หากจะรัก...ก็ช่างมันเถอะ(บท 3/2)
| สายน้ำเดินมาหยุดยืนในบริเวณหลังบ้านอย่างตื่นตาตื่นใจ ด้วยสิ่งที่อยู่ถัดจากทุ่งหญ้าเขียวขจีเบื้องหน้า ซึ่งเธอเคยเห็นในชนบทฝรั่งเศสที่ชาวเกษตรปลูกไว้สำหรับเลี้ยงสัตว์นั้น คือ แปลงผักนับสิบเรียงเป็นแนว แต่สายน้ำไม่รู้ว่าผักอะไรบ้าง เพราะไกลเกินกว่าจะเห็น เธอรีบตากชุดชั้นในแล้วหันมาตะโกนบอกกอบกาญจน์ว่า
ย่าคะ เดี๋ยวน้ำมานะคะ ขอไปดูแปลงผักหลังบ้านหน่อย
กอบกาญจน์ชะโงกมาจากหน้าต่าง ถามว่า ไม่กินข้าวเช้าก่อนหรือ
ไม่ค่ะ น้ำยังไม่หิว เดี๋ยวน้ำมาค่ะ
ไม่เอาหมวกไปด้วยหรือ เดี๋ยวสายๆ แดดจะจัดนะลูก
ไม่เป็นไรค่ะย่า น้ำไปเดี๋ยวเดียวก็กลับค่ะ เธอยังคงตะโกนตอบ
งั้นก็ตามใจลูก เดินดีๆ ล่ะลูก ตกท้องร่องจะแย่
สบายมากค่ะ สายน้ำตอบแล้วเดินไปบนทุ่งหญ้าเขียวขจีด้วยอารมณ์เบิกบาน จุดหมายปลายทางของเธอคือ แปลงเกษตรที่เห็นไกลลิบๆ เธอไม่เคยรู้เลยว่าในชนบทของประเทศไทย จะยังคงมีความเขียวขจีไม่ต่างจากชนบทของเมืองนอก
เมื่อเดินไปถึงแปลงเกษตร เด็กสาวจึงเห็นว่าเหนือแปลงเหล่านั้น มีไม้ไผ่ซี่เล็กๆ ปักไขว้เป็นรูปกระโจมตลอดแนว ในเวลานั้นสายน้ำไม่รู้ว่ามันคือ ค้าง ผักที่เห็นเบื้องหน้าเธอรู้จักแค่บวบ และถั่วฝักยาว นอกเหนือจากนั้นก็ไม่รู้จักอีก ถัดจากแปลงผักซึ่งเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ มีเด็กหญิงและเด็กชายสามสี่คนกำลังนั่งยองๆ หาอะไรบางอย่างอยู่เหนือตลิ่ง
ทำอะไรกันอยู่เอ่ย สายน้ำเข้าไปทักทายอย่างมีอัธยาศัยที่ดี
กำลังหาไส้เดือนครับ เด็กชายที่ถือจอบค้าง ตอบด้วยภาษากลางสำเนียงเหนือ เขาปล่อยให้เพื่อนคุ้ยดินด้วยกิ่งไม้เล็กๆ ก่อนจะหยิบหยิบไส้เดือนขึ้นมาใส่กระป๋อง
เอาไปทำอะไรน่ะ สายน้ำถามอย่างนึกสนุก ก่อนนั่งยองๆ ดูกลุ่มเด็กๆ ทำกิจกรรมที่แปลกตานั้น เธอทิ้งระยะห่างมาไกลพอสมควร ด้วยยังรู้สึกหวาดๆ กึ่งขยะแขยงสัตว์เลื้อยคลานตัวยาวๆ ดำมะเหลื่อมๆ นั้น
ตกปลาครับ พี่เป็นสาวกรุงที่เพิ่งมาถึงเมื่อวานใช่ไหมครับ
ใช่จ๊ะ รู้ด้วยหรือ
ข่าวพี่ดังออกครับ มีแต่คนพูดว่าพี่ปะทะกับอาเพลิง คิดว่าเป็นหมีป่า เลยตะโกนเรียกให้คนช่วยลั่นป่า เด็กชายคนเดิมตอบ ก่อนยิ้มกว้างที่ส่งไปถึงดวงตา แลดูเป็นมิตร
โห ข่าวลือแพร่ไปไกลจริงๆ พวกหนูคงเป็นลูกของคนงานในไร่นี้ใช่ไหม สายน้ำพยายามเปลี่ยนเรื่องให้พ้นตัว แต่ไม่สำเร็จเมื่อเด็กหญิงอีกคนช่วยเสริมว่า
ใช่ค่ะ พวกหนูอยู่ในไร่นี่แหละค่ะ มีข่าวว่านายเพลิงหน้าแตกยับด้วยค่ะ เพราะถูกพี่สาวชาวกรุงข่วน
พี่สาวชาวกรุง ยิ้มเจื่อนๆ ก่อนว่า ข่าวแพร่สะพัดไปไกลดีเนอะ ว่าแต่เราเล่นกันน่าสนุก ขอให้พี่เล่นด้วยคนได้มั้ย
ได้ค่ะ แต่พี่กล้าจับไส้เดือนเกี่ยวเบ็ดไหมคะ แม่หนูน้อยถามต่อ
สายน้ำส่ายหน้าโดยพลัน พี่ไม่กล้าจับหรอก กลัวมันเจ็บ แล้วก็น่าขยะแขยงด้วย
แม่หนูน้อยซึ่งหน้าตามอมแมม เอียงคอมอง พลางว่า ถ้าพี่ชาวกรุงไม่กล้า คงเป็นนักตกปลาที่ดีไม่ได้
สาวชาวกรุงฟังแล้วหัวเราะ ใครบอกว่าพี่จะเป็นนักตกปลาล่ะ พี่จะเป็นครูสอนหนังสือต่างหาก ใครสนใจจะเรียนหนังสือกับพี่บ้าง ถามพลางกวาดตามองรอบวง
ทุกคนยกมือพลางบอกว่า แล้วคนที่ตัวใหญ่สุดพูดว่า แต่พี่ชาวกรุงจะสอนที่ไหนครับ ที่ไร่แห่งนี้ไม่มีโรงเรียน
ที่ไหนก็สอนได้ทั้งนั้นแหละจ๊ะ ขอแต่มีอาคารบังแดดบังฝน
งั้นคงต้องให้นายเพลิงสร้างอาคารให้ใหม่ เพราะแถวนี้ไม่มีเลยครับ
สายน้ำชะงัก รู้สึกประหลาดใจอีกครา ที่ชื่อของเพลิงดูจะหลุดจากปากของทั้งผู้ใหญ่และลูกเล็กเด็กแดงอย่างง่ายดาย เธอตอบว่า งั้นค่อยบอกเขาละกัน เรามาว่าเรื่องของเราต่อดีกว่า ไหนตกปลาทำยังไงคะ
แล้วจากนั้นสาวนักเรียนนอกก็สนุกสนานกับการเรียนรู้วิธีตกปลาจนลืมเลือนเวลาไปเสียสิ้น...
ภาพที่สายน้ำกำลังนั่งตกปลาริมตลิ่งกับลูกหลานของคนงาน ทำให้คนที่กำลังยืนมองส่ายหน้า
คนที่แม่นายกำลังห่วงนักห่วงหนาว่าอาจจะเหงา กำลังเล่นเป็นเด็กๆ อย่างไม่รู้สึกหิวข้าวหิวปลา... เพลิงซึ่งถูกกอบกาญจน์ใช้ให้มาตามไปกินข้าว มองภาพตรงหน้าพลางส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าต่ออีกระยะแล้วทำท่าจะหันหลังกลับ แล้วจังหวะที่ที่เด็กสาวยกเท้าข้างหนึ่งเหนือน้ำริมตลิ่งในจังหวะที่แสดงอาการดีใจว่าลูกคนงานตกปลาได้ ก็ทำให้เพลิงชะงัก
น้ำ เพลิงตัดสินใจเรียกขึ้น ด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
สายน้ำหันหลังกลับมามอง เกิดอาการเซเมื่อทรงตัวไม่ได้ เธอร้องเสียงหลง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เพลงรีบถลาเข้าไปยื้อแขนเด็กสาวช่วยพยุง
เป็นไงบ้าง คราวหน้าคราวหลังระวังหน่อยสิ
ก็คุณทำให้ฉันตกใจ
ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจเพราะเห็นปลิงเกาะเท้าเธอน่ะเลยรีบเรียก
อะไรคือปลิง
ก็เจ้าตัวสีดำๆ ยืดๆ หดๆ ที่ดูดเลือดคนไง ตอนนี้มันเกาะอยู่ที่เท้าเธอ
สายน้ำกรี๊ดยาว เธอรีบวิ่งขึ้นมาจากตลิ่ง พลันที่ก้มเห็นตัวรีๆ สีดำกำลังเกาะอยู่ที่ตาตุ่ม ก็กระโดดเหย็งพลางร้องบอกซ้ำๆ กลับไปกลับมาว่า ช่วยเอามันออกไปที ท่ามกลางเสียงหัวเราะขำของพวกเด็กๆ
เพลิงเดินขึ้นจากตลิ่ง พลางว่า ดึงออกมาไม่ได้หรอก แผลจะฉีกขาดทำให้เลือดไหลไม่หยุด
งั้นจะทำยังไง สายน้ำถาม ใบหน้าซีดขาว
ต้องทำให้มันหลุดเอง ผู้จัดการหนุ่มตอบแล้วหันไปทางเด็กๆ ใครสักคนช่วยวิ่งไปขอเกลือกับกะละมังจากแม่นายหน่อย
เอาแค่ไหนคะนาย แม่หนูน้อยคนเดิมถามขึ้น
สักสามช้อนโต๊ะก็พอ
แม่หนูน้อยวิ่งจู๊ดไปนแล้ว เพลิงจึงละสายตากลับมามอง แม่ตัวยุ่ง ซึ่งบัดนี้ยังคงกระโดดเหย็งๆ พร้อมแหงนหน้าสูงอย่างไม่กล้ามองปลิง เจ้าของฉายา หมีป่า ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนว่า
ทนอีกหน่อย เดี๋ยวก็หลุดแล้วปกติถ้ามียาเส้น ก็ไม่ต้องวิ่งไปเอาเกลือที่บ้าน
สายน้ำดูเหมือนไม่ได้ยินคำปลอบโยนนั้น เธอกล่าวว่า มันกัดตอนไหน ไม่รู้สึกตัวเลย มันน่าขยะแขยงมาก ตัวดำๆ ยี้
เธอไม่รู้สึกหรอกเพราะตอนมันกัด จะปล่อยสารที่มีฤทธิ์คล้ายยาชาทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ แล้วยังจะปล่อยสารที่ต้านการแข็งตัวของเลือดด้วย
ยี้ สายน้ำทำหน้าขยะแขยงอีกเท่าตัว ช่วยเอามันออกไปเร็วๆ เถอะ
ไม่ได้หรอก อย่างที่บอกถ้าดึงออกแผลจะฉีกขาด ทำให้เลือดไหลไม่หยุด
นะนายหมีป่า ฉะฉันไม่ไหวแล้ว สายน้ำพูดแล้วก็ตัวโอนเอน ก่อนจะหมดสติตามมา ดีที่เพลิงกระโจนเข้าไปรับร่างของเด็กสาวไว้ได้ทัน
อะไร ตัวก็โตแต่ใจเสาะยังกับปลาซิว เพลิงเปรยแล้วช้อนใต้ข้อพับเข่าของเด็กสาว พาอุ้มไปที่ใต้พุ่มไม้ โดยมีเด็กๆ เดินตามไม่ห่าง ราวกับลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ด เขาวางเด็กสาวนอนบนหน้าขาข้างหนึ่ง ก่อนจะหยิบหมวกบนศีรษะมากระพือลมให้เด็กสาว ไม่นานต่อมาแม่หนูน้อยก็วิ่งกลับมาพร้อมถุงเกลือและกะละมัง เพลิงบอกให้เด็กชายคนหนึ่งเอากะละมังไปรับน้ำจากแอ่ง
พี่ชาวกรุงเป็นอะไรคะ แม่หนูน้อยถามขึ้น
เป็นลมเพราะกลัวปลิง
แม่หนูน้อยตาโต หนูก็กลัว แต่หนูไม่เป็นลม
เพลิงยิ้มอย่างอดไม่ได้ หนูเก่ง แต่พี่ชาวกรุงของหนูไม่เก่ง
แม่หนูน้อยเอียงคอราวกับผู้ใหญ่ ก่อนว่า หนูว่าพี่ชาวกรุงเก่งค่ะ เธอจะมาเป็นครูสอนหนังสือให้พวกหนู
นัยน์ตาของผู้จัดการหนุ่มสว่างวาบ ก่อนกล่าวช้าๆ อย่างใช้ความคิดว่า พี่ชาวกรุงบอกอย่างนั้นเหรอ ถามแล้วละสายตากลับมามองใบหน้าสวยแอร่มที่บัดนี้แก้มนวลเป็นสีชมพูระเรื่อจากไอแดด แววตาคมกริบปรากฏรอยครุ่นคิดเมื่อพยายามใคร่ครวญว่าเด็กสาวมาหากอบกาญจน์ด้วยวัตถุประสงค์อะไร เขาพยายามขบคิดเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้คำตอบ
เด็กชายเดินประคองกะละมังมาส่งให้เพลิง เขาเทน้ำทิ้งไปเกือบครึ่งแล้วเทเกลือไปหมดทั้งถุง ก่อนจะจับเท้าของสายน้ำจุ่มลงไปในกะละมัง ครู่หนึ่งต่อมาปลิงก็ค่อยๆ หดตัวก่อนจะหลุดจากตาตุ่มของเด็กสาว
มันหลุดไปหรือยัง เด็กสาวชาวกรุงถามขึ้นเป็นประโยคแรก พลางยันตัวลุกนั่งในทันทีที่ได้สติ
หลุดแล้ว แต่เธอต้องกลับไปล้างแผลฆ่าเชื้อที่บ้าน
สายน้ำอุบอิบขอบคุณเขาโดยที่ไม่ยอมสบตาด้วย ดูเหมือนตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อคืน เธอก็ไม่กล้ามองเขาเต็มตาอีกเลย เพลิงขยับลุก ทำราวกับไม่เห็นปฏิกิริยาผิดปกตินั้น
เลือดยังไหลไม่หยุด สายน้ำพึมพำกับตัวเอง พลางเช็ดเลือดด้วยฝ่ามือวุ่นวาย
ก็บอกแล้วต้องกลับไปทำแผลที่บ้าน สารที่ปลิงปล่อยออกมามันทำให้เลือดไม่แข็งตัว เพลิงบอกพลางลดตัวลงคุกเข่า ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดเลือดที่ตาตุ่มให้เด็กสาว
กิริยานั้นทำให้สายน้ำชะงัก เธอมองตามอย่างคาดไม่ถึง นับตั้งแต่เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือด จวบจนพันรอบข้อเท้า และผุดลุกยืนแล้ว เธอก็ยังคงมองตาม
เพลิงลดสายตาเพื่อสบตาเด็กสาว แต่อีกฝ่ายรีบเมินหลบด้วยการเสมองไปทางอื่น เขาขมวดคิ้วมุ่น
สายน้ำอุบอิบตอบว่า ขอบคุณค่ะ แต่วันหลังคุณไม่ต้องทำอย่างนี้หรอก คุณทำให้ผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือด นำกลับมาใช้อีกไม่ได้แล้ว
คุณจะปล่อยให้ปลิงดูดทุกวันเลยหรือไง
อะไรนะ? สายน้ำหันมาตวัดตาค้อนเขา แววตาแฝงรอยคำถาม
เพลิงจ้องหน้าเด็กสาว พลางตอบว่า ฉันหมายความว่าถ้าเธอไม่ปล่อยให้ปลิงดูดอีก ก็ไม่ต้องห่วง รับรองไม่มีผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดอีกแน่
สายน้ำมองเขาอย่างไม่เข้าใจ แต่เมื่อไม่มีคำตอบที่ขยายความมากกว่านั้น เธอจึงตอบประชดว่า ขอบคุณ
เพลิงคลี่ยิ้มมุมปาก แต่บางเกินกว่าอีกฝ่ายจะเห็น เขาหยิบหมวกขึ้นมาสวม ก่อนว่า ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน ขอบใจหนูๆ ทั้งหลาย ประโยคหลังเขาหันไปกล่าวกับเด็กๆ ที่ล้อมรอบอยู่
สายน้ำรีบกล่าวขอบใจเด็กๆ ตามเขา ก่อนจะหันมาท้วงคนตัวโต คุณจะไปส่งฉันยังไง ถามพลางเหลียวมองรอบตัว แต่เธอไม่เห็นรถสักคัน
ก็นั่นไง เจ้าสีหมอก เพลิงตอบพลางชี้ไปทางม้าหนุ่มที่ยืนเล็มหญ้าอยู่กลางทุ่ง
อะไรนะ ฉันไม่ขี่มันไปเด็ดขาด ฉันขี่ไม่เป็นและยังไม่อยากถูกสลัดตกหลังม้าด้วย สายน้ำโวยวาย
ใครบอกว่าจะให้เธอขี่กัน ฉันจะให้เธอซ้อนหลังฉัน
เด็กสาวชาวกรุงมองคนพูดตาค้าง เธอหลุดเสียงอุทาน หากแทบไม่พ้นลำคอ...อะไรนะ นายจะบ้าแล้วเหรอนายหมีป่า?
| |
|