Group Blog |
CREATIVE THAIS ขับเคลื่อนชีวิต ตัวตน ผลงานและสานต่อความเป็นไทย
CREATIVE THAIS ขับเคลื่อนชีวิต ตัวตน ผลงานและสานต่อความเป็นไทย Wallpaper* THAI EDITION ฉบับ 138 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2560
ตลอด 2-3 ปีมาที่ผ่านมา นิตยสารเมืองไทยได้อำลาแผงหนังสือไปแล้วหลายฉบับ ในฐานะคนที่ชื่นชอบการอ่านผ่านหน้ากระดาษมากกว่าหน้าจอ ยอมรับว่าเสียดายมาก ๆ แต่ในยุคออนไลน์ที่ผู้คนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสารความรู้จากหน้ากระดาษ ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า การนำเสนอเรื่องราวผ่านนิตยสารเล่มก็คงต้องเปลี่ยนไปอยู่ใน Platform อื่น ๆ ต่อไป ผมเลยคิดเล่น ๆ ว่า จะมีทางไหนที่จะรักษาคุณค่า หรือความน่าสนใจของสื่อ นิตยสาร เอาไว้ได้บ้าง ก็เลยคิดเขียนบล็อกสำหรับรีวิวเรื่องราวที่ตัวเองชื่นชอบจากนิตยสารเล่ม มาแบ่งปันให้เพื่อนนักอ่านได้รู้ไปด้วยกัน (เผื่อใครติดใจจะได้ตามหาตัวเล่มมาอ่านกันต่อไป) เพราะหากมีคนสิบคนอ่านนิตยสารเล่มเดียวกัน เชื่อว่าทุกคนย่อมจดจำหรือโฟกัสเรื่องราวมากมายในนิตยสารเล่มนั้น ๆ แตกต่างกันไปอย่างแน่นอน และสิ่งที่ยกมาเล่าในบล็อกนี้ คือ หนึ่งมุมมองที่ผมสนใจ
สำหรับ Wallpaper* ฉบับนี้ นำเสนอธีม Next Generation และมีประเด็นย่อยเกี่ยวกับ Asian Power พลังสร้างสรรค์ผ่านเรื่องราวงานออกแบบและศิลปะจากทั่วเอเชียซึ่งผมเลือกบทความ CREATIVE THAIS ขับเคลื่อนชีวิต ตัวตน ผลงานและสานต่อความเป็นไทย จากคอลัมน์ Art มาเล่าสู่กันฟัง เพียงแค่เห็นภาพประกอบ ก็รู้เลยว่าเปิดผ่านไปไม่ได้เป็นอันขาดและเมื่อได้อ่านก็ประทับใจ บทความนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับผลงานที่มีชื่อว่า Aftermath ของศิลปินสาว อุ้ม-ปานพรรณ ยอดมณี ที่ได้จัดแสดงในงานศิลปะ Singapore Biennale 2016 ครั้งที่ 5 ภายใต้ธีม An Atlas of Mirrors ได้รับแนวคิดมาจากแผนที่และกระจก ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มนุษย์ใช้สำรวจโลก
ศิลปินสาวชาวไทยคนนี้ เธอได้หยิบเอาเอกลักษณ์ของงานจิตรกรรมฝาผนังไทยมาประยุกต์เกิดเป็น เทคนิคสื่อผสม ที่นำเสนอผ่านภาพฝาผนังขนาด 16 x 3 เมตร และอินสตอลเลชั่นอีก 3 เมตร จำลองแผนที่โลกและจักรวาลวิทยาตามความเชื่อของพุทธศาสนา ซึ่งหลายคนน่าจะคุ้นตาจากภาพจิตรกรรมฝาผนัง ภายในอุโบสถและวิหาร ในขณะเดียวกันงานของอุ้มก็แฝงข้อคิดเกี่ยวกับความเสื่อมและสูญสลายเอาไว้ด้วยเพื่อจรรโลงจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความเสื่อมด้านศาสนา สังคม และวัฒนธรรมเก่า-ใหม่ บอกเล่าความเป็นไปของโลก นอกจากนั้น ผลงานของอุ้มยังแสดงให้เห็นแนวคิดการมองศาสนาพุทธของเธอว่า พุทธศาสนาแก่นแท้จริง ๆ ไม่ใช่วัตถุ วัตถุที่ชาวพุทธนับถือ ไม่แตกต่างจากวัตถุที่เธอเลือกนำมาใช้สร้างผลงาน ซึ่งเธอมองว่า วัตถุเหล่านั้น กลวง เหมือนเป็นแฟชั่นมากกว่า
...บางครั้งแรงบันดาลใจมาจากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงบนโลกนี้ ที่รู้สึกว่าศาสนากำลังถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เหมือนศาสนาเองไม่ได้เสื่อมลง แต่มนุษย์ต่างหากที่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือทำลายล้างกัน...อุ้มรู้สึกกับประเด็นนี้ จึงสร้างงานออกมา คนมองงานมีทั้งแง่บวกและแง่ลบ ต้องยอมรับตรงนี้ เพราะงานที่อุ้มสร้างค่อนข้างจะล่อแหลม จากการใช้สัญลักษณ์ทางศาสนาเพื่อบอกเล่าเรื่องราว แนวความคิด แต่อุ้มไม่ได้ลบหลู่ดูหมิ่นหรือทำให้ศาสนาเสื่อมลง แต่ต้องการให้คนใกล้ชิดกับศาสนามากขึ้นจากการชมผลงาน ซึ่งอย่างน้อยหลังจากชมผลงาน ผู้ชมจะได้รับความคิดบางอย่างกลับไปขบคิด หรือมองตัวเองว่า ความเชื่อและศาสนาที่ใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจอยู่มีผลกระทบ หรือผลดีผลร้ายอย่างไรบ้าง ผมอ่านบทความด้วยความรู้สึกทึ่งกับความสามารถของศิลปินสาวไทยคนนี้มาก ส่วนหนึ่งที่มีใจเอนเอียงไปในทางชื่นชมผลงานของเธอ เพราะผมเองชื่นชอบงานศิลปะไทยอยู่แล้ว แต่การหยิบงานศิลป์ไทยมานำเสนอในแบบของอุ้ม ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ ดึงดูดความสนใจ และสะดุดตาจริง ๆ เช่น การใช้ลายน้ำในงานจิตรกรรมไทยมาวาดลงไปบนแผนที่ เพื่อแบ่งให้เห็นความแตกต่างของพื้นดินและท้องทะเล ถ้าผมดูไม่ผิด ผมรู้สึกว่ามองเห็น ขวานไทย ในภาพฝาผนังด้วย และพอได้รับรู้ถึงแนวคิดเบื้องหลังผลงานของเธอแล้วก็ยิ่งต้องยกนิ้วให้ สมควรแก่รางวัล 11th Benesse Prize ที่อุ้มได้รับจากงาน Singapore Biennale 2016 ครั้งนี้จริง ๆ ใครอยากอ่านเรื่องราวเพิ่มเติม ลองตามไปอ่านในนิตยสาร Wallpaper* THAI EDITION ฉบับ 138 February 2017 นะครับ ภาพเพิ่มเติมจาก matichon.co.th อุ้ม - ปานพรรณ ยอดมณี เจ้าของผลงาน Aftermath Jim-793009 08 : 07 : 2017 |
Jim-793009
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?] "เขียน" ถ้าสิ่งนั้นคือความสุขอย่างแรกที่เรามองเห็นและนึกถึง ^_^ วรรณกรรมจึงงามกว่าเพชร คมกว่าดาบ เป็นโอสถอันประเสริฐยิ่งของชาวโลก - กฤษณา อโศกสิน "หนังสือบางเล่มผมไม่ได้อ่านเพราะชอบหรือไม่ชอบ เมื่อเป็นนิยายรักยอดนิยม ถ้าไม่อ่านก็เสียโอกาสทำความเข้าใจคนอื่น...ดีสำหรับผม ไม่ได้หมายความว่าคุณอ่านแล้วจะเข้าใจ หรือชอบในระดับเดียวกัน" - ประชาคม ลุนาชัย [ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก] "...สำหรับนักอ่าน หนึ่งในการค้นพบที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิต คือการพบว่าตัวเองเป็นนักอ่าน ไม่ใช่แค่อ่านออก แต่ตกหลุมรักมัน ตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ตกหลุมรักหัวปักหัวปำ หนังสือเล่มแรกที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้นจะไม่มีวันถูกลืม..." - Finders Keepers, Stephen King
|