สุขสรรค์ หรรษา กับคุณสามีฝรั่ง กับมิสซิสอาร์โนลด์

Happiness&Fun with my Farang Husband

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

อัพเดทซาอีดา หลังจากถอดเฝือก (ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ)

หลังจากผจญกับความปวดร้าว และโหดร้ายในเฝือกมานานแสนนาน
ในที่สุดก็ถึงวันที่เจ้าหญิงตัวน้อยของดิฉันจะได้เป็นอิสระอีกครั้ง
ถึงแม้ตอนนี้ในร่างกายของเจ้าหญิงตัวน้อย จะยังมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ภายใน
แต่ก็ถือว่า...เป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้ว ที่เธอจะกลับมาเดิน และวิ่งได้อีกครั้ง

หลายคนเคยเตือนดิฉันว่า ให้ระวังตอนถอดเฝือกครั้งแรก
ว่าลูกจะล้มพับไป อย่าปล่อยให้ยืนตัวคนเดียว
ถึงแม้ว่าตอนก่อนใส่ เธอจะเคยเดินได้แล้วก็ตาม
แต่ระยะเวลาใส่เฝือกที่นานแสนนาน นับได้เกือบ 3 เดือนนั้น
ทำให้เ้จ้าหญิงน้อยลืมว่าจะทรงตัวด้วยตนเองได้อย่างไร

วันที่ 27 มิถุนายน 2554 เป็นวันที่คุณอาหมอนัดเจอที่โรงพยาบาล
เป็นวันที่เราเฝ้ารออย่างใจจดจ่อ มาตลอด 3 เดือนเต็ม
วันนั้น บรรยากาศการเฝ้ารอดีขึ้นกว่าเดิม
เนื่องจากโรงพยาบาลมีการปรับปรุง เปิดตึกใหม่
มีที่จอดรถสะดวกสบาย ไม่แออัดเหมือนเคย
ทำให้ความเครียดของเราทุกคนเบาลงได้

ก่อนถอดเฝือก ต้องพาเจ้าหญิงน้อยของแม่ไปดื่มยาสีแดงให้ง่วงก่อน
เพื่อที่จะช่วยเพลาความกลัว เสียงดังจากการตัดเฝือกได้
เพราะไม่อย่างนั้นเธออาจจะดิ้น ทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างลำบาก
เพราะเฝือกที่รัดเธอไว้นั้น ยาวตั้งแต่ราวนมมาจรดปลายเท้า

ซาอีดา เป็นเด็กที่ต่อต้านการถูกบังคับอย่างรุนแรง
ที่เป็นอย่างนี้เพราะเธอจดจำภาพโหดร้ายที่เธอเผชิญมาได้ดี
ตั้งแต่การจับแขนน้อยๆ ของเธอเจาะเลือดตั้งแต่ เธออายุได้ 4-5 เดือน
จวบจนอายุได้ขวบกว่า
จับตัวเธอขึงเหยียดตรง และท่ากบ เพื่อทำการ x-Ray ดูกระดูกขา
ทุกครั้งก่อนเปลี่ยนเฝือกหรือผ่าตัด
ที่ร้ายที่สุด คือการให้เธอดมยาสลบในห้องผ่านตัด
ภาพต่างๆ เหล่านั้น ยังคงวนเวียน ในสมองน้อยๆ ของเธอ
แทนที่จะเป็นภาพจินตนาการต่างๆ ที่แสนจะสดใสบริสุทธิ์เหมือนกับเด็กวัยเดียวกันกับเธอ


เธอแสดงออก เมื่อพยาบาลพยายามป้อนยาสีแดงในแก้วเล็กๆ นั้นให้กับเธอ
ซาอีดา ร้องและดิ้นอย่างทุรนทุราย พร้อมกับอาเจียนยาที่เพิ่งรับประทานไปนั้นออกมาจนหมดสิ้น
กลิ่นอาเจียนผสมยาที่ออกมานั้น mommy ยังจดจำได้ดีมาจวบจนวันนี้
ไม่ต่างอะไรกับภาพที่ต้องช่วยอุ้มพยุงเธอไว้ ให้หมอวางยาสลบ
จนเธอแขนตก สลบไปอย่างไม่สมประดี

พวกเราช่วยกันจับเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อกำจัดกลิ่้นไม่พึงประสงค์เหล่านั้น
mommy อุ้มเจ้าหญิงตัวน้อยอย่างปลอบประโลม ในท่าที่เธอโปรดปราน
ไม่นานหลังจากเธอแน่ใจว่าไม่มีใครมาทำร้ายเธออีก
เจ้าหญิงตัวน้อยของดิฉันจึงหลับไปด้วยฤทธิ์ยาเท่าที่เหลืออยู่ในตัวเธอ

หลังจากที่เธอหลับ เราได้พาเธอไปห้องตัดเฝือก
ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที เจ้าหญิงน้อย ก็ได้หลุดออกจากเฝือก
อิสระได้กลับคืนมาหาเธออีกครั้ง ขณะเธอยังนอนหลับฝันดี
น้ำหนักที่ mommy เคยรู้สึกเวลาอุ้มเธอนั้น
ตอนนี้หายไปอย่างน่าแปลกใจ เธอตัวเบาอย่างกับปุยนุ่น
mommy โอบอุ้มเธอขึ้นมาไว้กับอก ให้ Daddy จัดการเรื่องค่าใช้จ่าย
ระหว่างรอ ก็พิจารณาขาข้างที่เคยอยู่ในเฝือกมาตลอด 3 เดือน
พบว่าเล็กกว่าขาอีกข้างหนึ่ง แถมยังมีผิวหนังลอกล่อนเต็มไปหมด
เห็นแล้วสงสารเจ้าหญิงของ mommy จับใจ



หลังจาก เ้จ้าหญิงน้อยตื่นจากภวังค์
เธอดูท่าจะแปลกใจกับร่างกายใหม่ของเธอ
ที่ไม่มีเฝือกมาห่อหุ้มอีกต่อไป
เธอพยายามจะลงเดินด้วยตัวเอง แต่เรายังไม่ปล่อยเธอ
เพราะยังไม่แน่ใจว่าเธอจะทรงตัวเองได้หรือไม่
จากนั้น mommy กับ daddy จึงพาเธอกลับบ้าน

หลังจากที่ yai-yai จับอาบน้ำอาบท่า ก็พบว่า
เริ่มสำรวจตรวจตราขาข้างนั้นอีกครั้ง พบว่าผิวหนังที่ลอก
หลุดออกไปหมด เหลือแต่ขนที่ดกดำและเด่นชัดกว่าอีกข้างเป็นอย่างมาก
แถมยังทิ้งรอยแผลเป็นไว้เป็นเครื่องเตือนใจ



ซาอีดา ยังทรงตัวด้วยตัวเองไม่ได้ในช่วงแรก
จริงอย่างคำเตือนที่เคยมีคนบอกไว้
เธอร้องเจ็บ ในครั้งแรกที่พยายามพยุงตัวขึ้นยืน
ล้มบ้าง ลุกบ้าง เราก็ไม่ท้อ
หัดให้เค้าเริ่มยืน และเดินเหมือนช่วงตอนตั้งไข่ใหม่ๆ

กิจกรรมที่พอทำได้ คือการนั่งเล่นบนรถสุดโปรด
และก็นอนวาดภาพด้วย สีที่ mommy ชอบใช้สร้างงานศิลปะ






ตัวดิฉันเอง พยายามคิดในทางที่ดีว่า
ยังไงก็ถือว่ายังดี ตอนนี้ลูกเราเริ่มเดินได้
เราได้หัดให้เค้าตั้งไข่ หัดให้เค้าเดิน ถึง สองครั้ง สองครา
และไม่นาน ความพยายามของพวกเราทุกคนในบ้านก็เป็นผล

อาการซาอีดา ดีขึ้นๆ จากที่เคยทรงตัวไม่ได้ ก็ทำได้
จากที่เคยเดินกระเพลกๆ ก็เดินได้ตรงเหมือนปกติ
ล่าสุดคุณอาหมอนัดไปตรวจเช็คอาการ
พบว่า อาการดีขึ้นแล้ว กระดูกเข้าที่ดี เหลือแต่ต้องรออีก 6เดือน-1 ปี
ถึงจะผ่าตัดเอาเหล็กออกอีกครั้ง

ภาวนาว่า ตอนผ่าออกนี้ คงไม่ต้องกลับไปหาเฝือกอันอุดอู้อีกต่อไปแล้ว
อาการที่เหลือผยู่ตอนนี้ก็คือ ยังคงหวาดกลัวทุกครั้งที่ต้องเข้าไปพบคุณหมอ
แม้แต่แค่พาไปฉีดวัคซีน ตรวจฟัน ก็ตาม
หรือแม้แต่พาไปถ่ายรูปในสตูดิโอที่มีแสงช่วยหลายๆ ตัว
ก็ยังคงร้องไห้จ้า คงจะคิดว่าตัวเองกำลังถูกพาไป x-Ray หรือผ่าตัด

ตอนนี้เห็นลูกยิ้มได้ วิ่งได้ เหมือนเด็กคนอื่น
หัวอกคนเป็นแม่พองโตยิ่งกว่าอะไร เป็นรางวัลให้กับคนเป็นแม่อย่างเรา



ขอบพระคุณ คุณอาหมอ และพยาบาลทุกท่านที่ช่วยเหลือมาตลอด
ขอบพระคุณ พ่อ แม่ พี่น้อง และสามี ที่ช่วยดูแลเจ้าหญิงของฉัน
ขอบพระคุณ เพื่อนๆ และกำลังใจจากผู้อ่าน และคุณแม่ที่หัวอกเดียวกัน



Create Date : 04 ตุลาคม 2554
Last Update : 4 ตุลาคม 2554 15:42:04 น. 0 comments
Counter : 2708 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิสซิสอาร์โนลด์
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




&dateผู้หญิงคนหนึ่ง..บนโลกกลมๆใบนี้..
ยังมีความฝันอีกหลายอย่างที่กำลังเดินหน้าตามล่าฝัน
โดยมีคุณสามีฝรั่งคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ

©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความในบล็อกนี้ไปใช้เผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©










What's new!


บล็อกอัพเดทล่าสุด


ลูกคุณมีอาการเหล่านี้บ้างหรือไม่...โรคข้อสะโพกเคลื่อนหรือหลุด


คุณสามี MR.Speedy มีโอกาสได้เข้าวงการแสดงแล้วจ้า


ซาอีดาเปลี่ยนเฝือกครั้งที่ 1 พร้อมภาพ x-ray @21 months



วิธีทำให้ลูกมีความสุขมากขึ้น..ในเวลาที่ต้องทนทุกข์ๆ ในเฝือกเกือบ 2 เดือน



เข้าโรงพยาบาลอีกครั้งเมื่อครบ 1 ปี 8เดือน



ซาอีดา...บนปก mother and care เดือนมิถุนายนนี้ค่ะ



ประสบการณ์ผ่าตัดครั้งแรกของน้องซาอีดา



ต้องกลับเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ---กับข้อสะโพกหลุดแต่กำเนิด--



เสียงสะท้อนจากผู้อ่าน





Mrs. Arnold's Blog

จากบล็อกออกเป็น pocketbook

...วางแผงแล้ววันนี้..

ที่ร้านหนังสือทั่วประเทศ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มิสซิสอาร์โนลด์'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.