Group Blog
หากจะรัก...ก็ช่างมันเถอะ(บท 4/1)
loaocat
loaocat


สายน้ำไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่เลือกจะเจ้ายศเจ้าอย่าง ผิดเวลา...

ตอนแรกเพลิงให้เธอซ้อนหลังเขาบนหลังม้า แต่เพราะอยากเอาชนะเขา เธอจึงตั้งแง่ว่า ขอซ้อนด้านหน้าเท่านั้นเธอถึงจะยอมขี่ม้าตัวเดียวกับเขา เพลิงยอม… และนั่นทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในขณะนี้ เพราะนอกจากแผ่นหลังของเธอต้องแนบไปกับแผงอกกว้างชนิดที่รู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ของเขาตามแรงเขยกของม้าแล้ว มือทั้งสองข้างก็ยังสอดมาอยู่ใต้ซอกแขน ซึ่งแน่นอนว่าต่อให้เธอขยับหนีหรือเกร็งตัวออกห่างอย่างไร ต้นแขนแกร่งก็ยังตามมาเบียดและเสียดสีกับสีข้างของเธออยู่ดี แถมบางคราว...ไม่สิ ทุกคราวที่ม้าเขยกเลยต่างหาก มือที่จับบังเหียนอยู่ เป็นต้องเสียดสีหน้าอกเธอ ไม่ต่างจากต้นขาแกร่ง ที่ตลอดเวลาเสียดสีไปมากับต้นขาของเธอ สายน้ำทำอะไรไม่ถูก หรือพูดให้ถูกกว่านั้นคือ เธอทำอะไรไม่ได้เพราะพื้นที่บนหลังม้าจำกัด นอกจากต้องเกาะต้นแขนเขาแน่นเพื่อยึดเป็นหลัก เพราะแรงกระแทกจากหลังม้า ทำให้เธอแทบทรงตัวไม่อยู่ เกือบจะคะมำตกจากหลังม้าหลายครั้ง

สาวน้อยวัย ๑๗ หน้าแดงก่ำตลอดเวลาที่อยู่บนหลังสีหมอก... เธอไม่รู้ว่าเขาแกล้งหรืออย่างไรถึงได้ขยับวงแขนให้แน่นอีก ยิ่งเธอเกร็งพลางขยับตัวถอยหนี เขาก็ยิ่งตามมาบดเบียดแผ่นหลังราวกับจะแกล้ง หรือว่าเขาต้องการเอาคืนจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่เธอแกล้งปล่อยให้เขายืนตากน้ำค้างราวีกับยุงอยู่หน้าบ้าน? สายน้ำนึกพลางขมวดคิ้วมุ่น แล้วภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ฉายชัดในความทรงจำอีกคราซึ่งทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วสรรพางค์ แล้วทำให้นึกแช่งชักหักกระดูกเขาอีกครั้ง ที่ทำให้เธอเสียรู้

“คุณถอยห่างจากฉันกว่านี้หน่อยได้มั้ย?” น้ำเสียงแข็งกระด้างไม่ต่างจากมะนาวไม่มีน้ำ

“เธอว่าอะไรนะ?” เพลิงแกล้งก้มศีรษะจนปลายจมูกเฉียดแก้มนวลหอมกรุ่น

สายน้ำเกร็งตัวมากขึ้นจนเหลือตัวนิดเดียว...อย่างน้อยก็ในความรู้สึกของตัวเอง เด็กสาวเลือกที่จะปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำเขา

“นั่งแข็งทื่ออย่างนั้น ระวังเมื่อยนะ”

“คุณก็ขยับออกไปอีกหน่อยสิ”

“เธอว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้ยิน”

เธอนิ่วหน้าเมื่อเขาลดศีรษะลงมาถามข้างหู พลางตะโกนแข่งกับแรงลม สายน้ำขมวดคิ้วมุ่นหนักขึ้น พูดเสียงเข้มว่า “เรื่องของฉันน่า”

“เธอว่าอะไร ฉันไม่ได้ยิน”

สายน้ำใจกระตุกวูบเมื่อคราวนี้เขาไม่ได้แค่ก้มลงมากระซิบข้างหู หากแต่แกล้งเฉียดข้างแก้มเธอด้วยแก้มของเขา เด็กสาวขนลุกซู่ ร้ายยิ่งกว่านั้นเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจหอมกรุ่นของคนที่กำลังก้มศีรษะลงมา แล้วเนื้อตัวของเธอก็พานร้อนวูบวาบอย่างที่ไม่อาจสะกดห้ามได้...

เพลิงมองตรงไปยังทางเบื้องหน้า ระดับความสูงของศีรษะเด็กสาวอยู่แค่ปลายคางเขา จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการมองเส้นทาง และร้ายยิ่งกว่านั้น เขาสามารถจับรายละเอียดได้หมดว่าบัดนี้เด็กสาวกำลังเนื้อตัวขนลุกชัน เขาสามารถรู้สึกได้จากต้นแขนที่กำลังเบียดเสียดสีกัน ด้วยว่าเธอพับแขนเสื้อครึ่งแขน เนื่องจากอากาศร้อน

เสียงตะโกนของสายน้ำดังขึ้น ทำลายภวังค์ของคนที่อยู่ด้านหลัง “ฉันบอกว่าช่วยถอยออกไปไง”

“ถอยห่าง เดี๋ยวเธอก็ตกลงไปนอนเอ้งเม้งหรอก ความจริงเธอควรจะขยับมาเบียดฉันให้มากขึ้นด้วยซ้ำ” เพลิงโต้

สายน้ำหน้าแดงก่ำ “ไม่ล่ะ เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”

“ใครบอก ฉันจะพาเธอไปเที่ยวไร่ต่างหาก แม่นายให้ฉันมารับเธอพาเที่ยวไปชมไร่ ไม่สังเกตเหรอนี่ไม่ใช่ทางกลับบ้าน”

“อะไรนะ? ก็ไหนนายว่าจะไปส่งฉันที่บ้านเพื่อทำแผล” สายน้ำหันขวับมาทวงสัญญาโดยพลัน เสี้ยววินาทีเธอก็นึกรู้ทันทีว่าตัวเองคิดผิดที่เหลียวขวับมาด้วยทำให้ใบหน้าเธอปะทะเข้ากับแผงอกกว้างอย่างจัง จนรู้สึกได้ถึงแน่นเนื้อเป็นมัด เด็กสาวหน้าแดงก่ำ รีบหันกลับไปมองทางโดยเร็ว มือกำต้นแขนแมนแน่นขึ้น ความรู้สึกบอกเธอว่าเพลิงเพิ่มจังหวะควบม้าเร็วขึ้น

นั่นสิ...เธอก็นึกเอะใจแล้วว่าทำไมขากลับ ทางถึงได้ไกลกว่าตอนเดินมามากนัก ตอนแรกเธอก็หลงนึกว่าเขาจะหาทางอ้อมกลับบ้าน ด้วยเส้นทางม้าวิ่งกับเส้นทางที่เธอเดินลัดเลาะมาอาจจะเป็นคนละเส้นทางกัน

เพลิงตอบหน้าตาเฉยว่า “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว จะพาไปทำแผลที่ปาง” เขาแกล้งโกหกเด็กสาว ความจริงตั้งใจแค่พาอ้อมไปดูไร่แล้วพาย้อนกลับไปทานข้าวและทำแผลที่บ้าน เพลิงไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมทำแบบนั้น

“ฉันควรจะรีบล้างแผลไม่ใช่หรือ”

“จุ๊ๆ แผลแค่นี้ไกลหัวใจน่า อีกอย่างปางก็อยู่ไม่ไกลจากนี้นัก ควบม้าแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว มองวิวข้างทางบ้างเถอะ เธอกำลังพลาดธรรมชาติป่าเขาที่สดชื่น แถมด้วยอากาศบริสุทธิ์นะ”

คนถูกกล่อมนิ่วหน้ามากขึ้น “แต่ฉันอยากกลับบ้านมากกว่า ฉันยังไม่ได้กินข้าว”

“เธอนี่งอแงจะกินข้าวยังกะเด็ก ๗ ขวบ เดี๋ยวค่อยกลับมากิน หรือถ้าทนหิวไม่ไหว ในไร่ก็มีโรงครัว เดี๋ยวเราแวะกินก่อนก็ได้”

“ไม่นะ ฉันอยากทำแผลก่อน อีกอย่างฉันไม่ใช่เด็กๆ ๖-๗ ขวบที่ต้องร้องโยเยจะกินข้าว”

“ถ้าอยากทำแผลก่อน งั้นเลยไปทำแผลที่ปาง จากนั้นค่อยกลับมากินข้าวที่โรงครัว แล้วค่อยไปดูไร่”

“อะไรคือโรงครัว”

“ที่ที่คนงานกินข้าวร่วมกัน”

เด็กสาวชาวกรุงโวยวายทันที “ไม่นะ...ฉันไม่กินข้าวที่นั่นเด็ดขาด ฉันไม่ถนัดกินร่วมกับคนอื่น”

“งั้นเธอจะเอาไง” ก้มหน้าถาม น้ำเสียงชวนหาเรื่อง

“กลับไปกินข้าวที่บ้านย่า”

“ฉันไม่ขี่สีหมอกย้อนกลับไปเด็ดขาด ทางไม่ใช่ใกล้ๆ” เขาแกล้งพูด ความจริงหากหันหัวสีหมอกกลับในตอนนี้ ยังทัน

“ฉันก็จะไม่กินข้าวกับคนงานเด็ดขาด”

“ตกลง งั้นไปหาอะไรกินกันที่ปางฉัน”

สายน้ำย่นหัวคิ้วหนักขึ้น “งั้นดูไร่แล้วค่อยกลับไปกินข้าวที่บ้านก็ได้”




ธรรมชาติสองข้างทางที่ม้าวิ่งเหยาะๆ ผ่านไปนั้น เป็นทุ่งหญ้าก่อนจะเข้าสู่สวนไม้ยืนต้น เพลิงบอกเด็กสาวว่าเป็นสวนยางที่มีการทำเส้นทางไว้ให้คนงานขี่ม้าใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ไกลออกไปเธอเห็นต้นไม้ที่มีผลไม้ออกลูกดกจนตกเรี่ยราดอยู่โคนต้น เพลิงบอกว่าเป็นเงาะสลับกับส้ม ซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้เสริมจากการกรีดยางได้

“ปัจจุบัน เกษตรกรไม่ได้ปลูกพืชเชิงเดี่ยว แต่พยายามคิดหาวิธีทำสวนเกษตรผสมผสานแบบอย่างยั่งยืน หรือที่เรียกว่าเกษตรผสมผสานตามแนวทฤษฎีใหม่ ‘เศรษฐกิจพอเพียง’ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ ความพยายามทำการเกษตรที่ไม่ฝืนธรรมชาติ แต่เลียนแบบธรรมชาติให้มากที่สุด ภายในสวนเกษตร จึงมีทั้งพืชที่ใช้กิน ขาย หรือนำไปใช้งานได้ มีแหล่งเก็บน้ำ มีสัตว์เลี้ยงเพื่อคอยกำจัดวัชพืช ทั้งยังได้เนื้อเป็นอาหารและสามารถนำมูลสัตว์มทำเป็นปุ๋ยได้อีกด้วย” เพลิงอธิบาย

“อะไรคือพืชเชิงเดี่ยว” เธอหันไปตะโกนถาม แข่งกับสายลมที่ปะทะผิวหน้า

เพลิงตอบโดยไม่ลดสายตามามอง ตายังคงจ้องทางเล็กๆ เบื้องหน้า “พืชเชิงเดี่ยว คือ การปลูกพืชชนิดเดียวกันเต็มพื้นที่ เช่น ปลูกข้าวอย่างเดียว ยางพาราอย่างเดียว”

“แล้วปลูกพืชหลายชนิด ไม่แย่งอาหารกันเหรอ”

“ต้องปลูกพืชต่างวงศ์ <1>กัน จะได้ต้องการอาหารและแร่ธาตุไม่ตรงกัน หรือไม่บางทีเกษตรกรก็จะปลูกดอกไม้แซมกันไปเพื่อช่วยป้องกันแมลง อย่างดอกทานตะวันหรือมะเรือง ก็ช่วยป้องกันได้ เกษตรกรที่ดีต้องศึกษาข้อมูลว่าต้นไม้อะไรที่ช่วยเกื้อหนุนพืชผักที่ตัวเองปลูก ก็หามาปลูกไว้ อย่างแคฝรั่ง ก็ช่วยได้ เป็นทั้งต้นไม้ใหญ่ ให้แร่ธาตุแก่ดิน และยังช่วยบำรุงผักด้วย ในไร่ข้าวโพดของเกษตรกรในต่างประเทศ อย่างชาวอินเดียนแดง เขาถึงนิยมปลูกต้นไม้ใหญ่ เพราะทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น ๒ เท่า เพราะฉะนั้นต้นไม้ใหญ่จึงเป็นสิ่งจำเป็น พวกไม้ตระกูลอะคาเซีย อย่างกระถินณรงค์ ก็เหมือนกัน ให้ปุ๋ยแก่ดินมาก เพราะจะไม่ทิ้งใบในฤดูแล้ง จะเขียวอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยให้ร่มเงา แต่ถ้าเวลาฝนตกหรือเมฆมากซึ่งเมฆจะบังแสงแดด ต้นก็จะทิ้งใบหมดเพื่อให้โคนมีโอกาสได้รับแสง เราจึงเห็นใบหล่นเป็นรูปวงรี ดังนั้นมันจึงช่วยให้ปุ๋ยแก่ดินได้มากทีเดียว”

สายน้ำอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเขาอย่างทึ่งจัด ด้วยเขาไม่ได้มีความรู้แค่พฤกษศาสตร์เท่านั้น แต่ยังรู้กว้างขวางทางด้านเกษตรด้วย เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวรู้สึกนิยมชมชอบในตัวชายหนุ่ม

“งั้นแสดงว่าในไร่นี้ มีดอกไม้และต้นไม้ใหญ่ที่ให้ดอกสวยงามมากมายสิ”

เพลิงลดสายตามองต่ำอย่างอดไม่ได้ รู้สึกประหลาดใจกับคำถามของเด็กสาว “ก็มีอยู่สมควร แต่เราไม่ได้ปลูกเพื่อความสวยงาม ฉะนั้นจะไม่มีเป็นทุ่งดอกไม้หรือแปลงดอกไม้หรอก มีอยู่แค่ประปรายและกระจัดกระจาย เพราะแซมตามพืชผัก”

“ฉันชอบดอกไม้ อยากไปถ่ายรูปกับดอกไม้” สายน้ำพูดไปอีกทาง ราวกับไม่ได้ยินคำตอบของเขา

เพลิงฟังแล้วก็ถอนหายใจ แววตาจุดขำขันระคนอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว... เด็กหนอเด็ก ให้อย่างไรผู้หญิงทุกคนก็มีความเป็นเด็กอยู่ในตัว

“ถ้ามีเวลาฉันจะพาไปละกัน” ที่สุดเพลิงก็ใจอ่อนจนได้

ผู้จัดการหนุ่มลัดเลาะไปตามไหล่เข่าซึ่งไม่ชันนัก เส้นทางเต็มไปด้วยป่า จนเธอได้กลิ่นดินและไม้ใบตามข้างทาง เพลิงบอกว่าไม่ไกลจากที่นี่ มีแอ่งสำหรับเลี้ยงปลา กุ้ง หอย และทำนา เธอประหลาดใจที่สวนเกษตรของกอบกาญจน์มีนาข้าวด้วย ทว่าฝ่ายนั้นบอกว่านอกจากมีนาข้าวแล้ว ยังมีนาข้าวเหนียว ไร่อ้อย และมันสำปะหลังด้วย

เธอถามเพลิงว่าทำไมในสวนเกษตรถึงมีแอ่งน้ำมากมาย เพราะนับแต่เพลิงควบม้าผ่าน เธอก็เห็นแอ่งน้ำไม่ต่ำกว่า ๒-๓ แอ่งแล้ว เขาบอกว่าเพราะเป็นการทำเกษตรผสมผสานตามทฤษฎีแนวใหม่ จึงต้องมีแอ่งน้ำในสัดส่วนที่เหมาะสม เธอถามว่าอะไรคือ เกษตรผสมผสานตามทฤษฎีแนวใหม่ เขาบอกว่า เป็นการทำเกษตรผสมผสานตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง

“อะไรคือ เกษตรผสมผสานตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง” สายน้ำถามต่อ ไม่รู้เลยว่าในสายตาของอีกฝ่าย เธอกลายเป็นเด็กจำไมไปแล้ว

“เกษตรผสมผสานตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง หรือ เกษตรทฤษฎีใหม่ คือ การทำการเกษตรที่พึ่งพาตนเอง โดยหลักการ คือ การทำไร่นาสวนผสมและการเกษตรผสมผสาน มีการปลูกพืชผักสวนครัว การทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกและใช้วัสดุเหลือใช้มาผลิตเป็นปุ๋ย เพื่อบำรุงดินและลดค่าใช้จ่ายในคราวเดียวกัน อย่างการเพาะเห็ดฟางจากวัสดุเหลือใช้ในไร่นา การปลูกไม้ผลหลังบ้าน และนำไม้มาใช้สอยในครัวเรือน การปลูกพืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ การเลี้ยงปลาในร่อง สวน ในนาข้าวและแหล่งน้ำ เพื่อเป็นอาหารและรายได้เสริม การเลี้ยงไก่พื้นเมืองและไก่ไข่ ประมาณ ๑๐-๑๕ ตัวต่อครัวเรือน เพื่อเป็นอาหารในครัวเรือน โดยใช้เศษอาหาร รำ และปลายข้าวจากผลผลิตการทำนา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากการปลูกพืชไร่ และการทำก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์ที่เลี้ยงไว้ รวมทั้งการประกอบอาชีพเสริม เช่น การจักสาน ถัก ทอ แปรรูปอาหารที่เหลือกิน ทั้งหมดเป็นหลักการของเกษตรผสมผสาน ซึ่งทั้งหมดนำมาสู่บทสรุปที่ว่า กิจกรรมทุกอย่างจะพึ่งพากันและกัน เช่น การเลี้ยงปลาในนาข้าว ผลผลิตจากข้าวเป็นอาหารปลา ในขณะที่ปลาจะกินแมลงศัตรูข้าว และมูลปลาเป็นปุ๋ยต้นข้าว หรือการปลูกผักกับการเลี้ยงไก่ ไก่กินเศษพืชผัก มูลไก่เป็นปุ๋ยสำหรับผัก หรือการใช้ทรัพยากรในไร่นา มูลสัตว์ทำเป็นปุ๋ยคอก เศษหญ้าใบไม้ทำปุ๋ยหมัก เศษพืชผักเป็นอาหารปลา ฟางข้าวใช้เพาะเห็ด”

“ว้าว...นายนี่เหมาะจะไปวิทยากรจริงๆ เลคเชอร์เก่งมาก”

“ปฏิบัติก็เก่งด้วยนะ ไม่ใช่แค่ทฤษฎี”

“ยี้ ขี้คุย”

เพลิงเงยหน้าหัวเราะ เป็นผลให้สายน้ำเบิ่งตาโต มองภาพเบื้องหน้าอย่างคาดไม่ถึง เธอรีบหันหลังกลับพร้อมด้วยจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่เป็นปกตินัก...

--


<1> วงศ์ : การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ หรือ การจำแนกชั้นทางชีววิทยา หมายถึงการจัดกลุ่มและหมวดหมู่สปีชีส์ของสิ่งมีชีวิต วงศ์ (อังกฤษ:Family) เป็นลำดับขั้นสูงที่เล็กที่สุด ส่วน สกุล (อังกฤษ:Genus) เป็นลำดับขั้นต่ำที่รองลงมาจากวงศ์ สิ่งมีชีวิตแต่ละวงศ์ ประกอบด้วยสมาชิกหนึ่งสกุลหรือมากกว่า (genera) สิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่อยู่ในสกุลเดียวกัน มักมีโครงสร้างทางกายภาพที่เหมือนกัน 2-3 ลักษณะ

loaocatloaocat



Create Date : 22 มกราคม 2555
Last Update : 3 เมษายน 2556 9:00:09 น.
Counter : 982 Pageviews.

9 comments
  
โดย: รุ้ง (บุฟเฟ่ต์จินตนาการ ) วันที่: 23 มกราคม 2555 เวลา:9:10:43 น.
  
สุขสันต์วันตรุษจีนค่ะคุณอุ๋ย
วันนี้นายหมีป่าให้ความรู้เยอะเลยค่ะ คู่รักต่างวัยเริ่มสปาร์คกันมากขึ้นเรื่อยๆ ละ
โดย: pantan IP: 58.11.182.39 วันที่: 23 มกราคม 2555 เวลา:11:42:23 น.
  
ว้าว...ปกใหม่ทางสายหมอกเหรอค่ะ

อ่านหนังสือคุณอุ๋ยเล่มแรกก็เรื่องนี้แหละค่ะ

หลังจากนั้นก็มองหานามปากกาคีตฌาณ์ ตามร้านหนังสืออยู่นาน ไม่เคยเจอเรื่องใหม่ซะที ^^

กว่าจะรู้ว่ามีอีกนามปากกา คุณอุ๋ยก็ออกหนังสือไปหลายเล่มแล้ว
โดย: pretty.ne วันที่: 23 มกราคม 2555 เวลา:20:22:25 น.
  
พี่เพลิงเดี๋ยวโอบเดี๋ยวแนบแก้มแอบแต๊ะอั๋งหนูน้ำตล๊อดตลอด

-"ว้าว...นายนี่เหมาะจะ(ไป)วิทยากรจริงๆ เลคเชอร์เก่งมาก" ===>เหมาะจะเป็นวิทยากร
โดย: mimny วันที่: 24 มกราคม 2555 เวลา:0:01:14 น.
  
อยากไปเรียกที่ปางกะพี่เพลิง ^__^
โดย: sakeena IP: 58.11.235.110 วันที่: 24 มกราคม 2555 เวลา:11:48:17 น.
  
โอบจนเริ่มชินแล้วสิ ถึงคุยกันได้ หรือเพลิงเลิกแกล้งกันแน่
โดย: goldensun IP: 61.91.4.2 วันที่: 24 มกราคม 2555 เวลา:12:42:24 น.
  
555+++ หนูสายน้ำเอ๋ย... คิดจะเอาชนะนายเพลิงเลยโดนซะนี่
โดย: alanta IP: 202.149.29.82 วันที่: 25 มกราคม 2555 เวลา:7:50:39 น.
  
แต่งต่อเร็ว ๆ นะชอบมาก...รออยู่ (กลัวช้าแบบไฟรัก) ถ้าช้าจะ..............อ่ะนะ ชอบแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง+เกษตรทฤษฎีใหม่
โดย: PK IP: 223.207.159.159 วันที่: 30 มกราคม 2555 เวลา:15:30:55 น.
  
อุ๋ยต้องขอโทษมากๆๆ ที่ตอบช้าค่ะ เข้าใจว่านี่เป็นเหตุผลให้โพลข้อตอบเมนท์ช้า ได้รับการต่อว่า เอ้ย...ได้รับการโหวตพุ่งสูงปี๊ดจนน่าตกใจ ฮ่าๆๆ เดิมทีอุ๋ยตั้งใจว่าจะตอบทุกครั้งเมื่อโพสต์ตอนใหม่เสร็จแล้วน่ะค่ะ เพื่อว่าจะได้เป็นตัวกระตุ้นอุ๋ยให้เร่งเขียนด้วยไปในตัว แต่จากการทดลอง ดูเหมือนวิธีนี้ไม่ได้ผล ฉะนั้นอุ๋ยคงเลือกใช้วิธีปั่นให้จบเป็นเรื่อง ๆ นี้ ตอนนี้เป็นคิวของบันทึกรัก ที่อุ๋ยเร่งปั่นนะคะ ซึ่งปั่นไปได้ 56 หน้าแล้ว ตั้งใจจะอยู่ที่ 150 หน้า ฉะนั้นเมื่อจบแล้วจะเป็นเรื่องนี้ต่อค่ะ แล้วถึงเป็นเรื่องเสกรักข้ามภพ

คุณรุ้ง : ขอบคุณมากค่ะ

คุณเอ๋ : สวัสดีย้อนหลังทั้งวันตรุษจีนและวันสงกรานต์ค่ะ >_< อุ๋ยหายไปหลายเดือนจริงๆ ฮ่าๆ

คุณ pretty.ne : ขอบคุณคุณ ne มากๆๆ ค่ะสำหรับกำลังใจ อุ๋ยเปลี่ยนนามปากกาไปมา เลยทำให้หายาก ต้องขอโทษทีค่ะ เรื่องทางสายหมอก และฝากรักฯ ที่เห็นปกใหม่ เพราะเป็นอีบุ๊กน่ะค่ะ อุ๋ยเอามาทำอีบุ๊ก หลังจากที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำ ซึ่งจากนี้จะทยอยไปเรื่อยๆ จนครบหมดทุกเล่มค่ะ ขอบคุณคุณ ne อีกครั้งค่ะ จุ๊บๆ

น้องมิ้ว : เริ่มสะท้อนคนเจ้าชู้ ฮ๋าๆๆ ตามนิสัยดั้งเดิมของผู้เขียน ฮ่าๆๆ

คุณ sakeena : คุณ sakeena น่ารัก กรี๊ดดดดด ติดตามงานอุ๋ยทั้งสองเรื่องเลย ฮ่าๆๆ จุ๊บๆๆ

คุณ goldensun : ฮ่าๆๆ เข้าใจว่าแกล้งมากกว่านะคะ ฮ่าๆๆ

คุณ alanta : ฮ๋าๆ เรียกว่าอยากเอาชนะผิดเวลา ฮ่าๆๆ

คุณ PK : ขอบคุณคุณ PK มากๆๆค่ะ จุ๊บๆๆ อุ๋ยจะพยายามปั่นให้จบไวๆๆ นะคะ จะได้มาปั่นเรื่องนี้ต่อ ดีใจที่คุณ PK ชอบแนวธรรมชาติๆ ค่ะ อุ๋ยก็ชอบ ประสบการณ์บางส่วนหยิบมาจากการได้เดินทางไปต่างจังหวัด ต่างเมือง ทั้งในและต่างประเทศ และที่สำคัญ หยิบยกมาจากสวนของตัวเอง ที่ในชีวิตไปแค่ครั้งเดียว >_< ตอนอายุ 3-4 ขวบ อันเนื่องจากสวนอยู่บนภูเขาสูง จนเดี๋ยวนี้ยังไม่ได้ไปอีกเลย แหะๆๆ
โดย: คณิตยา วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:8:26:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments