|
เบื้องหลังทฤษฎีสัมพันธภาพ : E = MC2
เบื้องหลังทฤษฎีสัมพันธภาพ : E = MC2 มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 02 กันยายน พ.ศ. 2548 ปีที่ 25 ฉบับที่ 1307
เรื่องสั้น
บินหลา สันกาลาคีรี
เบื้องหลังทฤษฎีสัมพันธภาพ : E = MC2
อั๋น - อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ประกาศทฤษฎีสัมพัทธภาพอันโด่งดังของเขา ในปี พ.ศ.2448
แต่ที่ผมสนใจเป็นอีกทฤษฎีหนึ่ง ไม่ใช่สัมพัทธภาพ
ทฤษฎีที่ว่า ประกาศโดยไอน์สไตน์อีกคน
ไอน์สไตน์คนนี้ชื่อพอลลีน นามเต็มๆ ว่า พอลลีน ไอน์สไตน์
เธอเป็นคุณแม่ของอัลเบิร์ตครับ
ทฤษฎีของเธอ ประกาศตัดหน้าลูกชาย 2 ปี
ว่าไปแล้ว ไม่ใช่แค่ตัดหน้าเท่านั้น แต่ยังประกาศกรอกหู "ลูกอั๋น" ของเธอโดยตรงด้วย
ไอ้อันนี้แหละ--ทฤษฎีสัมพันธภาพ
เพื่อความเข้าใจทฤษฎีที่ว่านี้ เราจะย้อนกลับไปใน พ.ศ.2446 ขณะนั้น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อายุ 24 ปี
เป็นหนุ่มวัยยี่สิบสี่ดีกรีปริญญา และเป็นหนุ่มวัยยีบสี่ที่กำลังจะแต่งงาน
ว่าที่เจ้าสาวของเขาชื่อ มิเลวา มาริตซ์
มิเลวาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของไอน์สไตน์ เธอเป็นชาวเซิร์บ ดั้นด้นจากเซอร์เบียบ้านเกิดเนื่องจากที่นั่นไม่อนุญาตให้ "ผู้หญิง" เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย แต่เมื่อมาอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ความเฉลียวฉลาดของเธอเปล่งประกาย ไม่เพียงได้รับการพูดถึงในฐานะ "สาวน้อยแสนฉลาด" เท่านั้น ชายหนุ่มที่มาติดพันยังเป็นว่าที่จอมอัจฉริยะของโลกอีกด้วย
อะไรจะเหมาะจะสมขนาดนั้น คนฉลาดคู่กับคนฉลาด
แต่รักนี้มีอุปสรรค กลายเป็นรักทางขวาง
ผู้ขวางทางรักคือพอลลีน
พอลลีนลุกจากเก้าอี้โยก วางเข็มโครเชต์มาจับดาบแทน เธอขวางตั้งแต่ไอน์สไตน์เริ่มเหล่มิเลวา ขวางตลอดกระทั่งเขาเรียนจบ ขวางในช่วงบุตรชายหางานทำ ขวางในช่วงได้งานทำ ขวางแม้รู้ว่ามิเลวากำลังตั้งท้อง ขวาง ขวาง และขวางมันถึง 3 ปีติดต่อกัน พูดง่ายๆ ว่า เธอเปลี่ยนตัวเองเป็นอุปกรณ์กีฬาข้ามเครื่องกีดขวาง
แต่ถึงอย่างไร อัลเบิร์ตก็ยืนกรานจะแต่งงาน
พอลลีนจึงยื่นไม้สุดท้าย เธอบอกกับบุตรชายว่า
"อั๋นฟังแม่นะลูก มิเลวาเป็นพวกบ้าตำราเหมือนกับลูก อั๋นรู้ไหม ผู้ชายควรแต่งงานกับผู้หญิง"
...ผู้ชายควรแต่งงานกับผู้หญิง...
ไอ้อันนี้แหละ--ทฤษฎีสัมพันธภาพ
อ่านประวัติไอน์สไตน์มาถึงตรงนี้ คนหนุ่มที่ผมประหวัดใจถึง มาจากอีกฟากโลก ชายผู้ได้ชื่อว่าเฉลียวฉลาด เป็นจอมวางแผนระดับเสนาธิการ
เขาคือ ขงเบ้ง
หนังสือสามก๊กบรรยายว่า ภรรยาของขงเบ้ง รูปไม่สวย ทรัพย์สินไม่รวย
แต่เก่งกาจฉลาดเฉลียว
มีผู้สรรเสริญว่า ขงเบ้งเลือกผู้หญิงที่สมอง สมที่เป็นอัจฉริยะ
แต่นาทีนี้ผมอยากรู้ว่า แล้วหม่าม้าของขงเบ้งล่ะ ? เธอว่าอย่างไร ? เธอบอกกับลูกชายว่าไงบ้าง ในวันที่เขาตวัดพู่กันแจกเทียบเชิญแขกเหรื่อ ดื่มสุรามงคล !!
ในสายตาของคนเป็นแม่ มองเห็น "ลูกชาย" ของตน เป็นอย่างไร ?
ในสายตาของคนเป็นพ่อ มองเห็น "ลูกชาย" ของตนเป็นอย่างไร ?
มีจดหมายฉบับหนึ่งซึ่ง "เฮอร์แมน ไอน์สไตน์" คุณพ่อของอัลเบิร์ตเป็นผู้เขียน พอจะสะท้อนภาพบางภาพออกมาได้ จดหมายฉบับนี้ผู้รับคือศาสตราจารย์ออสต์วาลด์ แห่งมหาวิทยาลัยไลป์ซิก ดูตามวันเวลาจ่าหัวแล้ว (พ.ศ.2444) ไอน์สไตน์ผู้พ่อเขียนก่อนที่เขาจะเสียชีวิตราว 1 ปี เป็นจดหมายที่เขาไม่ได้รับคำตอบ
นั่นอาจแปลว่า เฮอร์แมน ไอน์สไตน์ ตายตาไม่หลับ ?
นี่คือเนื้อความในจดหมาย (สำนวนแปลของ ดร.พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ)
"
ขอได้โปรดให้อภัยแก่พ่อธรรมดาคนหนึ่งที่มีความห่วงใยในลูกชาย และบังอาจเขียนจดหมายมารบกวนท่านศาสตราจารย์เพื่อขอร้อง ผมอยากจะเล่าเรื่องของลูกชายของผม อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งปีนี้มีอายุเพียง 22 ปี และกำลังมีความทุกข์และหมดกำลังใจ เพราะเขายังคงตกงานอยู่ และมีความฝันลมๆ แล้งๆ เกี่ยวกับอาชีพในอนาคตและกำลังหดหู่ลงทุกวัน โดยที่เขาเองคิดว่าตัวเองเป็นลูกที่ต้องรบกวนพ่อแม่อยู่ ผมจึงได้เขียนจดหมายฉบับนี้มาเพื่อกราบขอร้องอาจารย์ถ้าจะกรุณาเรียกเขาไปพูดคุยให้กำลังใจ
ถ้าท่านจะพิจารณาให้งานช่วยสอน หรือผู้ช่วยนักทดลองในมหาวิทยาลัยในฤดูใบไม้ร่วงที่จะมาถึงด้วย ก็จะเป็นพระคุณแก่กระผมเป็นอย่างยิ่ง จดหมายฉบับนี้เขียนขึ้นจากหัวอกพ่อผู้มีความทุกข์ แต่กรุณาปิดเป็นความลับเพราะ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ลูกชายผม ไม่รู้เรื่องจดหมายฉบับนี้
"
ถึงแม้เนื้อความจะสะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นในตัวลูกชาย แต่ใครเล่าจะกล้าตำหนิ เฮอร์แมน ไอน์สไตน์
เพราะเขาเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วย "ความรัก"
คนเป็นพ่อ ห่วงใยอนาคตของลูกชายเรื่องไหน ?
ใช่ความเป็นนาย ใน "งาน" หรือไม่
เช่นเดียวกับ พอลลีน
คนเป็นแม่ ห่วงใยอนาคตของลูกชายเรื่องไหน ?
ไม่ใช่หรือว่าประโยคนั้น ("ทฤษฎีสัมพันธภาพ" ของเธอ) ก็หลุดออกมาด้วย "ความรัก"
แม้ว่ามันหมายถึงการ แยก-พราก คู่รัก ก็ตาม
แล้วใครคือ "ผู้หญิง" ในความหมายของพอลลีน ?
อย่างไรคือ "ผู้หญิง" ในความหมายของคนเป็นแม่ ?
มิเลวา มาริตซ์ ต้องซัดเซจากบ้านมา เพราะความเป็น "ผู้หญิง"
แต่เมื่อมาถึงที่นี่ ผู้หญิงบางคนกลับบอกว่า เธอไม่ใช่ "ผู้หญิง"
ว่ากันว่า ในเช้าวันหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิของปีความรักผลิบาน พ.ศ.2446 ขณะที่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กำลังจะออกไปเดินเล่นและครุ่นคิดอะไรต่างๆ ตามนิสัยเคยชินของเขา ไอน์สไตน์พบว่าบนโต๊ะอาหาร มีกระดาษแผ่นหนึ่ง มีตัวอักษรเพียงบรรทัดเดียวว่า
E = MC2
เขาตะลึงงันราวถูกสาป
E = MC2
อะไรบางอย่างสว่างวาบเข้าไปในหัว
อะไรบางอย่างนั้น วาบด้วยความเร็วเท่ากับความเร็วแสง
E = MC2
ไอน์สไตน์งงและสงสัยมากว่าใครเป็นคนเขียน
ยิ่งกว่านั้น
มันหมายถึงอะไร ?
การเดินเล่นในเช้าวันนั้นใช้เวลานานกว่าปกติ และกิ่งไม้ที่ขีดเขี่ยพื้นก็ถูกใช้ไปมากกว่าทุกวันด้วย ความปราดเปรื่องของไอน์สไตน์ทำให้เขาสามารถคลี่ปมเปลาะแล้วเปลาะเล่า ไอน์สไตน์คิดว่าเขากำลังจับต้องอะไรบางอย่าง ซึ่งอาจหมายถึงทฤษฎีที่จะผันเปลี่ยนโลกในอนาคตก็เป็นได้ หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น และรีบวิ่งเข้าบ้าน เพื่อพบว่าพอลลีนคุณแม่ของเขารออยู่แล้ว
...พร้อมกับกระดาษแผ่นนั้น
"ผมรู้แล้ว" อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ พูดเสียงดัง "ผมคิดว่าผมรู้ความหมายของมัน"
ความจริงเขายังไม่รู้ จนอีก 2 ปี และ 11 ปีต่อมา
มารดาของเขานัยน์ตาเป็นประกาย
"ดีจ้ะ"
"แม่เขียนสมการนี้หรือครับ ?"
พอลลีนนิ่งไปครู่หนึ่ง
"ก็ไม่เชิงหรอกจ้ะ
" เธอพูดในที่สุด "ใจแม่ลอย มือก็เลยตวัดไปเรื่อยเปื่อย"
"มันหมายถึงอะไรครับ ? E นี่คือ energy พลังงาน ใช่ไหมครับ ? ผมพยายามทำความเข้าใจว่าแม่กำลังจะบอกโลกนี้ว่าอย่างไร ?"
เขาพูดอีกยืดยาว เกือบทุกคำ ทุกสัญลักษณ์ที่เขากล่าว ไม่ว่าจะเป็นมวล หรือความเร็ว หรืออะไรก็ตาม พอลลีนรับฟังอย่างดียิ่ง เธอรู้ว่าบุตรชายเป็นอัจฉริยะ ถ้าวันนี้ยังไม่เป็น วันหน้าเขาก็จะต้องเป็น เธอรอกระทั่งบุตรชายกล่าวจบ จึงบอกกับเขาอย่างอ่อนโยนว่า
ในความหมายของเธอ
E คือ Einstein (ไอน์สไตน์)
M คือ Marry (แต่งงาน)
!!!
อัลเบิร์ตฟังคำตอบแล้วแทบจะกลืนน้ำลาย แต่ยังแข็งใจถาม
"ถ้าอย่างนั้นตัว C นี่ล่ะครับ หมายถึงอะไร ? ทำไมแม่ต้องยกกำลังสองมันด้วย"
พอลลีนพรายยิ้ม
"ตรงที่ต้องเน้นย้ำนี่ล่ะจ้ะมีแต่ผู้หญิงเราเท่านั้นที่รู้ มันเทียบเท่าความลับของจักรวาลเชียวล่ะ"
เธอกระซิบแนบหูของเขา
C2 คือ Cookies & Crochet (คุกกี้ และ โครเชต์)
"ก็อย่างที่แม่เคยบอกแหละจ้ะ
ลูกอั๋น ผู้ชายน่ะ ควรแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นผู้หญิง"
ข้อความทั้งหมดนี้ มีคนเล่าให้ผมฟังอีกทีหนึ่ง จริงเท็จอย่างไรจึงไม่กล้ายืนยัน แต่ว่าไปแล้ว วันนี้ ผมก็สวมเสื้อโครเชต์ฝีมือใครบางคนอยู่เหมือนกัน
และไหนๆ ก็ว่ากันแล้ว เลยว่ากันอีกหน่อย ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอสไตน์ ต้องใช้เวลาถึง 40 ปีในการพิสูจน์ให้เห็นในสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะที่ทฤษฎีสัมพันธภาพของแม่ไอสไตน์ ใช้เวลาพิสูจน์เพียง 11 ปี นับจากวันแต่งงานของลูกชาย //www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=0427020948&srcday=2005/09/02&search=no
จากคุณ : OnceInTheBlueMoon - [ 3 ก.ย. 48 00:22:04 ]
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 1
แบบนี้ต้องไปหัดทำคุ้กกี้กับถักโครเชต์บ้างซะแล้ว เพื่อจะมีหนุ่มๆมาสน 55555555
ว่าแต่คุณนายพอลลีนเนี่ยสมกับเป็นแม่ของอัจฉริยะจริงๆ คิดทฤษฎีนี้ได้อย่างแยบยล หุ...หุ...
จากคุณ : ฤทธิรัตน์ - [ 3 ก.ย. 48 10:52:14 ]
ความคิดเห็นที่ 2
ขำขำ
ผู้หญิงมักอยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จของผู้ชาย ...
MicroSoft วันนี้ใครๆก็ยังคิดว่า เป็น บิล แกตต์ ที่ตั้งชื่อนี้ ...
....
Micro = เล็กๆ
Soft = ไม่แข็ง ...
ถ้าไม่ใช่ ภรรยา บิล แกตต์ หรือ อย่างน้อย ก็ต้อง กิ๊ก ล่ะน่านิ๊
ที่เป็นคนตั้งชื่อ MicroSoft ว่าม๊ะ ...
จากคุณ : ว่าที่ ดีอาร์ - [ 3 ก.ย. 48 15:00:09 ]
ความคิดเห็นที่ 3
จากคุณ : OnceInTheBlueMoon - [ 3 ก.ย. 48 22:39:05 ]
ความคิดเห็นที่ 4
5555555555 อ่านมาจนจบ มาถึงความเห็นคุณดีอาร์
ไมโครซอลฟ์ กร้ากกกกกกกกกก
ว่าแต่ แม่กับพ่อของขงเบ้งตายไปนานแล้วคะ แต่พ่อตาขงเบ้งนี่สิ แง่ง ๆ ๆ ไม่อยากให้ขงเบ้งแต่งกะลูกสาว... 555 กลัวหลอกลูกเค้าไปใช้งานมั้ง (น่าจะจริง)
จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 4 ก.ย. 48 22:29:06 ]
Create Date : 05 กันยายน 2548 |
Last Update : 5 กันยายน 2548 10:10:16 น. |
|
5 comments
|
Counter : 1226 Pageviews. |
|
|
|
โดย: blueberry_p วันที่: 5 กันยายน 2548 เวลา:18:44:13 น. |
|
|
|
โดย: uce IP: 58.8.222.101 วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:22:16:36 น. |
|
|
|
โดย: หมู IP: 172.16.215.39, 192.168.89.5, 118.175.4.11 วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:31:56 น. |
|
|
|
โดย: jorj IP: 161.246.25.222, 161.246.254.166 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:3:32:36 น. |
|
|
|
โดย: po IP: 180.183.168.171 วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:10:35:29 น. |
|
|
|
| |
|
|