแรกถ่ายตอนเช้าเธอเพิ่งตื่นนอนสักพัก


หลังอาบน้ำเสร็จก็จับนางแบบแต่งตัว
ยังมาทำหน้าทำตา อ้าปากกว้างอีกแน่ะ


ไม่เท่านั้นนะ มาทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่กล้องอีก


หน้าเหวอๆ จมูกบานๆ ขำดี


ถ่ายมันทุกมุม


mommy ไม่ค่อยเห่อลูกสาวกันเลยค่ะ
นั่งได้อย่างสบายอกสบายใจ ไม่หกล้มหกลุกแล้วค่ะ


ดีใจจริงๆ ค่ะ เอาไว้เดี๋ยวเริ่มคลานได้จะเอาภาพงามๆ มาฝากกันอีกค่าาา




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2553 16:15:13 น.
Counter : 590 Pageviews.  

Sa'ida first swimming lesson@8months old

หาข้อมูลมานาน กับสถานที่สอนว่ายน้ำให้กับเด็กทารก
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเนื่องจาก mommy ค่อนข้างเป็นกังวล
กับการทีี่สะโพกข้างซ้ายของน้องซาีอีดาเคยหลุดออกจากเบ้า
และต้องเข้าเฝือกไว้นานถึง 3 เดือน
ลำพังการที่น้องซาอีดาเกิดก่อนกำหนดไป 2 เดือน
ก็ส่งผลต่อพัฒนาการอยู่แล้ว คือเวลาเทียบเกณฑ์พัฒนาการ
ต้องลบไป 2 เดือน แถมบวกเวลาอยู่ในเฝือกเข้าไปอีกก็เกือบ 5 เดือน

เราด้วยความเป็นแม่ก็ห่วงถึงกล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่
แถมระดับพัฒนาการของลูก เลยเริ่มต้นหาข้อมูล
จนพอกับ "ธาราบำบัด (Hydrotherapy)" ที่จัดโดยสถานที่ต่างๆ
เชน ฟิตเนต และโรงพยาบาล
เราเลือกเอาที่ๆ ใกล้กับบ้านมากที่สุดนั่นก็คือ โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ ประชาชื่น
ที่นี่เค้ามีศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูค่ะ ให้บริการกับเด็กตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป
และผู้สูงอายุที่ต้องมาทำกายภาพบำบัด

สระน้ำที่นี่เป็นสระน้ำอุ่นอุณหภูมิประมาณ 33-35 องศา
ซึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วก็อุณหภูมิใกล้เคียงกับร่างกายคนเรา
ลูกเราคงจะรู้สึกสบาย ไม่ตื่นกลัวหรือหนาวจนเกินไป
ตอนพาลูกไปครั้งแรกเราต้องโทรไปนัดจองคิวก่อน
จริงๆ เค้าว่าจะมาดูสถานที่ก่อนก็ได้ แต่เราคิดว่าไหนๆ จะไปแล้ว
ก็ลองเลยดีกว่า เพื่อไม่ให้เสียเที่ยวการเดินทาง

ไปถึงวันแรก ครูสอนว่ายน้ำของน้องซาอีดาชื่อว่า "ครูอ๋อง" ค่ะ
ที่นี่ให้ผู้ปกครองลงด้วย 1 คน ก็เป็นหน้าที่ของ mommy ก่อน
ส่วน daddy จะมาร่วมแจมในคราวหน้า คราวนี้ทำหน้าที่เป็นตากล้องไป
ไปถึงตอนแรกเลย ลงน้ำลูกสาวเราก็มองๆ ทำหน้าแปลกๆ แบบนี้



แต่ไม่นานหลอกค่ะ เธอก็มีสภาพแบบนี้


แบบนี้



และก็แบบนี้



ดูท่าทางเธอจะสนุกจนลืมดิฉันคนนี้ ที่พาเธอมาในครั้งแรกไปเลยทีเดียว
ครูอ๋อง ก็จะเป็นผู้ทำหน้าที่แนะนำ mommy ให้สอนหนูลอยตัวบ้าง
เป่าตาให้ลูกบ้างเพื่อไม่ให้หนูกินน้ำเข้าไป
แต่ครูก็ไม่ได้ละทิ้งหน้าที่ กระโดดเข้ามาสอนหนูโดยตรงเลยในบางช่วง
เช่นตอนนี้ ครูอ๋องทำให้หนูรู้สึกผ่อนคลายกับการเคลื่อนไหวในน้ำและฝึกกำลังแขนไปด้วยในตัว



และแล้วก็ให้หนูลองฝึกกับห่วงยางน้อย
โดยใช้ mommy และของเล่นเป็นตัวดึงดูดความสนใจ


แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นโฟมตีขา สมัยที่ mommy ก็เคยใช้ตอนเด็กๆ



แต่เธอก็เอามาใช้ ยังกะกระดานโต้คลื่น
แต่ที่โดนใจ mommy กับ daddy สุดๆ
ก็คือเจ้าห่วงยางอันน้อยกว่า ที่รัดหนูแค่ช่วงคอ
ให้หนูได้ลอยต่องแต่งๆ กระดื๊บๆ ในน้ำอย่างอิสระ



แปลกดีค่ะ ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยในชีวิต ไม่รู้ว่าเราตกยุคไปแล้วหรือกระไร
ถัดจากนั้นก็นี่เลยค่ะ basic ห่วงยางปลอกแขนรูปน้องหมาน้อย
ที่หนูซาอีดาลอยไป กัดหนูน้องหมาไปตลอดทาง


เห็นไหมคะ ถ้า mommy ไม่ลงทุนเสียตังค์ให้หนูไปเรียน
แล้วจะสอนหนูเองแบบนี้ได้หรือ mommy ไม่มีปัญญาหรอกค่ะ
เพราะจบด้านวิทยาศาสตร์ ไม่ได้จบพละศึกษา หรือวิทยาศาสตร์การกีฬา
ครูอ๋อง ต่างหากที่ช่วยแม่ได้ อิๆๆๆๆ

ครูอ๋องบอกว่า ซาอีดาโชคดีที่เรียนรู้ได้เร็วและไม่กลัวน้ำ
วันแรกจึงสอนน้องตั้งแต่สร้างความคุ้นเคยกับน้ำ จนถึงขั้นดำน้ำกันเลยเชียว
เด็กบางคนต้องครั้งที่ 3 หรือ 4 ถ้ากลัวน้ำ เพราะต้องใช้เวลาสร้างความคุ้นเคยกับน้ำนาน
ไม่อยากจะบอกครูอ๋อง ว่าสาเหตุเบื้องหลัง ตอนอยู่บ้าน
ซาอีดาก็ว่ายน้ำตุ๊บป่องๆ ทุกวันในกะลังมังของหนู
จับขึ้นทีไร อารมณ์เสียทุกทีเลย

ค่ะหลังจากคุ้นเคยกับน้ำแล้ว ครูอ๋องก็เริ่มบทเรียนเริ่มต้นของการดำน้ำ
คือการเอาฝักบัวรดน้ำ มารดหัวหนู



แล้วสอนให้ mommy ฝึกปลอบประโลมหนูว่า น้ำท่วมหัวไม่เป็นไรนะลูก
ให้เอาตัวเองให้รอดก็แล้วกันนะจ๊ะทูนหัว
จากนั้นให้อุ้มลูกเข้ามากอดไว้กับอก พร้อมตบหลังเบาๆ เหมือนตอนจับเรอ



ทำแบบนี้อยู่สัก 4-5 ทีก็ถึงเวลาเอาจริงค่ะ
การเอาจริงคือ ครูอ๋องจะเอาน้ำรดหัวหนูเหมือนเดิม
พร้อมกันนั้นให้ mommy จับหนูลงใต้น้ำสัก 4 วินาที
แล้วลากเข้ามาปลอบประโลมเหมือนเคย
โอโห ยอมรับเลยค่ะ ว่าบทเรียนนี้หินจริงๆ
mommy ทำใจอยู่นานกว่าจะเริ่มได้
แหมเป็นใครก็ทำใจลำบากค่ะ ต้องจับลูกกดน้ำน่ะ
ไม่เชื่อก็ถาม daddy ได้เลย ขนาดเป็นช่างภาพอยู่นอกสระ
ยังใจหาย ทำเอาลืมถ่ายภาพนิ่งเก็บไว้เลย
แต่ยังดีที่มีวีดีโอเอามาฝากให้ดูกัน



ครั้งแรกน้องสำลักน้ำเพราะไม่คุ้นเคยกับการกลั้นหายใจ
แต่ครั้งต่อๆ ไปจะดีขึ้น อันนี้คือสิ่งที่ครูอ๋องบอกนะคะ
mommy เลยแกล้งบอกกับ daddy ว่า

"Next time is your turn!"

daddy คิดหนักอยู่เหมือนกัน
แต่จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก
เพราะเราเชื่อมั่นว่าอยู่กับผู้รู้ ยังไงลูกเราก็ปลอดภัยค่ะ

รวมๆ แล้วบทเรียนแรก ใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมงกว่า
ซาอีดา้ร้องไห้ครั้งเดียว
คือหลังจากดำน้ำนั่นแหละค่ะ พอพาเดินเล่นรอบสระ
เห็นของเล่นมากมาย ไม่นานก็ลืมแล้ว

สรุปว่าผลการเรียนในวันนี้ผ่านไปด้วยดี
ขึ้นจากน้ำก็เข้าสู่อ้อมอก daddy ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย



ขึ้นรถได้หลับยาวจนถึงบ้านเลยค่ะ.....
สำหรับคุณแม่ท่านอื่นที่สนใจ
รายละเอียดเพิ่มเติม หรือสนใจสอบถามราคา เข้าไปที่นี่เลยค่ะ

//www.kasemrad.co.th/pcc/Hydrotherapy.php




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 7:32:27 น.
Counter : 770 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

มิสซิสอาร์โนลด์
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




&dateผู้หญิงคนหนึ่ง..บนโลกกลมๆใบนี้..
ยังมีความฝันอีกหลายอย่างที่กำลังเดินหน้าตามล่าฝัน
โดยมีคุณสามีฝรั่งคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ

©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความในบล็อกนี้ไปใช้เผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©










What's new!


บล็อกอัพเดทล่าสุด


ลูกคุณมีอาการเหล่านี้บ้างหรือไม่...โรคข้อสะโพกเคลื่อนหรือหลุด


คุณสามี MR.Speedy มีโอกาสได้เข้าวงการแสดงแล้วจ้า


ซาอีดาเปลี่ยนเฝือกครั้งที่ 1 พร้อมภาพ x-ray @21 months



วิธีทำให้ลูกมีความสุขมากขึ้น..ในเวลาที่ต้องทนทุกข์ๆ ในเฝือกเกือบ 2 เดือน



เข้าโรงพยาบาลอีกครั้งเมื่อครบ 1 ปี 8เดือน



ซาอีดา...บนปก mother and care เดือนมิถุนายนนี้ค่ะ



ประสบการณ์ผ่าตัดครั้งแรกของน้องซาอีดา



ต้องกลับเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ---กับข้อสะโพกหลุดแต่กำเนิด--



เสียงสะท้อนจากผู้อ่าน





Mrs. Arnold's Blog

จากบล็อกออกเป็น pocketbook

...วางแผงแล้ววันนี้..

ที่ร้านหนังสือทั่วประเทศ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มิสซิสอาร์โนลด์'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.