Group Blog
 
All blogs
 
Go Japan 2 บ๊ายบายเจแปน สรุปทริป

<<ไปอ่านตอนที่แล้ว Go Japan 2 ช้อปล้างบางที่ Harajukuที่นี่

ในที่สุดก็มาถึงตอนสุดท้ายแล้ว ฮือๆ

(แต่ขอโทษย่ะ นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ชั้นจะไปญี่ปุ่น!)

วันที่ 16 มีนาคม 2551 พวกเราตื่นกันแต่ไก่ยังไม่โห่ เพื่อไปขึ้น Limousine bus เที่ยวแรกที่ท่าชินจูกุ เนื่องจากเราจะบินไฟลท์ 9 โมงเช้านะคะ จริง ๆ ไม่อยากกลับหรอกแต่ต้องกลับมาขึ้นเวรในคืนนั้น และอีกไม่กี่วันก็มีสอบด้วย

ฮือ....กลับก็กลับ

จากญี่ปุ่นรอบแรก ฉันเดินทางด้วยกระเป๋า 1 ใบ กลับ 3 ใบ (โหลด 2 ถือเองอีก 1) มาคราวนี้ advance กว่าเดิม เพราะมา 1 (เอากระเป๋าเปล่ามาด้วยอีก) แต่กลับ 5 เหอๆๆๆๆ

บางคนอาจสงสัยว่าเขาให้โหลดได้ 2 ใบไม่ใช่เหรอ ทำไมกลับ 5

คือคราวนี้มายกครัว สมบัติของพ่อกะแม่ก็ไม่ได้เพิ่มอะไรนัก (พ่อกะแม่ 2 คนแพ๊คมาใบเดียว) เพราะฉะนั้น โควต้าคนละ 2 ใบ 3 คน คือ 6 ใบ แต่พ่อกะแม่ มีงอกมาอีก 1 ใบ เพราะฉะนั้น 6-2 ยังเหลือโควต้าอีก 4 ใบ
เลยต้องเอาของเราไปถือด้วยอีก 3 ใบ

เท่านั้นไม่พอ เพราะกระเป๋าสะพายของเรานั้นใบยักษ์โคตร ใส่ได้แต่สากกระเบือยังเรือรบอีกตะหาก

พอก่อนเรื่องกระเป๋า พอพวกเรา check-out จากโรงแรมกันมาแล้ว ก็เรียก taxi ให้ไปที่ท่ารถ

ถึงท่ารถประมาณเกือบ ๆ 6โมงเช้า ปรากฏว่า Limousine คันแรกเต็มแล้วจึงต้องรอคันสอง ซึ่งจะออกหกโมงนิด ๆ ค่าโดยสาร 3000 เยน เหมือนเดิม

ขากลับ พี่เป๋อไปส่งด้วย โดยพ่อกะแม่นั่งด้วยกัน น้ากะพี่เป๋อนั่งด้วยกัน พี่เป๋อบอกทิ้งให้เอวิมันนั่งกะชายแปลกหน้า

สมพรปาก ชายแปลกหน้าหน้าตาดี มานั่งข้าง ๆ ถือพาสปอร์ตญี่ปุ่น
เราก็มองๆๆๆๆ เขา จนหลับไปเอง

ตื่นมาใกล้ถึงสนามบินนาริตะ มี จนท. ขอตรวจพาสปอร์ต (คนที่ผ่านเข้าแอร์พอร์ต ต้องโชว์พาสปอร์ตหรือบัตรประชาชนอะไรแนว ๆ นั้น) คือตรวจก่อนถึงตัวสนามบิน

มาถึงราว 7.30 กว่า ๆ เช็คอินเสร็จ ก็ไปหาอะไรกินกันในแอร์พอร์ตนั่นแหละ แล้วก็ได้ ซีดีที่เพื่อนฝากซื้อจนได้


ขึ้นชาร์ตอันดับ 2 รองจาก Yoshida brother ที่ร้าน Tsutaya
เป็นเพลงแนวญี่ปุ่นพื้นบ้าน คนร้องมีปู่เป็นคนญี่ปุ่นแท้ ๆ จึงมีความรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่นอยู่บ้าง เห็นในทีวีที่ญี่ปุ่น ก็มีสัมภาษณ์เขาเหมือนกัน

แผ่นที่เห็นมีแค่ซิงเกิ้ลไม่กี่เพลง แต่คิดเป็นเงินไทยราว 400 บาท

ช๊อปกันนิดหน่อย ก็ได้เวลาเข้าเกทแล้ว ร่ำลากันเรียบร้อย
พี่เป๋อช่างน่ารัก กอดแม่ซะกลมดิ๊ก แหม เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีกล่ะน่า....
(ไม่อยากมองเยอะ เราขี้ซึ้งเดี๋ยวน้ำตาแตกอีก)

เอาล่ะค่ะจะได้กลับซะทีน้อ...


ลืมเล่าถึงตอนเช็คอิน 4 คน ได้น้ำหนักรวมกันไม่เกิน 80 กิโล แหะ ๆ ทีมเราปาไป 79.8 แหะ ๆ เต็มอัตราศึก (ไม่รวมที่ถือเองขึ้นเครื่องอีกนะ พวกขนมกรอบ ๆ แตกง่ายอะไรเงี๊ยเราถือเอง)

เมื่อพวกเรามาถึงเกทก็ขึ้นเครื่องได้เลย เพราะถึงเวลาแล้ว
ไม่นานเครื่องก็ขึ้น จำได้ว่ากัปตันในวันนั้นชื่อกัปตัน รอย 
อาหารในขากลับนี้ เป็นหมี่เย็น อร่อยดีเหมือนกัน (อร่อยกว่าขามาก็แล้วกัน) แอร์ก็น่ารัก อัธยาศัยดี คอยแต่มาเติมน้ำส้มให้เรา ขากลับ น้าไฝซื้อของดิ้วตี้ฟรีบนเครื่องจำพวกเครื่องสำอางไปด้วย ตอนแรกเราว่าจะเอา set lipstick แต่ไม่รู้จะซื้อไปทำไม หลาย ๆ แท่ง สีก็ไม่ค่อยถูกใจก็เลยไม่เอา

เดินทางกัน 6 ชั่วโมง ก็มาถึงสุวรรณภูมิ กัปตันรอย บินได้นิ่มสมชื่อการบินไทย ผ่าน ตม. มาก็กลับบ้าน

กลับถึงบ้านไม่รอช้า ภาพที่ทุกท่านรอคอยก็มาถึง


ถึงปุ๊บ ถ่ายรูปของทุกอย่างปั๊บ เป็นอันสรุปว่า ปิดทริปแล้วจริงๆ

ของส่วนใหญ่เน้นไปทางเครื่องสำอาง เครื่องเขียน หนังสือ ชุดชั้นใน
แล้วก็ของกิน คืออะไรน่ารัก ๆ ซื้อหมด แล้วก็เป็นของที่เพื่อน ๆ ฝากซื้อกันด้วย

มีของอีกอันเป็นผ้าผืนใหญ่ ที่เพื่อนฝากซื้อ เทียบกับซีดีคือพับไว้ ของจริงห่มกระโจมอกอาบน้ำได้สบาย


มาดู comment ที่ฉันให้กับทริปนี้ค่ะ
1. ทริปนี้เตรียมตัวน้อยมาก เพราะเป็นช่วงที่เราปิดเทอมเพียง 2 สัปดาห์ และสัปดาห์หลังจะเป็นช่วงสอบ คือเหลือเวลาเที่ยว 1 อาทิตย์ แถมก่อนหน้านั้นเราฝึกงาน เลยไม่ได้รอบคอบเท่าที่ควร ต้องปรับปรุงดังนี้
- พ่อแม่แก่แล้ว วางแผนไม่ค่อยดี ให้ท่านเดินมาก และอากาศก็หนาว เสื้อผ้าไม่อบอุ่นพอ ที่สำคัญแม่ไท่เก็ทว่าหนาวขนาดไหน ส่วนพ่อไม่ได้ไปเมืองนอกมานานแล้ว ถึงจะเคยไปอเมริกาตอนหนุ่ม ๆ แต่ตอนนั้นสภาพร่างกายแตกต่างกัน มาครั้งนี้พ่อหนาวมากจนสั่น รู้สึกผิด อีกอย่าง เราก็ไม่เคยมาในช่วง high season ที่มีคนเยอะขนาดนี้ อีกทั้งต้องดูพ่อและแม่พร้อม ๆ กัน (พ่อกะแม่ฉันไฮเปอร์มาก ๆ แม้จะอายุ 70 กว่ากันแล้ว) ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นบ้าง
- โทรศัพท์ขึ้นต้นด้วย 0 ก่อน จำไว้

2. กล้องถ่ายรูป เป็นกล้องใหม่ ไม่เคยใช้ และไม่รู้ว่าอัดวีดีโอได้แต่ไม่มีเสียง อัดมาอย่างดีเสียดายจริง ๆ แต่การเตรียมกล้องนั้นจัดว่าดี ตรงที่เตรียมแบตเตอรี่ไว้เพียงพอและ SD card 2 แผ่น ซึ่งกลับมายังเหลือ (ทริปนี้ถ่ายไปประมาณ 300 ภาพค่ะ)

3. การซื้อของฝาก มีการจัดเป็นระบบ เช็คของที่ซื้อของที่ขาดทุกวัน ทำให้ได้ของครบ (เท่าที่หาได้) และจากประสบการณ์ทำให้รู้แหล่ง ว่าอะไรมีขายที่ไหน

4. การเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ มีการทำรายการชัดเจน มีการเผื่อของ (แม้จะต้องหอบเยอะ) ของไม่ได้ใช้แทบไม่มี จะมีก็กระติกเก็บความร้อน-เย็น ที่เอาไปแล้วไม่ได้ใช้เลย กระเป๋าสตางค์มีช่องเพียงพอ ใส่พาสปอร์ตได้ มีช่องแยกเก็บ เงินไทย เงินญี่ปุ่นไม่ปนกัน มีการเอากระเป๋าเหรียญไปต่างหาก มีการจดบันทึกรายรับจ่ายรายวัน

5. ไปเที่ยว อย่า งก เราน่ะติดนิสัย ไม่ค่อยอยากซื้อะไร บางอย่างอยากได้มาตั้งแต่เที่ยวที่แล้ว มาเที่ยวนี้ก็ไม่เอาอีกเพราะมันแพง สุดท้ายก็ไม่ได้

เราเองไม่ได้เก่งกาจเรื่องเที่ยวเท่าไหร่หรอกค่ะ เขียนจากสิ่งที่ไปพบไปเห็นมา แต่ถ้าใครอยากคุยอยากแลกเปลี่ยนก็ยินดีนะคะ โดยคลิกที่หลังไมค์มุมบนขวา 

ตอนสุดท้ายจริง ๆ แล้วนะคะ Go Japan 2 ตอนแถม : ของที่ซื้อมาทั้งหมด ที่นี่


Create Date : 12 สิงหาคม 2551
Last Update : 10 สิงหาคม 2564 12:39:12 น. 2 comments
Counter : 1855 Pageviews.

 
ช่วยรีวิวของที่ซื้อมาให้ดูหน่อยสิคะ
อยากดูๆ ชอบของญี่ปุ่นมากเลยอ่ะค่ะ


โดย: nLatte วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:11:52:05 น.  

 
อยากเห็นภาพของจากญี่ปุ่นชัดๆ ค่ะ ท่าทางจะน่ารัก


โดย: vanillahome วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:15:46:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

honeynut
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]










new counter start at 16/5/15

from old counter 571368 Hits at 16/5/15

100,000 Hits at 3/4/08

flag counter since at 21/09/17

Flag Counter


ขอบคุณ Graphic สวย ๆ จาก

เนยสีฟ้า
ญามี่
gasara



come visit meeee
come visit meeee

Fanlisting





fanlisting คือ?

ปฏิทิน
...


Friend Link

บล๊อกที่ยังอยู่ในใจเสมอ
Friends' blogs
[Add honeynut's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.