Group Blog All Blog
|
หลงไฟ : กฤษณา อโศกสิน หลงไฟ บทประพันธ์ : กฤษณา อโศกสิน ISBN 974-602-877-4 ฉบับปก สำนักพิมพ์ดอกหญ้า. พิมพ์ครั้งที่ 2. 2538 จำนวน 650 หน้า ราคา 210 บาท รายละเอียด ก้านแก้ว สาวสวยผิวสีน้ำตาลอมแดง ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี และพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว เลือกทำงานในบริษัทเอกชนเพื่อหน้าตาทางสังคม แต่เพราะความปรารถนาอันแรงกล้าที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของตัวเองให้เทียบชั้นผู้มีอันจะกิน หล่อนจึงต้องรับงาน เพื่อนเที่ยว หรือ สาวเอสคอร์ท เป็นอาชีพเสริม เพื่อพาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ซึ่งถูกคัดมาแล้วว่าร่ำรวยกระเป๋าหนักออกไปท่องเที่ยวหาความสำราญ แม้ก้านแก้วจะบริการชายหนุ่มเหล่านั้นเกินกว่าเพื่อนเที่ยวเสมอ แต่หล่อนมักทะนงตนว่า ไม่ใช่โสเภณีอาชีพ หล่อนใช้ค่า (ตัว) ของเงินและระดับชั้นของแขกที่หล่อนบริการ ยกระดับตัวเองให้อยู่เหนือกว่าผู้หญิงโสเภณีทั่วไป แต่เพราะความทะเยอทะยานของหล่อนไม่มีคำว่า พอ สุดท้ายชีวิตของก้านแก้วก็แทบไม่ต่างจากผู้หญิงมีค่าตัวคนอื่น ๆ ในสังคม แต่กระนั้น หล่อนก็ยังลุ่มหลงอยู่ในไฟปรารถนาของตนอย่างไม่เคยสิ้นหวัง ทางเดินสายเก่านั้น เป็นเส้นทางที่หล่อนหวังจะหลบลี้ให้ห่างที่สุด... อนาคตอันยาวเหยียดที่ทอดอยู่ตรงหน้า อาจเป็นอนาคตที่ขึ้นอยู่กับการเสี่ยงอย่างมากก็จริง หากมันก็ให้ความหวังอันเรืองรอง - หลงไฟ REVIEW หลงไฟ บทประพันธ์ของ กฤษณา อโศกสิน เป็นนิยายเรื่องหนึ่งที่ทำให้เรามองเห็นความปรารถนาของตัวละครเอกอย่าง ก้านแก้ว ชัดเจนมาก อีกทั้งนิยายยังสะท้อนปัญหาความเลื่อมล้ำในสังคมให้เห็นค่อนข้างชัด ในขณะเดียวกันก็พยายามย้ำเตือนให้เราตระหนักถึงการแสวงหาหนทางชีวิต ไม่ว่าเราจะยากดีมีจน การศึกษาสูง-ต่ำ อยู่ในสังคมชั้นสูง หรือเป็นเพียงสามัญชนในชุมชนแออัด ทุกคนก็เลือกหนทางที่ดีให้กับชีวิตตนเองได้ และเราไม่จำเป็นต้องทะยานสูงเกินกำลัง กระทั่งปล่อยให้ความทะยานอยากเหล่านั้น ย้อนกลับมาทำลายตัวเราเอง นิยายได้เลือกนำเสนอชีวิตของตัวละครสาวสองคนให้เป็นคู่เปรียบเทียบกันในเรื่องนี้ คนแรกคือ ก้านแก้ว หญิงสาวต่างจังหวัดที่พ่อแม่ส่งเข้ามาอยู่กับป้าที่สลัมในกรุงเทพฯ ก้านแก้วเรียนจนจบชั้นปริญญาตรี เข้าทำงานประจำในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง แต่เพราะหล่อนเป็นคนชอบใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ จึงเลือกถีบตัวเองให้สูงขึ้น ด้วยการใช้เงินซื้อวัตถุราคาแพงเป็นเครื่องมือในการยกระดับตัวเอง โดยเบื้องหลังเงินทองที่หล่อนนำมาจับจ่ายค่าวัตถุนิยมต่าง ๆ นั้น มาจากการทำอาชีพเป็นสาวเอสคอร์ท ถึงแม้หล่อนจะมีผู้ชายดี ๆ อย่าง กุญชร และ อาวุธ มาติดพัน คอยทุ่มเทความรักและเงินทองให้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความต้องการที่ไม่รู้จักพอของก้านแก้ว หล่อนเลยไม่ได้เลือกชายหนุ่มทั้งสองเป็นคู่ชีวิต นอกจากลวงหลอกให้คอยดูแล ส่งเงินให้ใช้เท่านั้น กระทั่งหล่อนเกิดถูกใจชายหนุ่มลูกเศรษฐี โชน นาคา ก้านแก้วถึงกับยอมทุ่มเทเงินทองของตัวเองให้เขาจนหมดสิ้น ด้วยหวังใจไว้ว่า วันหนึ่งหล่อนจะยกระดับทางสังคมของตัวเองให้สูงขึ้น จากการก้าวขึ้นมาเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลนาคา โดยหารู้ไม่ว่า หล่อนกำลังเหมือนแมงเม่าที่หลงระเริงอยู่กับกองไฟโชนแสง ซึ่งเนื้อแท้ไม่ได้งดงาม หากมีแต่จะเผาผลาญหล่อนให้มอดไหม้ และชีวิตของก้านแก้วก็ค่อย ๆ พลิกผัน เลวร้ายลงเรื่อย ๆ นับตั้งแต่หล่อนดึงโชนเข้ามาสู่ชีวิต ก้านแก้วหลงลืมไปสิ้นถึงมายาที่หล่อนวางหมากไว้ว่าจะทำ หล่อนฝืนตัวเองฝืนจิตวิญญาณที่ชื่นชอบไม่ไหว ร่างหล่อนทั้งร่างคือเส้นลวดบางเล็ก มิใช่ท่อนไม้ ดังนั้น มันจึงบิดจึงพลิ้วตามมือไปสู่รูปแบบประสาหล่อน หญิงสาวเสียดายนาทีทองที่จะต้องมัวขืนแข็ง ขณะที่เชื้อเพลิงลุกโหมด้วยเปลวไฟสูงลอย หากไม่โผเข้าไปเริงเล่นก็แสนโง่เสียหนักหนา... เขียงขาวที่ปูผ้าไว้ตึงเรียบเริ่มยุ่งเหยิง ด้วยว่าเขากำลังเป็นมีด เงื้อง่าลงมายังชิ้นเนื้อซึ่งประมาณเอาว่าสดใหม่ แต่เนื้ออย่างหล่อนมิใช่เนื้อแพ้มีด มือที่จับที่กดก็ต้องมั่นคงไม่หละหลวม มีดต้องคมกริบ เมื่อกรีดลงมานั้น เนื้อจะแยกออกจากกันเป็นชิ้นงามตามกระบวนการแล่ มิใช่ต้องเถือแล้วเถืออีกจนยับเยิน มีดของเขาคมจริง ๆ เขากรีดหล่อนอย่างที่เรียกว่ามันไปถึงไหน ๆ แม้หล่อนจะเคยถูกลงมีดมาแล้วนับครั้งไม้ถ้วน แต่คมมีดคราวนี้ของเขาเป็นคมที่หล่อนจะต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของการพเนจร - หลงไฟ , หน้า 342-343 ส่วนตัวละครสาวคนที่สองคือ ชาลา เป็นเพื่อนรักของก้านแก้ว เคยอยู่ร่วมชุมชนเดียวกันมา แต่นิสัยใจคอและความคิดฝันแตกต่างจากก้านแก้วลิบลับ ชาลาค่อนข้างเจียมตน แม้ตัวชาลาจะคาดหวังในความรัก ความเจริญทางวัตถุและสังคม แต่เมื่อชาลาได้ประสบความจริงว่า ผู้ชายบางคนที่เข้ามาสนใจเธอ มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเธอ ชาลาก็เลือกที่จะเด็ดเดี่ยวในแนวทางและศักดิ์ศรีของเธอเอง และดูเหมือนว่า คนที่ทำให้ชาลาค้นพบความสุขของชีวิตในแบบของเธอนั้น ก็คือ กุญชร เพื่อนชายที่เกือบเสียคนเพราะหลงรักก้านแก้ว นิยายหลงไฟ หากมองเผิน ๆ อาจกลายเป็นเรื่องอคติต่อทางเลือกในชีวิตของผู้หญิงอย่างก้านแก้ว แต่จริง ๆ แล้ว ตัวตนหรือเนื้อแท้ของตัวละครเอง ที่กำหนดให้คนอย่างก้านแก้วเลือกเดินในทางลัดเพื่อรีบก้าวไปหาความมั่งคั่ง จนหลงลืมอันตรายที่รออยู่ข้างหน้า ผมจึงไม่แปลกใจเลยที่ก้านแก้วไม่ยอมหยุดแค่อาชีพสาวเอสคอร์ท แต่กลับปล่อยให้ชีวิตถลำลึกจนหล่อนกลายเป็นโสเภณีที่น่าสงสารที่สุด ทั้งที่ผ่านมา ก้านแก้วมีทางเลือกที่ดีกว่าให้หล่อนเลือกอยู่เสมอ แต่ชีวิตคนจริง ๆ ก็คงคล้ายก้านแก้วนี่แหละ เป็นคนเทา ๆ ซึ่งเราเข้าใจว่าเหตุใดหล่อนจึงเลือกทางเดินชีวิตดังในนิยาย ผมเชื่อว่า หลายคนอ่านแล้วคงไม่ได้มองว่าก้านแก้วเป็นผู้หญิงเลวหรอก แต่อาจเกิดความเวทนาด้วยซ้ำ ว่าทำไมชีวิตของก้านแก้วถึงไม่เป็นไปในทางที่ดีกว่านี้ นอกจากนั้น นิยายยังบอกเล่าถึงปัญหาในวัฒนธรรมบริโภคนิยม ความลุ่มหลงในวัตถุนิยม ความรุนแรงทางเพศ และการค้าประเวณีผิดกฎหมาย ซึ่งอำนาจของทางการไม่อาจก้าวเข้าไปคุ้มครองชีวิตของผู้หญิงโสเภณีได้เลย ผมไม่รู้ว่านิยายเอาความจริงมานำเสนอแค่ไหน แต่อ่านแล้วน่ากลัวมาก เพราะดูเหมือนจะไม่มีหนทางรอดเลย เช่นเดียวกับตอนที่ก้านแก้วต้องเข้าไปพัวพันกับ เขียว ดัทสัน เป็นต้นมา ด้านสำนวนภาษาของกฤษณา อโศกสิน เขียนได้ลื่นไหล อ่านง่าย ใช้ภาษาดี และผมชอบการถ่ายทอดบทสนทนาของกฤษณาเป็นพิเศษ เพราะอ่านแล้วรู้สึกเข้าถึงอารมณ์และความคิดของตัวละครได้ทันที ใครชอบนิยายแนวสะท้อนสังคมที่มีสีสัน แต่สะเทือนใจสุด ๆ ผมขอแนะนำหลงไฟให้ลองอ่านกันดูสักหนึ่งเรื่องครับ Jim-793009 29 : 01 : 2019 คุณสามปอยหลวง --- ขอบคุณที่แนะนำเรื่อง "เนื้อนาง" นะครับ ไว้ผมจะตามอ่านบ้างครับ เห็นด้วยกับเรื่องบทอัศจรรย์เลยครับ ในหลงไฟไม่ได้มีบททำนองนี้เยอะ แต่บทที่ยกมานี้ถือว่าผู้เขียนช่างเปรียบและใช้วรรณศิลป์สร้างสรรค์ให้เห็นภาพได้ดีจริง ๆ ครับ ^^
โดย: Jim-793009 วันที่: 29 มกราคม 2562 เวลา:9:27:00 น.
|
Jim-793009
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?] "เขียน" ถ้าสิ่งนั้นคือความสุขอย่างแรกที่เรามองเห็นและนึกถึง ^_^ วรรณกรรมจึงงามกว่าเพชร คมกว่าดาบ เป็นโอสถอันประเสริฐยิ่งของชาวโลก - กฤษณา อโศกสิน "หนังสือบางเล่มผมไม่ได้อ่านเพราะชอบหรือไม่ชอบ เมื่อเป็นนิยายรักยอดนิยม ถ้าไม่อ่านก็เสียโอกาสทำความเข้าใจคนอื่น...ดีสำหรับผม ไม่ได้หมายความว่าคุณอ่านแล้วจะเข้าใจ หรือชอบในระดับเดียวกัน" - ประชาคม ลุนาชัย [ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก] "...สำหรับนักอ่าน หนึ่งในการค้นพบที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิต คือการพบว่าตัวเองเป็นนักอ่าน ไม่ใช่แค่อ่านออก แต่ตกหลุมรักมัน ตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ตกหลุมรักหัวปักหัวปำ หนังสือเล่มแรกที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้นจะไม่มีวันถูกลืม..." - Finders Keepers, Stephen King
|
อ่านเรื่องนี้แล้ว ตามด้วย "เนื้อนาง" จะได้อรรรถรสมากเลยครับ