ศึกวนาลัย ภาค ปฐมบทแห่งชนพฤกษ์
เรื่องย่อ ศึกวนาลัย

ตำนานได้เล่าขานถึงชนชาวพฤกษ์ที่อาศัยอยู่ในผืนป่า พวกเขาได้แบ่งชาติพันธุ์ของตนออกเป็นสองเผ่าคือชาวพฤกษ์ที่มีจิตใจงดงามนามอาดาร์ไรน์กับชนฮาร์ฟที่มีนิสัยชอบการรบราฆ่าฟัน ชนฮาร์ฟนั้นยังแบ่งแยกพวกของตนเป็นสองกลุ่มคือนอร์โฮรีซึ่งมีอาณาจักรปกครองเป็นของตนเองกับอสูรไพรซึ่งไร้สติปัญญาออกท่องป่าล่าสังหารสัตว์ทั้งหลายรวมไปถึงชาวอารดาร์ไรน์ที่บังเอิญพลัดหลงเข้าไปในเส้นทางของพวกมัน

นอร์โฮรีแม้จะมีอาณาจักรของตนแต่ความทะเยอทะยานอยากมีอำนาจเหนือผู้ใด จึงมุ่งหวังจะทำลายอาดาร์ไรน์ให้พินาศแต่กษัตริย์นามาริเป็นชนพฤกษ์ที่เก่งกาจ เขาสามารถปกป้องแผ่นดินของตนเอาไว้ได้นานนับร้อยปี ประกอบกับอาณาจักรแห่งนี้มีลัญจกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าทวยเทพได้ประทานเอาไว้ อาดาณไรน์จึงรอดพ้นจากหายนะเรื่อยมาจนกระทั่งมอร์ครา ราชาแห่งนอร์โฮรีได้เปลี่ยนแผน เขาได้ส่งทูตไปเจรจาเพื่อเจริญไมตรีกับกษัตริย์นามาริ แม้จะไม่ไว้ใจแต่ฝ่ายอาดาร์ไรน์ก็ยอมรับ นอร์โฮรีได้ส่งไม้หอมจำนวนสิบเกวียนไปเป็นเครื่องผูกสัมพันธ์แต่ในจำนวนคนที่เดินทางไปด้วยนั้นมี มอร์คราบาห์น บุตรชายที่มีนิสัยร้ายกาจปลอมตัวไปด้วย มอร์คราบาห์นได้ถูก บารันกรุน ญาติของนามาริกลั่นแกล้งหมายจะขับไล่เขาออกจากเมืองแต่ผลกลับกลายเป็นว่าสิ่งที่เขากระทำได้ตรงกับจุดประสงค์ที่ราชามอร์คราได้วางแผนไว้ สองพ่อลูกจึงบังคับให้กษัตริย์นามาริส่งหลานสาวของตน ราชนิกูลหญิงเพียงหนึ่งเดียวของอาดาร์ไรน์ในเวลานั้นไปเป็นชายาของมอร์คราบาห์นแต่นามาริปฏิเสธ จึงเป็นเหตุให้มอร์คราอ้างถึงคำสัตย์ที่อาดาร์ไรน์เคยให้ไว้ว่ายินดีจะมอบทุกอย่างที่ตนร้องขอ เป็นผลให้อำนาจของลัญจกรณ์เสื่อมฤทธิ์ลง นอร์โฮรีจึงยกกองทัพเข้าถล่มอาร์ดาไรน์จนพินาศ กษัตริย์นามาริสิ้นพระชนม์ในที่รบ ส่วนบารันกรุนและบุตรชาย บารันกรินได้นำทหารและพลเมืองที่เหลือหลบหนีออกไปจากเมืองพร้อมเศษของลัญจกรณ์และได้ไปตั้งเมืองในหุบเขาลึกที่มีชื่อว่าป่าแห่งอาราวเน่ โดยเรียกขานนามของแผ่นดินแห่งใหม่นี้ว่า โกเรียนไลท์ อันหมายถึงชนแห่งแสงตะวัน

หลายปีผ่านไปหลังจากสร้างโกเรียนไลท์จนเป็นปึกแผ่น บารันกรุนได้ยกทัพออกไปบุกอาณาจักรนอร์โฮรีและทำลายจนพินาศ ตัวมอร์คราตายในที่รบส่วนมอร์คราบาห์นบุตรชายถูกรุกไปล่ไปจนถึงหุบเขามรณะและพลัดตกหายสาบสูญไป บารันกรุนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการรบ และเมื่อเดินทางกลับไปถึงโกเรียนไลท์เขาจึงได้มอบอำนาจทั้งหมดให้กับบุตรชาย และเมื่อบารันกรุนสิ้นชีวิตลง บารันกรินจึงได้เป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดินโกเรียนไลท์อย่างสงบสุขตลอดมา

กาลเวลาผ่านไปหลายร้อยปี บารันกรินได้สมรสกับสตรีสูงศักดิ์จนมีบุตรชายหนึ่งคนคือ กรุนน์ลูฟ แม้จะมีการต่อสู้กับอสูรไพรบ้างเป็นบางครั้งแต่ศัตรูที่ที่ร้ายกาจที่สุดของชาวโกเรียนไลท์กลับเป็นแมงมุมยักษ์ สัตว์ดึกดำบรรพ์เพียงชนิดเดียวที่อาศัยอยู่ในป่าอาราวเน่ เจ้าชายกรุนน์ลูฟมักจะเป็นผู้นำกำลังทหารออกไปขับไล่ฝูงแมงมุมและพวกอสูรไพรอย่างกล้าหาญ กรุนน์ลูฟได้แต่งงานกับหญิงสาวนักสู้คนหนึ่งและมีบุตรธิดาด้วยกันหกคน โดยคาลีฟและมัลดัสต์ บุตรชายกับบุตรสาวคนโตมีนิสัยรักการต่อสู้เหมือนบิดา ทั้งสองมักจะหาทางหลบหนีออกไปจากวังเพื่อท่องป่า การกระทำของคาลีฟและมัลดัสต์สร้างความไม่พอใจให้กับมารดาของพวกเขาเป็นอย่างมาก จนกระทั่งอสูรไพรได้รวมตัวครั้งใหญ่กันเพื่อบุกเข้าทำลายโกเรียนไลท์ให้สิ้นซาก กรุนน์ลูฟได้นำกองทัพออกไปต่อสู้โดยไม่รู้ว่าคาลีฟและมัลดัสต์ปลอมตัวเป็นทหารออกไปด้วย ขณะที่ทั้งสองกำลังสู้กับแม่ทัพของอสูรไพร มัลดัสต์ได้ตกลงไปในหุบเขาลึกและหายสาบสูญไป นางได้รับความช่วยเหลือจากชนพฤกษ์สองพี่น้องนามซันเนลินและมุนเนลิน ในตอนแรกมัลดัสต์รู้สึกไม่ชอบหน้าคนทั้งสองนี้จนถึงขนาดแอบหนีออกจากเทาเรอาร์มาห์สถานที่พักอาศัยของสองพี่น้องและเกือบถูกแมงมุมฆ่าแต่ซันเนลินตามไปช่วยและดูแลรักษาหญิงสาวจนบาดแผลที่ได้รับหายดีจึงได้นำนางไปส่งที่วังโกเรียนไลท์ กษัตริย์บารันกรินเมื่อได้เห็นคนทั้งคู่จึงได้รุ้ว่าแท้จริงแล้วซันเนลินและมุนเนลินก็คือบุตรของฮาห์เธล รัชทายาทของกษัตริย์นามาริแห่งอาดาร์ไรน์ พระองค์จึงให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ ระหว่างที่พำนักอยู่ในวัง ทั้งซันเนลินและมัลดัสต์ต่างมีใจให้แก่กันในขณะที่คาลีฟกลับตั้งตัวเป็นศัตรูกับมุนเนลินเนื่องจากไม่พอใจที่ถูกนางเล็งธนูใส่เมื่อครั้งอยู่ในป่าอีกทั้งเขายังเข้าใจว่านางเป็นบุรุษ

โกเรียนไลท์อาจจะอยู่อย่างสงบสุขเช่นนี้ต่อไปหากมอร์คราบาห์น ราชาของนอร์โฮรีที่ทุกคนเข้าใจว่าตายไปแล้วปรากฏตัวขึ้น เขาได้นำกำลังทหารนำจำนวนมากที่สั่งสมไว้เมื่อครั้งตกลงไปในหุบเหวและถูกแม่ทัพผู้หนึ่งช่วยชีวิตและซ่อนตัวอยู่ในที่แห่งนั้นมาโดยตลอด มาร์คราบาห์นได้เผชิญหน้ากับซันเนลินและกล่าวเยาะเย้ยเขาถึงวันที่ตนลงมือสังหารฮาห์เธลรวมทั้งทำร้ายมุนเนลินจนมีบาดแผลติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้ ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน มุนเนลินได้ช่วยคาลีฟให้รอดพ้นจากคมธนูของมอร์คราบาห์นแต่ตัวของนางกลับได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องรีบนำตัวออกจากสนามรบ ในเวลานั้นเองที่คาลีฟได้รู้ความจริงว่านางเป็นสตรี ด้วยความแค้นซันเนลินได้ท้าให้มอร์คราบาห์นออกมาเผชิญหน้ากันตัวต่อตัวและสังหารเขาจนสำเร็จ กองทัพโกเรียนไลท์เป็นฝ่ายมีชัย ในตอนที่เคลื่อนทัพกลับคาลีฟได้เห็นรอยแผลเป็นที่กลางหลังของมุนเนลินและเข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดนางจึงแต่งกายเป็นชายอยู่ตลอดเวลา ความอ่อนดยนที่แฝงไว้ในความเย็นชาให้ชายหนุ่มหลงรักนางโดยไม่รู้สึกตัว และไม่รู้ว่าอาร์เนนเดล รองแม่ทัพแห่งโกเรียนไลท์ก็มีจิตปฎิพัทธ์ต่อมุนเนลินด้วยเช่นเดียวกัน คาลีฟพยายามปิดบังความรู้สึกของตนเช่นเดียวกันกับมัลดัสต์ที่ปกปิดความสัมพันธ์ของนางกับซันเนเลินเอาไว้เพราะกลัวว่าเรื่องของพวกเขาจะล่วงรู้ไปถึงหูของมารดา

แต่ในวันหนึ่งขณะที่ซันเนลินกำลังสอนการยิงธนูให้กับ มุลลูฟและคาริน น้องชายและน้องสาวฝาแฝดอยู่นั้น ซิลเวอร์เรน มารดาของมัลดัสต์ได้มาพบเข้าและทราบเรื่องราวระหว่างคนทั้สองจนหมดสิ้น นางได้ออกคำสั่งให้ซันเนลินพิสูจน์ความรักที่มีต่อมัลดัสต์ด้วยการไปนำอัญมณีแห่งจิตวิญญาณมาจาก อาราวเน่ ราชินีแห่งแมงมุมทั้งมวล ซันเนลินตอบตกลงและออกเดินทางไปโดยมีอาร์เนนเดลขอติดตามไปด้วย ระหว่างทางทั้งสองถูกฝูงแมงมุมนักษ์บริวารของอาราวเน่โจมตี อาร์เนนเดลถูกพิษของมันจนได้รับบาดเจ็บ ซันเนลินจึงพาเขาหนีเข้าไปในเทาเรอาร์มาห์ อาร์เนนเดลจึงได้รู้จักเส้นทางลับเข้าสู่สถานที่แห่งนี้

เมื่อหายดีแล้วทั้งคู่จึงมุ่งหน้าไปยังหุบเขาแอนนีลีดอันเป็นที่อยู่ของอาราวเน่และต่อสู้กันอยู่สองวันสองคืนเต็ม อาราเน่จึงถามเหตุผลที่ทั้งสองต้องการอัญมณีในดวงตาของตน ซันเนลินจึงบอกไปตามตรงว่าเพื่อนำไปให้คนรัก นางแมงมุมจึงยอมสละให้แต่โดยดีเพราะถูกใจในความซื่อตรงของเขา แต่ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ได้มาโดยง่าย อาราวเน่ยอมมอบอัญมณีแห่งจิตวิญญาณให้กับซันเนลินมอบสิ่งสำคัญให้กับนางเป็นการตอบแทน แม้อาร์เนนเดลจะไม่เห็นด้วยแต่ซันเนลินกลับตกลง เขาจึงได้อัญมณีอาราวเน่กลับไปยังวังโกเรียนไลท์โดยทิ้งดวงตาไว้ให้กับนางแมงมุม อาราวเน่ได้กล่าวทิ้งท้ายก่อนที่ทั้งสองจะจากมา

“ดวงแก้วหนึ่งแทนดวงใจ แลกดวงแก้วคู่ใช้นำทาง
มีทิวาก็ย่อมมีราตรี ความมืดและแสงสว่างย่อมอยู่คู่กัน
เจ้าจะได้แสงนำทางกลับมาอีกครั้ง ด้วยความรักและความเสียสละจากสองดวงใจ”

จบภาคปฐมบทแห่งชนพฤกษ์

*/*/*/*/*/*








Create Date : 23 ตุลาคม 2552
Last Update : 23 ตุลาคม 2552 19:47:17 น.
Counter : 569 Pageviews.

1 comment
สงครามเจ้าอเวจี
เรื่องย่อ สงครามเจ้าอเวจี
เพราะความโลภของมนุษย์ หญิงสาวจำนวนมากจึงถูกเผาทั้งเป็น
ไม่เว้นแม้แต่แม่ของจูเลีย

จวบจนวันเวลาผ่านไปได้สิบหกปี จูเลียจึงได้พบกับปิศาจผู้มีนามว่า ธอร์น เขาถูกเจ้าอเวจีส่งมาเพื่อคุ้มครองเธอและออกตามล่าเหล่าผู้ขายวิญญาณที่ทรยศต่อพันธะสัญญาเลือด

ด้วยเป้าหมายที่ต้องการทำลายพญามาร

จูเลียต้องเผชิญหน้ากับเล่ห์เหลี่ยมของพ่อมดที่ทำทุกอย่างเพื่ออำนาจ แม้ต้องกัดกินเลือดเนื้อของมนุษย์ด้วยกันเอง โดยมีธอร์นคอยช่วยเหลือ

ทั้งสองจะกำราบคนชั่วเหล่านั้นได้อย่างไร และจูเลียจะต้องกลับไปยังนครอเวจีหลังเสร็จภารกิจแล้วหรือไม่ ติดตามได้ใน

สงครามเจ้าอเวจี

*/*/*/*/*/*





Create Date : 23 ตุลาคม 2552
Last Update : 23 ตุลาคม 2552 19:46:55 น.
Counter : 932 Pageviews.

0 comment
บาบิโลน อาณาจักรนักรบทมิฬ
นิยายแนวสงครามกับความรัก

เมืองที่เอรุยถือกำเนิดถูกทำลายโดยกองทัพของอาณาจักรนักรบที่ดุร้ายบาบิโลน ภายใต้การนำของราชันย์บาเบล บิดาของนางถูกสังหาร โอบูลันซึ่งเป็นผู้อภิบาลจึงเป็นผู้เลี้ยงดูจนเติบโตเป็นสาว

เอรุยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้อภิบาลที่ดี ขณะเดียวกันความแค้นที่มีต่อบาเบลทำให้นางตั้งใจที่จะสังหารเขาด้วยมือ จนวันหนึ่งกษัตริย์เอลดันแห่งโซดอมได้เชิญเอรุยเข้าไปรักษาพระธิดาที่ถูกพิษเห็ดเพลิง นางต้องใช้ตัวยาพิเศษซึ่งเป็นสมุนไพรที่สามารถพบได้บนยอดเขาเท่านั้น

ในเวลาเดียวกันนั้นเองโซดอมถูกกองทัพบาบิโลนยกมาล้อมเมืองเอาไว้ แต่ความเป็นห่วงอาการของเจ้าหญิงว่าจะทรุดหนักลง เอรุยจึงตัดสินใจออกจากเมืองเพื่อไปหาตัวยา นางถูกทหารบาบิโลนจับได้แต่บาเบลกลับสั่งให้ปล่อยโดยบอกสถานที่ที่หญ้าไนโรบี สมุนไพรที่เอรุยต้องการงอกงาม ซึ่งหญิงสาวก็สามารถไปเก็บตัวยาที่ว่าได้แต่พลาดตกลงมาจากเนินเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส บาเบลไปพบเข้าจึงนำนางไปรักษาในขณะเดียวกันที่กษัตริย์อิลดันยอมตกลงผูกไมตรีกับราชันย์แห่งบาบิโลนที่นำยามารักษาราชธิดาจนพ้นจากความมตาย

แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากบาเบล แต่ความแค้นในใจที่อัดแน่นไม่ได้ทำให้เอรุยยอมอภัยให้กับเขา โอบูลันจึงกล่าวเตือนสติว่าผู้อภิบาลที่ดีนั้นย่อมเป็นคนที่ไม่มีความขุ่นแค้นอยู่ในใจ หญิงสาวจึงจำต้องเก็บความรู้สึกดังกล่าวเอาไว้เพียงผู้เดียว

สงครามระหว่างอาณาจักรบาบิโลนกับมนุษย์รุนแรงขึ้น กษัตริย์หลายแคว้นต่างรวมตัวกันสร้างกองทัพที่มีไพร่พลมหาศาลแต่กลับถูกกองทัพอันแข็งแกร่งของบาบิโลนถล่มจนย่อยยับ แต่บาเบลต้องอาวุธได้รับบาดเจ็บและตกลงไปในหุบเขาลึก เอรุยซึ่งไปหาสมุนไพรอยู่ในบริเวณนั้นพบเขานอนสิ้นสติอยู่ นางเกิดความลังเลว่าควรจะปล่อยให้เขาตายหรือช่วยเหลือ ในที่สุดจิตใจที่ดีเป็นฝ่ายชนะ หญิงสาวรักษาเขาจนหายและได้พบความลับบางอย่างที่น่าตระหนก จนบาเบลต้องนำนางกลับไปยังบาบิโลนด้วย

ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน เอรุยสจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วชาวบาบิโลนไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คิด ราชันย์บาเบลเองก็มิได้ใฝ่ในสงคราม ตรงกันข้ามเขากลับต้องการอยู่อย่างสงบสุขมากกว่า ภายใต้ท่าทางเฉยชาหญิงสาวกลับพบหัวใจที่แสนอบอุ่น ทำให้เอรุยหลงรักราชันย์ผู้นี้ทีละน้อย

เหตุการณ์ภายนอกเริ่มตึงเครียดขึ้นอีกครั้งเมื่อมีชนเผ่าป่าเถื่อนชื่อมุลลาซูลปรากฏขึ้น พวกเขาบุกเข้ายึดครองเมืองต่างๆและรวบรวมกำลังทัพเพื่อถล่มอาณาจักรบาบิโลนให้ราบคาบ ชนเผ่านักรบจึงรวมใจกันจับอาวุธและลุกขึ้นต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินอันเป็นที่รักของตน

บาเบลจะรักษาอาณาจักรของตนเองไว้ได้หรือไม่ ความรักระหว่างเขากับเอรุยจะเป็นเช่นไร ติดตามอ่านได้ใน




เนื่องจากบทจบของนิยายเรื่องนี้ได้ถูกตัดทอนออกเป็นบางส่วน หากต้องการทราบบทสรุปที่แท้จริงของนิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนจะนำมาลงให้อ่านที่บล็อคให้ค่ะ



Create Date : 21 ตุลาคม 2552
Last Update : 21 ตุลาคม 2552 10:31:54 น.
Counter : 1128 Pageviews.

0 comment
รอยเท้าบนผืนทราย My Last Memory
บทสวดแห่งความตายได้ดึงวิญญาณของฟาโรห์หนุ่มให้ฟื้นคืนชีพขึ้น
และนำเขาหลุดออกมาจากกลุ่มหมอกของนรก
ฟาโรห์ผู้นี้กลับพบว่าแผ่นดินที่ยืนอยู่นั้น
มิใช่อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของตน
หากเป็นเพียงห้องพักของนักศึกษาสาวคนหนึ่งเท่านั้นเอง
ร้ายที่สุดก็คือ เขาจะต้องดำรงชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน
ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดที่ไม่มีในสมัยของตน
สำหรับหญิงสาว เขาเป็นเพียงตัวยุ่งที่นำมาแต่เรื่องน่าปวดหัว
แต่สำหรับฟาโหร์ผู้นี้แล้ว เขารู้สึกราวกับว่าตนเองเองนั้น
เป็นเพียงเศษเสี้ยวของ
รอยเท้าบนผืนทราย


นิยายแฟนตาซีไทยแนวรักเรื่องแรกของมูนนี่ กล่าวถึงฟาโรห์คาเฟรซึ่งหลุดยุคเข้ามาอยู่ในโลกปัจจุบันภายในห้องของนักศึกษาโบราณคดีสาวที่มีชื่อว่า ปานตา

ครั้งแรกฟาโรห์หนุ่มผู้นี้จำได้แต่เพียงชื่อของตัวเองเท่านั้น เขาพยายามปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคใหม่แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากเหลือเกิน ทำให้ปานตาต้องกุมขมับด้วยความปวดหัวอยู่เสมอเมื่อเจอปัญหาที่คาเฟรสร้างขึ้นมา

ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน ความทรงจำในยุคสมัยที่ฟาโรห์หนุ่มเรืองอำนาจก็ผุดขึ้นมาทีละน้อย จนกระทั่งทั้งคู่มีเหตุต้องออกเดินทางไปทัศนศึกษาต่างจังหวัดและได้พบสิ่งมหัศจรรย์ร่วมกัน ความผูกพันอันลึกซึ้งจึงได้เริ่มต้นขึ้น

แต่ความรักของคนสองยุคจะสมหวังอย่างนั้นหรือ

พบบทสรุปเรื่องราวของนักศึกษาสาวกับฟาโรห์หนุ่มผู้นี้ได้ใน

รอยเท้าบนผืนทราย




Create Date : 21 ตุลาคม 2552
Last Update : 21 ตุลาคม 2552 2:30:53 น.
Counter : 677 Pageviews.

0 comment
สายเลือดอสูร เล่ม 2
มาร้ายวางแผนได้อย่างแยบยล มันสามารถปลุกจิตอสูรในร่างซาจิโกะได้สำเร็จ เธอจึงพร้อมที่จะสังหารทุกชีวิตที่ขวางหน้า ไม่เว้นแม้แต่คนที่เธอรัก

สิ่งเดียวที่จะหยุดยั้งพลังทำลายล้างของอสูรได้ก็คือ หัวใจรักพิสุทธิ์ของนักล่า

สายเลือดอสูรเล่ม 2 จะดำเนินเรื่องราวถึงธิดาสวรรค์ซึ่งผูกใจเจ็บต่อเทพมังกรจนกลายเป็นปิศาจร้าย นางได้วางแผนให้ซาจิโกะเข้าใจนิโนมิยะผิดด้วยการใส่ร้ายว่าเขาเป็นคนสังหารผู้มีพระคุณของเธอ ทำให้ซาจิโกะโกรธแค้นจนกลายร่างเป็นปิศาจออกเข่นฆ่าผู้คน

นิโนมิยะจะสามารถหยุดยั้งการกระทำของเธอได้หรือไม่ ความรักของคนทั้งสองจะเป็นเช่นไร ติดตามได้ใน สายเลือดอสูร




Create Date : 21 ตุลาคม 2552
Last Update : 21 ตุลาคม 2552 2:16:44 น.
Counter : 866 Pageviews.

2 comment
1  2  3  

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี